War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1451
อาคมเซียน!
ผู้ชมทั้งหลายเพียงโคจรพลังต้านทานเล็กน้อย และปล่อยให้ชุดเสื้อกระพือสะบัดไปอย่างไม่สนใจอะไร สายตาเพียงจับจ้องมองไปยังจุดศูนย์กลางการปะทะไม่วางตา
คลื่นลมที่กวาดซัดออกมา นำพาให้ฝุ่นดินในลานฝึกซ้อมคลุ้งขึ้นเล็กน้อย ไม่นานก็ค่อยๆสงบลง
ต่อมาภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่ยิงหมัดซัดปะทะกับดาบใหญ่ ร่างผงะถอยไป 2 ก้าวค่อยหยุดลง แก้มขึ้นสีแดงเรื่อเล็กน้อย
กลับกันด้านเฝิงฟ่านมีเพียงดาบใหญ่ที่กระเด็นถอยไป ทว่าไม่ทันที่มันจะได้จรดพื้นด้านหลัง เฝิงฟ่านก็รั้งดาบเอาไว้และกลับมาคอนชี้ออกข้างไว้อย่างเข้มแข็ง สีหน้ามันเริ่มขึ้นสีเขียวซีดบางๆ หากแต่สองเท้ายังปักหลักนิ่งกับที่ไม่ไหวติง
แน่นอนว่ามีผู้คนแค่ไม่กี่คนที่สามารถสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปแค่เล็กน้อยของมันได้…
ทั้งหมดเพียงชมมองท่าร่างกับการเคลื่อนไหวของมัน
“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่เฝิงฟ่านจักมีเปรียบเล็กน้อยสินะ!”
“เหอะ! กล้ารับดาบใหญ่ของศิษย์พี่เฝิงฟ่านด้วยหมัดเปล่าเปลือยไร้ศาสตรา! มันรนหาที่ตายชัดๆ!!”
“ปะทะกันตรงๆเช่นนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน! ศิษย์พี่เฝิงสมแล้วที่เป็นแบบอย่างชั่วชีวิตของข้า!!”
……
ศิษย์ฝ่ายนอกมากมายมองเฝิงฟ่านด้วยใจเคารพบูชา สายตาทั้งหลายรุ่มร้อน ปากเจรจาไม่หยุด
แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ชื่นชมเฝิงฟ่านจนหน้ามืดตามัว…
“เหอะๆ…ข้าตาฝาดไปหรือไม่? ศิษย์พี่ต้วนไม่ได้ใช้ศาสตราเซียนอันใด แต่เพียงเสียเปรียบศิษย์พี่เฝิงแค่เล็กน้อยงั้นเหรอ…งั้นถ้าไม่ใช้ศาสตราเซียน ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่เฝิง…”
“นั่นสิ นี่ศิษย์พี่ต้วนแข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ รับดาบใหญ่ใช้ออกด้วยวรยุทธ์แข็งกร้าวอย่างประทับไท่ซานตรงๆ แต่ยังมิบาดเจ็บอันใดเนี่ยนะ? นี่มือพี่ท่านหลอมมาจากเหล็กหมื่นปีรึไร?”
“ดูเหมือนว่าประลองเป็นตายวันนี้ ก็ไม่แน่ว่าผู้ที่ต้องตายจะเป็นศิษย์พี่ต้วนเสียแล้ว…”
……
คนที่กล่าวออกอย่างหลังล้วนเป็นศิษย์ฝ่ายนอกที่เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นพิเศษ พวกมันอดไม่ได้ที่จะตกใจกับความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาให้เห็น
เหล่าผู้ดูแลและอาวุโสฝ่ายนอก ก็ชักสีหน้าเคร่งขึ้นมาไม่น้อย
“นับว่าสมคำร่ำลือยิ่งนัก…ต้วนหลิงเทียนนั่นร้ายกาจยิ่ง!”
ศิษย์ฝ่ายในที่มาชมดูอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ
เฝิงฟ่านนั้นแม้จะอยู่แค่อันดับ 5 แต่ก็ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในศิษย์ฝ่ายนอก ทั้งยังติดอันดับในรายนามปฐพี ทำให้ศิษย์ฝ่ายในบางคนก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะมันได้
“ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
เห็นฉากนี้โจวฉีกลายเป็นตื่นตระหนกไม่น้อย มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรับการโจมตีของเฝิงฟ่านได้ตรงๆแบบนี้!
ถึงแม้ว่าพลังดาบจะถดถอยลงไปส่วนหนึ่งจากตอนแรก ทว่านั่นก็คือพลังอำนาจที่เพิ่มพูนขึ้นมาเพราะศาสตราเซียนแล้ว!
“จึกๆๆ…ฮัยยา ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงติดอันดับในรายนามปฐพีอะไรนั่นได้! เจ้ามันความอดทนสูงจริงๆ ถึงกับยอมอดทนกล้ำกลืนขบเคี้ยวฟันแทบแตก ดีกว่าถอยหลังไปไม่กี่ก้าว…”
กลางลานฝึกซ้อม ต้วนหลิงเทียนที่กลับมามีสีหน้าปกติ พลันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ สายตายังชมมองเฝิงฟ่านปริบๆ ทำหน้าทำตาชื่นชมอยู่บ้าง
ด้วยมีเสียงต้วนหลิงเทียนดังขึ้นชี้นำเช่นนี้ ความสนใจของทุกผู้คนพลันกลับไปอยู่ที่เฝิงฟ่านทันที
“หืม? มิใช่ว่าสีหน้าศิษย์พี่เฝิงเริ่มมิค่อยสู้ดีขึ้นมาแล้วหรือไร?”
“เรื่องที่ศิษย์พี่ต้วนกล่าวมันจริงหรือไม่…นั่นศิษย์พี่เฝิงฝืนทนอยู่ แทนที่จะถอยหลังไปงั้นหรือ?”
มีคนที่เอะใจอยู่แค่ไม่กี่คน
“อั๊คคค!!”
เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนแฉความต่อหน้าทุกผู้คน และสังเกตเห็นว่ามีคนเริ่มสงสัย กระทั่งสุดท้ายต่างก็มองมาที่มันด้วยสายตาอยากรู้ ในที่สุดเฝิงฟ่านก็รู้สึกเสมือนเลือดลมตีกลับ อดไม่ได้จำต้องกระอักออกมาคำใหญ่!
เมื่อโลหิตสาดกระจายรดพื้น ก็คล้ายความอัดอั้นได้รับการระบาย สีหน้ามันดีขึ้นเล็กน้อย
เห็นฉากดังกล่าวผู้คนก็เงียบไปปานคนตาย
จังหวะนี้หากพวกมันยังคิดว่าเมื่อครู่เฝิงฟ่านมีเปรียบ พวกมันก็ใช้ชีวิตมาได้ไร้ค่ายิ่งกว่าสุนัขแล้ว
“ต้วน! หลิง! เทียน!!”
มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาเฝิงฟ่านก็ปานจะกลืนกิน!
หากกล่าวว่าตอนแรกนั้นมันคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนเพราะคำร้องขอของโจวฉีล่ะก็…
ตอนนี้มันบังเกิดความต้องการฆ่าต้วนหลิงเทียนขึ้นมาโดยส่วนตัวแล้ว หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนแฉให้มันอับอายต่อหน้าผู้คน!
ผู้ชมที่ยืนอยู่ก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม ทั้งหลายกลับมารู้สึกตัวในพริบตา คราวนี้สายตาที่มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ยังต่างจากเดิมไม่น้อย
“จะอย่างไรดาบเมื่อครู่ของเฝิงฟ่านก็มีอำนาจเพิ่มพูนของศาสตราเซียน…เรียกว่าแม้จะออกแรงเต็มที่ แต่หากไร้ศาสตราเซียน ก็ยังแข็งแกร่งมิเท่า…”
ต่งชงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน กล่าวพึมพำออกมา
วาจาของมันกล่าวอีกอย่างได้ว่า…หากไม่ใช้ศาสตราเซียน เฝิงฟ่านย่อมไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียนเลย!
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ต่งชงเท่านั้นที่เห็น ยังรวมถึงเหล่าผู้ดูแลและอาวุโสฝ่ายนอกอย่างหวงเฉิงอีกด้วย…โดยเฉพาะหวงเฉิง ยามนี้สีหน้ามันกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากแล้ว!
ตอนแรกมันคิดว่าเฝิงฟ่านคงต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนได้อย่างไร้ข้อผิดพลาดใดๆ…
ทว่าจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เกรงว่าคงไม่มีความแน่นอนอะไรทั้งนั้น
คะแนนอุทิศจำนวน 360,000 แต้มของมันกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง…มีโอกาสหายไปกับสายลม!
เหล่าอาวุโสฝ่ายนอกคนอื่นๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอกและลอบพึงพอใจอยู่บ้าง ที่ไม่ได้แทงเดิมพันอะไร
หาไม่แล้วป่านนี้พวกมันคงได้เครียดกังวลเช่นกัน!
มาถึงตอนนี้พอพวกมันต่างหันมองไปยังหวงเฉิงอย่างพร้อมเพรียง พอเห็นใบหน้าเบี้ยวๆของหวงเฉิง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะลอบสะใจเบาๆ
“นี่ๆ อาวุโสหวง…หากวันนี้ต้วนหลิงเทียนชนะขึ้นมา มิใช่ว่าคะแนนอุทิศ 360,000 แต้มของท่านจะบินหนีไปแล้วรึ…จึกๆๆ ฮัยยา ตั้ง 360,000 คะแนนอุทิศ…! แม้จะมิใช่ทั้งหมดที่ท่านมี แต่ข้าว่าสมควรเกิน 9 ส่วนใช่หรือไม่?”
อาวุโสฝ่ายนอกบางคนที่มองหวงเฉิงได้พักหนึ่งก็รู้สึกไม่พอ พลันแสยะยิ้มกล่าวออกมา
“360,000 คะแนนอุทิศ…ต่อให้เป็นท่านอาวุโสหวงเฉิงผู้ร้ายกาจ หากไม่ใช้เวลาสัก 10 รึ 20 ปี ก็คงมิอาจสะสมได้กระมัง?”
อาวุโสฝ่ายนอกอีกคนกล่าวเหน็บแนม
“พวกเจ้าอย่าได้เร่งถมหินลงหลุมนัก! สงครามยังมิจบอย่าพึ่งนับศพทหาร! สุดท้ายเรื่อราวจะลงเอยอย่างไร หรือมีผู้ใดกล้าพูดได้เต็มปาก!!”
หวงเฉิงแค่นคำกล่าวออกพร้อมยิ้มแสยะ “แล้วนี่พวกเจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าเฝิงฟ่านที่ติดอันดับในรายนามปฐพีได้ จักมีดีเพียงเท่านี้?”
ผู้อาวุโสฝ่ายนอกแน่นอนว่ารู้เรื่องนี้ แต่ที่มันอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมหวงเฉิงบ้างก็เพราะท่าทางหยิ่งยโสได้ใจของอีกฝ่ายเมื่อวาน
“พอลองมาคิดๆดูแล้ว ดูเหมือนที่ต้วนหลิงเทียนพยายามกันพวกเราจากการเดิมพัน ล้วนเป็นเพราะความเมตตาหรือไม่?”
อาวุโสฝ่ายนอกบางคนที่เงียบอยู่ ไม่นานก็นึกอะไรขึ้นได้
“ที่แท้สหายน้อยต้วนหลิงเทียนก็นับว่าใจดีไม่น้อยเลยสิ….”
อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนพอได้ยินก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกรอบ สายตาพวกมันยังเผยความชื่นชอบขึ้นมาหลายส่วน
“พี่หวง…ข้าถามจริงนี่ท่านไปสร้างความขุ่นขึ้งอันใดให้ต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”
อาวุโสฝ่ายนอกบางคนคนมองถามหวงเฉิงด้วยความสนใจ
“หากข้าเข้าใจมิผิด พวกเจ้าคงมิได้ใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับอันใด ตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนกันใช่หรือไม่?”
ต่งชงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
“ต้วนหลิงเทียนอายุน้อยกว่า 40 ปี และพลังฝึกปรือพึ่งตัดผ่านมายังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบมิใช่หรือไร? เรื่องนี้ล้วนรู้กันทั่ว ใยข้ายังต้องตรวจสอบอันใด”
“มิผิด! ข้าก็ทราบเรื่องนี้แต่แรก จะไปตรวจสอบพลังฝึกปรือเขาให้เสียมารยาททำอันใด…แม้ตอนนี้เขาจะอ่อนแอกว่าเรา แต่ด้วยศักยภาพและพรสวรรค์ของเขาจักอย่างไรก็ต้องก้าวข้ามพวกเราในสักวัน หากเป็นไปได้ข้าก็ไม่กล้าทำอันใดให้เขาขุ่นเคืองหรอก…”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น เลยไม่กล้าตรวจสอบอะไร”
……
อาวุโสฝ่ายนอกทั้งหมดกล่าวออกมาตรงๆ ไม่มีใครกล้าตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนเลยสักคน
‘มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนเมื่อวานยามเขามองข้า สายตาถึงเต็มไปด้วยความระวังทั้งเต็มไปด้วยความเป็นปฏิปักษ์…ที่แท้ล้วนเป็นเพราะข้าตรวจสอบพลังฝึกปรือของเขาเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง…’
ต่งชงเผยยิ้มขมออกมา
“ต้วนหลิงเทียน!”
ได้ยินวาจานี้ของต่งชง หวงเฉิงก็ขบฟันดังกรอด ตอนนี้หากมันยังไม่รู้ว่าไฉนเมื่อวานต้วนหลิงเทียนถึงจงใจให้สิทธิ์เดิมพันกับมันทั้งหมด ก็เกรงว่ามันจะอยู่มานานหลายปีอย่างเสียเปล่าแล้ว
ที่แท้ไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนคิดอยากให้คะแนนอุทิศกับมันแต่อย่างไร…
อีกฝ่ายคิดหลอกมัน!
ถึงแม้จะมีอาวุโสฝ่ายนอกมากมาย แต่อีกฝ่ายคิดเอาคะแนนอุทิศมันคนเดียว!!
“หากคิดเอาคะแนนอุทิศของข้า…อย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องเอาชนะเฝิงฟ่านให้ได้เสียก่อน!!”
สีหน้าหวงเฉิงตอนนี้นับว่ามืดคล้ำนัก หากต้วนหลิงเทียนเอาชนะเฝิงฟ่านได้จริง นั่นหมายความว่ามันคิดจับไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารไปอีกกำมือแล้ว!!
นั่นมัน 360,000 คะแนนอุทิศเชียวนะ! หากมันเสียไปคงต้องปวดใจแทบตาย!!
ตอนนี้หวงเฉิงปรารถนาให้เฝิงฟ่านฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายมากกว่าผู้ใด!
“ดูเหมือนว่าที่แท้ศิษย์พี่ต้วนจักมีพลังฝีมือสูงพอสู้กับศิษย์พี่เฝิงได้…มิน่าเขาถึงได้เปิดโต๊ะรับเดิมพัน! บัดซบเอ๊ย ข้าดันทะลึ่งคิดว่าเพราะศิษย์พี่ต้วนรู้ตัวว่ากำลังจะตายเลยคิดแจกจ่ายคะแนนอุทิศให้…”
“หมากตานี้ของศิษย์พี่ต้วนร้ายกาจยิ่ง! ข้าแทงศิษย์พี่เฝิงฟ่านไปตั้ง 3,000 คะแนนอุทิศ! หากศิษย์พี่เฝิงแพ้ คะแนนข้าปิ๋วหมดแน่!!”
“ไฉนข้าพเจ้าถึงได้โลภมากนักนะ…คิดอยากได้คะแนนอุทิศมิถึงร้อย กลับทุ่มแทงไปกว่า 2,000!”
……
เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกที่แทงข้างเฝิงฟ่านตอนนี้สีหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยวมิค่อยสู้ดีขึ้นมาแล้วเช่นกัน
อีกด้านนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลอย่างเติ้งเหว่ย หรือผู้ดูแลคนอื่นๆ ก็หน้าเครียดไม่ต่าง
พลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก นับว่าเหนือความคาดหมายของพวกมันทุกคน ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าคะแนนอุทิศของพวกมันถูกคุกคาม และไม่ปลอดภัยอีกต่อไป!
“ระยำเอ๊ย! ไฉนต้วนหลิงเทียนมันถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้เล่า!!”
ตอนนี้สีหน้าเติ้งเหว่ยเรียกว่าบิดเบี้ยวถึงขีดสุด! เพราะมันทุ่มแทงเดิมพันข้างเฝิงฟ่านไปด้วยคะแนนอุทิศจนแทบหมดตัว หากวันนี้เฝิงฟ่านตายไปมันก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว!!
เพราะคะแนนอุทิศที่เหลือไม่กี่พันนั้นไม่ได้พอยาไส้มันเลย!
แถมคะแนนอุทิศแสนกว่าแต้มที่มันใช้เดิมพันไปนั่น มันก็เก็บหอมรอมริบมาเกือบ 20 ปี!!
“ต้วนหลิงเทียน…”
เยี่ยหมายมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อนนัก อารมณ์ของมันสับสนปนเปไปหมด ใจหนึ่งมันก็ไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนตาย เพราะมันอยากเป็นคนฆ่าอีกฝ่ายกับมือ…เพื่อปลดเปลื้องความแค้นที่ครอบงำใจมันจนทำให้มันกลายเป็นมาร!
หลังจากที่มันปลดเปลื้องทั้งขจัดความแค้นที่ครอบงำใจมันได้ มันจะทะยานฟ้า!
อย่างไรก็ตามพอเห็นพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก มันก็อดบังเกิดความคิดอิจฉาเสียไม่ได้ “เพื่อเอาชนะต้วนหลิงเทียน ข้าถึงกับยอมตกลงสู่หนทางแห่งมาร…แต่ข้าจะเอาชนะมันได้แน่หรือ?”
เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เยี่ยหมานบังเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาหลังจากที่มันเลือกเดินหนทางมาร จนกลับกลายเป็นผู้บำเพ็ญมารคนหนึ่ง
“ศิษย์พี่เฝิงฟ่านสู้ๆ! ศิษย์พี่เฝิงฟ่านสู้ตาย!!”
“ศิษย์พี่เฝิงฟ่าน ท่านต้องเอาชนะให้ได้นะ!!”
“ศิษย์พี่เฝิงฟ่าน ท่านแข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายนอก ยังติดอันดับรายนามปฐพี! เวทีนี้ท่านไร้เทียมทาน!!”
……
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีศิษย์ฝ่ายนอกก็กู่ร้องให้กำลังใจ ส่งเสียงกระตุ้นทั้งเอาใจช่วยเฝิงฟ่านกันใหญ่
ศิษย์ฝ่ายนอกบางคนถึงกับสองตาแดงก่ำ ตะเบ็งเสียงแทบขาดใจคล้ายรอไม่ไหวที่จะส่งแรงใจทั้งหมดที่มีไปช่วยเฝิงฟ่าน
เหตุผลที่มันมีอารมร์ร่วมอย่างหนักขนาดนี้ เพราะพวกมันทุ่มแทงข้างเฝิงฟ่านหมดตัว…
“ต้วนหลิงเทียน แม้ข้ามิรู้ว่าเป็นเพราะเจ้าคือลูกหลานของสัตว์เซียนหรือสัตว์ร้ายกันแน่ ร่างกายของเจ้าถึงได้มีพละกำลังและความแข็งแกร่งเหนือผู้คนมากมายขนาดนี้…แต่ต่อให้เจ้าจะแข็งแกร่งอย่างไร วันนี้เจ้าก็ต้องตาย!!”
ได้ยินเสียงรอบตัวที่ให้กำลังใจมัน เฝิงฟ่านก็ฮึกเหิมขึ้นไม่น้อย ทั่วกายคล้ายเต็มไปด้วยพลังเหลือล้น มันคอนดาบใหญ่ขึ้นมาชี้หน้าต้วนหลิงเทียน กล่าวออกเสียงเย็น
ในวาจาของมัน ยังเผยให้ผู้คนรับทราบชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของร่างกายต้วนหลิงเทียนเหนือล้ำกว่าคนทั่วไป
“บางครั้งต่อให้เจ้ามั่นใจก็อย่าพึ่งด่วนตัดสินอะไรให้มันมากนัก…เพราะหากทำไม่ได้ ก็รังแต่จะสร้างความอับอายให้ตัวเองเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนเพยีงยิ้มไม่แยแส กล่าวออกเสียงเรียบ
“เช่นนั้นข้าจะให้เจ้ารับทราบถึงความต่างเดี๋ยวนี้!”
เฝิงฟ่านแสยะยิ้มเย็น สายตามันแปรเปลี่ยนไป ทันใดนั้นเองคลื่นอากาศพลันพวยพุ่งออกจาก 2 เท้าปานจุดระเบิด ส่งร่างมันให้บึ่งทะยานไปทางต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงล้ำ!
เผิงทะยานผ่าน 9 สวรรค์!
ดาบใหญ่ของมันนอกจากจะปกคลุมไปด้วยปราณแท้อันน่าพรั่นพรึงจนตัวดาบเปล่งสีฟ้าเรืองรองแล้ว ยังมีพลังลึกลับอีกขุมหนึ่งที่เริ่มแผ่ซ่านออกมา! จนทำให้กลิ่นอายพลังของดาบใหญ่แปรเปลี่ยนไปเป็นน่ากลัวกว่าก่อนหน้าอย่างเทียบไม่ติด!!
“นั่นมันอาคมเซียน!!”
เสียงอุทานของศิษย์หลายคนที่โพล่งอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียง ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน