ทุกคนมาถึงหน้าหลุมฝังศพหลุมหนึ่ง เย่เทียนอ่านข้อความจารึกบนป้าย “เจ้าของหลุมฝังศพนี้มีสถานะไม่ต่ำเลยทีเดียว ถึงหลุมศพนี้จะดูทรุดโทรมมาก แต่ตามประเพณีท้องถิ่นแล้ว ขุนนางชั้นสูงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะพอที่จะใช้การออกแบบหลุมฝังศพเช่นนี้ได้…”
ThornyRose ทำได้แค่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ด้วยการที่พวกเขามีสารานุกรมเดินได้เช่นเย่เทียน ซึ่งเธอรู้ถึงขนาดวัฒนธรรมและประเพณีภายในเกมอีกด้วย… เกมนี้เพิ่งเปิดมานานขนาดไหนกันเชียว “ไปกันเถอะ… เจ้าหมียักษ์นายเป็นคนนำหน้านะ”
จางเจิ้งเฉียงนำทุกคนลงไปที่ชั้น 1 เมื่อลงมาถึงพวกเขามองเห็นห้องโถงสีดำมืดที่วางเรียงรายด้วยโลงศพ และบางครั้งพวกเขาก็สามารถมองเห็นแสงไฟระยิบระยับที่น่าหวาดกลัวได้ ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย ในการที่จะรับรู้ว่าแสงเหล่านั้นคือดวงตาของมอนเตอร์ประเภทโครงกระดูก เย่ฉางเตรียมพร้อมที่จะยิงสกิล [Meteor Shot]! พลังงานเกลียวเริ่มหดตัวไปที่ลูกศร และเริ่มหมุนวนอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็ยิงลงไปที่ทางเดินแคบๆ ทันใดนั้น เปลวไฟที่น่าหวาดกลัวก็ค่อยๆหายไปทีละคู่ทีละคู่ พร้อมกับเสียงดังก้องของโครงกระดูกที่ร่วงหล่นกระทบกับพื้นดิน
ThornyRose ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นอีกครั้ง แค่เพียงบาลิสต้าก็มีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว แล้วนับประสาอะไรที่จะเพิ่มความสามารถในการทะลุทะลวงของ [Meteor Shot] เข้าไปอีก สกิล [Meteor Shot] ของเขาสมกับเป็นสกิลระดับ Epic อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง สกิลนี้เพิ่มทั้งความรวดเร็วในการยิงและการเจาะทะลุทะลวง เธอได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นเธอก็ให้ทุกคนจุดคบเพลิงตรงเชิงเทียนในตำแหน่งเหนือหัวของพวกเขา เพื่อที่จะทำให้พวกเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
“บอสตัวแรกอยู่ตรงด้านซ้ายผ่านกำแพงที่แตกหักตรงนั้นไป มันเป็นบอสที่จับคู่อยู่ด้วยกัน 2 ตัว ตัวแรกเป็นบอสประเภทโครงกระดูก ตัวที่สองเป็นบอสประเภทวิญญาณอาฆาต นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากจริงๆ เราจะถูกกำจัดเนื่องจากความเสียหายที่เราสร้างให้กับบอสไม่สูงพอ และอาชีพคลาสศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้เวลานานมากเกินที่จะปั้นขึ้นมาใหม่ได้…” ThornyRose เป็นนำทาง เธออธิบายขณะเฝ้าดูจางเจิ้งเฉียง ซึ่งผู้ที่คนในปาร์ตี้เรียกว่า‘นักบวช’ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีส่วนใดของเขาที่ดูคล้ายกับนักบวชเลยสักนิดเดียว เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เขาเป็นเบอเซอเกอร์ที่แกล้งทำตัวเป็นนักบวชเพียงเท่านั้น ตัวแท้งค์ประเภทเบอเซอเกอร์ในเกมนี้มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว และโล่ของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นสนับมือที่ครอบคลุมเกือบทั่วทั้งแขน
SpyingBlade เดินไปที่มุม จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหมุนหนึ่งในเชิงเทียนข้างบน กำแพงหินที่อยู่ใกล้ๆเริ่มเคลื่อนไหว และเปิดเผยให้เห็นถึงทางลับ “มีทางลับอยู่ตรงนี้…”
เย่เทียนเริ่มตรวจสอบเชิงเทียนอันนั้น เพื่อหาดูว่ามันแตกต่างจากที่เชิงเทียนที่เหลืออย่างไร เธอจ้องมองอย่างเคลือบแคลงใจ มันไม่มีอะไรที่ดูเป็นพิเศษ และแตกต่างจากเชิงเทียนอันอื่นๆเลยแม้แต่นิดเดียว ‘เขารู้ได้อย่างไรกัน? สัญชาตญาณ? นี่เป็นเชิงเทียนที่ 73 นับจากทางเข้า เดี๋ยวก่อนนะ! เชิงเทียนทั้งหมดอยู่เป็นคู่! แต่เชิงเทียนอันนี้อยู่โดดๆอันเดียว! เชิงเทียนอันอื่นๆทั้งหมดมีเป็นคู่และหันหน้าเข้าหากัน มีเพียงเชิงเทียนอันนี้อันเดียวที่ไม่มีคู่หันหน้าเข้าหากัน ดังนั้นเชิงเทียนอันนี้จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นสวิตซ์เปิดทางลับสูงมาก แต่เดี๋ยวก่อน! เชิงเทียนพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับโครงสร้างอาคารแบบนี้…’
ThornyRose แข็งค้าง เขาสมกับเป็นนักล่าสมบัติที่มีชื่อเสียงมากจริงๆ ไม่มีสมบัติใดๆที่สามารถเล็ดลอดจากการค้นพบของเขาได้ เธอกำลังมองไปยังหีบสมบัติที่อยู่ข้างหน้า ขณะที่เธอกำลังเหม่ออยู่ตรงนั้น เธอก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ ‘บ้าเอ๊ย!’
ช่วงเวลาที่เย่ฉางได้ยินว่ามีเส้นทางลับ เขาค่อยๆหายตัวไปเหมือนควันไฟ และเดินเข้าไปข้างในอย่างเงียบๆ ‘ฮ่าฮ่า มันมีหีบสมบัติ! มันถือเวลาที่จะโชว์หัตถ์แห่งพระเจ้าให้ผู้คนรับรู้กันแล้ว!’
ThornyRose และคนอื่นๆต่างตื่นตระหนก มันเป็นเวลานานมากแล้ว นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สามารถตอบสนองได้ทันเวลา! “เร็วเข้า! รีบเข้าไปหยุดเขาไว้!”
SpyingBlade เพิ่งหลุดออกจากความคิดของเขาและรีบวิ่งเข้าไป แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เขาเห็นเย่ฉางเปิดหีบสมบัติออกมาแล้ว เขาได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัวด้วยความเสียใจ จากนั้นก็หันไปมองยัง ThornyRose และคนอื่นๆ “มันสายไปแล้ว…”
เย่ฉางมองดูหีบสมบัติที่ไม่มีอะไรอยู่เลย ‘บ้าเอ๊ย! มีใครบางคนเจอห้องลับก่อนหน้าเรา! พวกเขาเปิดหีบสมบัติและทิ้งหีบที่ว่างเปล่าเอาไว้ที่นี่? นี่มัน… โหดร้ายเกินไปแล้ว!’ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น และตะโกนออกมาด้วยความเที่ยงธรรม “ชั่วช้าเกินไปแล้ว! ใครบางคนหยิบของในหีบสมบัติออกไปแล้ว และปล่อยหีบที่ว่างเปล่าทิ้งเอาไว้ที่นี่ เหอะ! อย่าให้ฉันพบเจอพวกชั่วช้าพวกนี้ก็แล้วกัน!!”
เย่ฉางหันกลับมา และได้รับการต้อนรับจากสายตาที่น่ารังเกียจของทุกคน เขาถอนหายใจ “โจรขโมยสมบัติคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว ฉันเห็นเงาร่างอันมืดมิดจางหายไปเมื่อตอนฉันเดินเข้ามา…”
“จากนั้นเงาร่างที่มืดมิดก็วิ่งจากไปยังทางลับ พร้อมกับใบหน้าที่ดุร้ายของเขา…” เย่ฉางปั้นสีหน้าจริงจัง “ใครบอกให้แกมายุ่งกับหีบสมบัติของฉัน!! ฉันต้องสูญเสียอุปกรณ์ระดับ Gold ของฉันไป!! ทางที่ดีอย่าให้ฉันเจอแกอีกก็แล้วกัน!!”
“อ๊ากกก!! ไม่ใช่ฉัน มันเป็นโจรขโมยสมบัติที่เปิดหีบสมบัติอันนี้ไป เขาเหลือทิ้งไว้เพียงแค่หีบที่ว่างเปล่าอันนี้เท่านั้น!” เย่ฉางยังคงกรีดร้องอย่างไร้เดียงสาอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนส่ายหัว ไม่มีใครเข้าไปมาช่วยเขาเลยสักคน การแสดงออกของพวกเขาสื่อออกมาว่า ‘ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะว่านายโชคร้ายเกินไปต่างหาก’ แม้แต่อูนาก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกสงสารหีบสมบัติอันนี้ มันเป็นหีบสมบัติในทางลับ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องเป็นของดี เธอเห็นเย่ฉาง และ ThornyRose ต่อสู้กันจนเกลือกกลิ้งไปบนพื้น และไม่สามารถทนมองไปที่พวกเขาทั้งสองได้ เธอเหลือบมองไปที่ FrozenBlood “มันไม่เป็นไรหรอก พวกเขาทั้งสองคนชอบทำแบบนี้กันเป็นประจำแหละ…”
FrozenBlood โชว์รูปภาพที่น่าอับอายของพวกเขา โดยเฉพาะท่า 69 “บรรพบุรุษของพวกเขาคงต้องเกลียดชังกันและกันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเจอกัน ทุกๆสองหรือสามคำที่พวกเขาพูดคุย เพียงแค่นั้นก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนอยากจะฉีกแต่ละคนออกเป็นชิ้นๆแล้ว…”
อูนาหัวเราะคิกคัก ถึงแม้ว่าเธอจะค่อนข้างอิจฉา แต่เมื่อเธอเห็นการแสดงออกที่รุนแรงของ ThornyRose แล้ว เธอไม่สามารถเกลียด ThornyRose ได้เลย “บางที…”
FrozenBlood ก็รู้สึกอับจนหนทาง แต่เธอรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมากที่ได้พูดคุยกับนานะ โดยเฉพาะตอนที่เธอหัวเราะคิกคักอย่างน่ารัก ‘เธอช่างแตกต่างกันมากจริงๆ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่กำลังเกลือกกลิ้งไปบนพื้นคนนั้น คนที่ไม่หัดรู้จักการยับยั้งช่างใจเอาบ้างเสียเลย ฉันคงไม่มีโชคในเรื่องเพื่อนจริงๆนั่นแหละ เฮ้อ! เห็นได้อย่างชัดว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นคนที่ผิดปกติมากจริงๆ’ ถ้า ThornyRose รู้ว่าความคิดของ FrozenBlood มีความคล้ายคลึงกับความคิดของเธอล่ะก็ บางทีพวกเธอทั้งสองคนอาจลงเอ่ยด้วยการต่อสู้กันเองก็เป็นได้…
หลังจากที่ทุกคนรับชมละครตลกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็หันกลับไปทางกำแพงที่แตกหัก ตรงที่ ThornyRose เคยพูดไปก่อนหน้านั้น เย่ฉางเดินตามหลังคนอื่นๆและบ่นพึมพำออกมา “ยัยบ้าเอ๊ย! บัดซบจริงๆ! ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะต้องระเบิดหัวของเธอด้วยปืนเพื่อที่จะระบายความโกรธแค้นที่อัดอั้นอยู่ภายในหัวใจของฉัน น้องเล็กไดโน เธอคิดว่าไง…”
“หัวหน้าทีมคะ หีบสมบัตินั้นน่าเสียดายมากจริงๆ แต่ตอนนี้หัวหน้าทีมควรจะหยุดยั่วยุเธอก่อน ตอนนี้ดวงตาของพี่สาวโรสกลายเป็นแดงก่ำจากความบ้าคลั่งไปแล้วนะคะ…” FrozenCloud พูดออกมาด้วยความอ่อนล้า ‘ตอนนี้หัวหน้าทีมมีเทคนิคที่ชั่วร้ายมากที่สุด ฉันจะต้องไม่ทำอะไรเพื่อไปกวนใจเขาดีกว่า’
“น้องเล็กไดโน เธอทรยศฉัน ฉันปฏิบัติกับเธอเป็นอย่างดี แต่เธอดันไปพูดออกหน้าให้กับผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะ…” เย่ฉางวางมือลงไปที่ไหล่ของเธอและยิ้มออกมา
“ใช่แล้ว ใช่เลย พี่สาวโรสควรให้ความสำคัญกับพี่ใหญ่ขาวมากกว่านี้ น้องเล็กไดโนที่โง่เง่า คนทรยศ พี่ใหญ่ขาวเอาโบนัสประจำปีของเธอให้กับผมแล้วกันนะ…” หลินหลี่คอยก่อเรื่องให้เลวร้ายลงอย่างเงียบๆ
“……” FrozenCloud เห็นว่าทั้งสองกำลังวางแผนอะไรกันบางอย่างอยู่ และเธอก็คิดว่ามันคงไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงรีบยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าทีมคะ ฉันจะทรยศหัวหน้าทีมได้ยังไงกัน! พี่สาวโรสนั้นโหดร้ายเกินไปจริงๆด้วย!”
“อืม ไม่เลว ไม่เลว นั่นคือทัศนคติที่ถูกต้อง… ต้องแบบนี้สิ ค่อยสมกับเป็นน้องเล็กของพวกเรา…” เย่ฉางตบไปที่ไหล่ของเธอด้วยความซาบซึ้ง หลินหลี่ก็ตบไปที่ไหล่อีกข้างของเธอด้วยความซึ้งใจ “น้องเล็กที่ดี…”
FrozenCloud ทำได้แค่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เพราะเธอได้เห็นท่าทีของ ThornyRose และปากของเธอก็พูดออกมาโดยไม่มีเสียงว่า ‘สายลับ’ ช่วงเวลาของเธอในฐานะของสายลับ และการสอดแนมจะกลายเป็นรอยแปดเปื้อนในประวัติของเธอไปตลอดกาล คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไปยั่วยุพี่สาวโรสขึ้น และพี่สาวโรสก็เอาเรื่องนี้ไปบอกกับหัวหน้าทีม ถึงตอนนั้นหัวหน้าทีมและหลินหลี่จะจัดการกับเธออย่างไรกัน…
“เอาล่ะ หยุดก่อน ถ้าเรายังเดินต่อไป จะอยู่ในระยะการรับรู้ของบอส ก่อนอื่นฉันจะมอบหมายหน้าที่ของแต่ละคนก่อน กลุ่มนักเวททั้งหลายจะถูกนำโดยเย่เทียน ElegantFragrance และเจ้าคนชั้นต่ำจะรับผิดชอบในการโจมตีสนับสนุนจากระยะไกล และให้ความสำคัญต่อการโจมตีบอสประเภทวิญญาณก่อน อาเฉียงนายเป็นคนคอยควบคุมบอสวิญญาณ พยายามอย่าปล่อยให้มันใช้สกิลใหญ่ คนที่โจมตีระยะประชิดให้เน้นโจมตีไปที่บอสโครงกระดูก ฉันจะเป็นคนที่ตรึงบอสตัวนี้ไว้เอง FrozenCloud และ Lily พวกเธอทั้งสองจะเป็นตัวออฟแท้งค์! (Off Tank) เย่เทียน เธอเป็นคนที่ต้องมีความรับผิดชอบมากที่สุด แต่สำหรับเธอแล้วคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก…” ThornyRose แบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนได้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยให้เร็นน้อยเป็นคนจัดการกับบอสวิญญาณ ดาบคู่ของเร็นน้อยเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมากๆต่อมอนเตอร์ประเภทวิญญาณ…” SpyingBlade เคยใช้หนึ่งในดาบนั้นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ค่าสถานะของดาบเป็นอย่างดี