เย่ฉางโรยผงที่บดจากราก Marshwalker ลงไปในซุปปลาเพื่อชำระล้างพิษ กลิ่นหอมเริ่มโชยออกมามากขึ้น เมื่อคิดว่าต้องกินซุปปลาที่หอมรัญจวนนี้ร่วมกับซาซิมิและซูชิ ทุกคนต่างก็ถอนหายใจออกมา พวกเขาเหมือนเห็นฉากที่ต่างกันในอาหารทั้งสามจานนี้ ได้แก่ สวรรค์, โลกมนุษย์และนรก
เย่ฉางกอดอกและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “อย่าชักช้าอยู่เลย ทุกคนรีบกินมันได้แล้ว …”
อูนาตรวจสอบอาหารทั้งหมด ซาซิมิสามารถเปลี่ยนเป็นอาหารตามปกติได้ ด้วยไวน์ชนิดพิเศษที่เตรียมไว้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องหาทางบรรเทาความทุกข์ทรมานในการกินซูชิ
เย่เทียนวิเคราะห์ข้อมูลนี้อย่างรวดเร็ว เธอใช้ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การอาหารที่มีอยู่ในหัวทั้งหมด แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะได้ข้อสรุปใดๆ … ‘การทำอาหารของพ่อ มันช่างมีความลึกลับที่ลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง’
ทุกคนวางแผนกินที่จะซุปปลาเป็นอันดับแรก แล้วก็กินซาซิมิที่ราดด้วยไวน์ชนิดพิเศษ พวกเขาคิดว่าอาหารสองอย่างนี้อาจได้รับการพิจารณาว่า เป็นอาหารจากฝีมือของเย่ฉางที่กินได้และดูท่าจะน่าอร่อย ในที่สุดพวกเขาก็มองไปยังอาหารจานสุดท้าย ที่ดูแล้วน่าหวาดกลัวมากที่สุด นั่นก็คือซูชิ! SpyingBlade มองไปที่บัฟของอาหารทั้งสามจาน เขาหายใจเข้าลึกและหยิบอาหารทั้งสามอย่าง ยัดเข้าไปในปากของเขาทันที เขาแทบไม่ได้มีเวลาที่จะกลืนมันลงคอ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะถล่นออกมา จากนั้นเขาก็ค่อยๆล้มลงกับพื้น
คนที่เหลือต่างอ้าปากค้าง นี่มันเป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความคิดของพวกเขาที่มีต่อซูชินี้นั้นถูกต้อง มันเป็นอาหารจานนรกชัดๆ! พวกเขาหันไปหาเย่ฉางที่กำลังชักกระตุกไปพร้อมกันกับ SpyingBlade หน้าอกของพวกเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง ‘เชี่ย! ถ้านายรู้ว่ามันน่ากลัวขนาดนี้แล้ว ก็ควรหยุดทำสิ่งอันตรายเหล่านี้ซะ!!’
ทุกคนพยายามกินอาหารตามลำดับที่แตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้นมา พวกเขาทั้งหมดต่างล้มลงกับพื้นและชักกระตุก แม้ผู้ทำอาหารอย่างเย่ฉางก็ยังไม่รู้เลยว่า จะกินอาหารทั้งสามจานนี้แบบไหนถึงจะปลอดภัยดี เนื่องจากเขาก็ยังมีฟองน้ำลายเต็มปากอยู่เลย
ในที่สุด เย่เทียนก็กลายร่างเป็นปีศาจตัวที่สอง ในสายตาของพวกเจ้าฟ้าน้อย, เร็นน้อย, เจ้าอาหารฉุกเฉิน และเจ้าซอสอ่อน เพราะทุกครั้งที่เธอจะกินอาหาร เธอมักจะบังคับให้พวกมันทั้งสี่ตัวกินก่อน จนพวกมันทั้งหมดนอนชักกระตุกอยู่บนพื้น จากนั้นเย่เทียนก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง เธอหยิบอาหารทั้งหมดขึ้นมากิน และแล้วเธอก็ค่อยๆเซล้มลงบนหน้าอกของเย่ฉาง แววตาของเธอมีทั้งความขมขื่นและความสุข จากนั้นเธอก็ชักกระตุก ‘พ่อคะ …’
ทุกคนค่อยๆตื่นขึ้นมา แน่นอนว่ายกเว้นอยู่คนหนึ่ง นั่นก็คือเย่เทียน ผู้ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลลำดับการกินอาหารไว้มากที่สุด จางเจิ้งเฉียงร่ายสกิล [Revive] ชุบชีวิตเธอขึ้นมา จากนั้นเย่ฉางยัดอาหารทั้งสามอย่างใส่ในปากของเธอ และหัวเราะเบาๆ “นี่คือการลงโทษที่ไม่ปล่อยให้ฉันเปิดกล่องลึกลับ …”
FrozenCloud, หลินหลี่, จางเจิ้งเฉียง และ SpyingBlade รู้สึกท้อแท้ใจ คนๆนี้เป็นคนบ้าและยังเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างแท้จริง พวกเขามองไปที่ดวงตาของเย่เทียน ซึ่งมีทั้งความเศร้า, ความเสียใจและความสุขเล็กน้อย จากนั้นดวงตาของเธอก็ถล่นออกมา และมีน้ำลายเต็มปากอีกครั้ง
เมื่อเย่เทียนฟื้นขึ้นมาแล้ว เย่ฉางจึงร่ายสกิล [Mark of the Wild] ให้กับทุกคน เพื่อเพิ่มค่าสถานะและความต้านทานทางธรรมชาติ จากนั้นเขาก็หยิบน้ำยาฟื้นฟูมานาขึ้นมาดื่มและนั่งลง เย่เทียนก็ร่ายบัฟสองอย่างให้กับทุกคน และเธอก็ดื่มน้ำยาฟื้นฟูมานา ในขณะที่นั่งมองเย่ฉางอย่างไม่พอใจ จากนั้นเธอก็หันหลังและจ้องมองอย่างดุเดือดไปที่หลินหลี่ ‘มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด! เพราะคำสาปแช่งที่เขาคอยสาปแช่งใส่ฉันเมื่อคราวก่อน มันยังคงฝังรากลึกอยู่บนตัวฉัน!’
อย่างไรก็ตาม หลินหลี่เอามือแคะขี้มูกและเช็ดมันลงบนไหล่ของ FrozenCloud ในขณะที่เธอไม่ได้รู้สึกตัวเลย เขามองเย่เทียนด้วยแววตาที่ดูถูก จากนั้นก็เลือกที่จะไม่สนใจเธอ ‘หึ! เธอยังอ่อนหัดเกินไป … เด็กน้อยเอ้ย’
เย่ฉางลุกขึ้นและพาทุกคนไปยังบึง ซึ่งบริเวณนี้ประเภทของสัตว์ปีศาจเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก แถวนี้มีจระเข้น้ำจืด, คางคกเชื้อรา และสัตว์ต่างๆที่อาศัยอยู่ในน้ำ สัตว์ชนิดแรกไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่มากนัก จระเข้น้ำจืดมีการโจมตีและความแข็งแรงสูงก็จริง แต่มันก็มีความเร็วที่ช้ามากๆ โดยสัตว์ประเภทนี้ พวกผู้เล่นทั่วๆไปมักจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ แต่ตัวที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ คางคกเชื้อรา เพราะมันมีความต้านทานเวทและความต้านทานพิษที่สูง สำหรับมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ พวกมันเป็นเพียงมอนเตอร์ชั้นสูงทั่วๆไปเท่านั้น พวกมันมีพลังป้องกันกายภาพและพลังชีวิตที่สูงมากก็จริง แต่พวกมันแพ้ไฟ ซึ่งคนที่สร้างความเสียหายต่อพวกมันได้มากที่สุดก็คือ เย่ฉางและหลินหลี่
เย่ฉางใช้ทักษะเก็บเกี่ยวได้ตะไคร่น้ำและเชื้อรา “เราได้วัตถุดิบใหม่ๆในการทำอาหารอีกแล้ว …”
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จำนวนจระเข้น้ำจืดและคางคกเชื้อราก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และพวกเขาก็ยังเจอถ้ำบนหน้าผา ซึ่งมันดึงดูดความสนใจของเย่ฉางมาก เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาหน้าถ้ำ ระบบก็ได้ประกาศขึ้นมาว่า
[ขอแสดงความยินดี คุณได้ค้นพบ ‘ถ้ำแห่งความมืด’ ดันเจี้ยนแบบเปิดจำกัด 15 คน!]
“นี่เป็นครั้งแรกที่ดันเจี้ยนแบบเปิดถูกพบ ฉันไม่รู้เรื่องที่เหลือ แต่ก็รู้ว่าพวกเราเป็นคนแรกในเมืองแบล็กร็อคที่ค้นพบมัน” FrozenCloud พึมพำ
“อะไรคือดันเจี้ยนแบบเปิด?” เย่ฉางถามอย่างงงๆ
FrozenCloud ถอนหายใจ เย่เทียนจึงอธิบายว่า “ดันเจี้ยนลับสามารถทำได้เพียงครั้งเดียว แต่สำหรับดันเจี้ยนแบบเปิดนั้นแตกต่างกัน มันสามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆ แต่บางอันก็มีข้อจำกัดต่างๆเช่น เวลาและจำนวนคน โดยมันอาจจะระบุว่าจำนวนคนสูงสุดเข้าได้กี่คน หรืออาจจะระบุว่าสามารถทำได้วันล่ะกี่ครั้ง ซึ่งโดยปกติแล้ว คนแรกที่ค้นพบดันเจี้ยนแบบเปิด จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่ามากๆ เพราะอัตราการดร็อปไอเทมในนั้นจะสูงเอามากๆ”
“โดยปกติแล้ว ปาร์ตี้หรือกิลด์แรกที่เคลียร์มันได้ ก็จะได้รับการประกาศจากระบบไปทั่วโลก” SpyingBlade พูดเสริม
“รีบไปกันเถอะ เราจะไปเคลียร์มันและได้รับการประกาศจากระบบเป็นคนแรก เราจะทำให้กิลด์ Happy Firmaments ของเรา มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น!” เย่ฉางชูมือขึ้นและพูดเหมือนผู้นำ
“หัวหน้าทีม นี่เป็นดันเจี้ยนแบบเปิดจำกัด 15 คนนะ! แต่เรามีเพียง 9 คนเท่านั้น ซึ่งมันอาจจะยากลำบากมาก เราน่าจะรวบรวมคนอีก 6 คนเพื่อจะได้มั่นใจในความสำเร็จ เราควรจะเรียกพี่สาวโรสและพรรคพวกของเธอมาดีไหม?” ตั้งแต่ที่ทุกคนเรียกเย่ฉางว่าหัวหน้าทีม อูนาต้องพูดตามคนอื่นอย่าจำใจ แต่ในใจลึกๆของเธอยังคงอยากเรียกเขาว่าเย่ฉางมากกว่า
“ฉันจะลองชวนเธอดู…” เย่ฉางโทรติดต่อ ThornyRose อย่างไม่เต็มใจ “สวัสดี เธอเป็นอย่างไรบ้าง~?”
หน้าอกของ ThornyRose กระเพื่อมขึ้น เธอรับรู้ว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ “นายมีธุระอะไร?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันไม่ได้เห็นเธอมานาน ฉันจึงคิดถึงเธอ ฉันก็เลยอยากจะถามว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง และฉัน… ” เย่ฉางยังไม่ทันได้พูดจบ ก่อนที่เสียงบี๊บจะดังมาจากปลายสาย
“ว้า ตัดสายไปซะแล้ว! ดูเหมือนว่าพวกเธอกำลังยุ่งอยู่นะ งั้นพวกเราเข้าไปกันเถอะ…” เย่ฉางลูบคางของเขา แสร้งทำเป็นพวกรู้ดีและพูดออกมา
ทุกคนกลอกตามองเขาและคิดในใจ ‘ถ้าฉันเป็นพี่สาวโรส ฉันก็คงอยากตื้บไอบ้านี่สักครั้ง’ พวกเขาทั้งหมดต่างถอนหายใจออกมา
“เดี๋ยวก่อน! แม้ว่าการเชิญพวก ThornyRose จะไม่สำเร็จ แต่สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้ก็คือนักเวทธาตุไฟนะ เพราะสถานที่แห่งนี้จำเป็นต้องใช้ไฟในการกำจัดมอนเตอร์ธาตุน้ำ ถึงแม้ว่าหัวหน้าทีมจะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี …” คำพูดของ SpyingBlade ทำให้ทุกคนพยักหน้าตาม
เย่ฉางกอดอกและเริ่มคิด จากนั้นเขาก็โทรหา NalanPureSoul “เฮ้! นายเป็นยังไงบ้าง? พี่น้องแห่งการไขว้ดาบ …”
“เรายังไม่ได้ไขว้ดาบกันนะ! และอย่ามาเรียกฉันว่า พี่น้องแห่งการไขว้ดาบ!!!” เสียงตะโกนที่น่ารักดังมาจากปลายสาย
“ฮ่าๆๆ ฉันแค่หยอกเล่นหน่า น้องชาย PureSoul! ที่ฉันโทรมานี่ ฉันต้องการผู้ช่วยหนึ่งคน!! น้องชาย PureSoul จะมาช่วยฉันได้ไหม!? แน่นอนว่าจะมีรางวัลให้สำหรับน้ำใจในครั้งนี้ของน้องชาย …” เย่ฉางจงใจเน้นคำว่า หนึ่งคน
NalanPureSoul ที่เพิ่งเคลียร์เควสเสร็จ และกำลังจะกลับไปที่เมืองแบล็กร็อค เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ฉาง เขายักคิ้วขึ้น “ขอรายละเอียดหน่อย …”
เย่เทียนส่ายหน้าและกระซิบเย่ฉางเบาๆ “พ่อคะ เราต้องรอให้เขามาหาเราก่อนแล้วค่อยบอก ถ้าขืนเราบอกเขาในตอนนี้ มันจะไม่เป็นผลดี เนื่องจากกิลด์ Freedom Alliance มีพลังมากพอที่จะเคลียร์ดันเจี้ยนแบบเปิดอันนี้ได้”
“ในตอนนี้ฉันไม่สามารถบอกนายได้ เราจะพูดคุยกันเมื่อนายมาถึงแล้ว แต่นายต้องมาคนเดียวนะ เพราะฉันต้องการแค่นายเท่านั้น ห้ามให้คนอื่นตามมาด้วย” เย่ฉางเริ่มใช้ถ้อยคำที่พวกพระเอกชอบเอามาพูดในตอนท้ายของละคร FrozenCloud และคนอื่นๆ จำได้ว่าถ้อยคำเหล่านี้มาจากละครที่พวกเขาเพิ่งดูไป มันเป็นละครที่มีตัวเอกเป็นไอดอลชายสองคน…