หลังจากนั้นไม่นาน ด้วยคำสั่งของหลินหลัน หลินซ่งหยู่ก็กลายมาเป็นผู้นำนิกายอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาพยายามที่จะปฏิเสธ แต่เขาก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจต่อความกรุณาของหลินหลัน ทำให้เขาตกลงยอมรับตำเหน่ง พวกระดับบนและล่างของนิกายดาบสวรรค์ทั้งหมดต่างถอนหายใจ ก่อนหน้านี้ เขาเป็นเพียงแค่นักโทษ แต่ในขณะนี้ เขาได้กลายมาเป็นผู้นำนิกาย! พวกเขาทั้งหมดต่างยอมรับการตัดสินใจของผู้พิทักษ์นิกาย เพราะเขาเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในนิกายดาบสวรรค์
พวกเย่ฉางอยู่ที่นิกายอีกหลายวัน หลินหลี่มีความสุขมากๆ เย่ฉางและจางเจิ้งเฉียงก็ถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของนิกาย อาหารและเครื่องดื่มที่แสนอร่อยถูกนำมาประเคนให้กับพวกเขาอย่างเต็มที่ ทำให้พวกเขาไม่ต้องการจะลงจากเขาไป พวกเขาได้หลงลืมไปแล้วว่า ยังมีคนที่คอยเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกเขา และรอฟังข่าวดีอยู่ที่เมืองหลินไห่
“พ่อ ผม, พี่ใหญ่ขาวและพี่ใหญ่เฉียง ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องกลับไปที่มหาวิทยาลัยเมืองหลินไห่แล้ว เมื่อผมมีเวลาว่าง ผมจะกลับมาเยี่ยมพ่อก็แล้วกัน และที่สำคัญพ่อต้องมาเยี่ยมผมที่เมืองหลินไห่ด้วยนะ …” หลินหลี่รู้ว่าได้เวลาที่ทางมหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคำว่า ‘ไปมหาวิทยาลัย’ มันหมายความว่า ต้องเรียนอยู่ในห้องเรียนก็ตามที
“เย่น้อย, เจิ้งเฉียง ฉันขอฝากหลินหลี่ไว้กับพวกนายทั้งสองคนด้วยนะ ถ้าพวกนายต้องการอะไร อย่าลืมติดต่อมาที่นิกายดาบสวรรค์นะ ที่นี่จะเป็นบ้านของพวกนายเสมอ” แม้ว่าหลินซ่งหยู่จะไม่เต็มใจที่จะจากหลินหลี่ แต่เขาก็รู้ดีว่าหลินหลี่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขามีความคิดและเป้าหมายของตัวเอง เขาไม่สามารถอยู่ในนิกายดาบสวรรค์ได้ตลอดเวลา และรู้ดีว่าเย่ฉางต้องดูหลินหลี่เป็นอย่างดี เขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ลุงหลินไม่ต้องเป็นห่วงหลินหลี่หรอก ผมจะดูแลเขาอย่างดีที่สุด …” เย่ฉางยิ้มอย่างจริงใจ และรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะเขาไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตของหลินหลี่อีกต่อไปแล้ว เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของนิกายดาบสวรรค์ดี ซึ่ง 10 บทบัญญัติยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย เขาได้สัมผัสกับแข็งแกร่งที่ลึกล้ำของหลินหลัน และรู้ว่าสิ่งที่หลินหลันลงมือไปในตอนนั้น เขายังไม่ได้ใช้พลังออกมาอย่างเต็มที่ ตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจเท่านี้มาก่อนเลย เขาสามารถรับรู้ถึงช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาดี อย่างไรก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือและความโชคดีที่การปลดล็อคยีนส์ครั้งที่ 8 ได้เปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ใครจะคาดคิดว่าความสามารถในการปลดล็อคยีนส์ครั้งที่ 8 จะมาในรูปแบบคู่พลังงานแสงและความมืด!
หลินซ่งหยู่เดินออกมาส่งพวกเขาทั้งสามคนที่หน้าบันไดด้านนอกห้องโถงดาบ และโบกมือให้กับพวกเขา ขณะที่พวกเขาเดินจากไป
หลินหลันอยู่บนยอดเขามองไปทางด้านหลังของกลุ่มเย่ฉางทั้งสามคน “เด็กทั้งสามคนนี้จะต้องเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่สุดยอดในอนาคต …”
ชายเคราแพะยืนยิ้มอยู่ข้างๆเขา นี่คือคนที่หลินซ่งหยินเรียกว่าหยุนหลาง ชายที่เคยถูกคุมขังอยู่ในคุกนั่นเอง “อย่างไรก็ตาม ในตอนจบ ไม่ว่าผมขาวจะดีหรือร้ายก็ยากที่จะบอกได้ แต่ฉันสามารถรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของขุมนรกจากเขาได้”
“นายก็รับรู้ได้หรือ …” หลินหลันพูดจบก็ฟาดฝ่ามือใส่หยุนหลาง ทำให้หยุนหลางล้มลงและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “ฉันบอกให้นายพักได้แล้วหรือ!? กลับไปศึกษาคัมภีร์เต๋า, คัมภีร์ภาคใต้, คัมภีร์วจนะ หรืออะไรก็ตามที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ นายต้องจดจำพวกมันให้ได้หมด!”
หลินซ่งหยินมองหยุ่นหลางที่กำลังนอนเจ็บอยู่บนพื้น ‘นี่คือสิ่งที่นายทำนายไว้ว่าจะออกมาจากคุกสินะ ถ้าฉันโดนแบบนี้ ฉันขออยู่ในคุกยังดีกว่าอีก’ จากนั้นเธอมองไปที่เย่ฉางที่ค่อยๆเดินหายไปจากสายตา เธอเอามือกุมแขนขวาของเธอ และนึกถึงคำพูดของเขาขึ้นมา ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้น ‘ทั้งตัวเขาเป็น ‘ดาบ’ … สินะ?’
…
“นี่เพื่อน! เมื่อไหร่ที่นายจะสอนการเทคนิคพลังงานแสงและความมืดที่น่าประทับใจนั่นให้กับฉัน?” จางเจิ้งเฉียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ผมก็อยากเรียนรู้ด้วย! ผมอยากเรียนรู้ด้วยเช่นกัน!” หลินหลี่เดินลงบันไดไปอย่างมีความสุข ทำให้เย่ฉางยิ้มออกมา
“ฉันก็อยากสอนนะ แต่พวกนายในตอนนี้ยังไม่สามารถไปถึงขั้นนั้นได้ …” เย่ฉางหัวเราะ
“โอ้ พี่ใหญ่ขาว พ่อได้มอบตำราสองเล่มที่มีชื่อว่า ทักษะลับพันดาบและทักษะสังหารมังกร พ่อยังบอกว่าทั้งสองเล่มนี้เป็นต้นฉบับที่เขาเขียนเสร็จในขณะที่อยู่ในคุก และยังกำชับให้พวกเราเรียนรู้ด้วยกัน ที่สำคัญคือห้ามเผยแพร่ให้แก่คนอื่น” หลินหลี่หยิบตำราสองเล่มยื่นให้เย่ฉาง
“นายและอาเฉียงควรจะเรียนรู้มัน แต่ฉันไม่ต้องการ” เย่ฉางมองไปที่ตำราทั้งสองเล่ม และเห็นว่าพวกมันไม่เหมาะกับเขา เขาเฝ้าดูจางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่เดินลงบันได ขณะที่อธิบายและยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง เขาคิดย้อนกลับไปเมื่อตอนหลินหลี่โดนดาบแทงหัวใจ ในตอนนั้นหัวใจของหลินหลี่น่าจะหยุดเต้นแล้ว แต่สุดท้ายหลินหลี่ก็ไม่ตาย เป็นไปได้ว่ามันอาจจะเป็นหลินหลันที่ช่วยเขา? มันต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน! เขาคิดว่าหลินหลี่อาจจะเป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากคนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดต่างๆออกไป เบื้องหลังมันจะเป็นอะไรก็ช่าง! ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขได้ เขาก็พอใจมากแล้ว! เขายิ้มและเอื้อมมือไปกอดคอหลินหลี่และจางเจิ้งเฉียง และเดินลงเขาไปพร้อมๆกัน
…
บ้านพักริมชายทะเลในเมืองหลินไห่
กลุ่มของ SpyingBlade, ซงซินและคนอื่นๆต่างพากันเห็นทั้งสามคนเดินมาตามชายหาดอย่างช้าๆ น้ำตาของซงซินไหลออกมา และเธอก็วิ่งเข้าไปหาพวกเขา คนอื่นๆต่างพากันวิ่งตามมาทีละคน
หัวใจที่คอยเป็นห่วงและกังวลของอูนาสามารถผ่อนคลายลงได้แล้ว ขณะที่เธอสวมกอดเย่ฉางไว้และถามว่า “ทำไมนายถึงไม่โทรมาบอกอะไรบ้างเลย!?”
“โทรศัพท์ของฉันพังในระหว่างการต่อสู้” เย่ฉางพูดอย่างจริงจังด้วยรอยยิ้มอันเงียบสงบของเขา
หลินหลี่เช็ดน้ำตาของซงซิน และยิ้มอย่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย “ฉันพบพ่อแล้วนะ และเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นฉัน ฉันมีความสุขมากๆในช่วงไม่กี่วันนี้”
ซงซินพยักหน้าและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เธอได้แต่กอดหลินหลี่แน่น
จางเจิ้งเฉียงเห็นว่าทั้งสองคนกำลังกอดกันอย่างมีความสุข เขาจึงหันไปหา FrozenCloud ที่กำลังจะเข้ามากอดเขาด้วย “อืมๆ ฉันจะให้เธอกอดฉันสักหน่อยก็แล้วกัน”
“ไปตายซะ!” เมื่อ FrozenCloud รู้ว่าเขาไม่เป็นอะไรมาก เธอจึงต่อยเข้าไปที่ท้องของจางเจิ้งเฉียง
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกฉันกลับมาอย่างปลอดภัยดีแล้ว ขอให้ทุกคนกลับเข้าบ้านเพื่อไปพักผ่อนกันได้แล้ว สตูดิโอของเราปิดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว และวันนี้ก็เป็นหยุดสุดสัปดาห์ เราจะพักผ่อนกันก่อนและจะกลับมาเริ่มทำงานอีกครั้งในบ่ายของวันพรุ่งนี้” เย่ฉางลูบหัวอูนาและบอกทุกคน
ในตอนกลางคืน ทุกคนนั่งรอบๆโต๊ะพูดคุยและหัวเราะกัน พวกเขาฟังหลินหลี่เล่าเรื่องเกี่ยวกับความยากลำบากทั้งหมดที่พวกเขาได้ประสบมา การเอาชนะสาวกนิกายนับพัน, การต่อสู้กับพวกอาวุโส, การต่อสู้อย่างดุเดือดกับผู้พิทักษ์นิกาย และสุดท้ายคือการได้พบกับพ่อของเขา ทุกอย่างมันฟังเหมือนเป็นตำนาน!
เย่ฉางเฝ้ามองขณะที่ทุกคนกลิ้งตาไปกับเรื่องที่หลินหลี่เล่า เขาไม่สามารถหุบยิ้มได้ ในระหว่างทางกลับ เย่ฉางได้กำชับให้หลินหลี่เก็บเรื่องที่พ่อของเขาเป็นหัวหน้านิกายไว้เป็นความลับ ในระหว่างการเล่าเรื่อง หลินหลี่จึงไม่ได้บอกว่าพ่อของเขาเป็นหัวหน้านิกาย แต่กลับบอกว่าพ่อเขาเป็นยามเฝ้านิกายแทน
เย่ฉางโบกมือให้เขาและยิ้มให้ “สรุปว่าทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี นิกายดาบสวรรค์ไม่ได้ตำหนิพวกเรา และยังอภัยโทษให้กับลุงหลินทุกอย่าง เอ๊า พวกเรามาชนแก้วกันดีกว่า ไชโย …”
…
ตกดึก
เย่ฉางนอนบนเตียงและคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเขายังไม่แข็งแกร่งพอ เขาไม่สามารถหลับตาลงนอนได้ เขาดึงแหวนที่ห้อยคอออกมามองและพูดพึมพำ “ฉันต้องการที่จะแข็งแกร่งมากกว่านี้”
วันรุ่งขึ้น ซงซินจูบลาหลินหลี่และไปจัดการกับธุรกิจในต่างประเทศต่อ หลินหลี่และจางเจิ้งเฉียงจึงพากันไปฝึกวิทยายุทธในตอนเช้า พวกเขาไม่เพียงแต่ฝึกการใช้พลังหยินหยาง แต่ยังฝึกการสร้างตราประทับดาบและการแทงดาบอีกด้วย
ในช่วงบ่าย หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็กลับเข้ามาในเกม
ช่วงเวลาที่เย่ฉ่างออนไลน์ เขาก็ได้รับสายโทรเข้าจาก ThornyRose ทันที “ไอคนบ้า! นายหายไปไหนมาในช่วงระหว่างสองสามวันมานี้! นายไม่ได้รับโทรศัพท์ฉัน! แถมฉันไปหานายถึงที่บ้าน ก็ยังไม่เจออีก!”
“ความจริงก็คือว่า ในช่วงระหว่างสองสามวันนี้ หลินหลี่ อาเฉียงและฉันมีทริปเดินทางไปท่องเที่ยวอยู่ มันสวยดีและยังรู้สึกผ่อนคลายสุดๆ ~.” เย่ฉางเริ่มต้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ซื่อสัตย์ แต่จบลงด้วยการพูดเหมือนเด็กสาว
“บี๊บๆๆ …” เย่ฉางได้ยินเสียงตัดสายและถอนหายใจ ‘สงสัยว่าเธอคงต้องกลับไปกินยาอีกครั้งแล้ว!’
ปาร์ตี้ของเย่ฉางขึ้นเรืออีกครั้ง ชนเผ่ามนุษย์ปลาทั้งหมดมาส่งพวกเขาขึ้นเรือ มนุษย์ปลาชาแมนที่เพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ได้รับการยกย่องจากเย่ฉางเป็นอย่างดี ขณะที่เขาจากไป
“Mrrglmr! Mglrmglmglmgl!” อบาโดสั่งให้มนุษย์ปลานักรบไปคอยคุ้มกันเรือ และโบกมือลาพวกเย่ฉาง เย่ฉางโบกมือกลับและตะโกนลาเป็นภาษามนุษย์ปลา
เรือกลไฟที่ได้รับการคุ้มครองโดยมนุษย์ปลานักรบ ก็ลงเอยด้วยการต่อสู้กับพวกยักษ์ทะเลไม่กี่ครั้ง ทำให้เย่ฉาง, SpyingBlade และคนอื่นๆได้รับรู้ว่า พวกคนมนุษย์ปลานักรบเหล่านี้แข็งแกร่งและกล้าหาญขนาดไหน เมื่ออยู่ในน้ำ พวกเขาเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ยักษ์ทะเลไม่ได้มีโอกาสที่จะโจมตีโดนพวกเขาเลย พวกเย่ฉางเพียงให้การสนับสนุนจากระยะไกลเท่านั้น จากการต่อสู้กับพวกยักษ์ทะเล ทำให้พวกเขาได้รับอุปกรณ์ระดับ Dark Gold มาสองสามชิ้น