“แสดงส่วนแรกกับส่วนที่สองให้ฉันดูหน่อยสิคะ …” อูนาพูดอย่างไพเราะ
เย่ฉางคิดเล็กน้อย แล้วก็พยักหน้าอย่างใจเย็น “ฉันไม่มีอารมณ์…”
ตอนแรกอูนาเห็นเขาพยักหน้าจึงรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เธอก็คว้าตัวเขาทันที “จะทำหรือไม่!”
“อ่า! ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่แสดงให้ดูเสียหน่อย อันที่จริงแล้ว มันไม่มีสองส่วนแรกนั้นหรอก มันมีเพียงส่วนที่สามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น …” เย่ฉางยักไหล่
“โกหก นายโกหก!!” อูนาไม่เชื่อ
“มีเพียงแค่ส่วนที่ 3 จริงๆ เพราะส่วนแรกและส่วนที่ 2 ฉันลืมไปหมดแล้ว …” เย่ฉางยิ้มอย่างขมขื่น
“จริงๆนะ …” อูนาปล่อยตัวเขาและมองเขาอย่างสงสัย
“จริงๆ ฉันไม่โกหกเธอหรอก …” เย่ฉางถอนหายใจ
อูนาค่อนข้างไม่พอใจ เธอจึงเอาซี่โครงกลับคืนมาและกินมันเอง
“……” เย่ฉางมองดูซี่โครงที่หายไปจากในชามของเขา
“หัวหน้าทีมคะ การแข่งนัดต่อไปจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ แล้วในช่วงเวลานี้เราควรทำอะไรดี?” FrozenCloud ถาม
“พักผ่อน” เย่ฉางบอก เขาไม่มีเจตนาที่จะเตรียมตัวสำหรับการแข่งในวันพรุ่งนี้เลยสักนิด
ณ.ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยวในเวลาตอนกลางคืน
ซูหยี่ยี่มาถึงทะเลสาบตามที่เย่ฉางได้นัดหมายไว้ เมื่อเธอมองจากระยะไกล เธอได้เห็นชายคนหนึ่งที่สวมหน้ากากเสือ กำลังรังแกนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยอง ฟังดูเหมือนเธอกำลังร้องเรียกขอความช่วยเหลือยังไงยังงั้น จากนั้นเธอก็มองเห็นชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆซึ่งสวมหน้ากากจิ้งจอกสวรรค์ เขาสวมชุดทักซิโด้และหมวก เธอถามด้วยรู้สึกกล้าๆกลัวๆว่า “อาจารย์ฉางใช่ไหม?”
เย่ฉางพยักหน้า “คำนิยามของการเต้นรำจังหวะแจ๊สมีเพียงคำเดียวนั่นคืออิสระเสรี คุณเป็นนักแสดงหญิง ดังนั้นควรสามารถแสดงอารมณ์ได้ดี แต่ … วิธีใส่ความรู้สึกเหล่านั้นลงในการเต้นรำเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด พื้นฐานของคุณไม่เลวเลย พยายามตามผมให้ทันแล้วกัน!”
เย่ฉางอธิบายจบ แล้วกระโดดลงไปบนทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยว แสงจากดวงจันทร์ส่องพาดผ่านเขา เกิดเป็นเงาสะท้อนบนพื้นผิวของทะเลสาบ ภายใต้เท้าของเขา น้ำกระกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น ภายใต้แสงกระทบจากดวงจันทร์ เขามองดูลึกลับน่าค้นหาอย่างยิ่ง
ซูหยี่ยี่คิดนิดหน่อย แล้วตั้งใจว่าจะถอดรองเท้าส้นสูงของเธอ ถ้าขืนเธอยังใส่รองเท้าส้นสูง มันจะยากที่จะยืนบนน้ำได้นาน ไม่เพียงแต่พลังซี่ของเธอกระจายไม่เท่ากันแล้ว มันยากสำหรับแผ่พลังซี่ปกคลุมส้นรองเท้าที่สูงตั้ง 10cm นี่อีก ทำให้การรักษาความสมดุลจะทำได้ลำบากมาก
“คุณไม่สามารถถอดมันออกได้ ก่อนหน้านี้ ผมก็ได้บอกกฎข้อแรกให้คุณได้ทราบไปแล้วว่า ถ้าคุณอยากเรียนการเต้นจากผม คุณต้องแต่งกายอย่างเป็นทางการเท่านั้น …” เย่ฉางพูดอย่างไม่แยแส
ซูหยี่ยี่ลังเล แต่ก็ยังกระโดดไปยืนตรงหน้าเขา พลังซี่ของเธอไหลเวียนไปรอบๆรองเท้า และเธอพยายามทำให้ดีที่สุดที่จะยืนบนน้ำ หลังจากนั้นไม่ถึง 2 วินาที ส้นเท้าก็ทะลุผิวน้ำลงไปทำให้เธอเสียการทรงตัว จนเธอล้มลงกระแทกผิวน้ำจนเปียกปอนเหมือนลูกเป็ดตกน้ำ จากนั้นเธอควบแน่นพลังซี่เพื่อฝืนตัวเองให้ยืนขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อเธอมองสุภาพบุรุษที่ยืนอยู่บนน้ำภายใต้แสงสะท้อนของดวงจันทร์ เธอคิดในใจ ‘ชายผมขาวที่เต้นด้วยเพลงวอลทซ์อันแสนเศร้าคนนั้น ก็ควรน่าจะเป็นผู้ชายคนนี้ใช่มั้ย?’ เธอจึงตัดสินใจถามขึ้นมา “คุณเป็นอาชูร่าขาวใช่มั้ยคะ?”
เย่ฉางไม่ตอบเพียง แต่พูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันเป็นแค่อาจารย์หน้ากากจิ้งจอกสวรรค์ของคุณเท่านั้น สำหรับส่วนที่เหลือ ไม่ต้องถามเกี่ยวกับมัน อย่าคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากการเต้นรำเพียงเท่านั้น นี่เป็นกฏข้อที่สอง”
ซูหยี่ยี่ยันตัวกระโดดขึ้นและพยายามที่จะยืนอยู่บนผิวน้ำอีกครั้ง แต่แล้วเธอก็ตกลงไปในน้ำอีกครั้ง เย่ฉางถอนหายใจ เขาดึงเธอขึ้นมาและเอามือทั้งสองข้างของเธอ พาดไว้บนบ่าของเขาเพื่อให้ตัวเธอมั่นคง เขาแบกรับน้ำหนักทั้งหมดเอาไว้ แต่เขาก็ไม่ได้จมลง “ลองทำตามที่ผมบอกต่อไปนี้ อย่าคิดพะวงว่าส้นเท้าของคุณจะเจาะผิวน้ำลงไปหรือเปล่า ให้คุณเพียงคิดว่ารองเท้าส้นสูงก็เปรียบเสมือนร่างกายของคุณ เพียงแค่ต้องใช้พลังซี่ที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง ลองใส่พลังซี่ที่ส้นเท้าให้มากขึ้นและตรงปลายเท้าแค่นิดหน่อยก็พอ เมื่อคุณเต้นรำ ถ้าส้นเท้าไม่มีสมดุล คุณก็จะตกลงไปในน้ำอีกเหมือนเดิม นอกจากนี้สำหรับการเต้นรำของผู้หญิงที่เน้นการใช้ส้นเท้านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการก้าวไปที่ด้านหน้า มันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และการเคลื่อนไหวที่คุณสามารถทำได้จะแตกต่างกันอย่างมาก คุณต้องให้ความสำคัญทั้งส้นเท้าและปลายเท้า ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ใช่แค่การใช้พลังซี่ที่มากขึ้นเท่านั้น แต่มันยังต้องมั่นคงอีกด้วย การเต้นรำบนพื้นดินมันอาจจะดีตรงที่ว่าการใช้พลังซี่มากขึ้น จะสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของคุณได้ แต่ในทะเลสาบแบบนี้ พลังซี่จะมากหรือน้อย มันก็ไม่เป็นผลดีทั้งนั้น”
ซูหยี่ยี่ควบคุมการหายใจของเธอ แล้วพยายามทำตามคำแนะนำของเย่ฉาง 5 วินาที 10 วินาทีผ่านไป จู่ๆเธอก็สามารถยืนนิ่งอยู่บนผิวน้ำได้ แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะเคลื่อนที่ออกจากเขา
เย่ฉางหัวเราะเบาๆแล้วดึงมือเธอ “ยิ่งคุณกังวลกับสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของคุณมากแค่ไหน และยิ่งคุณพยายามควบคุมการหายใจมากเท่าไหร่ คุณก็จะตกลงไปในน้ำ ดังนั้นจงผ่อนคลายจิตใจของคุณซะ และให้ลองนึกภาพว่าตัวเองกำลังยืนอยูบนพรมที่แสนนุ่ม …”
จากนั้นเย่ฉางก็เต้นนำซูหยี่ยี่ โดยนำทางเธอทีละจังหวะการก้าว หลังจากเต้นไปสักพักแล้ว พวกเขาก็ย้อนกลับไปที่ฝั่ง “ดีมาก ในวันนี้จบการฝึกเพียงแค่นี้ก่อน และเธอต้องนำไปฝึกฝนต่อที่บ้านด้วยล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องฝึกการควบคุมความแรงของคุณให้ดี การเต้นรำนั้นสามารถมีได้ทั้งความแข็งกร้าวและรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความละเอียดอ่อนและนุ่มนวล และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเชี่ยวชาญการยืนอยู่บนทะเลสาบแล้ว การเต้นบนเวทีก็จะไม่ได้ยากอีกต่อไป …”
ซูหยี่ยี่รู้สึกราวกับว่าเธอได้เรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการควบคุมท่าเต้นของเธอ เธอโค้งคำนับเขาอย่างจริงใจ “ขอบคุณคะอาจารย์หน้ากากจิ้งจอกสวรรค์มากคะ สำหรับคำแนะนำที่มอบให้แก่ฉัน หลังจากเชี่ยวชาญการยืนอยู่บนทะเลสาบแล้ว จะมีอะไรยากกว่านี้อีกไหมคะ?”
“อืม การยืนบนภูเขาใบมีด แล้วก็เป็นยืนบนทะเลแห่งเปลวไฟ และอันที่ยากที่สุดก็คือการเหยียบย่ำบนเมฆ …” เย่ฉางพูดครึ่งจริงครึ่งเล่น ซูหยี่ยี่รู้สึกความเคารพเขามากยิ่งขึ้น ในตอนแรก เธอคิดว่าการเต้นรำเป็นสิ่งที่เธอต้องฝึกฝนเพียงเล็กน้อยก็จะสำเร็จ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าถ้าเธอต้องการเต้นรำให้ได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น ราคาและความพยายามที่เธอจะต้องจ่ายจะไม่ใช่น้อยๆเลย แม้แต่ยังมีความอันตรายสูงมาก ลองนึกถึงการเต้นรำในทะเลแห่งเปลวไฟ หรือบนภูเขาใบมีดสิ แค่เพียงคิดก็ทำให้เธอสั่นสะท้านแล้ว และเพื่อให้สามารถเต้นรำบนเมฆได้ … การเต้นรำนี้อาจใช้ความพยายามตลอดทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ “ตอนนี้อาจารย์อยู่ขั้นไหนแล้วคะ?”
“น่าจะทะเลแห่งเปลวไฟ” เย่ฉางตอบอย่างจริงจัง
“แสดงให้ศิษย์คนนี้ดูสักครั้งได้ไหมคะ …” ซูหยี่ยี่ขอร้องเขา ในตอนนี้ชุดของเธอนั้นเปียกชุ่มอยู่ และภายใต้แสงจันทร์แบบนี้ จึงทำให้สามารถมองเห็นชุดชั้นในของเธอได้รำไร ขณะนี้จางเจิ้งเฉียงต่อยเฉาเฉียงหยูจนลอยออกไป จากนั้นเขาก็มองมาทางซูหยี่ยี่ ‘ผู้หญิงคนนั้นช่างเซ็กซี่จริงๆเลย เอ้ย! นั้นมัน … เทพธิดาหยี่ยี่!’ เฉาเฉียงหยูเห็นจางเจิ้งเฉียงยืนนิ่ง เธอคิดว่านี่เป็นโอกาสดี เธอจึงรีบลุกขึ้นและแทงดาบฝึกของเธอใส่เขา จางเจิ้งเฉียงใช้มือปัดดาบฝึกโดยที่สายตายังคงจับจ้องมองชุดชั้นในอยู่ จากนั้นเขาก็เหวี่ยงฝ่ามือกระแทกใบหน้าของเธอ ส่งเธอบินลอยไปอีกครั้ง “ทุ่มพลังให้มากขึ้นกว่านี้อีก! อาจารย์ของเธอได้ฝึกฝนเธอมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะป้องกันการโจมตีของฉันได้เลยสักครั้ง!? เธอเคยอายอาจารย์และตัวเองบ้างไหม! จงทุ่มความพยายามให้มากขึ้นอีก!? ทำได้ไหม!?”
น้ำตาเริ่มเออนองในดวงตาของเฉาเฉียงหยู แต่เธอกัดฟันแน่นและคลานลุกขึ้นมา เธอยังคงพุ่งโจมตีใส่จางเจิ้งเฉียงต่อ ทุกๆครั้งเธอก็ยังถูกจางเจิ้งเฉียงซัดจนลอยออกไป และถูกเขาต่อว่าอีกครั้ง
เย่ฉางลังเลใจ ทะเลแห่งเปลวไฟ ภูเขาใบมีดและเหยียบย่ำบนเมฆอะไรนั่น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะเสียหน้าได้ เขาจึงไปหาถังน้ำมันแล้วจุดไฟไว้ ทะเลแห่งเปลวไฟก่อรูปร่างขึ้นมา จากนั้นเขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนเปลวไฟที่ร้อนจัดนั้น เมื่อเทียบกับการยืนบนน้ำแล้ว การยืนบนความร้อนแบบนี้ไม่ใช่ง่ายๆเลย เพราะน้ำยังไงก็ยังเป็นสสารที่จับต้องได้อยู่ แต่ความร้อนเป็นแค่พลังงานและอากาศที่ไหลเวียนกันอยู่เท่านั้น
เมื่อเห็นการเต้นรำของเขา ซูหยี่ยี่นับถือและคลั่งไคล้เขาอย่างมาก ถ้าเป็นคนที่มีพลังพิเศษที่เกี่ยวกับไฟ หรือได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้วล่ะก็ การยืนในเปลวไฟเหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย แต่การใช้เทคนิคเฉพาะตัวเพื่อให้ยืนได้อย่างสง่างามในเปลวไฟที่ร้อนระอุแบบนี้ จะต้องใช้การควบคุมที่ยากขนาดไหน เขาทำยังไงถึงควบคุมการเต้นรำได้อย่างสมบูรณ์แบบ! และที่สำคัญเขายังแสดงสีหน้าไม่แยแสต่อสิ่งใดอีก
ซูหยี่ยี่ยังเฝ้าดูเย่ฉางแสดงการเต้นในเปลวไฟ เขาเหมือนผีเสื้อที่บินรอบๆเปลวไฟ มันช่างดูสวยงามมาก หลังจากจบการเต้นแล้ว เสื้อผ้าของเขาไม่ได้โดนไฟเผาเลยสักนิด เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกหวาดกลัวหรือเป็นกังวลใดๆเลย ดูเหมือนว่าถ้าเธอยังเรียนรู้จากเขาต่อไปเรื่อยๆ เธอสามารถฝึกตัวเองให้เป็นนักเต้นระดับซุปเปอร์ระดับพระเจ้าได้เลยทีเดียว การเต้นบนผิวน้ำ, ภูเขาใบมีด, ทะเลแห่งเปลวไฟ, การเหยียบย่ำบนเมฆ เธอเก็บถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในความทรงจำของเธอ
ความรู้สึกของเฉาเฉียงหยูค่อยๆจางหายไป ร่างกายของเธอได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เพราะเธอถูกซ้อมอยู่ฝ่ายเดียว จางเจิ้งเฉียงยิ้มเมื่อเห็นเย่ฉางและซูหยี่ยี่กำลังจะมาถึง
เฉาเฉียงหยูเห็นซูหยี่ยี่ในชุดยาวที่โปร่งใสเนื่องจากเปียกน้ำ ทำให้สามารถมองเห็นชุดชั้นในได้รำไร หัวใจเธอแทบหยุดเต้น ‘นี่คือซูหยี่ยี่!’ ด้วยความรู้สึกเฮือกสุดท้าย เธอจึงฝืนหยิบกระดาษเปล่ายื่นไปข้างหน้า “คุณซูหยี่ยี่คะ ฉันชอบผลงานของคุณมากๆ โปรดเซ็นชื่อ …”
คองอของเฉาเฉียงหยูพับลง และเธอก็หมดสติไป
“เธอเป็นอะไรไป?” ซูหยี่ยี่ที่สงสัยตั้งแต่ก่อนมาถึงแล้ว ‘ชายสวมหน้ากากเสือคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็น HeavenShakingMight นี่น่า แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้คือ?’
“เธอเป็นศิษย์น้องของคุณ ฉันกำลังสอนเธอ …” เย่ฉางยิ้ม ส่วนจางเจิ้งเฉียงยกหัวและคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ‘เห็นได้ชัดมาเธอมาทีหลังนิ ดังนั้นเฉาเฉียงหยูน่าจะเป็นศิษย์พี่สิ? แต่ทำไมมันถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ ดูไม่เหมาะสมเลย’
“เธอเรียนรู้การเต้นด้วยเหรอ?” ซูหยี่ยี่ตกตะลึง ‘อ่า นี่คือ … หรือว่าต่อไปฉันต้องโดนอัดน่วมแบบนี้? แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเต้นเลย หรือว่ามันมีความหมายอื่น!?’
“เธอการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ …” เย่ฉางยิ้ม
ซูหยี่ยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ‘อ่อ มันเป็นศิลปะการต่อสู้นั่นเอง ดูเหมือนมันจะเป็นเหมือนที่พูดกันว่า อาจารย์ที่เข้มงวดจะสร้างลูกศิษย์ที่ดี แต่ฉันไม่เคยเห็นลูกศิษย์คนไหนที่ถูกทำร้ายจนสาหัสขนาดนี้ แม้แต่ผู้หญิงสวยๆเช่นนี้ก็ไม่ละเว้น ดีนะที่ฉันเรียนแค่การเต้น’ เธอถอนหายใจ “วันพรุ่งนี้จะเป็นศึกครั้งที่สองของฝ่ายคุณ ฉันค่อยมาเรียนอีกทีในคืนนั้นก็แล้วกัน?”
“ตกลง…” เย่ฉางคิดนิดหน่อยและพยักหน้า มันก็สะดวกดีเหมือนกัน เพราะในคืนนั้นเขากะจะสอนการระเบิดพลังให้กับฉาเฉียงหยูอยู่พอดีเลย
“อาจารย์พักอยู่ที่ไหนคะ ฉันอยากจะขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน? ฉันไม่สามารถกลับไปที่โรงแรมในสภาพแบบนี้ได้” ซูหยี่ยี่เดินทางมาคนเดียวและไม่ได้นำบอดี้การ์ดมาด้วย มันเป็นแสดงความเคารพและความเชื่อใจต่ออาจารย์ของเธอ หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปแล้ว คิวงานของเธอจะแน่นมาก จนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้เลย มันจะดีกว่าที่เธอจะอาศัยช่วงเวลานี้คอยเก็บเกี่ยวความรู้จากอาจารย์ สำหรับการแสดงครั้งต่อไปของเธอ เธอต้องการแสดงทักษะการเต้นที่สุดยอดนี้ เพื่อจะให้การแสดงของเธอเป็นการแสดงที่ดีที่สุดตลอดกาล
“อาเฉียง นายพาเธอกลับบ้านไปก่อน ส่วนฉันจะไปส่งเฉาเฉียงหยู …” เย่ฉางอุ้มเฉาเฉียงหยูขึ้นมาและหายตัวไป
จางเจิ้งเฉียงพาซูหยี่ยี่กลับไปที่บ้านพักริมทะเล
อูนาเคยลองพยายามหลายครั้ง เพื่อสรุปหาส่วนแรกและที่สอง แต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร เธออยู่ที่ระเบียงและเห็นจางเจิ้งเฉียงเดินมาพร้อมกับผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง FrozenCloud ที่อยู่ข้างๆเธอก็ลุกยืนขึ้น! การแสดงออกของเธอเหมือนกับอาการของแมวเห็นหนู เธอตะโกนออกมาทันทีว่า “ซูหยี่ยี่!”
ณ.อพาร์ตเมนต์ของเฉาเฉียงหยู
เย่ฉางช่วยรักษาแผลฟกช้ำบนร่างกายของเธออย่างเงียบๆ ในขณะที่เขามองใบหน้าที่น่าจดจำและฟังการหายใจที่แผ่วเบาของเธอ เขาเอื้อมมือจับแก้มของเธอไว้สักครู่ และยิ้มอย่างอ่อนโยน “ซินหยู่…”
ไม่นานหลังจากนั้น เย่ฉางก็ตื่นจากภวังค์ การแสดงออกของเขาดูโศกเศร้ามาก “ทำไมคุณถึงต้องฆ่าตัวตายด้วย คุณไม่ให้ความหวังในการที่ฉันจะช่วยคุณเลย DNA ของฉันสามารถช่วยคุณได้! ทำไม!? ทำไมฉันต้องมาช้าเกินไปด้วย!? ทำไมฉันต้องใช้เวลานานมากในการเข้าใจร่างกายของฉัน ทำไมกัน!…”
เย่ฉางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาหันหลังและเห็นกระเป๋าเงินที่ก้นของเธอ เขากระพริบตามองไปที่เงินค่าเล่าเรียนเหล่านั้น มันมีเพียงแค่ 5000 ดอลลาร์เท่านั้นเอง ‘เฮ้อ! ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย’ จากนั้นเขาก็หยิบเงินใส่ในกระเป๋าของเขาและเขียนโน๊ตทิ้งไว้ แล้วก็กระโดดออกจากระเบียงและหายตัวไป