War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1453
ตาย!
ในขณะที่เปิดใช้อาคมเซียนพายุสลาตัน ร่างเฝิงฟ่านก็จี้เข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูงล้ำจนน่ากลัว มือหนึ่งถือค้อนมือหนึ่งถือดาบ มองไปคล้ายเคียวยมทูต 2 เล่มที่กำลังแกว่งไกวเข้ามาหมายเกี่ยวดวงวิญญาณสู่ปรภพ!
รวดเร็ว! น่าพรั่นพรึง!
ตอนนี้เฝิงฟ่านไม่ได้ใช้วรยุทธ์เคลื่อนไหวกระทั่งวิชาท่าร่างอะไร เพียงอาศัยความเร็วที่ได้จากอาคมพายุสลาตันบนค้อนสลาตันกระโจนเข้ามาเท่านั้น!
และตอนนี้ ต่อให้เป็นศิษย์ฝ่ายนอกที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ก็มองไม่เห็นร่างของเฝิงฟ่าน! เพราะความเร็วที่ได้จากอาคมพายุสลาตันหนุนเสริม มันเร็วเกินกว่าตาจะมองตามทัน!!
“รวดเร็วยิ่งนัก! นี่น่ะหรืออำนาจของอาคมเซียน พายุสลาตัน!!”
ศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!
‘มีความเร็วเช่นนี้จากอาคมพายุสลาตันของค้อนสลายตัน กับพลังทำลายของอาคมพันทวีในดาบใหญ่…ต้วนหลิงเทียนนั่นชะตาขาดแล้ว’
เหล่าอาวุโสฝ่ายนอกลอบกล่าวในใจ
จังหวะนี้ผู้ดูแลฝ่ายนอก และศิษย์ฝ่ายนอกมากมายที่ลงเดิมพันข้างเฝิงฟ่านก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นความเร็วของเฝิงฟ่านยามใช้อาคมพายุสลาตัน
ในสายตาของพวกมัน การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีใดให้สงสัยอีกแล้ว
ในแง่ของพลังทำลาย ด้วยอาคมพันทวีบนดาบใหญ่ เฝิงฟ่านเหนือกว่าต้วนหลิงเทียนมาก
ในแง่ของความเร็ว เมื่อเปิดใช้อาคมพายุสลาตัน ความเร็วของเฝิงฟ่านก็เหนือต้วนหลิงเทียนไปเป็นขั้น
ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพลัง เฝิงฟ่านล้วนสะกดข่มต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทุกทาง! หมดสิ้นโอกาสพลิกชะตาอันใดแล้ว!!
ไม่เพียงแต่ผู้ดูแลฝ่ายนอกและศิษย์ฝ่ายนอกที่ทุ่มแทงข้างเฝิงฟ่าน ตอนนี้ศิษย์ฝ่ายนอกที่ไม่ได้เดิมพันเกือบทั้งหมดรวมถึงศิษย์ฝ่ายใน ไม่เว้นอาวุโสทั้งหลายก็คิดไปดุจเดียวกัน…ว่าสถานการณ์คงไม่มีใดเปลี่ยนแปลงอีก
แน่นอนว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ใดๆในหล้าล้วนมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ
และคราวนี้ข้อยกเว้นที่ว่าก็คือศิษย์ฝ่ายนอกคนหนึ่ง ที่ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกของฝ่ายนอกสำนักจันทร์จรัสแสง…
มันคือ เซิ่งจื่อ!
สองเดือนที่แล้วมันพกความห้าวไปเต็มกระเป๋าหมายรีดไถหินเซียนจากต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้ามายังสำนักจันทร์จรัสแสง ทว่าสุดท้ายกลายเป็นเตะเอาเข้าตอเหล็ก!
และในฐานะผู้ที่ประมือกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน กระทั่งได้พบพานกับเรื่องพิสดารมากับตัว…มันจึงมั่นใจถึงที่สุดว่าต้วนหลิงเทียนต้องมีอวิชาหรือวิถีมารบางประการ! หาไม่แล้วคงไม่สามารถทำให้การโจมตีของมันพลาดเป้าไปอย่างพิศวงได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา!
หลังจากจบการประมือครั้งนั้น มันก็พยายามอธิบายเหตุผลที่มันแพ้ให้ผู้คนรอบกายฟัง อนิจจาไร้แม้แต่คนเดียวที่เชื่อมัน…
ทุกคนต่างคิดว่ามันไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเด็กใหม่ได้ จึงกล่าวอ้างว่าต้วนหลิงเทียนรู้วิชามารอะไรทำนองนั้น
มีเพียงตัวมันเท่านั้นที่รู้…ว่ามันกล่าวตามความสัตย์จริง!
เดือนที่แล้วตอนที่ต้วนหลิงเทียนประมือกับหลินฟู่ มันก็คิดจะอาศัยโอกาสนั้นเปิดเผยว่าต้วนหลิงเทียนใช้วิชามารอย่างไร…อนิจจามันไม่คิดเลยว่าต่อให้ไม่ต้องใช้วิชามารอะไรนั่น ต้วนหลิงเทียนก็สามารถสยบหลินฟู่ได้อย่างราบคาบ!
มาตอนนี้เฝิงฟ่านปะทุพลังเหนือชั้น ใกล้สังหารต้วนหลิงเทียนได้เต็มที จนทำให้ทุกคนล้วนคิดไปว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ!
ทว่าเซิ่งจื่อเป็นคนเดียวที่คิดว่า ต้องมีเหตุเปลี่ยนแปลงถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำดินบังเกิดขึ้นเป็นแน่!!
และในขณะที่เซิ่งจื่อกำลังคิดอยู่นั้น ด้านเฝิงฟ่านที่โจนทะยานปรี่เข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยจิตสังหารล้นปรี่ ก็เหลือบไปแลเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับม่านตาดำข้างซ้ายของต้วนหลิงเทียน…คล้ายมันกำลังหมุนจนคล้ายวังวน!
มันอดไม่ได้ที่จะตกใจ ด้วยไม่ทราบว่านั่นมันอะไรกันแน่
มันยังพบอีกว่าวังวนที่ก่อตัวขึ้นในม่านตาข้างซ้ายของต้วนหลิงเทียน ยิ่งมายิ่งหมุนเร็วขึ้นทุกขณะ ยังอดไม่ได้ที่มันจะรู้สึกเสมือนวิญญาณถูกสูบกลืนเข้าไปในนั้น!
‘ไม่คิดเลยจริงๆ…ว่าข้าต้องใช้ม่านตาพิสดารนี่ฆ่าเฝิงฟ่าน…’
ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ
เขาคิดว่าด้วยพลังตอนนี้สมควรฆ่าเฝิงฟ่านได้ไม่ยากเย็น แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีอาคมเซียนระดับ 2 ดาวที่น่ากลัวอยู่ถึง 2 อาคม และนั่นทำลายความตั้งใจดั้งเดิมของเขาจนหมดสิ้น…
และตอนนี้ถึงขั้นที่หากเขาไม่ใช้ม่านตาพิสดาร เขาอาจจะต้องตาย!
วิสัยทัศน์ในตาซ้ายของต้วนหลิงเทียน ร่างเฝิงฟ่านที่พุ่งทะยานเข้ามาฉับไวด้วยอาคมพายุสลาตัน ค่อยๆชะลอตัวช้าลงเรื่อยๆ
แน่นอนว่าพลังวิญญาณของเขาเองก็ถูกสูบกลืนไปด้วยอัตราเร็วอันน่ากลัวเช่นกัน
ต้องกล่าวเลยว่าเฝิงฟ่านนั้นรวดเร็วจริงๆ…
กล่าวให้ชัด เป็นอาคมพายุสลาตันที่ทำให้มันรวดเร็วจริงๆ
แม้ต้วนหลิงเทียนจะเปิดใช้ม่านตาพิสดารเต็มกำลัง จนแลเห็นสรรพสิ่งช้าลงแล้ว แต่ร่างเฝิงซ่านในลูกตาซ้ายเขาก็สามารถเคลื่อนมาถึงตัวเขาในเวลาอันสั้นนัก
อีกทั้งค้อนสลาตันกับดาบในมือนั่นยังฟาดทุบมายังศีรษะเขาด้วยความเร็วอันน่ากลัว!
“ตายเสีย!!”
เฝิงฟ่านที่วูบร่างมาถึงต้วนหลิงเทียน ไม่คิดลดความเร็วของตัวแต่อย่างไร ยังอาศัยสภาวะเคลื่อนไหวถ่ายแรงฟาดทุบค้อนสลาตันทั้งดาบใหญ่ในมือมาสุดแรงอาคมพันทวีเองก็เปิดใช้พร้อมสรรพ! ราวกับมันจะใช้ทั้งค้อนทั้งดาบขยี้ร่างต้วนหลิงเทียนให้กลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือน!!
ปง! ปง! ปง! ปง!
……
ด้วยพลานุภาพของค้อนที่หวดมาฉับไว ทั้งดาบใหญ่ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังของอาคมพันทวี เสียงแตกระเบิดของอากาศนับว่าดังขู่ขวัญผู้คนให้หวาดกลัวนัก!
หากถูกทุบเข้าล่ะก็ เกรงว่าคงแหลกเหลวเป็นกองเลือด ยากจะมีสภาพศพสมบูรณ์!
มีศิษย์ฝ่ายนอกไม่มากนักที่มองตามความเคลื่อนไหวของเฝิงฟ่านได้ทัน อย่างไรก็ตามด้านศิษย์ฝ่ายในอดไม่ได้ที่จะสยดสยอง ยากทานทนดูชมเรื่องที่จะบังเกิดขึ้นต่อไป
เหล่าอาวุโสฝ่ายนอก ยกเว้นหวงเฉิงที่ยิ้มแฉ่งหน้าระรื่น ที่เหลืออดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
“ฟ้าริษยาอัจฉริยะนัก…”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ทุบมัน! ทุบมันให้ตาย!!”
เติ้งเหว่ยตื่นเต้นเสียจนสองตาแทบถลนออกเบ้า คล้ายมันจะเพ่งตาจับจ้องมองเรื่องราว เก็บภาพวินาทีที่ร่างต้วนหลิงเทียนแหลกเหลวโดยไม่ให้พลาดแม้แต่รายละเอียดยิบย่อยอะไรไว้ชั่วชีวิต…
“ให้เจ้ามีพรสวรรค์และศักยภาพฟ้าประทานจากทวีปมนุษย์แล้วจะอย่างไร…สุดท้ายเจ้าก็ต้องกลายเป็นธุลีดินบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้อยู่ดี!”
โจวฉีหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ สองตาเหลือบแลห้วงสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย
“เคลื่อนมิติ!”
ในขณะที่ทุกผู้คนคิดว่าต้วนหลิงเทียนถึงคราวชะตาดับสูญ ต้วนหลิงเทียนก็เปิดใช้ม่านตาพิสดารเต็มกำลัง ตาซ้ายจับจ้องมองไปยังค้อนสลาตันอันเขื่องกับดาบมหึมาเขม็ง!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังพยายามเปิดใช้งานความสามารถอันทรงพลังปานพลิกฟ้าอย่าง เคลื่อนมิติ ของม่านตาพิสดารสุดชีวิต! จนพลังวิญญาณทั่วร่างของเขาถูกเผาผลาญไปด้วยความเร็วอันน่าตื่นตระหนก!!
ในขณะที่พลังวิญญาณเจียนแห้งเหือด ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนในศีรษะกลายเป็นว่างเปล่า
ห้วงเวลานั้นเอง ดาบใหญ่ทั้งค้อนอันเขื่องของเฝิงฟ่านพลันเคลื่อนที่อย่างแปลกประหลาด มันเบี่ยงไปข้างกายต้วนหลิงเทียนอย่างอัศจรรย์ สองศาสตรามหึมาที่ฟาดลงมาดังขุนเขาถล่ม ปะทุพลังอันน่าพรั่นพรึงเต็มกำลังพลาดเป้า!!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงสนั่นสะท้านแก้วหูดังไปทั่วลานฝึกซ้อม ดินหินข้างกายต้วนหลิงเทียนถึงกับแหลกพินาศเป็นหลุมบ่อ
‘ขาดไปนิดเดียว!’
ก่อนหน้านั้น ต้วนหลิงเทียนแม้เห็นค้อนกับดาบถูกเบี่ยงออกไป ทว่าตัวค้อนกลับไม่ถูกเบี่ยงออกไปอย่างหมดจด! ส่วนหนึ่งของมันยังอยู่ในระยะที่จะทุบทำลายแขนซ้ายของเขา! ทำให้ต้วนหลิงเทียนพยายามฝืนเคลื่อนกายฉากหลบออกไปทางขวาสุดชีวิต!!
อนิจจาแม้จะพยายามเคลื่อนกายออกไปสุดชีวิต แต่ค้อนก็ฟาดถากไหล่ซ้ายของเขาอย่างแรง!
ยังโชคดีที่มันทุบโดนแค่เนื้อ ไม่ป่นกระดูกจนแหลกหรือทำลายเส้นเอ็นแต่อย่างไร!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเนื้อครึ่งแขนถูกพลังในค้อนป่นจนแหลก ก็ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนน่าซีดเหงื่อตกด้วยความเจ็บปวดอยู่บ้าง กอปกับสภาวะพลังวิญญาณแห้งเหือดในพริบตา ทำให้กลไกป้องกันตัวเองเริ่มทำงาน สติสัมปชัญญะของเขากำลังจะดับลงเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด!
‘ไม่! ข้าสลบไม่ได้! ข้าสลบตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด!!’
ในห้วงเวลาวิกฤต ต้วนหลิงเทียนขบกัดปลายลิ้นอย่างแรง อาศัยความเจ็บปวดดังกล่าวดึงสติให้กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง!
เขากระจ่างแจ้งแก่ใจดี
หากตอนนี้เขาเป็นลมสลบไป ทุกสิ่งที่กระทำมาล้วนต้องกลับกลายเป็นอากาศธาตุ…
เฝิงฟ่านที่เพียงโจมตีพลาดไปครั้งหนึ่ง แน่นอนว่ายังลงมือจู่โจมซ้ำสองได้!
หากเขาสิ้นสติสลบไป ยังจะต่างใดจากปลาตายบนเขียงให้เฝิงฟ่านแล่สับตามใจ? อีกฝ่ายจะฆ่าเขาให้ตายอย่างไรก็ได้!
เมื่อดิ้นรนจนสามารถประคองสติให้ตื่นตัวอยู่ได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็มองเฝิงฟ่านที่ลงมือพลาดด้วยสายตาเยียบเย็น…เขายังเห็นชัดเจนถึงแววตาอื้ออึงของเฝิงฟ่านที่คล้ายไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
และบางทีเฝิงฟ่านคงไม่มีวันเข้าใจได้
ว่าไฉนค้อนสลาตันและดาบใหญ่ของมันถึงได้พลาดเป้าไปมโหราฬเช่นนี้ แทนที่จะทุบลงกลางศีรษะต้วนหลิงเทียน?
ด้วยโจมตีพลาดเป้า ทำให้สภาวะค้อนกับดาบที่ฟาดมาเต็มแรงฉุดร่างเฝิงฟ่านให้เซถลาไปข้างหน้าเล็กน้อย สูญเสียการควบคุมร่างกายไปชั่วขณะ!
และในห้วงพริบตานี้ช่องว่างทั้งจุดตายของมันก็เปิดเผยต่อหน้าต้วนหลิงเทียนให้เห็นกระจ่างชัด!
เสียงเพรียกแห่งความตาย!
โอกาสประเสริฐดั่งฟ้าประทานเช่นนี้ ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะปล่อยพลาดได้! มือขวาตบไปยังสายเกาทัณฑ์ฉับไว ดึงรั้งสสายรอบหนึ่ง ปรากฏเสียงเสียดหูดังขึ้น!!
พริบตาต่อมา คมมีดพลังมีสภาพพลันพุ่งซัดออกไปดั่งอาวุธลับ!
วู้มมมม!! ฉัวะ!!
คมมีดพลังมีสภาพดั่งเคียวยมทูตก็ไม่ปาน มันปาดผ่านลำคอเฝิงฟ่านไปฉับไว! สมคำเสียงเพรียกแห่งความตาย เพียงได้ยินก็พานพบความตาย!!
พริบตาต่อมาลำคอของเฝิงฟ่านก็ค่อยปริฉีก เผยให้เห็นหลอดลมที่บัดนี้พ่นฟองอากาศปุดๆคลุกเคล้าไปกับโลหิตที่ทะลักออกมาดั่งน้ำพุ! ห้วงสุดท้ายของชีวิตสีหน้าเฝิงฟ่านเต็มไปด้วยความหวาดกลัว หากแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้สืบไป
หลังจากนั้นภายใต้สายตาของทุกผู้คน ร่างเฝิงฟ่านที่เซถลาเพราะฟาดทุบค้อนกับดาบพลาด ก็ล้มหน้าคะมำกลิ้งไถลไปบนพื้น โดยมีโลหิตฉีดพุ่งราดรดไปเป็นทาง! สุดท้ายมันก็หยุดลง จมกองโลหิตที่ค่อยๆเจิ่งนอง…
เงียบงัน!
ฉากกลับกลายเป็นเงียบงันไร้สำเนียงเสียงใด!
“มาร! เป็นวิชามารจริง!!”
เซิ่งจื่อที่จับจ้องมองเรื่องราวอย่างตั้งใจ บัดนี้สองตาแทบถลนออกเบ้า มันถึงกับโพล่งคำออกมาราวคนบ้า ยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัวถึงที่สุด
ซูด! อา! โอ!
……
ครู่ต่อมาอารามเสียงตื่นตระหนกของเซิ่งจื่อ ผู้คนในลานฝึกซ้อมก็คล้ายได้สติสตังกลับคืนเข้าร่าง พอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ต่างสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นตระหนกเสียขวัญ…
“ศะ…ศิษย์พี่เฝิงฟ่านตายแล้ว?”
ศิษย์ฝ่ายนอกมากมายจ้องมองร่างไร้ชีวิตของเฝิงฟ่านด้วยสายตาเลื่อนลอย
“ปะ…เป็นไปได้ยังไง!?”
สีหน้าของผู้ดูแลฝ่ายนอกอย่างเติ้งเหว่ย บัดนี้ซีดเซียวจนไร้สีเลือด มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เป็นไปไม่ได้! สารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะฆ่าเฝิงฟ่านได้ยังไง! เป็นไปไม่ได้!!”
เติ้งเหว่ยไม่อาจยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้
ผู้ดูแลฝ่ายนอกคนอื่นก็รู้สึกขมปร่าในลำคอยากจะกล่าว
วินาทีที่ร่างเฝิงฟ่านล้มลงเป็นคนตาย คะแนนอุทิศมากมายกว่าครึ่งของพวกมันก็คล้ายถูกสายลมพัดพาลอยหายไปสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น…
“1,000 คะแนนอุทิศของข้า…จำต้องจากไปเช่นนี้แล้วหรือ?”
ศิษย์ฝ่ายนอกบางคนร่างเซถลาคล้ายจะล้ม มือหนึ่งยกขึ้นมากอบกุมไว้ที่อก สีหน้าปวดปร่าเกินทานทน
“บัดซบ! แค่ 1,000 อุทิศเจ้าต้องออกอาการจะเป็นจะตายถึงเพียงนี้เชียว ข้าเสียไป 3,000! เสียไป 3,000 คะแนนอุทิศ!!”
ศิษย์ฝ่ายนอกอีกคนใกล้ๆ ถึงกับทนท่าทางสหายไม่ไหว ถึงกับหวดเตะออกไปเต็มเหนี่ยวด้วยความหมั่นไส้
หลังจากนั้นเชื้อร้ายที่เรียกว่าความเศร้าใจก็คล้ายจะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในฉับพลัน ศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนชักสีหน้าแววตาสลด แหงนมองฟ้าอย่างปลงอนิจจัง คิดร่ำไห้ยังไร้น้ำตา…
การตกตายของเฝิงฟ่าน หมายความว่าคะแนนอุทิศที่ทุ่มแทงไปนั้น มันไปแล้วไปลับไม่นำพาดอกผลที่งอกเงยกลับมายังบัตรแก้วของพวกมันแต่อย่างใด
ตอนนี้อดไม่ได้ที่พวกมันจะปวดปร่าใจจนรู้สึกเหมือนคนกำลังจะตาย
“บัดซบ! เฝิงฟ่านนั่นช่างไร้ประโยชน์ยิ่ง! มิใช่มันเป็นถึงยอดฝีมือติดอันดับในรายนามปฐพีหรือไร…ยังไม่อาจเอาชนะได้กระทั่งศิษย์ฝ่ายนอกคนใหม่ที่พึ่งเข้ามายังสำนักได้ไม่ถึง 2 เดือนดีงั้นเหรอ!?”
“ถูกแล้ว! มันไร้ค่ายิ่งกว่าอุจาระข้าพเจ้าเสียอีก!!”
“ยอดฝีมือติดอันดับรายนามปฐพี ทั้งยังมีอาคมเซียนระดับ 2 ดาวช่วยเหลือถึง 2 อาคม กลับต้องตายคามือศิษย์ใหม่…น่าอับอายยิ่งนัก!”
……
ศิษย์ฝ่ายนอกหลายต่อหลายคนเริ่มนำโทสะแค้นไปลงกับเฝิงฟ่านที่ตกตาย ปากยังพ่นวาจาด่าทอออกมาอย่างหัวเสีย