อาวุโสที่สองขมวดคิ้ว ผู้ชายผมขาวที่ใส่กางเกงชายหาดนั้นรวดเร็วเกินไป เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีที่พุ่งเข้ามาได้ เขาทำได้เพียงแค่ต้องปะทะตรงๆเท่านั้น! เขาไม่กล้าแบ่งความสนใจของเขาไปจากตรงหน้าได้เลย เพราะเจ้าสารเลวฉินซานกำลังปลดปล่อยพลังที่รุนแรงถึงขั้นที่จะสามารถระเบิดเขาออกเป็นชิ้นๆได้เลย ดังนั้นเขาจึงโคจรพลังซี่ออกมาถึง 70%
นิ้วมือที่เหมือนกับดาบของเย่ฉางต้องเผชิญหน้ากับแรงต้านทานอยู่เล็กน้อย และเจาะเข้าไปราวกับมีดผ่าตัด
‘แย่แล้ว!!’ ผู้อาวุโสที่สองประหลาดใจมาก
ในเวลานั้น มีมือที่ยื่นออกมาคว้าจับไปยังนิ้วที่เหมือนดั่งดาบของเย่ฉาง “ผู้มีพระคุณของรู่วหยาน ถ้าเป็นไปได้ นายควรให้ความสำคัญกับคนอื่นๆหน่อยนะ เราแค่ปล่อยให้พวกเขาทั้งสี่คนต่อสู้กันดีไหม?”
“ฉันไม่เคยอยากจะมีส่วนร่วมด้วยเลย มันเป็นความผิดของผู้อาวุโสลั่วที่ข่มขู่ฉัน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการหลบหนี แต่ที่ฉันโจมตีเข้าไปนั้น ฉันเพียงแค่เข้าใจถึงโอกาสที่มิสเตอร์ฉินและปู่ฉินมอบให้กับฉันก็เท่านั้น… อันที่จริงแล้ว ลองรับนี่ไปชิมดู! สตรองไดมอนด์ฟิงเกอร์ !” เย่ฉางแสดงออกถึงความสำนึกผิด และทันทีทันใดนั้น คมดาบที่เกรี้ยวกราดก็ถูกปลดปล่อยออกจากนิ้วมือของเขา ตอนแรกลั่วเฟิงเฉียงวางแผนที่จะปล่อยเย่ฉางไป แต่เขากลับพบว่านี่มันเป็นเรื่องหลอกลวงที่นำไปสู่การจู่โจมอย่างฉับพลัน จนทำให้เขารู้สึกแน่นหน้าอก ‘ไอเด็กสารเลวนี่ต่ำช้าเกินไปแล้ว’ เพียงพริบตา ขลุ่ยหยกที่เอวของเขาได้ยิงพลังดาบซี่ออกมา จนก่อให้เกิดเสียงจากการปะทะกันของดาบดังออกมา
ผู้อาวุโสลั่วหรี่ตาลง ‘เจ้าสารเลวน้อยคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือการบ่มเพาะก็ตาม แต่การที่เขาฝึกฝนร่างกายได้ในระดับที่สามารถรับดาบพลังซี่ของเฟิงเฉียงด้วยมือเปล่าของเขาได้ นั่นถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว … เขากำลังปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้อยู่สินะ อ่า! หรือเขาจะเป็นนักดาบ … ไม่ ไม่สิ! อย่างน้อยเขาก็ต้องอยู่ในระดับนักดาบวีรชน หรือไม่ก็อาจจะสูงกว่านั้น’
“เย่น้อย นายควรจะจริงใจมากกว่านี้นะ…” ก่อนที่ลั่วเฟิงเฉียงจะพูดจบ เย่ฉางก็ปลดปล่อยการโจมตีออกมาอีกครั้ง “ไลท์นิ่งพลาสม่าซอร์ด!!”
ดาบพลังแสงถูกยิงออกไปและระเบิดออกมา จนเติมเต็มท้องฟ้าไปด้วยริ้วดาบ มันปกคลุมลั่วเฟิงเฉียงเหมือนกับตาข่ายแสง ลั่วเฟิงเฉียงเลิกคิ้วขึ้น “เป็นการโจมตีที่ดี!”
พลังดาบซี่กระเพื่อมออกมาจากขลุ่ยหยก จนกวาดตาข่ายดาบออกไป แต่เย่ฉางก็ได้หายตัวไปซะแล้ว ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องของผู้อาวุโสที่สองก็ดังขึ้นมา “เอวของฉัน!!”
“สวยงามมาก!!” ฉินซานมองดูเย่ฉางใช้ 3 กระบวนท่า และประสบความสำเร็จในการลอบโจมตีอย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสที่สอง ผู้ที่มีความแข็งแกร่งยากหยั่งถึงราวกับมหาสมุทร ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หัวใจของผู้อาวุโสลั่วสั่นสะท้าน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง เขาใช้พลังเพียงแค่ 60% เท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะเด็กน้อยคนนี้ได้ ที่สำคัญคือเด็กน้อยคนนี้ยังสามารถลอบทำร้ายอาวุโสสองได้อีก เด็กสารเลวนั่นต้องมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการลอบสังหารอย่างแน่นอน…
“งานเลี้ยงเริ่มต้นแล้ว!” MistyVeil ตะโกนออกมา
เย่ฉาง, ฉินฮองและฉินซานต่างพากันถอยหลังกลับ และกระโดดออกจากซากปรักหักพัง จากนั้นก็เดินไปที่ทางเข้าด้านหน้า เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ผู้อาวุโสลั่วและผู้อาวุโสที่ สองได้แต่กัดฟัน ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูทั้งสามคนแสดงออกอย่างร่าเริง พวกเขาทั้งสองต่างเอามือลูบเอว ‘ความแค้นในครั้งนี้ เราจะต้องเอาคืนอย่างแน่นอน!’
“ไอเด็กเหลือขอคนนี้ มีทักษะในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันไม่สามารถมองผ่านกลลวงของเขาได้เลย…” ผู้อาวุโสที่สองพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เป็นเพราะความเร็ว ถึงแม้ว่าเขาอาจจะอ่อนแอที่สุดในที่นี้ แต่ความเร็วของเขารวดเร็วมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถพลิกแพลงไปมาได้เป็นอย่างดี ตระกูลฉินได้รับสมบัติที่มีค่ามากจริงๆ เด็กคนนี้ไม่ได้เป็นกบในบ่อน้ำอีกต่อไปแล้ว…”
ในขณะเดียวกัน ตระกูลฉินก็พากันเฮฮารื่นเริง
“เป็นการโจมตีที่ดีมากเจ้าลูกเขย ฮ่าฮ่า เมื่อฉันเห็นผู้อาวุโสที่สองกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันทำให้ฉันรู้สึกดีมากจริงๆ…” ฉินซานพูดออกมาโดยปราศจากความวิตกกังวล
“ฮ่าฮ่า มันไม่มีอะไรมากเลย เป็นเพราะรูปแบบเต่าทมิฬของลุงฉินที่ตรึงเขาเอาไว้ต่างหากล่ะ…” เย่ฉางพูดพร้อมกับนำมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงชายหาด และพลิกรองเท้าแตะไปมา
“อ่า สดชื่นจริงๆ นายเห็นไหมว่าฉันเอาชนะเจ้าแก่นั่นได้ จนทำให้หนวดของเขาบิดเบี้ยวไปเลยทีเดียว”
“แน่นอน อาวุโสฉินทรงพลังอยู่แล้วหนิ…” เย่ฉางพูดพร้อมกับบิดขี้เกียจ การตอบสนองที่เขาได้รับก็คือเทคนิคมังกรสวรรค์ – ฟ้าถล่ม! เขารีบหันหลังและหายตัวไปราวกับสายฟ้า โดยเขาวิ่งไปที่ห้องจัดเลี้ยง
“เจ้าเด็กสารเลว เขารู้จักทำให้คนโมโหได้ดีมากจริงๆ…” คำพูดเหล่านี้เตือนให้ฉินฮองนึกถึงการพบกันครั้งแรกกับเย่ฉาง ซึ่งเย่ฉางชกหมัดขวาอัดไปที่ท้องของเขา เวลานั้นเขารู้สึกเจ็บปวดมากจนรู้สึกว่าลำไส้ของเขาขดตัวบีบรัดกันแน่น แต่เขาก็ต้องฝืนทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เร็วมาก ศักยภาพของลูกเขยน่ากลัวมากจริงๆ ไม่ใช่ว่าพ่อเคยรับกำปั้นของเขาโดยที่ไม่ทุกข์ทรมานมาก่อนไม่ใช่หรอ รากฐานของเขาน่าหวาดกลัวมากจริงๆ พ่อสังเกตเห็นไหมว่าการกระทำทุกอย่างของเขาดูมั่นคงเป็นอย่างมาก? เขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยแม้แต่น้อย และพ่อรู้ไหมว่า เร็นลองเคยบอกผมในก่อนหน้านี้ว่า แท้จริงแล้วเขาไม่มีพลังซุปเปอร์พาวเวอร์ หรือพลังซี่เลย แต่เขาก็สามารถฉีกโลหะอัลลอยด์ราวกับฉีกกระดาษด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว…” ฉินซานถอนหายใจ หลังจากคิดถึงความสามารถพิเศษที่แข็งแกร่งของเย่ฉาง
“ด้วยความพละกำลังเพียงอย่างเดียว!?” ฉินฮองไม่สามารถทนเก็บความสงบเอาไว้ต่อไปได้
“ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่ผู้นำกลุ่มมังกรได้สืบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาด้วยตนเอง ศักยภาพของเขาน่าหวาดกลัวมากเกินไป ก่อนหน้านี้ ผมสงสัยว่าทำไมเขาถึงให้อางเฉียง และหลินหลี่มาเรียนรู้จากผม ขณะที่ตัวเขาเองไม่มาเรียนรู้ด้วย แต่ปรากฎว่าเขามีสไตล์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว สไตล์ที่มีแต่เขาเท่านั้นที่ทำได้ แค่เฉพาะในการแลกเปลี่ยนฝีมือครั้งล่าสุด เราก็ตระหนักถึงเทคนิคการลอบสังหารของเขาไปแล้ว ผมจึงรู้ว่าเขาเป็นคนบ้ามากแค่ไหน ถ้าละเลยความแข็งแกร่งของเขาแล้ว แม้กระทั่งวิธีการฆ่าของเขาก็โหดร้ายเป็นอย่างมาก มันเป็นการฆ่าที่จิตใจของเขาไม่เหลือแม้แต่อารมณ์หรือความรู้สึกผิดใดๆเลยสักนิด พ่อเชื่อไหมว่านี่คือเด็กหนุ่มอายุ 21 ปี?”
ฉินฮองเลือกที่จะเงียบ เมื่อตัวเขาอายุ 21 ปี เขายังคงมีส่วนร่วมในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นอย่างมีความสุขอยู่เลย ในขณะที่เด็กสารเลวคนนี้ ต้องแบกภาระในการเลี้ยงดูพี่น้องของเขา และต้องออกไปปฏิบัติภารกิจอีกด้วย “ครั้งสุดท้ายเมื่อเขาพูดถึงวิธีการสอบปากคำ ฉันไม่รู้สึกถึงเจตนาหรือความมุ่งร้ายจากเขาเลย เขาเป็นคนที่ลึกลับมากเกินไป แต่ยังไงก็ตาม เขาก็ยังเป็นคนที่เซียงเอ๋อพามาหาเราอยู่ดี…”
ฉินซานยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา และเดินไปพร้อมกับฉินฮองเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยง
เมื่อเย่ฉางพบจางเจิ้งเฉียงและคนอื่นๆ เขาจึงเดินไปนั่งกับพวกเขา แขกจำนวนมากได้เห็นชุดของเย่ฉางและขมวดคิ้ว แต่แขกบางคนที่มักจะอยู่กับคนในตระกูลฉิน รู้สึกเคยชินไปเรียบร้อยแล้ว หรือแม้กระทั่งบางคนที่หวาดกลัวกลุ่มของเย่ฉางก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาได้เห็นเย่ฉางคว้าจับกระสุนปืนได้อย่างง่ายดาย และจับกุมตัวมือสังหารได้อย่างสบายๆ ในสภาพที่มือสังหารเลือกที่อยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู๋ซะอีก … ทำให้ตอนนี้พวกเขารู้สึกหนาวสั่นอยู่ภายในใจเมื่อเห็นเขา
การมาถึงของ NalanPureSoul ทำให้ห้องโถงจัดเลี้ยงทั้งหมดอ้าปากค้าง ความสมบูรณ์แบบพิเศษของเขา ท่าทางที่ดูสง่างามเป็นอย่างมาก เหล่าแขกผู้หญิงได้แต่ก้มหัวลงด้วยความอิจฉา
NalanPureSoul มองไปที่กลุ่มของเย่ฉางและเดินตรงไป ข้างๆเขามีหญิงสาวที่สวยงามคนหนึ่ง เธอดูอายุราวๆ 25 ปี เธอมีใบหน้าเป็นรูปไข่ที่ประณีต และสวมชุดเดรสสีชมพู หญิงสาวคนนี้ก็คือ NalanMoon
“น้องชาย PureSoul… อุปกรณ์ขยายเวทมนตร์เป็นยังไงบ้าง?” เย่ฉางถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“มันคงจะดีกว่านี้ ถ้ามันถูกลงอีกสักหน่อย…” NalanMoon ขัดจังหวะอย่างไม่มีความสุข
“ผู้หญิงโง่เง่า! ถ้ามันราคาถูก มันน่าจะไปคู่ควรกับสถานะของน้องชาย PureSoul ได้ยังไงกัน!” เย่ฉางพูดอย่างชอบธรรม
NalanMoon กรอกตาไปมา และไม่สามารถหาคำพูดมาหักล้างได้
“ขอบคุณมาก พี่ชาย PaleSnow มันมีประโยชน์เป็นอย่างมาก…” NalanPureSoul อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่เป็นไร นายเป็นคนแรกที่ฉันคิดถึงเมื่อต้องการขายมัน เพราะเราเป็นพี่น้องที่ดีจากสมาคมไขว้ดาบ!” เย่ฉางลาก NalanPureSoul ไปเข้ากลุ่มที่น่าอึดอัดใจบางอย่างอีกครั้ง
NalanPureSoul ถอนหายใจ “พี่ชายเย่ฉาง พี่ช่วยหยุดพูดเรื่องการต่อสู้ด้วยการฟันดาบ, ไขว้ดาบ หรือสมาคมไขว้ดาบด้วยเถอะ เพราะเรื่องนี้…”
“นายไม่มีดาบงั้นหรือ?” เย่ฉางตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก แล้วก็เข้าใจ “นี่คือเหตุผลของนายสินะ แต่ฉันไม่สนใจหรอก งั้นครั้งต่อไปเราจะมาเล่นฟันดาบและโล่ก็แล้วกัน”
NalanPureSoul สั่นสะท้าน ‘เราไม่สามารถมีการสนทนาที่ปกติได้เลยสินะ! ฉันยังไม่ทันที่จะพูดจบเลยด้วยซ้้ำไป!! เฮ้อ’ เขาถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นว่า “ดาบและโล่คือ…”
“ฉันจะใช้ดาบของฉันเจาะทะลวงโล่ของนาย จนกว่านายจะไม่สามารถใช้งานโล่ของนายได้อีกต่อไป…”
เย่ฉางไม่ทันได้พูดจบก่อนที่หน้าของ NalanPureSoul จะกลายเป็นสีแดง และพูดขัดจังหวะเขาอย่างรวดเร็ว “แค๊ก แค๊ก พี่ชาย PaleSnow หยุดยั่วยุฉันได้แล้ว…”
“ฉันจริงจังนะ ถึงแม้ว่า…” เย่ฉางพึมพำ
“……”