ชิเซี่ยวหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘จริงอ่ะ!? นี่นายแกล้งทำหรือเปล่าเนี่ย! ไม่มีใครในโลกเสมือนจริงที่จะไม่รู้จักชื่อ MistyVeil หรอกนะ แต่ไม่น่าแปลกใจที่ฉันพบว่าพวกเขาคุ้นเคยมาก ที่แท้พวกเขาก็เป็นสามพี่น้องแห่งหมู่บ้านมือใหม่จริงๆนะนั่นเอง ในการต่อสู้กับพวกมนุษย์หมาป่า ฉันอยู่ในปาร์ตี้ของพวกเขาด้วย แต่เราไม่เคยได้พูดคุยทักทายกันเลย’ จากนั้นเขาก็นึกถึงหม้อสตูว์ที่เย่ฉางทำให้กินและปิดปาก ‘แย่แล้ว! ฉันจะอ้วก!’
“พี่ใหญ่วีรษุรุษ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเล่นมุขแบบนี้ …” ความประทับใจของ MistyVeil ลดลง ‘เขาบอกว่าไม่รู้จักฉัน! หรือว่าการเรียงลำดับความจำในสมองของเขา เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากเกินไป’ เธอได้แต่วิเคราะห์อยู่ในใจ
“ฉันไม่ได้พูดเล่น ฉันมีความรู้สึกว่าเคยเจอคุณ แต่ฉันจำไม่ได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญหรอก” เย่ฉางพูดอย่างจริงจังแล้วก็โบกมือให้เธอ
MistyVeil หัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ
อาหารที่เย่ฉางสั่งมาเสริฟที่โต๊ะแล้ว ทั้งสองคนเฝ้ามองขณะที่เขากินและดื่มอย่างใจเย็น จากนั้นเขาก็สั่งจานอื่นๆอีกมากมายและเบียร์ราคาถูก ในที่สุด MistyVeil เริ่มให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น ‘คิ้วและขนตาสีขาว ดวงตาเป็นสีชมพู ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่าเขาอาจจะป่วยเป็นโรคผิวเผือก!?’
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว เย่ฉางตบไหล่ชิเซียวและพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”
ทั้งสองคนเฝ้ามองเย่ฉางจากไป และพวกเขาก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘นายแค่มากินอาหารฟรีนี่นะ!’
“เขาเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ …” MistyVeil ยิ้ม
“น่าสนใจ!?” ชิเซียวเช็ดหน้าผากของเขา
“เขาไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันเห็นได้จากสายตาของเขา ความเป็นคนง่ายๆของเขานั้นดูน่ากลัวมาก ฉันไม่สามารถมองเขาออกได้เลย …” MistyVeil หรี่ดวงตาของเธอ
“เฮ้! พี่สาว คุณคิดมากเกินไปแล้ว เขาก็แค่คนที่น่ารังเกียจคนหนึ่ง” ชิเซียวกลอกตาขึ้น
ในท่ามกลางฝูงชน เย่ฉางมองไปที่ด้านหลังพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง และดวงตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชาขึ้น เฉาหยินรุ่ยที่กำลังเดินอยู่ในตลาดกลางคืนเช่นกัน เธอเห็นผมขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเย่ฉาง ‘นั่นชายที่มาจากหลินไห่นี่?? เขากำลังทำอะไรอยู่? ตามไปดูดีกว่า’
เธอเดินตามเย่ฉางที่กำลังเข้าไปในตึกอย่างเงียบๆ
เย่ฉางนวดคอของเขา เขาสังเกตเห็นนานแล้วว่า มีใครบางคนติดตามเขาเข้ามา เขายิ้มรำไรและเลือกที่จะไม่สนใจ ก่อนอื่นเขาจะต้องจัดการกับสาวกองค์กรนิพพานพวกนี้เสียก่อน เขาเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสี่ของตึก เขาคาดว่ามีมนุษย์อยู่ประมาณ 10 คน นอกนั้นฟังจากเสียงหายใจแล้ว เขาสามารถบอกได้ว่าพวกมันมาจากองค์กรหมื่นวิญญาณ ‘โอ้! มีคนรู้จักอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นจากกลุ่มมังกร? เธอชื่อว่าอะไรนะ … ชิงหยุน?’
“นั่นใคร!?” ชายหัวหมาป่าที่มีดวงตาเรืองแสงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ มือของเย่ฉางได้เจาะหัวใจเขาไปแล้ว เย่ฉางดึงมันออกมา จากนั้นเขาก็ระเบิดหัวหมาป่าเป็นชิ้นๆ เขาเหวี่ยงมือไปตักแขนของอีกคนที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขา ทันใดนั้นเขากลายเป็นเหมือนหมอกที่คอยเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมด ชิงหยุนเฝ้าดูพวกองค์กรหมื่นวิญญาณและองค์กรนิพพาน ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นฝนเลือดและชิ้นเนื้อ แขนขาที่ถูกตัด, ชิ้นเนื้อและอวัยวะภายในที่เกลื่อนกราดอยู่เต็มพื้น เมื่อเทียบกับพวกครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่ดูน่ากลัวเหล่านั้นแล้ว สมาชิกกิตติมศักดิ์ขององค์กรของเธอคนนี้ น่ากลัวมากกว่าพวกมันหลายเท่า เธอไม่กล้าที่จะขยับไปไหน หลังจากที่ได้เห็นความหนาวเย็นในสายตาของเขา เฉาหยินรุ่ยมาถึงที่ชั้นสี่และรู้สึกว่ามีของเหลวบางอย่างสาดโดนใบหน้าและลำตัวของเธอ และสิ่งที่เธอเห็นข้างหน้าก็คือ กลุ่มคนที่ถูกตัดชำแหละเป็นชิ้นๆ มีลำไส้ของใครก็ไม่รู้ลอยตกลงมาบนไหล่ของเธอ มันยังอุ่นๆอยู่เลย แข้งขาของเธออ่อนปวกเปียกไปหมด เธอปิดปากขณะที่มองเห็นฉากจากขุมนรกข้างหน้า
ชิงหยุนได้แทรกซึมเข้ามาในองค์กรหมื่นวิญญาณเพื่อรวบรวมข้อมูลบางอย่าง แต่หลังจากที่ได้รับข้อมูลที่เธอต้องการแล้ว เธอก็ถูกพวกมันพบตัวเข้า พวกมันจำนวนมากวิ่งเข้ามาล้อมรอบตัวเธอไว้ แต่เมื่อเธอกำลังจะเรียกกำลังเสริม เธอก็เห็นมือสีขาวแทงผ่านหัวใจของชายหัวหมาป่าที่อยู่ข้างหน้าเธอและระเบิดหัวของเขา น้ำผลไม้ของสมองพังทลายลงมา ‘เขาไม่สามารถฆ่าด้วยวิธีที่น่ากลัวน้อยกว่านี้หรือไงกัน?’
เย่ฉางสลัดเลือดออกจากมือและมองชิงหยุน “มีผ้าเช็ดหน้าไหม?”
ชิงหยุนพูดไม่ออก เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าให้เขา เย่ฉางเช็ดมือแล้วมองเลือดบนร่างกายของเขาและถอนหายใจ “มีกระเป๋าสตางค์ไหม?”
‘เขาต้องการอะไร?’ เธอส่งกระเป๋าสตางค์ให้เขาอย่างไม่เต็มใจ เย่ฉางมองมัน ‘ตามที่คาดคิดไว้จริงๆ คนขององค์กรลับของประเทศพวกนี้ช่างร่ำรวยมาก มีเงินทั้งหมดตั้ง 50 ล้านดอลล่าร์แหนะ’ เขาหยิบตั๋วเงินฉบับล่ะ 1 ล้านดอลล่าร์เงินออกมาทั้งหมด และยัดลงในกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง “เธอไปเอาเงินจากเจ้าหัวโล้นได้เลย และบอกเขาด้วยว่าฉันจะใช้เงินก้อนนี้เพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ แล้วเธออย่าลืมทำความสะอาดที่นี่ด้วยล่ะ ฉันขอตัวไปก่อน”
เย่ฉางคืนกระเป๋าสตางค์ที่ว่างเปล่าให้เธอ ชิงหยุนกัดฟันแน่น เธอต้องการเอาเงินที่ได้มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของเธอคืน แต่เธอก็ไม่กล้า มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบว่า ถ้าเธอขืนพูดไปแล้ว เขาอาจจะโกรธและดึงหัวใจของเธอออกมา เช่นเดียวกับหัวของผู้ชายหัวหมาป่าคนนั้น แค่เพียงชั่วเวลานิดเดียว เขาฆ่าไปเกือบ 20 ศพ ซึ่งแต่ล่ะศพต่างถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เขาแข็งแกร่งกว่ารองหัวหน้ากลุ่มเสียอีก บางทีอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับบอสเลยทีเดียว มิฉะนั้นแล้ว เขาคงไม่กล้าเรียกบอสว่าเจ้าหัวโล้นหรอก
“จะไม่ขอบคุณฉันเลยหรือไงกัน? ฉันช่วยเธอจัดการกับพวกคนเหล่านี้นะ” เย่ฉางกอดอกและพูดด้วยรอยยิ้มไม่แยแส
“ขอบคุณคะ ทิ้งสถานที่นี้ไว้ให้กับฉันเอง” ชิงหยุนรู้สึกว่ามันตลกและน่าอาย แต่ยิ่งไปกว่านั้นมันก็น่ากลัวมากกว่า เธอไม่เคยกลัวพวกกลายพันธุ์ครึ่งคนครึ่งสัตว์หรือพวกคนชั่วร้ายเหล่านี้เลย มีเพียงแค่ผู้ชายคนนี้ที่ทำให้เธอกลัวมาก … เขาช่างน่ากลัวเกินไปจริงๆ
“ดีมาก ในฐานะที่ฉันเป็นรุ่นพี่ของเธอ ฉันขอบใจเธอมาก ~” เย่ฉางยิ้ม จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองเฉาหยินรุ่ยที่ยืนอยู่ในบ่อเลือด ซึ่งกำลังจ้องมองเขาด้วยความตกใจ เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ เฉาหยินรุ่ยเริ่มตกใจกลัวมากยิ่งขึ้น ในชีวิตของเธอก็เคยเห็นฉากการฆ่าฟันมาบ้าง แต่การฆ่าของผู้ชายผมขาวคนนี้ ทำให้ผมของเธอชี้ตั้งขึ้น เธอเฝ้ามองขณะที่เขายื่นมือเข้ามาหาเธอ เธออยากจะหลบ แต่ก็ไม่กล้าที่หลบมือที่น่ากลัวซึ่งกำลังพุ่งเข้ามา จู่ๆเธอรู้สึกว่า เขาไม่ได้ทำอันตรายแก่เธอ เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดออกจากใบหน้าของเธอ เขาพูดด้วยความรู้สึกไม่แยแสว่า “ฉันจำคุณได้ คุณมาจากสภานักศึกษาใช่ไหม? คุณควรจะกลับบ้านได้แล้ว … และเก็บสิ่งที่คุณเห็นในวันนี้เป็นความลับด้วยล่ะ หลังจากนั้นรัฐบาลจะจัดทุกอย่างเอง ~”
เมื่อเห็นว่าเย่ฉางช่วยเช็ดเลือดบนหน้าให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ชิงหยุนรู้สึกหนาวสั่นทันที
“ทำความสะอาดตัวเองซะ” เย่ฉางปัดลำไส้ออกจากไหล่ของเธอ แล้วเดินลงบันไดไป
เมื่อชิงหยุนเห็นว่าเย่ฉางหายตัวไปแล้ว เธอยิ้มอย่างขมขื่นและมองเฉาหยินรุ่ยที่ยืนแข็งทื่ออยู่ “สาวน้อยตระกูลเฉา เธอควรกลับบ้านไปซะ และแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยล่ะ เพราะนี่เป็นเรื่องของกลุ่มมังกร”
เฉาหยินรุ่ยหลุดออกจากความมึนงงของเธอ ร่างกายของเธอรู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงและแข้งขาของเธอรู้สึกอ่อนปวกเปียก “เขาเป็นคนของกลุ่มมังกร?”
ชิงหยุนพยักหน้า เฉาหยินรุ่ยจึงเดินออกจากตึกไปด้วยความคิดมากมาย
ชิงหยุนมองไปรอบๆที่เกิดเหตุและสั่นสะท้าน หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เร็นลองก็ได้มาถึงและมองไปรอบๆอย่างน่าสงสัย “ผมขาวมาที่นี่?”
“อืม …” ชิงหยุนพยักหน้า
“ว่าแล้วเชียว นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถทำเละขนาดนี้ได้ …” เร็นลองยิ้ม
“บอสคะ เขาเอาเงินของฉันไป 15 ล้านดอลล่าร์ และเงินขององค์กรไปอีก 35 ล้านดอลล่าร์ เขายังบอกให้ฉันขอเงินคืนที่คุณอีกด้วย” ชิงหยุนบอกเรื่องเงินของเธอ
“บ้าชิบ ครั้งล่าสุดเขาก็ทำแบบนี้เช่นกัน! เจ้าตัวขูดรีดเอ้ย! เธอต้องรับผิดชอบคนเดียว มันมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ในองค์กรเราว่า อย่าแสดงความมั่งคั่งให้กับผมขาวเห็น มิฉะนั้นเธอจะถูกปล้นไปทั้งหมด จัดการกับผลที่ตามมาเองด้วยล่ะ!” เร็นลองพูดอย่างเศร้าๆ
“……” หัวใจของชิงหยุนทรุดลง ‘ทำไมถึงไม่บอกมาก่อนว่า มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แบบนี้อยู่ด้วย’
เย่ฉางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ๆ เขาร้องเพลงขณะที่กลับมายังบ้านตระกูลฉิน
สำหรับเฉาหยินรุ่ย เธอรู้สึกกลัวมาก เธอเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน เธอห่อตัวด้วยผ้าห่มแต่ก็ยังคงรู้สึกหนาวเหน็บจากฉากนั้นอยู่ เมื่อเธอหลับตาลง เธอก็จะเห็นฝนเลือดและชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า และคนแปลกหน้าคนนั้นที่สามารถยิ้มแย้มในนรกแบบนี้ได้ แม้กระทั่งการกระทำที่แปลกประหลาด เช่นการเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเธอ เธอจำได้ว่าสำหรับการแข่งขันมหาวิทยาลัยทั้งห้านั้น เขาจะเข้าร่วมทีมของหลินไห่ แม้กระทั่งซุนหรุ่ย, ลีไค่ และอัจฉริยะที่ผิดปกติทั้งหลาย ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้…
ณ.สโมสร Thorns and Roses
สมาชิกสโมสรต่างก็มาชุมนุมกันทั้งหมด สิ่งที่ทำให้เย่ฉางแปลกใจก็คือ มีสมาชิกใหม่เข้ามาและเขาก็เป็นคนรู้จักเก่าแก่อีกด้วย เขาคือ SpyingBlade นั่นเอง ThornyRose ที่ก่อนหน้านั้นอารมณ์เสียจากเย่ฉางอยู่ ตอนนี้เธอยิ้มแป้นเลยทีเดียว เพราะ SpyingBlade ได้นำตัวละครเพชฌฆาตเงาซึ่งเป็นตัวละครแร็งค์ S ที่มีประสิทธิภาพมากมาด้วย มันเป็นแอสซาซินที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสโมสรต่างๆพยายามที่จะซื้อมัน แต่กลับถูกเขาปฏิเสธทั้งหมด
“สัปดาห์หน้าลีคระดับ A จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินหาผู้เข้าร่วมการแข่งขันในลีคระดับ S และสิทธิ์การเข้าร่วมสงครามคริสต์มาสครั้งยิ่งใหญ่ ตอนนี้ฉันจะประกาศผู้เล่นตัวจริงของเราในโหมดอารีน่าได้แก่: ฉัน, SpyingBlade, PaleSnow, ElegantFragrance, HappyAndCheerful, HeavenShakingMight, DemonSpirit, FrozenBlood และ NightSky ซึ่งจะเลือกลงตามสถานการณ์อีกที ส่วนตัวสำรองได้แก่: PassingBreeze, FrozenCloud, DyedLily, GreenDew, KittyKat, LittleJade” ThornyRose ประกาศรายชื่อสมาชิกสำหรับการแข่งขันในโหมดอารีน่า
“ส่วนโหมดฮีโร่ ทั้งตัวจริงและตัวสำรองก็ยังคงเหมือนโหมดอารีน่าอยู่”
“โหมดความบันเทิงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งทุกคนจะต้องระบุจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของแต่ล่ะคนให้ฉันรู้ด้วย ตัวอย่างเช่นถ้าโหมดความบันเทิงเป็นบาสเก็ตบอล ผู้ที่เล่นบาสเก่งที่สุดก็จะได้รับเลือกให้ไปลงแข่งได้ ElegantFragrance จะรับผิดชอบเกมหมากรุกเอง เพราะเธอเก่งมาก”
เย่ฉางและหลินหลี่รู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง ThornyRose ถอนหายใจ พวกเขาอาจไม่เข้าใจระบบลีคเลย ดังนั้นเธอจึงเริ่มอธิบาย “มันมีทั้งหมด 3 โหมดคือ อารีน่า, ฮีโร่ และความบันเทิง โหมดอารีน่าถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งและการต่อสู้แบบกลุ่มบนเวทีประลอง การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งผู้ชนะจะได้ 2 คะแนน และการต่อสู้แบบกลุ่มจะได้ 3 คะแนน โหมดฮีโร่ก็มี 5 คะแนนด้วยเช่นกัน (คล้ายๆกับการทำสงครามยุทธศาสตร์โดยการจำลองแผนที่ขึ้นมา) และโหมดความบันเทิงมี 2 คะแนน รวมทั้งสามโหมดจะมี 12 คะแนน ทุกคนเพียงแค่ต้องต่อสู้ในส่วนที่คิดว่าจะสามารถเอาชนะได้ ในลีคระดับ A มีสี่สโมสรระดับสูงได้แก่ Lord’s Reign, Slaughterhouse, Falling Star, Heavenly Dragon เป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดที่เราจะพบหลังจากการลงทะเบียน ปีนี้ฉันหวังว่าจะแก้แค้นสโมสร Falling Star ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้เราต้องโฟกัสที่ไปคู่ต่อสู้คนแรกของเราก่อน นั่นคือสโมสรที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาจากลีคระดับ B ซึ่งก็คือสโมสร Broken Halberd นั่นเอง แต่ก็ไม่ควรจะยากเกินไปที่เราจะเอาชนะได้”
ThornyRose เห็นว่าเย่ฉางและหลินหลี่ยังคงดูงงงวยอยู่ เธอได้แต่ถอนหายใจ “ลืมมันไปเถอะ ถึงอธิบายแค่ไหน นายทั้งสองคนก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เอาเป็นว่าเมื่อถึงตอนแข่งขัน เพียงคิดถึงเรื่องชนะก็พอ”
ในที่สุดเย่ฉางและหลินหลี่ก็เข้าใจและพยักหน้า ThornyRose ถอนหายใจลึกๆอีกครั้ง เธอไม่สามารถสื่อสารกับคนทั้งสองนี้ให้เข้าใจได้เลยจริงๆ
“สำหรับโหมดอารีน่าและฮีโร่ พวกนายฝึกฝนมาแล้วหลายครั้งแล้ว งั้นวันนี้เราจะลองโหมดความบันเทิงกัน นี่คือโหมดที่ทุกสโมสรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง บางสโมสรยังมีผู้เล่นที่เชี่ยวชาญในโหมดนี้โดยเฉพาะอีกด้วย อย่าดูถูก 2 คะแนนเหล่านี้เด็ดขาด ในตอนท้ายฤดูกาลของปีที่แล้ว Flame Dragon Union ได้แพ้ในโหมดความบันเทิง ทำให้สูญเสีย 2 คะแนนนี้ไป ส่งผลให้แต้มรวมของพวกเขาแพ้ Knights of the Round Table ไปเพียงแค่ 1 คะแนน ทุกๆปีชัยชนะและความปราชัยหลายอย่าง ถูกกำหนดโดยโหมดความบันเทิง” ThornyRose กล่าว