Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ - ตอนที่1353
ตอนที่1353 ตกหลุมที่ขุดลงเอง
พ้นห่างไปจากเมืองกุยฉางนับหลายหมื่นลี้ สองร่างทะยานควบมังกรบิน เร่งความเร็วสุดขีดไปยังทิศทางเมืองหมิงหยางดั่งสายลมโฉบแล่น
“หวังซู วิธีนี้กลับไม่โหดเหี้ยมเกินไปหน่อยรึ? ไม่ว่าอย่างไร ตระกูลสาขาเมืองกุยฉางก็เป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลหวังเหมือนกัน!”
หวังซวนเฟยกล่าวขึ้น
“ตระกูลหวังสาขาเมืองกุยฉางได้จบสิ้นลงไปนานแล้ว เราเพียงใช้พวกมันให้คุ้มค่าที่สุดก่อนจะไร้ประโยชน์เท่านั้น! ที่สำคัญ หากไม่ทำเช่นนี้แล้วเราจะอาศัยข้ออ้างใดส่งคนจากตระกูลหลักให้ไปสังหารเย่หยวนกัน?”
หวังซูกล่าวขึ้นกล่าวอย่างไม่แยแสอันใด
หวังซวนเฟยถอนหายใจเฮือกหนึ่งและกล่าวว่า
“แต่วิธีนี้กลับไร้มโนธรรมเกินไป!”
หวังซูเค้นเสียงหัวร่อคำหนึ่งพลางกล่าวตอบ
“ผู้ประสบความสำเร็จกลับไม่ตระหนี่เรื่องเล็กน้อย! มิเช่นนั้นไฉนสตรีเพศถึงเป็นรองในพิภพแห่งการต่อสู้เช่นนี้? อย่าได้สนใจอีกเลย เรารีบไปกันดีกว่า!”
หวังซวนเฟยเหลือบมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ยามนี้หมดคำพูดจะเอ่ยกล่าวแล้วจริงๆ
กระนั่น ขณะที่ทั้งสองกำลังควบทะยานเดินทางโดยไว แต่จู่ๆก็มีสายลมเย็นยะเยือกหอบใหญ่พัดผ่านหลู่ทุกอณูรูขุมขน
วิสัยทัศน์เบื้องหน้าของทั้งสองพร่ามัวอย่างหนัก ทันใดนั้นพลันปรากฎร่างหนึ่งอยู่ต่อหน้าต่อตา
รูม่านตาดำของหวังซูถึงกับตีบแคบกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนสีสลับไสวตระหนกสุดขีด เขาอุทานลั่นอย่างตะกุกตะกักว่า
“จะ-จะ-เจ้า…ไฉนเจ้าถึงอยู่ที่นี่?”
ร่างที่ยืนสกัดขวางต่อหน้าต่อตาทั้งสองกลับมิใช่ใครอื่น นอกเสียจากกุ้ยหยุน!
กุ้ยหยุนเอ่ยแช่มน้ำเสียงเย็นเฉียบว่า
“นายท่านสั่งให้ข้าลอบติดตามพวกเจ้ามา ตราบใดที่ย่างเท้าออกจากเมืองกุยฉาง ข้ามีหน้าที่ลากพวกเจ้ากลับมา”
สีหน้าของหวังซูซีดเผือกแลดูสิ้นหวังแล้ว
เขาไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า เย่หยวนจะเป็นคนที่รอบคอบขนาดนี้ ถึงขนาดที่ว่าส่งวิญญาณชั่วสองดาวตามติดพวกเขา!
…………………………
“หยางรุย, เย่หยวน หากพวกเจ้าไม่ยอมออกมาอธิบายให้ข้าฟังภายในวันนี้ ปมความแค้นระหว่างเราไม่มีทางจบง่ายๆ! หากเก่งจริงก็ออกมาฆ่าข้า,หวังเพียนหลานคนนี้! เหอะ ทั้งพี่ชายและท่านพ่อล้วนถูกพวกเจ้าสังหารโหด ข้าอยากจะเห็นเสียเหลือเกิน ใครมันยังจะกล้าซื้อของในหอมหาสมบัติอีก! ดีไม่ดีอาจถูกฆ่าปิดปากเมื่อใดก็ได้!!”
หวังเพียนหลานตะโกนด่าพ่นน้ำลายใส่ไม่หยุดหย่อน ซึ่งเวลาผ่านไป มันก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พัฒนามาไกลถึงจุดนี้ หยางรุยก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่
หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังชื่อเสียงที่สั่งสมมาของหอมหาสมบัติคงป่นปี้ไม่เหลืออีกแล้ว!
เย่หยวนเหลียวมองอีกฝ่ายเล็กน้อย และกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า
“พี่หยาง ระงับโทสะเอาไว้ก่อน อีกฝ่ายกำลังยกหินขึ้นมาทุบเท้าตัวเอง อย่าได้สนใจจนเกินไป”
หยางรุยเอ่ยกล่าวอย่างฉงนใจว่า
“หรือเจ้าไปรู้เรื่องอะไรมา?”
เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า
“ไม่รู้หรอก เพียงช่วงนี้ระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษเท่านั้น หากต้องการรับมือพวกเดรัจฉานเหล่านี้ให้อยู่หมัด จำต้องใส่ใจทุกรายละเอียดจริงหรือไม่?”
ได้ฟังเย่หยวนกล่าวดังนั้น หยางรุยยิ่งไม่มีความมั่นใจเข้าไปใหญ่
แต่ทันใดนั้น สายลมธาตุหยินสุดเย็นจัดกระโชกซัดใส่หอมหาสมบัติพร้อมเสียงหอนกังวาลลั่น ทุกคนที่รู้สึกได้ยินต่างสั่นสะท้านขนหัวลุกกันโดยพลัน
ตุบบบ!!
ร่างทั้งสองถูกโยนลงกลางฝูงชนล้มกระแทกพื้นอย่างแรง โดยที่คนปล่อยหาได้สนใจปราณีใดๆ
เย่หยวนในยามนี้ก้าวแช่มเผยใบหน้าต่อสาธารณะชน สายตาของเขาจับจ้องไปทางหวังซูที่พยายามตะเกียดตะกายยืนขึ้นและกล่าวว่า
“หวังซู คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีก ไม่ใจร้ายไปหน่อยรึที่เจ้าจากไปโดยมิกล่าวคำอำลาเลย?”
ในเวลานี้เอง ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของทั้งหวังซูและหวังซวนเฟยต่างถูกปิดผนึกไว้โดยกุ้ยหยุน พวกเขาไม่มีปัญญาทำอะไรได้เลยแม้แต่จะฆ่าตัวตาย
เห็นเย่หยวนอยู่ตรงหน้า ท่าทีการแสดงออกของหวังซูดูน่าเกลียดอย่างหาที่เปรียบไม่
“เย่หยวน! เจ้าหมายความอย่างไรกันแน่? ฆ่าผู้อาวุโสอวีเซียงกับลูกชายของเขายังไม่พอใจอีกรึ? ถึงขั้นยั่วยุพวกเราตระกูลหวังสาขาหลักแห่งเมืองหมิงหยาง?”
หวังซูระบายเสียงเย็นเอ่ยตอบ
เย่หยวนถูกฝูงชนโดยรอบล้อมกรอบไว้แล้วเช่นกัน ทว่าเขากลับมิได้กังวลแยแสใดๆ และกล่าวพร้อมรอยยิ้มจางๆว่า
“หากไม่มีล้ำเส้นข้าก่อน มีหรือที่ข้าจะไปล้ำเส้นใคร? หากผู้ใดกล้าทำให้ข้าขุ่นเคือง ข้าฆ่าล้างไม่เว้นชีวิต! แล้วพวกเจ้าก็ยั่วยุก่อปัญหาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า หรือเป็นไปได้ไหมว่าจะหนีออกไปได้ง่ายๆ? เหนือพิภพใต้สวรรค์ อย่าหลงคิดไปว่าพวกเจ้าไร้เทียมทาน!”
แลเห็นท่าทีอันเย็นชาของเย่หยวน หวังซูใจหายวูบโดยมิตั้งใจ
ด้วยความแกร่งกล้าของวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลาง พวกเขาตระกูลหวังยังนับเป็นอันใด?
หากกล้าแตะต้องเย่หยวนแม้แต่น้อย ได้ตายไม่รู้ตัวแน่นอน!
ความคิดหนึ่งโฉบแล่นผ่านห้วงความคิด หวังซูได้ทีตอบโต้ รวบรวมความกล้าและเอ่ยปากขึ้นว่า
“เหอะ คิดเปลี่ยนจะดำกลายเป็นขาว! ศพของหวังผู้อาวุโสอวีเซียงถูกแขวงอยู่ทนโท่ หรือจะปฏิเสธว่าตนมิได้ฆ่าเขา?”
รอยยิ้มแสยะเย็นพลันผุดขึ้นบนมุมปากของหวังซู
“ถูกต้อง ข้าฆ่าหวังอวีเซียงกับมือ!”
เย่หยวนพยักหน้าพร้อมยอมรับหน้าตาเฉย
หวังซูชะงักไปทันทีที่ได้ยิน แต่เดิมเขาหวังว่า เย่หยวนจักต้องปฏิเสธหัวชนฝาแน่นอน ซึ่งนั้นจะยิ่งเป็นการมัดตัวอีกฝ่ายให้แน่นจะคลายไม่ออก
ทว่าใครจะไปคิด เย่หยวนกลับสวมรอยยอมรับตามตรงอย่างหน้าไม่อาย
มิใช่ว่าวิญญาณชั่วสองดาวของมันเป็นคนฆ่ารึ?
ไฉนถึงไม่ปฏิเสธเลยสักนิด?
มิใช่เพียงแค่หวังซูเท่านั้น ฝูงชนรอบข้างในตอนนี้กลับตกสู่ความโกลาหลในบัดดล
พวกเขาไม่นึกไม่ฝัน หอมหาสมบัติจะลงมือฆ่าผู้อาวุโสและประมุขของตระกูลหวังไปจริงๆ!
“หึ! ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว เช่นนี้ก็พูดคุยกันง่ายขึ้น! ข้าอยากจะรู้เสียจริงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลหวัง เจ้าจะมีหน้าอธิบายกับทุกคนในเมืองกุยฉางอย่างไร!”
หวังซูคำรามขึ้นคล้ายบุรุษทวนคืนความชอบธรรม
เย่หยวนเหลียวมองหวังซูด้วยสายตาสุดเวทนา พร้อมเอ่ยเสียงเย็นกล่าวว่า
“อธิบาย? อธิบายอะไร? เรื่องนี้เจ้าเองก็ทราบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ภายในตำหนักเจ้าเมืองในวันนั้น หากต้องการแถลงไขนักก็อธิบายเอาเอง”
หวังซูได้ยินแบบนั้น ลอบกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกล่าวว่า
“แน่นอนข้ารู้ทุกอย่าง! เจ้ากับหยางรุยวางแผนลอบสังหารพ่อลูกตระกูลหวังโดยแอบใส่ยาพิษลงในจอกพวกเขา! นี่ยังต้องอธิบายอันใดอีก? ช่างเป็นวิธีของพวกขี้ขลาดไร้ยางอาย! พวกเขายังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าตนสิ้นใจตายตั้งแต่เมื่อใด!”
หวังซูสร้างเรื่องใส่ไฟเพิ่มในทันที ในเมื่อเย่หยวนเองก็ยอมรับเรื่องนี้กับตัวแล้ว ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้เขาโยนหินใส่ได้เต็มที่
“เย่หยวน! ไอ้บัดซบ,ข้าจะสู้กับแกเอง! เพราะแกคนเดียวที่ทำให้ตระกูลหวังของข้าพังพินาศลงกับตา! แม้วันนี้ข้าต้องตาย ก็ขอลากแกลงนรกเช่นกัน!”
เคียงข้างไม่ห่างกันนัก หวังเพียนหลานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ในที่สุดนางก็ระเบิดโทสะพุ่งเข้าใส่เย่หยวน พร้อมชั้นไขมันกระเพือมน่าเกลียด
เย่หยวนคร้านจะใส่ใจ พร้อมยกบาทาตอกกลางหน้านางไปหนึ่งดอก ก้อนไขมันนางนั้นกระเด็นออกไปโดยตรง
เย่หยวนที่ทำกิริยาหยาบทรามเช่นนี้ ยิ่งทำให้ฝูงชนเชื่อคำกล่าวของหวังซูสนิทใจ
อึดใจต่อมา ภาพลักษณะของหอมหาสมบัติกลับดึกดิ่งสู่ก้นบึ้งหัวใจทุกคน
เมื่อเห็นสถานการณ์ดำเนินมาถึงจัดนี้ หวังซูยิ่งรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งอย่างลับๆ
นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ!
เย่หยวนเหลือบมองไปยังกลุ่มคนตระกูลหวังด้วยหางตา เอ่ยปากกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มว่า
“พวกเจ้าคงแอบสุขใจอยู่ไม่น้อย? คิดว่าการที่ตระกูลหวังมีคนคอยหนุนหลังอยู่ จะทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเจ้าเลย? หากไม่ยืมปากพวกเจ้สักคน คงไม่มีทางพูดความจริงเลยกระมัง?”
กล่าวสิ้นสุดบรรจบถึงคำสุดท้าย เย่หยวนพลันกวาดสายตาเข้าใส่หวังซูพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ
หวังซูที่เห็นแบบนั้นถึงกับขนลุกซู่วสะท้านยันหนังศีรษะ เนื้อตัวของเขาสั่นเทาโดยมิตั้งใจ
“เจ้า…เจ้าจะทำอะไรข้า? ข้าขอบอกไว้ก่อน…พี่…พี่ชายของข้าเป็นถึงรองเจ้าเมืองหมิงหยาง! ไอ้เด็กเหลือขออย่างแกไม่มีทางทราบแน่นอนว่า ขุมพลังของพวกเราตระกูลหวังยิ่งใหญ่ปานใด! ห-หากเจ้ากล้าลงมือกับข้า…เจ้าจักต้องตายหามีที่ฝังไม่!”
ขณะเอ่ยขู่กลับเป็นหวังซูที่เผยสีหน้าซีดเซียวหนัก พลางค่อยๆคลานร่างถอยหนีตีห่างออกจากเย่หยวน
เย่หยวนส่ายหัวเล็กน้อย เสียงพลูถอนหายใจแผ่วเบา พลางเอ่ยปากกล่าวประดับรอยยิ้มเย็นขึ้นว่า
“หวังซู ข้ารู้สึกสงสารเจ้าจริงๆ! เจ้าคงคิดว่าตัวเจ้าเองฉลาดกว่าใครๆ หลงคิดไปว่าตระกูลหวังใหญ่คับฟ้า แต่ความเป็นจริงแล้ว…ข้ากลับหาได้ใส่ใจแม้สักนิด! เอาเถอะ อีกไม่นานเจ้าก็ตายจากไปแล้ว กล่าวอะไรไปก็เปล่าประโยชน์!”
หนึ่งคำต่อหนึ่งก้าว เย่หยวนเอ่ยกล่าวพลางย่างสามขุมเข้าใกล้หวังซูอย่างแช่มช้า ระดมพลังปราณเทวะควบแน่นอยู่บนฝ่ามือ หากหวังซูโดยฝ่ามือนี้ไปโดยปราศจากสิ่งใดมาป้องกัน เตรียมตีตั๋วลงนรกได้ในบัดดล
หวังซูในยามนี้เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวจัด คล้ายว่าจะเอ่ยปากต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่ากลับเสียขวัญจนเอ่ยปากออกเสียงมิได้แล้ว
เย่หยวนที่ได้เห็นแบบนั้นกลับยิ่งฉีกยิ้มกว้างแสนสุขใจ เขาในปัจจุบันเปรียบเสมือนราชาปีศาจผู้มีจิตใจเลือดเย็นสุดพรรณนาในสายตาของทุกคน
ซวบบบ!!
หนึ่งฝ่ามือเคลื่อนไหว ตบอัดเข้าตรงศีรษะของหวังซูจนแหลกดุจลูกแตงโมระเบิด
ฆ่าทิ้งได้ทันทีเพียงวาจาขัดหู!
หยางรุยที่อยู่ข้างๆสะดุ้งเฮือกตกใจไม่ต่าง เขาเองก็คาดไม่ถึง เย่หยวนจะเด็ดขาดไร้น้ำใจได้ขนาดนี้จริงๆ
แถมเขายังอยู่ร่วมกับฝ่ายเย่หยวน จะเคลื่อนไหวอย่างไร มันค่อนข้างทำใจลำบากเกินไป
“เจ้า…เจ้ากล้าลงมือฆ่าหวังซู?!!”
หวังซวนเฟยตกตะลึงสุดขีดยามเห็นภาพฉากนี้ต่อหน้าต่อตา เขาคาดไม่ถึงแม้สักนิด เย่หยวนเสียสติหนักถึงขั้นลงมือฆ่าคนได้โดยหาต้องไตร่ตรองใดๆ เลือดเย็นระเบิดหัวคนได้คามือ!
เย่หยวนคลี่สีหน้าล้อหยอกพร้อมยักไหล่อย่างไม่แยแส และกล่าวขึ้นว่า
“ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว จะพูดความจริงหรือไม่ก็ตามใจอิสระ? หากยอมกล่าวแต่โดยดี นายน้อยผู้นี้ย่อมมีรางวัลตอบแทน เมตตาไว้ชีวิตสักครา ทว่าหากไม่ ข้าก็แค่ลากสองเฒ่าตระกูลหลู่และหลินมาเล่าความจริงให้ฟังในภายหลัง”