หลินซ่งหยูมองเห็นชายผมขาวเดินมายังล้านกว้างหน้าตำหนักดาบ สายตาของเขาถูกดึงดูดไปที่ดาบตรงเอวของชายผมขาว เขารู้สึกคุ้นเคยกับดาบเล่มนี้ แต่ในความเป็นจริงเขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าดาบเล่มนี้ทำขึ้นมาจากวัสดุอะไร
หญิงผมขาวเดินออกจากตำหนักดาบ ในมือของเธอถือดาบสีดำเอาไว้อยู่ เธอมองไปยังหลินหลี่ผู้ซึ่งถอดแบบออกมาจากพ่อของเขา และพูดออกมาอย่างใจเย็น “ยอมแพ้ซะ ฉันสามารถอภัยโทษให้นายในฐานะของเจ้าบ้านได้ แต่ลูกของซ่งหยู่ต้องอยู่ที่นี่”
“เธอนั่นแหละยอมแพ้ไปซะ ฉันสามารถปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ผู้ชายคนนั้นต้องถูกหลินหลี่ลงโทษ” เย่ฉางตอบกลับไปอย่างสงบ
ผู้หญิงผมขาวแข็งทื่อ เธออดที่จะเผยอยิ้มออกมาไม่ได้ ผมหงอกสีขาวของเธอดูเหมือนจะกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย และสัญลักษณ์ดาบตรงหว่างคิ้วของเธอ ดูเหมือนจะกระสั่นไหวไปชั่วครู่ “นายแน่ใจนะว่า…”
ก่อนที่เธอจะทันพูดจบ คลื่นดาบของเย่ฉางก็มาถึงตัวเธอแล้ว หญิงผมขาวตื่นตระหนกทันที ‘เร็วมาก!!’ เธอรีบยกดาบขึ้นเพื่อป้องกัน แต่ก็ตระหนักได้ว่า ไม่มีทางที่เธอจะป้องกันได้ทันเวลา เธอทำได้เพียงแค่เฝ้ามองดูคลื่นดาบของเขาที่ราวกับเป็นลำแสง ที่กำลังจะแทงทะลุไปที่หน้าอกของเธอ วินาทีนั้นเธอก็ระเบิดพลังลมปราณออกมา เพื่อเบี่ยงเบนคลื่นดาบของเย่ฉางออกไป เธอทำได้เพียงแต่เฝ้ามองคลื่นดาบอัดกระแทกลงบนพื้นดิน พื้นดินได้สั่นไหวอย่างรุนแรง และบริเวณพื้นข้างล่างก็ได้แตกออกจากการสั่นสะเทือน เธอขมวดคิ้วขึ้น ‘นี่คือเพลงดาบอะไรกัน!? เพลงดาบของเขาไม่มีการปรากฏถึงร่องรอยใดๆ แต่การเคลื่อนไหวของเขาในก่อนหน้านี้ เป็นเพียงเทคนิคการแทงขึ้นพื้นฐานเท่านั้น แต่มันก็ช่างรวดเร็วซะเหลือเกิน’ เธอมองไปยังมือของเย่ฉาง ซึ่งเขายังคงจับอยู่ที่ด้ามดาบราวกับไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว อันที่จริงแล้ว เธอทำได้เพียงแค่รับรู้ด้วยความรู้สึกเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ทัน
เย่ฉางหันไปทางผู้หญิงผมขาวและยิ้มออกมา “หลบได้เยี่ยมมาก…”
ในเวลานี้ เส้นเลือดบนมือของเย่ฉางได้ปูดโปนขึ้นมา เขาหันหน้าไปทางด้านบนของตำหนักดาบ และปลดปล่อยแรงกดดันออกมา อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์คนนั้นก็ดูราวกับว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาเลย ทันใดนั้น ก็มีคลื่นอัดกระแทกที่ควบแน่นกันเป็นเกลียวคลื่นที่รุนแรง จนทำให้เกิดพายุถูกยิงออกไปยังชั้นบนสุด ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ข้างบนได้ตวัดดาบของเขาเพื่อรับมือกับคลื่นอัดกระแทก ด้วยการสร้างประกายดาบรูปดวงจันทร์ขนาดยักษ์ออกมา ทันทีที่ประกายดาบดวงจันทร์ถูกสร้างขึ้นมา มันก็ถูกบดขยี้ด้วยเกลียวคลื่นกระแทกที่รุนแรงจนแตกเป็นชิ้นๆ และสร้างหลุมขนาดใหญ่ไว้ที่ชั้นบนสุดของตำหนักดาบ ถ้าผู้อาวุโสคนนี้ลงมือช้ากว่านี้ไปเพียงนิดเดียว เขาก็คงไม่พ้นที่จะต้องกลายเป็นหลุมที่พื้นแทน
ผู้หญิงผมขาวเริ่มวาดสัญลักษณ์ด้วยดาบของเธอ ดาบสีดำของเธอแปรเปลี่ยนเป็นดาบนับพันเล่ม แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกหนาวเหน็บที่คอ เธอหันไปและเห็นเย่ฉางยิ้มอย่างแผ่วเบาอยู่ตรงด้านหน้าเธอ และดาบของเขาก็จ่อไปที่คอของเธออยู่ ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งตัว
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่า ดังนั้น … ฉันหวังว่าเธอจะใจเย็นลงกว่านี้นะ เข้าใจใช่ไหม…?” เย่ฉางยิ้มออกมา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป มือที่เคยล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง แต่ในตอนนี้ มันข้างนั้นได้ถือแขนเรียวยาวติดไปด้วย เมื่อหญิงผมขาวมองเห็นแขนของตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็หันไปหาแขนที่ขาดหายไปของเธอ ‘เมื่อไหร่กันที่เขาฉีกแขนฉันออกไป!?’ ตอนนี้เลือดได้เริ่มไหลออกมา! เธอจึงรีบคุกเข่าลง และสกัดจุดด้วยมือซ้ายของเธอเพื่อหยุดเลือดที่กำลังไหล เย่ฉางโยนแขนที่ฉีกมาคืนให้กับเธอ และเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงต่อ
หญิงผมขาวมองไปที่รอยยิ้มอันเงียบสงบของเย่ฉาง และรู้สึกหนาวสั่นอยู่ภายในใจ ‘ผู้ชายคนนี้… เดี๋ยวก่อนนะ… เขาดูคล้ายกับอาดัมมาก หรือเขาอาจจะเป็น…’
“นายเป็นมนุษย์เทียมงั้นหรือ!?”
เย่ฉางไม่ตอบ เขาพยักหน้า แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัว
หลินหลี่เริ่มเปิดปากพูด “เอาพ่อของฉันคืนมานะ! พวกคุณมันพวกคนเลว!”
จางเจิ้งเฉียงอดยกย่องออกมาไม่ได้ ‘คนเหล่านี้ร้ายกาจมากเกินไป แต่เพื่อนของฉันกลับน่าประหลาดมากกว่าอีก’
หญิงผมขาวคว้าจับมือที่ฉีกขาดของเธอ เธอถามเขาหลังจากดื่มยาบางอย่างลงไป “สำหรับนายแล้ว ดาบคืออะไร?”
“เครื่องมือ” เย่ฉางพูดอย่างเฉยเมย เขามองไปยังผู้อาวุโสที่บินเข้ามาจากระยะไกล และขมวดคิ้วขึ้น มือที่ล้วงอยู่ภายในกระเป๋ากางเกงก็เลื่อนไปจับที่ฝักดาบ
หลินซ่งหยูกลายเป็นหวาดกลัวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นอาวุโสที่สามได้พ่ายแพ้ให้กับเย่ฉาง แต่เมื่อเขาเห็นผู้อาวุโสสูงสุดที่เขาเคารพนับถือกำลังบินเข้ามา เขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เขาโค้งคำนับให้กับผู้อาวุโสที่สวมชุดสีขาว “ผู้อาวุโสสูงสุด”
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เขามองไปที่หญิงสาวผมขาวที่ถือแขนข้างขวาของตัวเองไว้ “ซ่งหยินพ่ายแพ้? ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ด้วยการก้าวกระโดดที่เบาบาง ผู้อาวุโสสูงสุดก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างของซ่งหยิน เขามองไปยังผมสีขาว, คิ้วสีขาว และขนตาสีขาวของเย่ฉาง ผู้อาวุโสสูงสุดเพียงแค่โบกมือ และดาบนับหมื่นเล่มก็ปรากฏออกมา พร้อมกับหันไปทางเย่ฉางและพุ่งออกไป
เคล็ง~ เคล็ง~ เคล็ง~ เคล็ง~ มือของเย่ฉางกลายเป็นเลือนลาง ดาบนับหมื่นที่พุ่งเข้ามา ไม่มีแม้แต่เล่มเดียวที่ได้เข้ามาใกล้พวกเขาทั้งสามคน มีเพียงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเสียงของดาบปะทะกัน
ในขณะนี้ มือซ้ายของเย่ฉางก็ได้โยนฝักดาบลงไปบนพื้น เผยให้เห็นใบดาบสีขาว เขาขมวดคิ้วขึ้น ในตอนนี้เขาได้ปลดล็อคยีนครั้งที่ 6 ไปแล้ว เขาหวังว่าจะไม่ต้องปลดล็อคยีนขึ้นไปถึงครั้งที่ 8
“อาเฉียง หลินหลี่ ถ้าฉันบอกให้พวกนายถอยไป พวกนายต้องหนีไปให้ไกลๆเลยนะ ฉันกลัวที่จะต้องทำร้ายพวกนายทั้งสองคน” เย่ฉางพูดกับพี่น้องของเขาที่อยู่ด้านหลัง
“พวกเราเข้าใจแล้ว” จางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่ก็ถอยห่างออกไปไม่กี่ก้าว และยังคงถือป้ายประท้วงอยู่
เย่ฉางพุ่งออกไปข้างหน้า และโผล่ไปประชิดตัวผู้อาวุโสสูงสุดทันที ผู้อาวุโสสูงสุดดูเหมือนจะถอยหลบอย่างช้าๆ แต่เขาก็ยังสามารถหลบหลีกได้
เย่ฉางขมวดคิ้ว ‘นี่เป็นสองขั้วความเร็วที่แตกต่างกัน’ ผู้อาวุโสสูงสุดมีความคล่องแคล่วรวดเร็ว ในขณะที่ตัวเขาเป็นสุดยอดแห่งความเร็วพิสุทธิ์ ทันใดนั้น เขาก็ถอยหลังกลับและแปรเปลี่ยนเป็นเงาดาบนับร้อยเข้าปะทะกัน การเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสสูงสุดราวกับกำลังเต้นรำอยู่ ที่ใดก็ตามที่ดาบของเขาผ่านไป คลื่นดาบนับพันจะตามด้วยเสมอ เหล่าผู้ชมสามารถมองเห็นได้เพียงแค่ประกายไฟนับไม่ถ้วน จากการปะดาบกันของพวกเขา และได้ยินเพียงแต่เสียงของดาบที่ปะทะกัน หญิงผมขาวถอยไปด้านข้างและเฝ้าดูการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าของพวกเขาด้วยความตกตะลึง ‘เขาสามารถต่อสู้กับท่านปรมาจารย์ได้!’
ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มออกมา และจับไปที่คมดาบของเย่ฉาง “นี่เป็นดาบที่ดี ถ้าฉันคิดไม่ผิด มันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง”
เย่ฉางพยักหน้าอย่างใจเย็น และยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา “ใช่แล้ว ลองคาดเดาถึงสิ่งมีชีวิตนี้ดูสิ”
“มนุษย์?” ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเย่ฉางจากดาบของเขา ราวกับว่าดาบเล่มนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา
เย่ฉางยิ้ม ‘ถูกต้องแล้ว ดาบเล่มนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกสันหลังของฉันเอง เมื่อตอนที่ฉันบ้าคลั่งครั้งแรก’ เขาดึงดาบสีขาวกลับมา และปลดปล่อยการแทงที่เรียบง่าย และน่าอัศจรรย์ออกไปอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสสูงสุดรีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว “ช่างเป็นการแทงที่ตรงไปตรงมาจริงๆ! ถ้าพวกคนเหล่านั้นมีความเข้าใจ และความอดทนที่จะละทิ้งความซับซ้อน และยึดหลักความเรียบง่ายของวิถีดาบอย่างนี้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงไม่ต้องมาพบเจอเรื่องที่ยากลำบากเหมือนอย่างในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ดาบของนายมันไม่มีจิตวิญญาณและไม่มีความรู้สึก”
“ดาบเป็นแค่เครื่องมือในการฆ่า และเทคนิคดาบเป็นเพียงทักษะการฆ่า เนื่องจากมันเป็นการฆ่า ดังนั้นมันจึงควรเป็นการฆ่าที่สามารฆ่าได้ในดาบเดียว สิ่งที่ไม่จำเป็นจะถูกตัดทิ้งออกไปทั้งหมด มีแค่มุ่งเน้นไปที่ความเร็วและพลังเท่านั้น” เย่ฉางยิ้ม ในขณะที่เขาดึงดาบกลับมา
“ช่างเป็นดาบที่น่าเศร้าเสียจริง” ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจ มือทั้งสองของเขาทำตราประทับดาบ “ทักษะลับพันดาบ – ดับดวงวิญญาณนับหมื่น”
“ช่างเป็นดาบที่ไร้สาระเสียจริง” เย่ฉางเยาะเย้ย และปลดล็อคยีนครั้งที่ 7 ของเขาทันที ดาบได้สั่นสะเทือนไปมาจนกลายเป็นเลือนราง
ด้วยท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยประกายคมดาบ เย่ฉางได้โจมตีออกไปเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ประกายคมดาบป่นปี้ไปทันที แขนของเขาสั่นเทาเบาๆ ระดับการสั่นสะเทือนครั้งนี้ ส่งผลต่อตัวเขาเอง แต่เขาก็สามารถฟื้นตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนเฝ้าดูลำแสงที่ไม่มีที่สิ้นสุดของประกายคมดาบ และการสั่นสะเทือนที่ยังคงปะทะกันอยู่ ประกายคมดาบที่ถูกบดขยี้ได้ฟื้นฟูสู่สภาพเดิม และยังคงผลักดันการสั่นสะเทือนกลับไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนเก็บดาบลงอีกครั้ง เย่ฉางมองไปยังดาบสีแดงที่อยู่ในมือของผู้อาวุโสสูงสุด ‘เขาจะปิดฉากด้วยการโจมตีครั้งสุดท้ายหรือไม่?’ ประกายคมดาบสีแดงยังคงระเบิดพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการสั่นสะเทือนกลับไป เย่ฉางกำลังถูกบังคับให้ถอยกลับมาอย่างช้าๆ ความเร็วที่คล่องแคล่วของอาวุโสสูงสุดทำให้เย่ฉางรู้สึกถูกกดดัน เขาถอนหายใจออกมา “อาเฉียง หลินหลี่ถอยไปซะ!”