เย่ฉางนอนบนเตียงและกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมา ในเมื่อไม่มีละครสนุกๆให้ดูแล้ว ดังนั้นเขาจึงกลับเข้าสู่เกมและเดินเล่นไปรอบๆเมือง เมื่อเขามาถึงร้านบ้านชาแล้ว เขาก็เห็นว่ามันเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ ในตอนนี้อลิสกำลังเตรียมของว่างอยู่ เขาเดินเข้ามาในร้านและยิ้มให้กับเธอ “โย่ เป็นยังไงบ้าง ยุ่งมากไหม?”
“ยุ่งมากๆเลย ฉันกำลังวางแผนที่จะจ้างผู้ช่วยอีกสองคน แต่ดูเหมือนว่านายจะว่างจังเลยนะ …” อลิสบ่น
“งั้นเธอควรไปพักบ้าง เดี๋ยวฉันจะช่วยดูแลเรื่องต่างๆให้เอง …” เย่ฉางพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใยเธอ แล้วก็เริ่มใส่ผ้ากันเปื้อน อลิสหลั่งเหงื่อเย็นออกมาทันที หลังจากที่เธอทำงานอย่างหนัก เพื่อทำให้ร้านบ้านชาเป็นที่นิยมขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าผู้ชายคนนี้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย แน่นอนว่าร้านนี้จะกลายเป็นร้านผีสิง! เธอรีบห้ามปรามเขา แต่มันก็สายเกินไปแล้ว เพราะตอนนี้เย่ฉางกำลังทุ่มเทให้กับการทำอาหารทอดและขนมอบบางอย่างอยู่ จากนั้นเขาก็เพิ่มเมนูเหล่านี้ลงไปในเมนูหลักของร้านบ้านชา
อลิสมองไปยังสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านั้น และเขียนคำเตือนไว้ด้านหลังเมนูว่า ‘มีแนวโน้มที่จะเป็นอาหารแห่งความมืด หากไม่มีความจำเป็นใดๆ อย่าสั่งเมนูนี้เด็ดขาด’
แต่สิ่งที่อลิสไม่ได้คาดหวังก็คือ มีผู้ที่พยายามจะสั่งเมนูนี้จริงๆ เมื่อพวกเขาเห็นบัฟจากอาหาร พวกเขาก็อ้าปากค้าง มันเทียบเท่ากับการสวมอุปกรณ์ระดับ Gold 1 ชิ้นเลยทีเดียว! นอกจากนี้พวกเขายังสามารถรับบัฟซ้อนกันได้ตั้ง 3 บัฟอีกต่างหาก! ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงเพียงเล็กน้อย โดยมันมีราคาอยู่ที่จานละ 50 เหรียญเงิน แต่บัฟของอาหารนี้จะดีสำหรับการพิชิตบอสหรือพวกมอนเตอร์ชั้นสูงขึ้นไป! หลังจากที่มีคนพยายามฝืนใจกินอาหารนี้เข้าไปแล้ว เขาก็ค่อยๆล้มลงและมีน้ำลายฟูมปาก คนที่อยู่ใกล้ๆก็หลั่งเหงื่อเย็นออกมา แม้ว่าบัฟของอาหารจะให้ค่าสถานะที่ดี แต่อาหารนี้ก็น่าหวาดกลัวมากเกินไป พวกเขาเฝ้ามองขณะที่คนเหล่านั้นค่อยๆตื่นขึ้นมา และเอามื้อล้วงคอเพื่อที่จะสำรอกมันออกมา แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่จะต้องได้รับพร้อมกับบัฟที่สุดยอด …
แม้พวกเขาจะเห็นสีหน้าที่ทุกข์ทรมานของคนที่เพิ่งกินไป แต่พวกเขาก็ยังคงซื้ออาหารเมนูนี้กันอยู่ดี เมื่อเย่ฉางรู้ว่าเมนูของเขาขายดิบขายดี เขาจึงรีบทำไว้เป็นตันๆและใส่ไว้ในคลังเก็บอาหารของร้าน เขามองไปที่อลิสและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เห็นแล้วหรือยัง? ฉันเคยบอกเธอแล้วนี่ว่า อาหารของฉันมันสุดยอดมากแค่ไหน!!”
อลิสมองไปยังคนที่กำลังอาเจียนอยู่บนพื้น ‘หรือว่าคนเหล่านี้จะปัญญาอ่อนมาก?’ เธอขมวดคิ้วและส่ายหัว ‘เอาล่ะ! ตราบเท่าที่มันยังขายได้อยู่ ฉันคงต้องจำใจขายมันสินะ อีกอย่างลูกค้าก็เป็นคนตัดสินใจที่จะซื้อเอง! และส่วนใหญ่ก็เลือกซื้อแบบห่อกลับบ้าน หลังจากที่พวกเขากินอาหารเมนูปกติอื่นๆเสร็จแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ได้แย่สักเท่าไหร่’
เย่ฉางฮั่มเพลงเบาๆ ในขณะที่เขากำลังทำอีกเมนูหนึ่ง เขาใช้เจลสไลม์และของเหลวซอมบี้หมักกับเนื้อคางคกเพื่อจะนำไปทอด จู่ๆระบบก็แจ้งเข้ามาว่า ทักษะการทำอาหารของเขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับมาสเตอร์แล้ว เขาดีใจมากและรีบส่งข้อความแจ้งให้แก่ทุกคนได้รับรู้กันทันที ผู้รับข้อความจากเขาต่างรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก พวกเขายังไม่ได้มีโอกาสปรับตัวกับระดับในก่อนหน้านั้นเลย แต่ในตอนนี้พวกเขาต้องมาเผชิญกับระดับที่สูงขึ้นอีกขั้น! พวกเขารู้สึกแย่เอามากๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ฉางแปลกใจอย่างมากก็คือ นอกเหนือจากการได้รับ 4 บัฟแล้ว เขายังได้รับความสามารถพิเศษระดับ Heroic อีกด้วย
Dodola’s Gluttonous Knowledge (Heroic – Beginner Level) :+ 18% ทุกค่าสถานะ (ได้รับผลกระทบจากระดับทักษะการทำอาหาร), สร้างความเสียหายต่อมอนเตอร์ที่มีชีวิตเพิ่มขึ้น 25%, บัฟจากอาหารทั้งหมดเพิ่มขึ้น 30% และมีโอกาสค้นพบจุดอ่อนของมอนเตอร์ที่มีชีวิต
ค่าสถานะของเขาถูกยกระดับขึ้นมาไม่น้อย การเพิ่ม 18% ทุกค่าสถานะ ทำให้ค่า Intelligence ของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ปัญหาต่อไปก็คือ เขาอยากเพิ่มความเร็วในการร่ายเวท ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเลื่อนระดับความสามารถพิเศษ [Azeroth’s Magic Proficiency] จากขั้นเริ่มต้นให้เป็นขั้นสูง จากนั้นเขาก็ลองเลื่อนระดับความสามารถพิเศษ [Dodola’s Gluttonous Knowledge] ดู แต่ระบบแจ้งเตือนขึ้นว่า เลเวลของเขายังไม่เพียงพอ
Azeroth’s Magic Proficiency (Heroic – Advanced Level) : +25 Intelligence, ค่าสถานะ Intelligence จะเพิ่มขึ้นจาก 20% ของค่าสถานะทั้งหมด,พลังโจมตีเวทมนตร์เพิ่มขึ้น 30% และการร่ายเวทมนตร์ลดลง 60% ของค่า Intelligence”
ค่าสถานะ Intelligence, พลังโจมตีเวทมนตร์และความเร็วในการร่ายเวทของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เย่ฉางเดินออกจากร้านบ้านชามา และมุ่งหน้าไปที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์และเห็นว่าจางเจิ้งเฉียงกับผู้ฝึกสอนชรากำลังออกกำลังกายกันอยู่ เย่ฉางจึงไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเขา จากนั้นเขาก็ไปยังสมาคมผู้อัญเชิญ เขาเห็น OldWangFromNextDoor และผู้ฝึกสอนของเขากำลังทำบางสิ่งที่ไม่ดีกับพวกซัมมอนของพวกเขา ทำให้เย่ฉางถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาจึงเดินหนีไปยังสมาคมพ่อค้าอาวุธ และเห็นหลินเหลี่ที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า กำลังชี้ดาบยักษ์ข่มขู่เอาเงินจากลูกค้าอยู่บนเวที เขากำลังโชว์ประสบการณ์การท้วงเงินของเขา ให้กับสมาชิกที่อยู่ด้านล่างเวที ซึ่งเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก
เย่ฉางถอนหายใจออกมา เขาดึงฮู๊ดหมาป่าขึ้นมาสวมและแหงนหน้ามองท้องฟ้า “น่าเบื่อจัง … ฉันควรจะทำอะไรดี? … ลองไปที่สมาคมนักผจญภัยและรับเควสดีกว่า”
เย่ฉางมาถึงสมาคมนักผจญภัยและกล่าวทักทายผู้อาวุโสทุกคน เขาเดินขึ้นไปชั้นบนและจ้องมองกระดานภารกิจ “ลูกสาวของเอิร์ลคาลาต้าไม่มีความมั่นใจที่จะออกไปข้างนอก ฉันหวังว่าจะมีใครบางคนสามารถพูดคุยกับเธอได้”
“เอาเควสนี้แหละ มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น …” เย่ฉางพยักหน้า
เย่ฉางทำตามรายละเอียดของเควสและไปถึงที่บ้านของเอิร์ลคาลาต้า ตั้งแต่ที่เขาได้รับยศเป็นเอิร์ลแล้ว พวกยามหน้าประตูก็ให้เขาผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากที่สอบถามข้อมูลบางอย่างเท่านั้นเอง เอิร์ลคาลาต้าเห็นว่าแขกผู้มาเยือนคือเอิร์ล PaleSnow ที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และยังเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของมาร์ควิสอัสชาร่าอีกด้วย ตัวเอิร์ลคาลาต้าอยู่ในฝ่ายที่เป็นกลาง แต่ก็ยังคงเอนเอียงไปทางด้านของมาร์ควิสอัสชาร่าอยู่นิดๆ ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเย่ฉางมาที่บ้านของเขา เขาจึงเชิญเย่ฉางเข้ามาในห้องอย่างเต็มใจ
“ลูกสาวคนนี้ของฉันเป็นคนสวยมากๆ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นบางคนที่เกลียดเธอ เขียนคำว่า ‘ยัยขี้เหร่’ บนใบหน้าของเธอ นับตั้งแต่นั้นมา เธอก็ไม่มีความมั่นใจในการออกไปข้างนอกอีกเลย เธอกลัวแม้กระทั่งการส่องกระจก เรื่องนี้มันทำให้ฉันปวดหัวเอามากๆ ในเมื่อเอิร์ล PaleSnow มาเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นคุณต้องมีวิธีแก้ไขใช่ไหม?”
“อืม ผมจะทำจนสุดความสามารถก็แล้วกัน ว่าแต่ท่านเอิร์ลคาลาต้า แล้วลูกสาวของคุณอยู่ที่ไหน?” เย่ฉางพูดตามบทละครดราม่าที่เขาเคยดูมา
เอิร์ลคาลาต้าพาเย่ฉางไปที่ห้องของลูกสาวตัวเอง แต่ก่อนที่เย่ฉางจะเข้าไปในห้อง เขาหันมาพูดกับเอิร์ลคาลาต้าอย่างจริงจังว่า “เมื่อผมเข้าไปในห้องแล้ว ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไรก็ตาม คุณอย่าเข้ามาในห้องเด็ดขาดเลยนะ…”
เอิร์ลคาลาต้าลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งด้วยความสงสัย แต่ก็พยักหน้าในที่สุด “ฉันเข้าใจแล้ว”
เย่ฉางเดินเข้าห้องและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมสีชมพูอ่อน เธอสวมชุดนอนและนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง
หญิงสาวเหลือบมองมาที่เย่ฉางอย่างงงๆ เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ คิ้วของเย่ฉางยกขึ้น ‘เธอสวยมากทีเดียว และเธอจะสวยมากกว่านี้ เมื่อใส่ชุดเดรสและรองเท้าส้นสูงที่ฉันเป็นคนออกแบบ’ เขาเดินเข้าไปหาเธอ และดึงเธอลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก็ยัดผ้าเช็ดหน้าไว้ในปากของเธอ หญิงสาวโกรธมาก แต่เธอก็ไม่สามารถหลบหนีออกไปจากเงื้อมมือของเย่ฉางได้ เธอไม่สามารถแม้แต่จะต่อต้านหรือกรีดร้องใดๆออกมา เธอทำได้แค่เพียงเฝ้าดูอย่างหวาดกลัว ในขณะที่เย่ฉางฉีกชุดนอนของเธอออก และนำชุดที่เขาเตรียมไว้มาสวมให้เธอ
เขาพาเธอมานั่งตรงหน้ากระจก จากนั้นเขาก็หยิบกรรไกรออกมาชี้ใส่ตาของเธอ และพูดว่า “หยุดร้องไห้และดิ้นรนได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะกรีดใบหน้าของเธอซะ …”
หญิงสาวกลัวมากๆ จนต้องรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ เธอเฝ้าดูขณะที่เย่ฉางตัดผมและดัดผมของเธอเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทาแป้งบางอย่างลงบนใบหน้าของเธอ
เย่ฉางหยิบเครื่องประดับบนโต๊ะมาใส่ให้กับเธอ ในที่สุดเขาก็บอกให้เธอลุกขึ้นยืน เขามองไปยังผลลัพธ์ที่ออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะพอใจอย่างมาก ก่อนที่เขาจะดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากปากของเธอ และปล่อยให้เธอชื่นชมความสวยของตัวเองในกระจก เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองกระจกอย่างเหมอลอย เขาจึงเดินออกจากห้องและพูดกับเอิร์ลคาลาต้าด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว …”
เอิร์ลคาลาต้ารู้สึกตะลึง เมื่อมองเข้าไปในห้องและเห็นลูกสาวของเขาแต่งกายอย่างหรูหรา ลูกสาวของเขากำลังจ้องมองความงามของตัวเองในกระจกโดยสายตาไม่กระพริบเลย เขาไม่เคยคิดเลยว่า ลูกสาวของเขาจะสวยงามมากขึ้นได้ขนาดนี้ ไม่มีใครจะปฏิเสธเลยสักคนเดียว ถ้าหากเธอถูกเรียกว่าเจ้าหญิง เขาตบไหล่เย่ฉางและพูดอย่างดีใจว่า “ฉันรู้สึกขอบคุณ เอิร์ล PaleSnow มากๆ พ่อบ้านพาเอิร์ล PaleSnow ไปห้องเก็บของสะสมของฉัน และปล่อยให้เขาเลือกไอเทมไป…”