มาร์ควิสอัสชาร่ายังคงลูบตรานักโทษอย่างแผ่วเบา เขามองไปที่แสงจันทร์และกล่าวด้วยความเคารพว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ฮาล์ฟเอลฟ์อย่างเราทุกคนต้องรวมกลุ่มกันเข้าไว้ เพื่อความอยู่รอดของพวกเรา … โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากการก่อจลาจลและความพ่ายแพ้ของวิเวียน จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกอย่างเด็ดขาด”
“ใช่แล้ว …” ครอสมาร์นึกถึงเมื่อตอนครั้งแรกที่เขามาถึงคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ และถูกมองด้วยทัศนคติที่เย็นชา เมื่อคนอื่นๆพบว่าเขาเป็นฮาล์ฟเอลฟ์ ถ้าไม่ได้การสนับสนุนจากอาร์คบิชอปมากิและมาร์ควิสอัสชาร่า มันจะเป็นเรื่องยากมาก สำหรับการที่เขาจะก้าวหน้าในเส้นทางนี้
ทะเลสาบจันทร์ครึ่งเสี้ยวในเมืองหลินไห่
เย่ฉางพบว่าฝีมือของเฉาเฉียงหยูพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถปล่อยให้เธอลองใช้รูปแบบการสั่นสะเทือนได้ เขาบอกกับเธอว่า “เธอสามารถลองใช้หนึ่งในสองรูปแบบได้แล้ว นั่นคือ การสั่นสะเทือน”
เฉาเฉียงหยูยกคิ้วขึ้นด้วยความดีใจ ในที่สุดเธอก็สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้แล้ว! เธอจำได้ว่าเย่ฉางเคยพูดว่าการสั่นสะเทือนคือ การใช้แรงต้านทานของอากาศทำให้เกิดคลื่นความถี่ขึ้นมา
เย่ฉางเอื้อมมือไปที่กระเป๋าสะพายด้านหลังของเขา และดึงดาบเรียวยาวที่สลักลายรูปดอกไม้ที่ด้ามดาบออกมา
เฉาเฉียงหยูมองไปที่ลักษณะของดาบ ‘ดาบนี้จะต้องเร็วมากแน่ๆ’
“ขั้นแรกให้วาดดาบของเธอแบบนี้ …” เย่ฉางเริ่มแสดงให้เธอเห็น เขาค่อยๆวาดดาบอย่างช้าๆ “จนทำให้อากาศส่งเสียงออกมาแบบนี้ โปรดจำไว้ด้วยว่า ให้ใช้วิธีการที่ฉันเคยสอนเธอไปในก่อนหน้านี้ แต่แทนที่เราจะแยกอากาศออกจากกัน ให้ทำตรงกันข้ามแทนแบบนี้ …”
ทันใดนั้น ดาบของเขาก็เริ่มสั่นและส่งเสียงก้องกังวานออกมา เย่ฉางหันหน้าไปทางทะเลสาบและฟาดดาบออกไป เกิดการระเบิดของอากาศอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีฟ้าร้องข้างๆหูของเธอ เฉาเฉียงหยูเห็นว่าน้ำในทะเลสาปเกิดการระเบิดและไม่ได้อยู่ในรูปของหยดน้ำ แต่มันถูกการสั่นของพลังซี่จนระเหยกลายเป็นไอเล็กๆ มันดูสวยงามมากภายใต้แสงจันทร์แบบนี้ เธอได้แต่ถอนหายใจออกมา ถึงสิ่งที่อาจารย์ของเธอได้ทำลงไป เขาแค่เหวี่ยงดาบแบบง่ายๆและดูสบายๆ แต่มันกลับมีอำนาจทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
“เข้าใจไหม?” เย่ฉางเก็บดาบลงในกระเป๋าของเขา ก่อนที่จะกลับมานั่งบนก้อนหินต่อ
เฉาเฉียงหยูพยักหน้าและพยายามทำตามที่เย่ฉางเพิ่งสอนไป อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถฝึกมันได้ เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
“อย่ารีบร้อน ค่อยๆทำไป การเหวี่ยงดาบแต่ล่ะครั้งของเธอ เธอต้องรับรู้ถึงความถี่ของการสั่นให้ได้เสียก่อน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจได้ภายในคืนเดียว ดังนั้นเธอต้องค่อยๆทำความเข้าใจทีล่ะนิดๆ นี่เป็นการทดสอบที่แท้จริง …” เย่ฉางพูดด้วยรอยยิ้มอันเงียบสงบ จากนั้นเขาคว้ากิ่งไม้และปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซูหยี่ยี่ทันที
ภายใต้การฟาดของเย่ฉาง ทำให้ซูหยี่ยี่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเธอก็ตกลงไปในน้ำ “มุมไม่ถูกต้อง …”
ซูหยี่ยี่เดินขึ้นมาจากน้ำและถ่มน้ำออกจากปาก เธอหัวเราะอย่างขมขื่นภายในใจเธอ ‘เขายังสามารถค้นพบข้อบกพร่องของฉันได้อีก? ไม่ใช่ว่าเขากำลังแนะนำเฉาเฉียงหยู?’ แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเก่งเรื่องศิลปะการต่อสู้เท่าไหร่ แต่เธอก็ยังสามารถรู้ว่าคนไหนแข็งแกร่งหรืออ่อนแอได้อาจพูดได้ว่ากระบวนท่าของเย่ฉางนั้นร้ายแรงมาก การเหวี่ยงดาบของเขา ทำให้ผืนน้ำระเบิดออกได้ ถ้าเป็นคนที่ถูกการโจมตีนี้ของเขา ร่างกายของคนๆนั้นจะแตกออกเป็นชิ้นๆทันที
เย่ฉางกลับไปที่บ้าพักชายทะเล และพบว่าเขาไม่มีอะไรทำ ดังนั้นเขาจึงล้มตัวลงบนเตียงและนอนหลับไป
ระหว่างที่เขานอนหลับอยู่ เย่ฉางฝันว่าเขากำลังยืนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง และเบื้องหลังเขาก็มีอูนา, ThornyRose, เย่เทียน, อาเฉียง, หลินหลี่, Cold Moon, Hunting Flame และคนอื่นๆอีก แต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆเขาก็เดินห่างออกไปจากพวกเขาทีล่ะนิดๆ และเขาค่อยๆเดินเข้าไปในความมืด มันเป็นความมืดไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีทั้งเสียง, ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงตัวเอง ทันใดนั้น เย่ฉางก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาและปัดผมที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากของเขา และเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขาล้างหน้าและมองตัวเองในกระจก “ฉันฝันไป?”
เย่ฉางเดินไปที่ชายหาดและมองออกไป นี่เป็นช่วงฤดูกาลที่ดีที่สุดในการชมทะเลแห่งดวงดาว เขาค่อยๆกลับมาสู่ความเฉยเมยตามปกติของเขา ลมทะเลค่อยๆพัดโชยมา ทำให้ผมสีขาวของเขาพริ้วไหวไปมา
เย่ฉางยังคงมองออกไปในทะเลอย่างเหมอลอย …
“พี่ใหญ่ขาว พี่นอนไม่หลับหรือไง?” หลินหลี่ที่กำลังจะไปฉี่ก่อนเข้านอน เขาบังเอิญเห็นเย่ฉางยืนอยู่บนชายหาด เขาจึงเดินเข้ามาหาเย่ฉางและยืนฉี่ลงทะเล …
เย่ฉางดึงกางเกงของเขาลงและฉี่พร้อมกับหลินหลี่ด้วย “ฉันแค่ออกมารับลมเล่นน่ะ นายยังคงฝันถึงพ่อแม่ของนายอยู่หรือไม่”
“อืม ผมยังฝันถึงพวกเขาอยู่ตลอด แต่ใบหน้าของพวกเขาเป็นสีดำ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้ …” หลินหลี่ดึงกางเกงของเขาขึ้นและนั่งลงบนชายหาด เขาเฝ้าดูคลื่นที่ซัดเข้ามาและล้างคราบรอยฉี่ของเขา
เย่ฉางลูบหัวหลินหลี่เบาๆ เขาสงสารหลินหลี่ที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง เย่ฉางถอนหายใจ “เฮ้อ ไปกันเถอะ กลับไปนอนได้แล้ว…”
หลินหลี่ลืมไปเลยว่ามือที่เย่ฉางลูบหัวเขานั้น เป็นมือที่จับช้างน้อยไปเมื่อกี้! ที่เย่ฉางทำเช่นนี้ เป็นเพราะเขานึกถึงครั้งแรกที่เขาจับมือกับหลินหลี่ …
วันต่อมา
เย่ฉางได้รับข้อความและมาถึงคฤหาสน์ของมาร์ควิสอัสชาร่า เขาเห็นผู้คนมายืนรอเขาอยู่เต็มไปหมด เขายิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าหนังสือรับรองได้ผ่านการอนุมัติแล้ว
เคลย์ไม่เข้าใจว่า ทำไมอัสชาร่าถึงสนับสนุนคนนอกที่เพิ่งมาถึง แถมยังได้แนะนำให้เขาเป็นเอิร์ลอีกด้วย ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ คนๆนั้นยังเป็นคนที่เขาช่วยเหลือให้ได้รับยศบารอน!? ทำให้ในตอนนี้ เขาสงสัยว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่! ความเร็วในการเลื่อนขั้นของชายผมขาวคนนี้รวดเร็วอย่างมาก เมื่อคิดถึงสถานะของเย่ฉางในฐานะหัวหน้าสมาคมเทพธิดาแล้ว เขาได้แต่ถอนหายใจ มันไม่มีอะไรที่เป็นเบาะแสได้เลย
ครอสมาร์มองไปที่การแสดงออกอย่างน่าสงสัยของเคลย์ เช่นเดียวกับความประหลาดใจของมาร์ควิสอีกสามคน ‘พวกคุณจะได้รู้ในอีกไม่นาน’
“เอาล่ะ! ตอนนี้เรามีข่าวดีมากมายที่จะเฉลิมฉลอง ซึ่งเอิร์ล PaleSnow ของเราได้ค้นพบแม่น้ำใต้ดินขนาดใหญ่ภายใต้อาณาเขตของเขา มันเชื่อมต่อกับเมืองแบล็กร็อคกับเมืองไวท์สโตน …” อัสชาร่าอธิบายแผนการของท่าเรือใต้ดินให้กับพวกเขา โดยเฉพาะการเน้นคำว่า ‘ดินแดนของเขา’ เขาบอกทุกคนว่าท่าเรือกำลังจะถูกสร้างในเร็วๆนี้
เคลย์ขมวดคิ้วอย่างหนัก ‘นั่นคือโครงการของพวกเขา! เจ้าสารเลว อัสชาร่า! แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะบ่น! ในอีกไม่ช้า เขาคงได้รับคำชื่นชมจากพวกระดับสูง’ เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า “นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทำไมคุณไม่ได้ปรึกษากับพวกเราก่อน มาร์ควิสอัสชาร่า, เอิร์ล PaleSnow การกระทำเช่นนี้ มันสมควรแล้วหรือ?”
“มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ เราก็เพิ่งได้รับข่าวมาไม่นานนี้เอง เราไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดมันไว้หรอกนะ …” อัสชาร่าหัวเราะเยาะอยู่ในใจ แต่เขายิ้มด้วยใบหน้าที่สง่างาม เขาพูดเป็นนัยๆว่าให้เย่ฉางเงียบเข้าไว้ และให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
เย่ฉางยืนเงียบๆอยู่ข้างอัสชาร่า
เคลย์ถอนหายใจ จากนั้นอัสชาร่าและมาร์ควิสคนอื่นๆได้บรรลุข้อตกลง เพื่อแลกกับการมีส่วนร่วมในท่าเรือ โดยพวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของอัสชาร่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ให้คนเหล่านี้มีส่วนร่วมเลย เนื่องจากเคลย์มีอิทธิพลมากในเมืองแบล็กร็อค เขาจึงเลือกที่จะให้มาร์ควิสทั้งสามคนมาร่วมมือด้วย สำหรับเรื่องที่เหลืออยู่นั้น เขาไม่ได้กลัวเลย พวกเขาก็เป็นแค่คนโง่สามคนที่ถูกหลอกใช้เท่านั้น
“ประโยชน์ที่มากับแม่น้ำใต้ดินนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่เราต้องระวังให้มาก การดึงคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ให้มาเข้าร่วมจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และฉันได้พูดคุยกับทางเมืองไวท์สโตนแล้ว สำหรับการก่อสร้างท่าเรือ ฉันได้ตรวจสอบมาแล้ว บริเวณแถวนั้น มันง่ายต่อการขยับขยาย ทั้งสองฝั่งจะต้องมีท่าเรือการค้าขนาดใหญ่ โดยเราจะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ในขณะที่จักรวรรดิจะรับผิดชอบท่าเรือทางทหาร ฉันได้วาดโครงการเอาไว้คราวๆแล้ว …” อัสชาร่าเอาพิมพ์เขียวการก่อสร้างออกมาให้ดู เย่ฉางจ้องมองอย่างว่างเปล่าโดยที่ไม่เข้าใจเลย เย่เทียนเหลือบมองอยุ่ห่างๆ มันเป็นการออกแบบที่ดีมากๆ แต่ก็ยังดูอ่อนด้อยมากเมื่อเทียบกับของเธอ ดังนั้นเธอจึงส่งพิมพ์เขียวของเธอไปให้เย่ฉาง ซึ่งเย่ฉางส่งต่อไปให้กับอัสชาร่า “นี่คือพิมพ์เขียวที่เราคิดมา คุณคิดยังไง?”
“ดี! ดีมากๆ! เอาล่ะ เราจะทำตามพิมพ์เขียวของคุณ มันเป็นการออกแบบที่แยบยลอะไรเช่นนี้!” อัสชาร่าอุทานออกมา ในขณะที่กำลังมองรายละเอียดต่างๆบนพิมพ์เขียว