เย่ฉางเห็นว่ารายการถัดไปคือดาบ ซึ่งไม่สามารถมองค่าสถานะของมันได้ มันแค่มีข้อมูลบอกไว้ว่า นักเวทการ์รอสผู้มีชื่อเสียงเคยใช้ดาบนี้ในสมัยตอนที่ยังหนุ่มๆ และมันน่าจะเป็นดาบเวทมนตร์! ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้มันได้ ราคาเริ่มต้นไม่สูงมากนัก เพียงแค่ 50 เหรียญทองเท่านั้น แต่เมื่อประมูลจริงๆแล้ว ราคาของมันพุ่งขึ้นไปถึง 250 เหรียญทอง
“พ่อคะ เราสามารถเพิ่มราคาขึ้นอีกนิดได้ …” เย่เทียนหรี่ตาลง 250 เหรียญทอง แม้แต่ชาวพื้นเมืองที่เป็น NPC นี่ก็ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก เย่ฉางยกมือขึ้น “265 เหรียญทอง …”
ในที่สุด ราคาก็ปิดลงที่ 265 เหรียญทอง เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นค่าสถานะของดาบภายในกล่องได้ หลายคนจึงไม่ได้เสนอราคาแข่งอีก มันเป็นเพียงอาวุธที่การ์รอสเคยใช้ในวัยหนุ่มเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองได้อย่างไร เย่ฉางจ่ายเงินและเปิดกล่องยาวออก มันเป็นดาบสีฟ้าโปร่งใส ด้ามจับทำด้วยแร่มิธริลที่ดูสวยงามมาก ดาบมีความกว้างประมาณ 2 นิ้ว และมีความยาว 140 เซนติเมตร มันเป็นดาบมือเดียวที่เพียวบางมาก ตัวดาบเป็นสีฟ้าโปร่งใสซึ่งดูเหมือนว่าจะสร้างมาจากคริสตัล เย่ฉางลูบผิวดาบด้วยนิ้วมือ มันให้ความรู้สึกว่ากำลังสัมผัสพื้นผิวของโลหะ จากนั้นเขาสะบัดดาบ เกิดเสียงที่ก้องกังวานเป็นพิเศษ
Assenroche (Dark Gold – Mysterious – Garros)
ประเภท: ดาบเวทมนตร์
ความต้องการ: 115 Strength, 125 Dexterity, 100 Constitution, 145 Intelligence, 135 Wisdom
พลังโจมตี: 34 – 38
+20 ค่าสถานะทั้งหมด
+ 10% Intelligence
+30 พลังโจมตีเวทมนตร์
+ 15% ความเสียหายจากการใช้เวทมนตร์
ทุกการโจมตีจะเพิ่มความเสียหายเวท Arcane : 22 – 25
Assenroche’s Favor (ติดตัว): เมื่อใช้เวทมนตร์ จะลดค่าการใช้มานาลง 25% (ยกเว้นเวทมนตร์ประเภทวิญญาณ, ความมืด และเวทอัญเชิญ)
Assenroche’s Finger : เปิดใช้งานด้วยการโจมตีด้วยเวทมนตร์ Arcane สร้างความเสียหาย 100 หน่วยในบริเวณด้านหน้า พร้อมกับมีโอกาสทำให้เป้าหมายติดสตั้น, กระเด็นถอยหลังหรือกระเด็นลอยขึ้น คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง
ปิดผนึก: ???
หมายเหต: Assenroche เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถควบคุมเวทมนตร์ Arcane ได้
หลินหลี่มองดาบที่สวยงามด้วยความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเขาเห็นความต้องการค่าสถานะของดาบแล้ว เขาก็หมดความสนใจลงทันที 145 Intelligence! เขาไม่มีวันใช้ดาบนี้ได้ …
เย่เทียนยกคิ้วขึ้น คุ้มค่าแล้ว! ระดับ Dark Gold! ในขณะนี้ อาวุธระดับ Dark Gold สามารถขายได้ประมาณ 200 เหรียญทอง ค่าสถานะและสกิลทั้งสองก็เหมาะกับพ่อของเธอเป็นอย่างดี และมันก็ยังมีสกิลที่ถูกปิดผนึกไว้อีกด้วย ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถหาวิธีที่จะปลดผนึกมันได้ บางทีพวกเขาอาจจะได้รับอีกหนึ่งเควสลับก็เป็นไปได้
เย่ฉางพาดดาบเวทมนตร์ไว้ในแนวนอนด้านหลังเอวของเขา ทำให้เขาแผ่กลิ่นอายของจอมพลผู้ยิ่งใหญ่ออกมา
ทั้งสามคนใช้เงินไปเกือบ 1000 เหรียญทองในการประมูล การซื้อสินค้าของเย่เทียนเป็นสิ่งที่สามารถขายเพื่อเก็งผลกำไรมหาศาล หลินหลี่ซื้อสร้อยคอระดับ Dark Gold มันให้ค่า Strength ที่สูงมากๆ ทำให้ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อ ThornyRose รู้ว่าทั้งสามคนใช้เงินไปเกือบ 1000 เหรียญทองในบ้านประมูลระดับไฮเอนด์หน้าอกของเธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ‘พวกเขารวยมากแค่ไหนเนี่ย!! ขนาดในกิลด์ใหญ่ๆยังมีปัญหาในการใช้เงิน 100 เหรียญทองเลย …’
“ได้มาไวก็หมดไปอย่างไวเช่นกัน เย่เทียนรีบสร้างอุปกรณ์ขยายให้ได้สัก 1 โหลหรือมากกว่านั้น หลินหลี่จงทำงานหนักให้มากขึ้น เพื่อสร้างอาหารทหารให้เยอะๆ …” เย่ฉางจับด้ามดาบใหม่ของเขาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“คะ / รับทราบ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองกลับไปเป็นแรงงานเด็กอีกครั้ง เพื่อหาเงินให้กับจอมล้างผลาญ
เย่ฉางชักดาบ Assenroche ออกมา เขามองไปที่ตัวดาบและค่อยๆเอามือลูบมันเบาๆ “โอ้ เจ้าดาบที่รักของฉัน เจ้าคิดว่าฉันควรจะทำอะไรต่อไปดี … อยู่เฉยๆงั้นหรือ!? …อืมๆ”
ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยวในเมืองหลินไห่
เย่ฉางนั่งบนหินก้อนเดิมและอ้าปากห้าว เมื่อเห็นว่าการฟันดาบของเฉาเฉียงหยูเบี่ยงเบนไปจากเดิมแค่ 0.001 เขาก็จะตีเธอและแก้ไขจุดที่ผิดพลาดของเธอโดยไว อีกด้านหนึ่งคือศิษย์พี่ของเธอ ซึ่งได้เรียนรู้การเต้นรำมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ซูหยี่ยี่เต้นท่าง่ายๆบนผิวทะเลสาบด้วยความยากลำบาก แต่มันยังคงดูมีพลังและสวยงามอยู่ การเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆนี้ทำให้เธอตื่นเต้นอยู่เป็นเวลานาน เธอเพียงแค่ทำขั้นตอนง่ายๆโดยการหมุนและก็หมุน ทำให้เกิดอาการปวดที่ข้อเท้าขึ้นมา จนทำให้เธอเผลอหล่นลงน้ำไป
“การเคลื่อนไหวของเธอมันผิด ไม่ว่าเธอจะเรียนรู้การเต้นรำหรือศิลปะการต่อสู้จากฉัน เธอต้องฝึกเพื่อให้ทุกการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน ไม่มีความเบี่ยงเบนแม่แต่เพียงนิดเดียว ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกเธอจะฝึกกันแบบไหน แต่สำหรับฉันแล้ว ทุกอย่างมันต้องสมบูรณ์แบบ จงจำไว้ด้วยว่า แค่ดีเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ มันต้องสมบูรณ์แบบเท่านั้น …” เย่ฉางเอนตัวนอนบนหินและพูดขึ้นมา คำพูดของเขาดูจริงจัง ซึ่งทำให้ผู้หญิงสองคนรู้สึกกดดันมากขึ้น แต่พวกเธอก็รู้สึกเคารพในวิธีการสอนที่เคร่งครัดของเย่ฉางด้วย
เย่ฉางหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาเปิดและดันหน้ากากจิ้งจอกสวรรค์ขึ้นเล็กน้อยเพื่อดื่ม เขาเฝ้าดูทั้งสองคนที่ยังคงฝึกซ้อมกันอย่างจริงจัง เขายิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นดวงจันทร์ที่สว่างบนท้องฟ้า เขาค่อยๆลดหน้ากากของเขาลงอีกครั้ง …
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันแรกของการสอบของมหาวิทยาลัย (เกมหยุดพักช่วงหยุดสัปดาห์สองวัน)
ในห้องพักของครูประจำชั้น กลุ่มเย่ฉางทั้งสามคนถือกระดาษข้อสอบเปล่าๆเดินเข้ามาในห้อง เย่ฉางเป็นคนแรกที่ยื่นมันให้กับอาจารย์ที่ใส่แว่นตา “อาจารย์ โปรดจำไว้ด้วยว่า ให้เกรดผมดีๆล่ะ …”
“เหมือนกัน …” จางเจิ้งเฉียงก็ยื่นส่งด้วยอีกคน
“ผมด้วย!” หลินหลี่วางกระดาษข้อสอบไว้อย่างดี
อาจารย์ประจำชั้นเริ่มหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เขามองไปที่จางเจิ้งเฉียง ผู้ซึ่งกำลังบีบกำปั้นและยืดข้อต่อของเขา มันส่งเสียงดังออกมาไปทั่วทั้งห้อง จากนั้นเขาก็มองไปที่กระดาษข้อสอบทั้งสามเล่ม เขายิ่งพูดไม่ออกเมื่อเห็นหลินหลี่ “อืม … อันนี้เป็นข้อสอบศิลปะสมัยใหม่นะ …”
“พี่ใหญ่ขาว, พี่ใหญ่เฉียง อาจารย์ประจำชั้นกำลังปฏิเสธผม …” ปอยผมของหลินหลี่หล่นลงมา ทำให้เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
“หลินหลี่ มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้หรอก อาจารย์ … ขอโทษด้วยนะ ไม่ทราบว่าผมจะเรียกคุณว่าอะไรดี …” เย่ฉางลูบหัวของเขาอย่างอายๆ เขามองไปที่อาจารย์ของภาควิชาปรัชญาแล้วก็ยิ้มให้ และเอามือวางบนไหล่ของหลินหลี่ ****เย่ฉางและจางเจิ้งเฉียงอยู่ภาควิชาปรัชญา ส่วนหลินหลี่อยู่ภาควิชาศิลปะ****
“เรียกฉันว่าอาจารย์โจว …” อาจารย์สวมแว่นตามองไปที่รอยยิ้มใต้เส้นผมสีขาวของเย่ฉางและสั่นสะท้านขึ้นมา ‘นี่เป็นคนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเขตตะวันออก เขาเป็นถึงจอมพลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เขาคืออาชูร่าขาว – เย่ฉาง’
“อาจารย์โจว คุณไม่สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่านี้ กับการสอบของหลินหลี่เลยหรือ? …” จางเจิ้งเฉียงดึงราวลูกกรงตรงหน้าต่างที่เป็นเหล็กออกมาพับเป็นชั้นๆ แล้วก็ดึงยืดมันให้ตรงอีกครั้ง เขาทำซ้ำๆราวกับเป็นของเล่น เขาจ้องเขม็งไปที่อาจารย์โจว เมื่อเห็นดังนั้น อาจารย์โจวก็กลืนน้ำลายลงคอและรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ปล่อยเรื่องนี้ให้ฉันจัดการเอง …”
“เอาล่ะ งั้นเราจะไม่รบกวนอาจารย์โจวแล้ว ลาก่อน …” เย่ฉางพยักหน้าอย่างสุภาพ เขาพาทั้งสองคนออกจากห้องพักครู อาจารย์โจวทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้และเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา เมื่อใดก็ตามที่วายร้ายทั้งสามปรากฏตัวขึ้น เขานั้นกลัวแทบตาย สมกับที่เป็นราชาสงครามศักสิทธิ์ เขามองไปที่กระดาษข้อสอบศิลปะของหลินหลี่และยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขาโทรไปหาเพื่อนที่ดีของเขา ซึ่งเป็นอาจารย์ผู้สอนวิชาศิลปะ “ได้โปรดให้เกรดเขาดีๆด้วยเถอะ … ฉันยังต้องการเห็นวันที่ลูกชายของฉันโตเป็นหนุ่มและแต่งงานมีครอบครัว … เพียงเพราะยังไม่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดนะ … เฮ้อ!”
กลุ่มของเย่ฉางได้พบกันที่สถานีรถไฟ และเดินทางขึ้นเหนืออีกครั้งเพื่อไปยังเมืองหลวง เมื่อพวกเขาขึ้นรถไฟ พวกเขาก็เห็นชิเซียวนั่งอยู่ข้างหน้าต่างและกำลังเล่นมือถืออยู่ พวกเขาเผยรอยยิ้มที่ดีใจออกมา FrozenCloud ถอนหายใจ ‘เขาโชคร้ายแค่ไหนนี่?’ เมื่อเร็วๆนี้ ทุกครั้งที่เขาไปเมืองหลวง เขาก็จะขึ้นขบวนเดียวกับเย่ฉาง ถ้าเป็นเธอล่ะก็ เธอจะหลีกเลี่ยงรถไฟที่หยุดรับตรงสถานีเมืองหลินไห่ … บางครั้งการทำอะไรโดยไม่วางแผนให้ดี ก็อาจทำให้ถึงตายได้
ชิเซียวรู้สึกเสียวสันหลัง ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นกลุ่มวายร้ายพวกนี้ที่กำลังยิ้มให้กับเขา ร่างกายทั้งหมดของเขาแข็งค้างทันที …