Virtual World - Peerless White Emperor - ตอนที่ 601 : ความผิดของเทพธิดาทั้งสาม
เมืองเทพธิดาอยู่ที่อาณาจักรพลาเนเทอรี่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงใจกลางยอดเขาของภูเขาแบล็กพีค บนหน้าผาที่สูงชันมีรูปปั้นเทพธิดาขนาดมหึมาสามรูปที่ดูมีความศักดิ์สิทธิ์ และงดงามตั้งอยู่
นับตั้งแต่ที่เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมา ก็มีผู้เล่นมากมายมารวมตัวกันที่เมืองเทพธิดา ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นั่นเพื่อมาเก็บเลเวลที่บริเวณโดยรอบ, มาหาทรัพยากรที่ถ้ำมืด, มาเรียนสกิล หรือขึ้นเรือไปที่หลุมลึกที่อยู่ใกล้ๆเมืองแบล็กร็อค มีผู้ศรัทธาจำนวนมาเข้ามาในเมืองนี้ ตอนนี้เทพธิดาทั้งสามกำลังนั่งเล่นกันอยู่ในวิหารอย่างสุขสบาย
เย่ฉางเดินไปรอบๆเมืองบาล เมืองบาลในตอนนี้มีป้ายรถบัสที่ซึ่งผู้คนสามารถเดินทางจากเมืองเทพธิดาไปยังเมืองแบล็กร็อคได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นจำนวนมากที่มาที่นี่เพื่อฆ่าพวกมนุษย์ปลาและก๊อบลิน เพื่อแลกเปลี่ยนไอเทมและอุปกรณ์ต่างๆ พวกเขากำลังรีบออกจากที่นี่เพื่อไปยังเมืองเทพธิดา พวกเขาจ้องมองที่ยอดเขาเทพธิดา (โกสพีค) ทิวทัศน์ของที่นี่สวยงามมาก เมืองเทพธิดายังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และฝูงชนเช่นเคย NalanPureSoul จ้องมองไปที่เย่ฉางผู้ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมือง ที่ถูกแต่งตั้งโดยเทพธิดาทั้งสามด้วยความอิจฉา แม้ว่า MaroonRed จะได้เห็นมันจากหน้าจอในก่อนหน้านี้ แต่เมื่อมายืนอยู่ใต้ยอดเขาเทพธิดา เธอก็ยังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เล่นระดับจักรพรรดิ พวกเขาทำได้อย่างไรกัน? แม้แต่ Black Dragon Union ก็เพียงอยู่ในขั้นตอนการเคลียร์ดันเจี้ยนเท่านั้น Black Dragon Union ยังไม่สามารถไปถึงขั้นตอนการสร้างเมือง และไม่มีการจัดอันดับที่สูงเช่นเมืองนี้ได้’
จากนั้น MaroonRed ก็หวนนึกถึงภารกิจของเธอ – ภารกิจที่จะลักลอบเข้าไปยังเขตแดนของประเทศจีน และรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงครามในอนาคต MaroonRed เป็นตัวละครที่ RedMoon จาก Black Dragon Union ปลอมตัวมานั่นเอง
ขณะที่พวกเขาเข้าไปในเมือง พวกยามก็โค้งคำนับเย่ฉาง ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีของเมือง เย่ฉางก็จำได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่เมือง หลังจากที่เมืองถูกสร้างเสร็จเรียบร้อย พวกเขาเดินผ่านพื้นที่ส่วนกลางที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และไปที่วิหารเทพธิดาโดยตรง ในฐานะที่เป็นนักบวชชั้นสูงที่ปกป้องวิหารเทพธิดา มารูนาย่าก็ก้าวเดินไปด้วยเกือกม้าของเธอ และส่งเสียง “กรึ๊บ กรับ” ออกมา เธอถือหอกและโค้งคำนับให้เย่ฉาง “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ท่านเทพธิดากำลังอยู่ที่วิหารบรรทมที่ด้านหลังค่ะ”
จากนั้นเย่ฉางก็ดึงฮู๊ดหมาป่าลงมา และกระโดดขึ้นไปบนหลังของมารูนาย่า เขายกแขนโอบไหล่ของเธอ “มารูน้อย ในฐานะที่ฉันเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ฉันยังไม่มีผู้ติดตามที่สามารถใช้เป็นพาหนะของฉันได้เลย เธอคิดว่าไง?”
“อ่า ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นับว่าเป็นเกียรติของฉันที่จะเป็นเป็นพาหนะให้กับคุณ แต่ถ้าฉันเดินทางไปกับคุณ การเดินทางและผจญภัยของคุณจะสนุกและมีความยากน้อยลงเป็นอย่างมาก ถ้าเป็นอย่างนั้น? ฉันมีไข่ที่มาจากพี่สาวของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะเก็บรักษาไข่ใบนี้เอาไว้เป็นอย่างดี ฉันไม่ได้ฟักไข่มาตั้งแต่… เฮ้อ!” มารูนาย่าหยิบไข่คริสตัลออกมาด้วยความโศกเศร้า เย่ฉางบุ้ยปากในขณะที่เขาค่อยๆรับไข่คริสตัลมาจากมือเธออย่างช้าๆ ‘ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยล่ะนะ’ เขากอดมันอย่างเหนียวแน่นในอ้อมกอดของเขา “ว่าแต่ว่า ทำไมเธอถึงไม่ฟักไข่ใบนี้เองล่ะ?”
“มารูซิชิ พี่สาวฝาแฝดของฉันเป็นคนที่มีความมั่นใจ, ความแข็งแกร่ง และความห่วงใย เธอเป็นแบบอย่างของฉัน แต่เธอกลับทรยศเผ่าของเราและเทพธิดาธรรมชาติ เพราะเธอตกหลุมรักกับปีศาจฝันร้ายแห่งความมืด หลังจากนั้นฉันใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อบดขยี้หัวใจของปีศาจฝันร้ายแห่งความมืด โดยคิดว่าเธอจะหวนกลับมา โชคร้ายที่เธอเพียงแค่จูบหน้าผากของฉัน และฆ่าตัวตาย… นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” มารูนาย่าส่ายหัวของเธออย่างโศกเศร้าขณะที่ถือหอก เย่ฉางไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขากระโดดลงจากหลังเธอ และไปที่วิหารบรรทม “นั่นเป็นเส้นทางที่เธอเลือก มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่คุณชอบเธอหรอกเหรอ?”
มารูนาย่าหันกลับมามองที่ด้านหลังของเย่ฉาง “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…”
เย่ฉางหวนนึกไปถึงผู้หญิงที่เลือกที่จะไม่สร้างภาระให้ตัวเขาและอาเฉียง เขายิ้มเยาะ ‘ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ฉันไม่คิดมากหรอก ถ้าเธอจะสร้างภาระให้กับฉันไปตราบชั่วชีวิต ซินหยู่…’ เมื่อนึกถึงภาพของอูนา และ ThornyRose ที่แว๊บผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา เขาทำได้แต่เพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ‘ฉันจะทำได้ไหมนะ?’
เมื่อมาถึงสวนด้านหลังของวิหารบรรทม เขาก็เห็นเทพธิดาทั้งสามกำลังดื่มกันอย่างมีความสุข เย่ฉางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ‘เหอะ!’ จากนั้นเขาก็ดูผิดหวัง เมื่อเทพธิดาทั้งสามเห็นเย่ฉาง พวกเธอก็พากันตกใจอย่างไม่มีเหตุผล ‘เกิดอะไรขึ้น?!’
เย่ฉางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
“นี่มันถึงเวลาพักผ่อนแล้วงั้นเหรอ?” เย่ฉางพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ PaleSnow ผู้ชาญฉลาด พวกเราเห็นว่าตอนนี้มีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน…” แมลโลรีบพูดขึ้นมาทันที
“ดังนั้นพวกเธอเลยพอใจกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วงั้นสิ?” เย่ฉางไม่ได้เปลี่ยนน้ำเสียงของเขา
“PaleSnow ผู้ชาญฉลาด ตอนนี้ความรุ่งเรืองของแบล็กพีคมาถึงจุดสูงสุดแล้ว คุณไม่จำเป็นต้อง…” ไม่รอให้อันย่าพูดจบ เย่ฉางก็ตะโกนขึ้นมา “หุบปาก! นี่คือสิ่งที่เธอมีทั้งหมดงั้นเหรอ? เพียงแค่ยอดเขาเล็กๆอย่างแบล็กพีค พวกเธอก็มีความสุขกันแล้ว?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็บอกลากันตรงนี้ดีกว่า ฉันจะไม่สนใจพวกเธออีกต่อไป”
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่!” เมื่อเย่ฉางหันหลังกลับและจากไป เทพธิดาทั้งสามก็รีบเข้าไปดึงเขากลับมาอย่างรวดเร็ว จากทางด้านซ้ายหนึ่งคน ทางด้านขวาอีกหนึ่งคน และด้านหน้าอีกหนึ่งคน
เย่ฉางถอนหายใจแล้วถามออกมา “ความฝันของพวกเธอคืออะไร?”
“ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีต และตอนนี้มันเกินกว่าความสำเร็จที่เราต้องการไปมาก วิหารแห่งนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก” แจมที่กอดเย่ฉางจากทางด้านหน้าเป็นผู้ที่ตอบออกมา
“แล้วจากนั้น?” เย่ฉางเลิกคิ้วขึ้น และจัดแถวให้สามสาวยืนเรียงหน้ากระดาน จากนั้นเขาก็ตะโกน “ยืนให้เป็นระเบียบ!”
เทพธิดาทั้งสามรู้สึกเศร้า เมื่อพวกเธอคิดเกี่ยวกับสิ่งต่อไปที่กำลังจะมาถึง พวกเธอทั้งหมดพูดไม่ออก
“ตอนนี้เทพเจ้าองค์ใดยอดเยี่ยมที่สุด?” เย่ฉางจ้องมองไปยังเทพธิดาทั้งสาม
“เทพโกลาหล, จ้าวแห่งแสง, เทพปีศาจ, จ้าวแห่งความมืด และอื่นๆ” อันย่าพูดอย่างแผ่วเบา
“พวกเธอไม่อยากเป็นเหมือนพวกเขางั้นเหรอ?” เย่ฉางพูดอย่างเกรี้ยวกราด เขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพวกเธอ แม้ว่าพวกเธอจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองก็ตาม เทพธิดาทั้งสามสัมผัสถึงความห่วงใยของเขาได้
“แต่… มันไม่… มันไม่มีทางเป็นไปได้” แมลโลพูดอย่างอ่อนแอราวกับว่าเธอไม่มีความมั่นใจ
“เทพที่ไม่ต้องการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ใช่เทพที่ดี!” หลังจากที่เย่ฉางตะโกน เขาก็ใช้โทนเสียงต่ำทันที และบอกเล่าเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเธอ มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงที่พิการ แต่มีความตั้งใจที่แน่วแน่ เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาที่โชคไม่ดีที่เป็นมะเร็งมาตั้งตั้งเกิด อย่างไรก็ตามเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ในการไล่ตามความฝันของตนเอง ในท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะเธอได้ตายลงทันทีหลังจากที่เธอได้ประจักษ์ชัดถึงความฝันของตนเอง “พวกเธอรู้ไหมว่าเธอพูดอะไรก่อนตาย?”
เมื่อเห็นน้ำตาเจิ่งนองอยู่ในดวงตาของเทพธิดาทั้งสาม เย่ฉางก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบา “เธอพูดว่า ‘ช่างน่าเสียดาย เวลาไม่ยอมให้ฉันทำสำเร็จจนได้ มันช่างน่าเสียดายจริงๆ’ น้ำตาค่อยๆไหลรินลงมาอย่างช้าๆในขณะที่เธอหลับตาลง และตกลงสู่ห้วงแห่งความตาย แต่นี่พวกเธอมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่า โดยมีข้อได้เปรียบที่คนอื่นไม่สามารถเทียบได้ แต่พวกเธอไม่สามารถสู้หญิงสาวที่ต่อสู้อย่างหนักกับความเจ็บป่วยได้เลยแม้แต่นิดเดียว พวกเธอไม่รู้สึกผิด ไม่รู้สึกเสียดายเลยงั้นเหรอ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาที่ร้อนแรงของเย่ฉาง เทพธิดาทั้งสามก็ก้มหน้าลง เย่ฉางตบไปที่ไหล่ของพวกเธอ “แม้ว่าการเดินทางจะยังคงอีกยาวไกล หรือแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม แต่อย่างน้อยหญิงสาวคนนั้นก็กล้าพอที่จะไล่ตามความฝันอย่างจริงจัง แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว พวกเธอเข้าใจไหม? ความฝันของหญิงสาวตัวเล็กๆนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย มีแม้กระทั่งบางคนที่ช่วยให้เธอบรรลุความฝัน และวางไว้ตรงหน้าหลุมศพของเธอ พวกเธอรู้หรือไม่ว่าความฝันจะไม่มีวันตาย…”
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…” เทพธิดาทั้งสามโค้งคำนับ หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเย่ฉาง “พวกเราเข้าใจแล้ว เราจะไม่พึงพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ในตอนนี้ โปรดช่วยพวกเราในการไล่ตามความฝันของพวกเราด้วยเถอะ!”
การแสดงออกของเย่ฉางเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน และรู้สึกประหลาดใจ เขาเงยหน้าขึ้น แต่พยายามอดกลั้นที่จะไม่หัวเราะออกมา ‘เนื้อเรื่องละครหลังข่าวช่างส่งผลที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ’ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ตอนนี้เรามาเริ่มก้าวแรกของความฝันที่ยิ่งใหญ่กัน นั่นก็คือจงหมั่นฝึกฝน! พวกเธอไม่สามารถทำเป็นเล่นได้ เมื่อเป็นเรื่องของการเต้นรำ เร็วเข้า! ตะโกนสโลแกนของเรา! สู้! เพื่อความฝัน! สู้! เพื่อฝันอันยิ่งใหญ่!”
“สู้! เพื่อความฝัน! สู้! เพื่อฝันอันยิ่งใหญ่!” เทพธิดาทั้งสามมองหน้ากัน และตะโกนออกมา
“เอาล่ะ เนื่องจากพวกเธอตระหนักถึงความฝันได้แล้ว งั้นก็มาฝึกซ้อมกันเถอะ” เย่ฉางปรบมือพร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่ใจดีออกมา
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่… นี่มันเปิดเผยมากเกินไป… อ๊า~”
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ คุณคิดยังไงถ้าฉันทำท่าแบบนี้? มันดูยั่วยวนเพียงพอหรือไม่?”
“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ คุณคิดว่าคอสตูมนี้จะเป็นที่รักของทุกคนไหม? ฉันรู้สึกว่าสไตล์ของมันดาร์คอยู่เล็กน้อย… ม่ายน๊า~ ความผิดฉันเอง! อ๊า~”
เสียงหญิงสาวที่แตกต่างกัน ดังระงมออกมาจากวิหารบรรทม