War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1447
ตอนที่ 1,447 : ล้านคะแนนอุทิศ!
“เฮอะ! ข้ามิทราบจริงๆ ว่าไฉนเจ้าถึงได้มั่นใจขนาดนี้…”
หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ชายร่างใหญ่ก็ขมวดคิ้วทำเสียงฮึดฮัดออกมา
ทว่าผ่านไปหนึ่งเค่อ ชายร่างใหญ่ที่ออกไปก่อนหน้าก็กลับมา “ต้วนหลิงเทียนอาวุโสตงฟางกำลังรอเจ้าอยู่…เจ้าตามข้ามาเถอะ”
“เอ๋?”
ชายนร่างใหญ่ที่ไม่ได้ไปไหนแปลกใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าอาวุโสตงฟางที่มันรับใช้มานานจะยินดีให้เด็กน้อยอย่างต้วนหลิงเทียนเข้าพบ…
‘บางทีท่านอาวุโสตงฟางคงแลเห็นถึงพรสวรรค์ของมัน…’
ชายหนุ่มตัวใหญ่คิดได้แค่นี้
เป็นเวลาเพียงแค่ 1 กาน้ำเดือดเท่านั้นหลังจากต้วนหลิงเทียนหายเข้าไปในคฤหาสน์กระทั่งกลับออกมา
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ ในเวลาเพียงชั่วกาน้ำเดือดนี่ ยากจะมีใครอื่นนอกจากอาวุโสตงฟางกับต้วนหลิงเทียนที่ล่วงรู้
หลังจากออกจากคฤหาสน์ของอาวุโสตงฟางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังบ้านเดี่ยวของเขา ก่อนที่จะวูบร่างเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะ เวลาในเจดีย์ 3 วันเท่ากับด้านนอก 1 วัน
3 วันก็เพียงพอให้เข้าฝึกวรยุทธ์เซียนจนมีความสำเร็จขึ้นมาบ้าง
อันที่จริงตลอดเดือนที่ผ่านมาที่เขาอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ นั่นก็เทียบเท่าระยะเวลา 3 เดือนบนชั้น 2 และตัวเขาก็ทะลวงผ่านหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบตั้งแต่เดือนที่ 2 แล้ว
ส่วนเดือนสุดท้ายนั้นเขาฝึกวรยุทธ์เซียนที่มี
ในบรรดาวรยุทธ์เซียนทั้งหลาย อาภรณ์เงิน มีความก้าวหน้ารวดเร็วที่สุด
วันนี้อาภรณ์เงินของเขาเจียนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิเต็มที ซึ่งนับเป็นขั้นที่ 5 อันเป็นขั้นสูงสุดของวรยุทธ์เซียน
(ดูผิดไป…ตอนก่อนหน้าที่บอกสำเร็จไร้ตำหนิไปแล้วน่าจะเป็นสมบูรณ์แบบ…ขออภัยด้วย)
อาภรณ์เงินนั้นเป็นวรยุทธ์เซียนสายป้องกัน ที่ผสานปราณแท้เข้าสู่กาย
เมื่อร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ การผสานพลังก็จะยิ่งง่ายดายและราบรื่น ผลลัพธ์ที่ออกยิ่งมีประสิทธิภาพ
ร่างของต้วนหลิงเทียนหลังบังเกิดความเปลี่ยนแปลงพัฒนาครั้งที่ 2 ก็กลายเป็นอะไรที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว
ฟังจากคำของผู้เฒ่าหั่ว
ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอีกต่อไป กระทั่งมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บก็ไม่อาจเทียบพละกำลังทั้งความแข็งแกร่งทางกายภาพกับต้วนหลิงเทียนได้หากพลังฝึกปรือเท่ากัน! เพราะตอนนี้กายเนื้อต้วนหลิงเทียนมีพลังความแข็งแกร่งทางกายภาพทัดเทียมกับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บแล้ว!!
แน่นอนว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าลำพังมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บยังไม่มี ไหนเลยจะมีมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บได้?
เผ่าพันธุ์มังกรในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บนับเป็นสายพันธุ์ที่มีความบริสุทธิ์ของโลหิตสูงสุด ไม่มีมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บอยู่แม้แต่ตัวเดียว
อย่างน้อยๆ จากเรื่องที่หานเฉวี่ยไน่บอกมา มันก็ไม่มีมังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
“ข้าคิดว่า 3 วันนี้ ข้าน่าจะฝึกอาภรณ์เงินให้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิได้ทัน…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำขณะเร่งเร้าพลัง จนมีม่านสีเงินคลุมฉาบไปทั่วกาย
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนฝึกฝนอยู่นั้น ข่าวอีกเรื่องก็แพร่ออกมาจนทำให้ฝ่ายนอกถึงกับป่วนปั่นครั้งใหญ่ ประหนึ่งหินใหญ่ร่วงสระบังเกิดคลื่นพันระลอกก็ไม่ปาน
“ท่านอาวุโสตงฟางกล่าวว่าอันใดนะเมื่อครู่…ท่านออกมาแถลงการณ์ว่า หากต้วนหลิงเทียนตกตายด้วยมือเฝิงฟ่างจริง ท่านจักเป็นธุระจัดการแจกจ่ายคะแนนอุทิศที่เดิมพันไว้งั้นหรือ?!”
ข่าวนี้ไม่เพียงทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกตื่นตระหนก กระทั่งผู้ดูแลและผู้อาวุโสทุกคนยังตกใจหนักหนา ไม่ใช่พรุ่งนี้อย่างที่บอกด้วยซ้ำ อาวุโสตงฟางกลับออกมาแถลงการณ์วันนี้เลย!!
“ท่านผู้อาวุโสตงฟางสนใจเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“มิน่าเชื่อ! ท่านอาวุโสตงฟางกลับออกมายืนยันว่าจักเป็นสักขีพยานและธุระจัดการเรื่องนี้ให้ต้วนหลิงเทียน…หากต้วนหลิงเทียนตกตายด้วยน้ำมือเฝิงฟ่าน”
“ต้วนหลิงเทียนนั่นกลับมิได้โกหก กระทั่งเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ยังสามารถยืมมืออาวุโสตงฟางได้…นี่ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ศิษย์ส่วนตัวของอาวุโสตงฟางแน่นะ?”
“เป็นไปไม่ได้! หากต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ของอาวุโสตงฟางจริงๆ ไฉนท่านอาวุโสถึงให้ต้วนหลิงเทียนยอมรับสารท้าประลองเป็นตายกับเฝิงฟ่าน? ท่านคงออกมาปกป้องและจัดการเรื่องนี้ไปนานแล้ว”
……
ไม่ต้องถามอันใดให้มากความสืบไป ‘ความเป็นจริง’ ที่บังเกิดขึ้นกะทันหันปานอัสนียามแล้งนี้ นับว่าเป็นการตอบคำถามของต้วนหลิงเทียนต่อ ‘เติ้งเหว่ย’ และศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหมดอย่างกระจ่าง
“เป็นไปได้ยังไงกัน?!”
หลังจากทราบข่าวนี้ เติ้งเหว่ยเองก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ทันที
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญายืมมืออาวุโสตงฟาง ให้มาเป็นสักขีพยานและคอยจัดการ ‘โต๊ะพนัน’ ที่ต้วนหลิงเทียนเป็นเจ้ามือได้แบบนี้
อย่างไรก็ตามไม่นานใบหน้าของมันก็เผยยิ้มแสยะหยันหยามออกมาอีกครั้ง “เจ้าเชิญผู้อาวุโสตงฟางมาได้แล้วจะอย่างไร? สุดท้ายเจ้าก็ยังต้องตกตายกลายเป็นผีคามือเฝิงฟ่านอยู่ดี!!”
ภายในบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่างหลังหนึ่งของฝ่ายนอก…
“ต้วนหลิงเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจักไม่ตกตายภายในน้ำมือของเฝิงฟ่านอะไรนั่นใน 3 วันหลังจากนี้หรอกนะ…เพราะชีวิตของเจ้าเป็นของ ข้า เยี่ยหมานคนนี้คนเดียว!!”
เยี่ยหมานที่นั่งบนโต๊ะหินอ่อน หมุนจอกสุราในมือครึ่งรอบ กล่าวพึมพำเสียงเย็น
ในลูกตายังฉายประกายเย็นเยือกวาวโรจน์ออกมา ปานดารากลางฟ้าค่ำคืน
เช้าวันต่อมาลานฝึกซ้อมก็นับว่าคึกคักเปี่ยมชีวิตชีวานัก
ศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหลายตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อรอแทงเดิมพันกับต้วนหลิงเทียนทีละคนๆ ต่างยื่นบัตรแก้วมาถ่ายโอนคะแนนอุทิศและประทับรอยนิ้วมือในสัญญาเดิมพันที่จะเกิดในอีก 2 วันหลังจากนี้อย่างลื่นไหล
ถึงตอนนั้นตราบใดที่เฝิงฟ่านเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในอัตรา 30 ต่อ 1
ลงทุนไป 30 คะแนนอุทิศไม่กี่วันก็ได้กลับมา 1 คะแนนอุทิศ!
ในสายตาของพวกมัน รู้สึกเสมือนต้วนหลิงเทียนตั้งใจมาแจกจ่ายคะแนนอุทิศที่มีให้พวกมันก่อนตายอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนว่าไม่ใช่พวกมันไม่คิดถึงผลที่จะตามมาหลังต้วนหลิงเทียนเป็นฝ่ายชนะ
แต่พวกมันคิดว่าเรื่องพรรค์นั้นไม่มีวันเป็นไปได้!
หากนี่เป็นการประลองทั่วไป พวกมันคงไม่มีใครกล้ามาเดิมพันมากมายขนาดนี้ เพราะยากที่ใครจะสืบทราบ ว่าใช่ต้วนหลิงเทียนเตี๊ยมกับเฝิงฟ่านมาเล่นละครฉากใหญ่เพื่อคะแนนอุทิศกันหรือไม่…ทว่าครานี้เป็นการประลองเป็นตาย
การประลองเป็นตายนั้น จะไม่ยุติจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตาย!
และการประลองเป็นตายนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ใครยื่นมือไปแทรกแซงเด็ดขาด หาไม่แล้วผู้ที่สอดมือ ทั้งผู้ที่ถูกช่วยเหลือจะถูกประหารทั้งคู่!
ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลผู้อาวุโสฝ่ายในหรือนอก ไม่เว้นแม้แต่ชนชั้นรองเจ้าสำนัก!
กฏก็คือกฏ นอกเหนือจากตัวตนระดับเซียนอันเป็นชนชั้นปกครองสูงสุดของสำนักจันทร์จรัสแสงที่มีอยู่เพียงหยิบมือแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ละเมิดกฏ!
วันแรกที่รับเดิมพัน คะแนนอุทิศในบัตรแก้วของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งกระฉุดไปแตะจำนวน 1,600,000 แต้มอย่างน่าตกใจ…แน่นอนว่าในจำนวนดังกล่าวมีคะแนนอุทิศของเขาอยู่ 100,000 แต้ม
กล่าวอีกอย่าง วันเดียวเขาได้รับคะแนนอุทิศจากการเดิมพันถึง 1,500,000 แต้ม!
หากเขาชนะการประลองเป็นตายที่จะมีขึ้นหลังจากนี้อีก 2 วัน ทั้งหมดจะเป็นของเขาโดยสมบูรณ์!!
“วันนี้ดูเหมือนเหล่าผู้ดูแลและผู้อาวุโสอะไรก็แวะเวียนผ่านมาและท่าจะสนใจการเดิมพันครั้งนี้ไม่น้อย…พรุ่งนี้พวกมันต้องอดใจไม่ไหวมาแทงกับข้าแน่”
หลังจากกลับมาถึงบ้านเดี่ยวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พึมพำเบาๆขณะมองตัวเลขคะแนนอุทิศ “บางทีพวกมันคงคิดเหมือนกันหมด ว่าคนที่จะตายในอีก 2 วันหลังจากนี้เป็นข้าแน่ๆ…”
พอคิดถึงเรื่องนี้สายตาที่มองตัวเลขบนบัตรแก้วก็ส่องประกายเจิดจ้าออกมาอย่างยินดี ยิ้มเฉิดฉายยังคลี่กางออก “นับว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณพวกมันแล้วจริงๆ ไม่งั้นข้าจะไปหาคะแนนอุทิศมากมายขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้นได้ที่ไหน…”
“แต่จะว่าไปพวกศิษย์ฝ่ายนอกนี่ก็ร่ำรวยกันไม่น้อย…วันเดียวข้ากลับได้รับคะแนนอุทิศถึง 1,500,000 แต้ม…”
วันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ยังมาปรากฏตัวที่ลานฝึกซ้อมแต่เช้า
รับแทงสืบต่อ!
หากแต่วันนี้จำนวนศิษย์ฝ่ายนอกที่มาแทงกลับน้อยลงกว่าเมื่อวาน
เมื่อวานนี้ที่มาแทงส่วนมากก็เป็นศิษย์ฝ่ายนอกที่ไม่ได้ปิดด่านฝึกตนแล้ว มีเพียงศิษย์ฝ่ายนอกจำนวนน้อยที่รู้สึกลังเลไม่แน่ใจและคิดว่า ‘เสี่ยง’ จึงไม่ได้เฮโลไปแทงสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างหน้ามืดตามัวตามศิษย์ฝ่ายนอกคนอื่น…
“ศิษย์พี่ต้วนข้าลงเดิมพันด้วยคะแนนอุทิศหมดสิ้นแล้ว มิทราบท่านรับหินเซียนด้วยหรือไม่?”
ศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่งที่รู้สึกว่ายังไม่พอ เลือกที่จะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาตรงๆ
“ขอโทษทีนะ แต่พอดีโต๊ะข้ารับเฉพาะคะแนนอุทิศน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มเป็นเชิงขอโทษ ค่อยหันไปมองยังร่างที่อยู่ไม่ไกล “แต่ว่าเจ้ายังสามารถไปหาผู้ดูแลเติ้งทางด้านนั้นได้ โต๊ะผู้ดูแลเติ้งเหมือนจะรับหินเซียนอยู่”
“อัตราเดิมพันของผู้ดูแลเติ้งต่ำเกินไป…”
ศิษย์ฝ่ายนอกได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินจากไป
“หืม?”
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพบว่าเติ้งเหว่ยที่อยู่ไม่ไกล กำลังก้าวอาดๆมาทางเขา
“ว่าไงผู้ดูแลเติ้ง ท่านยังมีปัญหาอะไรกับข้าอีกรึ?”
ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วข้างหนึ่งกล่าวถามเสียงเรียบ
“เฮอะ! ข้ามานี่เพื่อแทงเดิมพัน!”
เติ้งเหว่ยพ่นล่มแค่นคำ
“หืม? เดิมพันงั้นเหรอ!”
ต้วนหลิงเทียนอึ้งไปวูบหนึ่ง
“ในเมื่อจิตใจเจ้าประเสริฐคิดแจกจ่ายคะแนนอุทิศให้ผู้คน เช่นนั้นข้าก็มิคิดเกรงใจอันใดสืบไป…นี่คือ 120,000 คะแนนอุทิศ ข้าแทงว่าเฝิงฟ่านจักชนะการประลองเป็นตายในวันมะรืนนี้!”
เติ้งเหว่ยควักบัตรแก้วออกมาพร้อมกล่าวเสียงแข็ง
“120,000 คะแนนอุทิศ!?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย ด้วยไม่คิดเลยว่าเติ้งเหว่ยจะร่ำรวยไม่ใช่เล่น
อย่างไรก็ตามพอเขาคิดทบทวนอีกครั้ง เขาก็ไม่แปลกใจอะไรอีก
เติ้งเหว่ยคนนี้ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไรอย่างน้อยๆมันก็เป็นถึงผู้ดูแลฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสง ฐานะในนิกายของมันก็พอๆกันกับครูเขา ฟางฮุ่ย ถึงแม้ว่ามันยังจะเทียบครูเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอกก็มิได้นับว่ายากจนอะไร
การที่มันจะมี 120,000 แต้มในมือไม่นับว่าเป็นเรื่องผิดแปลก
“ผู้ดูแลเติ้ง…ข้าว่าเรื่องนี้ท่านคิดทบทวนให้ดีก่อนไม่ดีเหรอ 120,000 คะแนนอุทิศนี่ ข้าว่ามันไม่ใช่จำนวนน้อยๆสำหรับท่านเลยนา ท่านแน่ใจแล้วเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวโน้มน้าวออกมาด้วยน้ำเสียงเกลี้ยกล่อมให้เลิกแทง
ด้วยคะแนนอุทิศมากมายขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่อยากได้
ทว่าถึงแม้นี่จะดูเหมือนเขากำลังเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายล้มเลิก ทว่าเป็นจิตวิทยาย้อนกลับอย่างแยบคาย เพราะเขาค่อนข้างมองลักษณะนิสัยคนอย่างเติ้งเหว่ยออกทะลุปรุโปร่ง เขารู้ว่ายิ่งกล่าวโน้มน้าวให้อีกฝ่ายเลิกและกล่าวถึงเรื่องจำนวนเดิมพันว่ามากเท่าไหร่ด้วยทีท่าคล้ายหวาดกลัว เติ้งเหว่ยก็ยิ่งจะกระทำตรงกันข้าม!
และข้อเท็จจริงก็พิสูจน์ว่าต้วนหลิงเทียนคิดถูก
“อะไร เจ้ากลัวรึไร? เอาบัตรแก้วของเจ้าออกมาเสีย ข้าจักแทง 150,000 แต้ม คะแนนอุทิศ!”
พอได้ยินเสียงโน้มน้าวของต้วนหลิงเทียน เติ้งเหว่ยก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนรู้สึกกลัว ในใจบังเกิดความห้าวหาญเพิ่มขึ้นหลายส่วน ทุ่มแทงออกไป 150,000 คะแนนทอุทิศทันที!
เมื่อคะแนนอุทิศ 150,000 แต้มจ่ายออกไป ทั้งเนื้อทั้งตัวมันก็เหลือคะแนนอุทิศอยู่แค่ไม่กี่พันเท่านั้น…
อย่างไรก็ตามมันไม่สนใจ
มันเชื่อว่าหลังมะรืนนี้พ้นผ่านไป คะแนนอุทิศ 150,000 แต้มของมันจะหวนกลับมาพร้อมดอกเบี้ยจำนวนมหาศาล!
30 ต่อ 1 นั่นหมายความว่าคะแนนอุทิศของมันรอบนี้จะทำกำไรได้ถึง 5,000 แต้ม!
พอคิดว่ามันสามารถหาคะแนนอุทิศได้ถึง 5,000 แต้มในหนึ่งวัน จิตใจของเติ้งเหว่ยก็แจ่มใสร่าเริงนัก ‘หากข้าสามารถหาคะแนนอุทิศได้รวดเร็วเช่นนี้ไปตลอดคงประเสริฐนัก’
เมื่อเห็นว่าคะแนนอุทิศของมันได้ถูกถ่ายโดนไปยังบัตรแก้วในมือของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย เติ้งเหว่ยก็ประทับลายนิ้วมือเป็นลายลักษณ์อักษร เหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นเยือก “ต้วนหลิงเทียน มะรืนนี้ทันทีที่เจ้าตายข้าจักเอาข่าวดีนี้ไปบอกหลานชายของข้า!”
“หลานชายของเจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง
“เฮอะ! เจ้าคงยังมิลืมหรอกนะว่าเจ้าผ่านการทดสอบเข้าสำนักจันทร์จรัสแสงมาได้อย่างไร!?”
เติ้งเหว่ยกล่าวเย้ย
“เจ้าหมายความว่า…ตัวปากดี ‘เติ้งอวี้’ นั่นเป็นหลานชายของเจ้างั้นหรอ?”
พอได้คิดต้วนหลิงเทียนก็นึกได้ทันที
ไม่น่าแปลกใจเลยที่วันก่อนยามเติ้งเหว่ยเจอเขาครั้งแรก ตอนเขาคิดเข้าไปเดิมพันมันก็คล้ายไม่ถูกชะตากับเขา ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง