Virtual World - Peerless White Emperor - ตอนที่ 654 : อกานิและอโดก้า
“นักบวชทุกคนเปลี่ยนเป้าหมายเป็นบอสตัวที่อยู่บนอากาศ! นักเวทที่เหลือที่รู้สกิลฮีลให้มาช่วยฮีลคนในทีม! ฉันจะจัดการเธอเอง! พี่ฟางชิสนับสนุนฉันด้วย!” เย่เทียนกระชับโล่และคทาเงินในมือ แล้วขี่เจ้าอาหารฉุกเฉินบินเข้าไปหาแม่มดที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ในอีกด้านหนึ่งฟางชิเตรียมร่าย [Anti-mental magic]
เมื่อมองดูร่างเล็กๆของเย่เทียนที่พุ่งเข้าหาบอส NalanPureSoul ก็ครุ่นคิด ‘แน่นอนเธอเป็นคนเดียวที่สามารถทำได้ บอสประเภทนี้ยากที่จะควบคุมในพื้นที่เปิดโล่ง แม้ว่าจะเป็นพาลาดินก็ตาม และจะเป็นการดีที่สุดที่จะใช้เวทย์มนตร์ของพาลาดินหรือนักบวชเพื่อจัดการกับมัน จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา บอสเหล่านี้มีความต้านทานเวทที่สูงมาก พวกมันมักจะมีเกราะป้องกันแสงที่สะท้อนเวทมนต์ได้ด้วย และที่แย่ที่สุดก็คือพวกมันมีเวทมนตร์ที่รบกวนจิตใจและเวทใบ้ ทำให้รับมือมันได้ยากลำบากมาก’
เย่ฉางเงยหน้าขึ้นมองและระบุ
Tortured Screaming Enchantress – Agani : วิญญาณร้ายที่ได้รับความทรมานจำนวนมากจะรวมตัวกันเพื่อก่อร่างเป็นวิญญาณพยาบาท มันดูดซับความเกลียดชังจำนวนมากเพื่อสร้างร่างกายที่มีรูปร่างผิดปกติ สิ่งมีชีวิตนี้กลัวเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ ขี้เถ้าและเส้นผมวิญญาณร้ายเป็นวัสดุที่มีค่าอย่างยิ่ง
“เจ้าคางคกน้อยไปช่วยเทียนน้อยด้วยอีกแรง” เย่ฉางเตะเจ้าคางคกน้อยและสั่งมัน เจ้าคางคกน้อยมักจะกลัวเย่ฉางอยู่ตลอดเวลา ในความทรงจำของมันนั้น มันมักจะถูกชายคนนี้ทรมานมาตั้งแต่เด็ก ชายคนนี้บังคับให้มันเรียนรู้สิ่งแปลกๆอยู่เสมอ ไม่ว่ามันจะเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นได้ดีหรือไม่ก็ตาม เขาก็จะบังคับให้มันกินสิ่งต่างๆที่แม้แต่ปีศาจยังไม่กล้ากิน แต่แน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่มันเรียนรู้ไม่ได้ดั่งใจเขา อาหารที่ได้รับจะแย่ยิ่งกว่าเดิม ทันใดนั้นมันก็ย่อตัวลงและกระโดดไปที่ด้านข้างเย่เทียนเหมือนขีปนาวุธ
“โจมตีได้!” เย่ฉางดึงคทาออกมาจากเงาของเขาและเปลี่ยนรูปแบบเป็นดาบเงา จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากเจ้าฟ้าน้อยและสะบัดดาบ ใบมีดเงาจำนวนมากพุ่งเข้าใส่โครงกระดูกที่อยู่ด้านล่าง
“หลินหลี่คนนี้จะบดขยี้แกเอง!” หลินหลี่หยิบเหรียญทองจำนวนมากออกมาบีบและเปลี่ยนเป็นพลังงานพุ่งเข้าสู่ร่างกายตัวเอง นอกจากนี้เขายังเปิดใช้งาน [Berserk] และพุ่งเข้าใส่บอสด้วยรถเข็นราวกับราชาปีศาจวัวผู้บ้าคลั่ง
“ทุกคนติดตามหลินหลี่ไป! ควบคุมบอสให้ได้!” ThornyRose พุ่งตามไปด้วยสกิล [Charge Attack] และคนอื่นๆก็พุ่งตามมา
ครู่ต่อมาหลินหลี่และอโดก้าก็ปะทะกัน ราวกับว่ามันเป็นการชนกันของรถไฟสองคัน หลินหลี่กระเด็นลอยออกมาสองสามเมตร ความเจ็บปวดพุ่งทะลุแขนของเขา และเขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย จากนั้นเขาก็เปิดใช้ [Brain’s Blood Circulation] ทันทีเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและเวียนศีรษะ ในขณะเดียวกันอโดก้าก็นิ่งค้างชั่วครู่หลังจากปะทะกับหลินหลี่ ในขณะที่หลินหลี่หยุดเซ เข่าของเขาอยู่บนพื้นและดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยสีแดง “ฉันจะจัดการแก! จะบดขยี้แก! บดขยี้แกจนตาย!”
หลินหลี่ลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เมื่อเห็นฉากนี้ LordAsked ก็พึมพำ “ปีศาจหลี่ผู้บ้าคลั่ง ฉายานี้เหมาะกับเขามาก”
ทั้งคู่ปะทะกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ทั้งคู่เสมอกัน แม้ว่าหลินหลี่จะดูเจ็บปวดและเหนื่อยล้า แต่การกระทำของเขาก็ทำให้ทุกคนฮึกเหิมขึ้นมา
“พี่ใหญ่หลี่สมกับที่เป็นปีศาจผู้บ้าคลั่งจริงๆ! เขาไม่มีการโยกหลบแล้วโจมตีบ้างเลย!”
“บ้าเอ้ย! พี่ใหญ่หลี่สามารถปะทะกับบอสได้ตรงๆ! แต่พวกเรานี่สิ เรายังคงติดแหงกอยู่ที่นี่ และมัวแต่เสียเวลากับโครงกระดูกเหล่านี้! ให้ตายเถอะ! พวกเราฝ่าออกไปกันเถอะ!”
จางเจิ้งเฉียงกระโดดและกระแทกหัวอโดก้าด้วยค้อนสงคราม [Thunder Strike]! “ไอ้เวรนี่! แกกล้ารังแกฉันเพราะฉันช้างั้นเหรอ!”
ทันใดนั้นเย่ฉางก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่ง และปีนขึ้นไปบนแขนของอโดก้า เขาเก็บคทาและดึงปืนออกมายิงแบบไม่หยุด เขายังเทเลพอร์ตเพื่อหลบโซ่ในเวลาเดียวกัน จากนั้นหลินหลี่ก็เหวี่ยงรถเข็นออกไป และหยิบขวานยักษ์ออกมา “เคร้ง!” เขาบล็อคโซ่และฟาดขวานใส่บอสเต็มแรง [Massive Bleeding]!
ท้องของอโดก้าเป็นแผลเปิดกว้างขึ้น! ของเหลวจำนวนมากไหลพุ่งออกมา
เย่ฉางก้มหลบการกัดของบอสและตะโกน “โจมตีจุดที่หลินหลี่สร้างบาดแผลเอาไว้! บอสตัวนี้มีทั้งความต้านทานทางกายภาพและเวทย์มนตร์ที่สูง! ดังนั้นโอกาสเดียวของเราคือโจมตีสิ่งที่มีไขมันน้อยๆ!”
เมื่อพูดจบเขาก็ปาหอกสายฟ้าไปที่ดวงตาของมัน จากนั้นเขากระโดดขึ้นไปเหยียบด้ามหอกแล้วดีดตัวลอยขึ้นไปบนอากาศ ด้วยการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น เขากระหน่ำยิงใส่มันไม่ยั้ง
เมื่อเห็นเงาพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง หลินหลี่ก็ย้ายไปด้านข้างเพื่อเปิดบาดแผลให้กว้างขึ้นและหลบไปในตัว จากนั้น CloudDragon ก็พุ่งเข้ามาต่อยหมัดเหล็กเข้าไปในท้องของบอส
“ตู้ม!”
ของเหลวสีเขียวเข้มไหลออกมาอีกครั้ง CloudDragon ยกคิ้วขึ้นและหลบมัน เขาจ้องมองควันสีเขียวที่ลอยขึ้นมาจากหมัดเหล็กของเขา และตะโกน “ระวังด้วย! มันมีฤทธิ์กัดกร่อน! ฉันเสียพลังชีวิตไปถึง 70% เมื่อโดนมัน”
เย่ฉางผู้ยิงอย่างสง่างามกลางอากาศเห็นแขนยักษ์พุ่งมาหาเขา เขายิ้มและเก็บปืน จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป หอกที่ปักตาอโดก้าพุ่งมาที่มือของเขาทันที ในขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ เขาก้มเล็กน้อยเพื่อหลบแขนยักษ์ที่เหวี่ยงเข้ามา ด้วยการเคลื่อนไหวที่ราบรื่น เขาแทงหอกใส่แขนของมันและกอดหอกไว้แน่น อโดก้าเหวี่ยงแขนของมันไปมา เย่ฉางหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะ ขณะที่กอดหอกอยู่เขาก็บรรจุคริสตัลลงในปืน เมื่อแขนยักษ์เหวี่ยงไปถึงจุดสูงสุด เขาก็กระโดดออกไปอีกครั้ง และเริ่มยิงด้วย [Rapid Fire]!
“ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังโชว์ออฟอยู่?” ThornyRose มีสีหน้าสงสัย เมื่อเธอเห็นเย่ฉางแสดงทักษะการยิงของเขาอย่างสง่างามในอากาศ
ในขณะเดียวกันหลินหลี่เปิดใช้งานโหมดอาวุธสองมือ [Surging Dragon]! [Returning Dragon]! [Armed Destruction]!! การโจมตีของเขาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง LordAsked ก็ช่วยโจมตีและป้องกันไปในตัว เขาพอใจกับประสิทธิภาพของโล่ใหม่มาก
ในอีกด้านหนึ่งเย่เทียนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายในการสู้กับอกานิ เพราะเธอมีฟางชิคอยช่วยสนับสนุนเธอ สิ่งที่เธอต้องระวังก็คือการโจมตีด้วยเสียงกรีดร้อง และการโจมตีทางจิตของบอสแม่มด
“เทียนน้อย โดยปกติแล้วบอสประเภทนี้จะมีสกิลการกรีดร้องที่เป็นท่าไม้ตายของมัน เช่น [Death Scream]! เธอจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดี มันอาจฆ่าพวกเราจำนวนมากได้” NalanPureSoul เตือนเธอ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เตือนเธอ แต่เย่เทียนก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว ‘เสียงกรีดร้องเหล่านี้มักจะฆ่าเป้าหมายทันที ผู้เล่นหลายคนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับบอสประเภทนี้ ผู้เล่นที่มีค่า Will ต่ำจะรับมือกับบอสได้ลำบาก ยิ่งคุณมีค่า Will มากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะรอดจากสกิลฆ่าทันทีของบอสนั้นก็จะยิ่งสูง’
เย่เทียนไม่กังวลเกี่ยวกับตัวเอง เพราะฟางชิมีสกิลในการรับมือกับสกิลของบอส ‘เขาจะต้องปกป้องฉันได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้พี่ฟางชิก็เป็นถึงเนโครแมนเซอร์ ดังนั้นความต้านทานต่อเวทย์มนตร์วิญญาณของเขาจึงสูง แต่คนอื่นนั้นจะไม่สูงเท่าเขา มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถบล็อคมันได้ และคนที่สามารถทำได้ก็คือเจ้าคางคกน้อยและฉันเท่านั้น บางทีพี่ฟางชิก็มีโอกาสทำได้เช่นกัน ดังนั้นฉันต้องทำนายเวลาที่บอสจะกรีดร้อง’
การต่อสู้นั้นดุเดือดมาก กองทัพผู้เล่นไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับบอสทั้งสองตัวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกองทัพโครงกระดูกที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย ดังนั้นการฟื้นฟูมานาจึงเป็นปัญหาสำคัญที่สุด หากพวกเขาต่อสู้ในช่วงเวลาสั้นๆมันก็คงจะดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่ พวกนักบวชก็จะเป็นกลุ่มแรกที่มานาฟื้นฟูไม่ทัน ดังนั้น NalanPureSoul จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปลี่ยนตัวกับเย่เทียนเข้าควบคุมบอส เพื่อที่จะสร้างเวลาให้กับนักบวชในการฟื้นฟูมานา ในไม่ช้าก็ถึงคราวที่เหล่านักเวทต้องฟื้นฟูมานาบ้าง ดังนั้นภาระการโจมตีจึงตกเป็นของพวกโจมตีกายภาพแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ถึงแม้ว่าแรงกดดันจากแนวหน้าจะเพิ่มสูงขึ้น แต่สปิริตของกองทัพก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่อ่อนล้าหรือหวาดกลัวเลย!