War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1466
แดนสวรรค์!
หลังจากที่ยืนยันได้แล้ว ว่าศิษย์ฝ่ายนอกเมื่อครู่คือต้วนหลิงเทียน ใบหน้าของศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายก็เผยความตกใจออกมากันถ้วนหน้า
“ข้าได้ยินคำร่ำลือของต้วนหลิงเทียนมาแล้วก็จริง แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะร้ายกาจขนาดนี้…ถึงแม้ว่าจะเอาชนะอี้หนันได้เพราะใช้ดาบใหญ่ที่มีอาคมพันทวี แต่ก็มิอาจปฏิเสธพลังฝีมือส่วนตัวของเขาได้”
ศิษย์ฝ่ายในหลายคนลอบถอนหายใจ
“ชื่อเสียงนับว่ามิเกินเลย…อันที่จริงข้าว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ยังร้ายกาจกว่าในข่าวลือเสียอีก”
ศิษย์ฝ่ายในคนอื่นกล่าวเสริม
“และที่ข้ายิ่งตกใจก็เพราะว่ามีคนยืนยันแล้วว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ยังพึ่งอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น…ให้ตายเถอะ! ขนาดอยู่ในด่านพลังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบยังร้ายกาจขนาดนี้ แล้วถ้านี่ทะลวงไปหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่จักร้ายกาจถึงขั้นใดกัน?”
มีบางคนที่นึกถึงพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นเองฉากโดยรอบก็กลับกลายเงียบงันไร้กระทั่งเสียงลมหายใจ
หลังจากที่ชมดูเรื่องราวกันมาตั้งนาน พวกมันพึ่งตระหนักได้ถึงความจริงเรื่องนี้…
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่จอมยุทธ์หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น!
“เหอๆ…อาศัยพลังฝึกปรือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ กลับฆ่าเฝิงฟ่านอันดับที่ 99 ในรายนามปฐพีจนแทนที่ได้…ข้าว่าในประวัติศาสตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสงเรา ตัวประหลาดร้ายกาจเช่นนี้ยังมิเคยมีมาก่อนด้วยซ้ำ!”
ศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งกล่าวออกด้วยสายตายำเกรง
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ เสมือนถูกฟ้าลิขิตให้มาเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่ของสำนักจันทร์จรัสแสงของเรา…”
ศิษย์ฝ่ายในบางคนเริ่มกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น “อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็เป็นศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงเรา! นั่บว่าเป็นเกียรติแก่สำนักจันทร์จรัสแสงเรายิ่งนัก!”
“จริงสิข้าได้ยินว่าการประลองเป็นตายเมื่อวานกับเฝิงฟ่าน ต้วนหลิงเทียนยังได้คะแนนอุทิศมา 3,000,000 แต้มด้วยนี่!”
“ใช่ๆ ข้าเองก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นกัน…แต่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับเลือกที่จะคืนคะแนนอุทิศให้แก่ผู้ที่เสียพนันครึ่งหนึ่ง…จักอย่างไรในมือเขา ต่ำๆก็ต้องมี 1,500,000 คะแนนอุทิศ!”
“บิดาช่วย! 1,500,000 คะแนนอุทิศ…นี่มันร่ำรวยทัดเทียมกับอาวุโสฝ่ายในของพวกเราแล้ว!”
……
เมื่อพูดถึงความมั่งคั่งของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายในหลายคนอดไม่ได้ที่จะอิจฉา
“เจ้านั่นคือต้วนหลิงเทียน? ศิษย์ฝ่ายนอกที่มีคะแนนอุทิศอย่างต่ำ 1,500,000 แต้ม?”
ตอนนี้เองบรรดาศิษย์ฝ่ายในที่ทำการค้ากับต้วนหลิงเทียน พลันหวนนึกถึงฉากการต่อรองราคาของต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่พวกมันจะรู้สึกปวดจี๊ดในตับ ยังโมโหจนแทบจะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้!
ขณะเดียวกันในแววตาของมันก็แฝงความเศร้าเหงาหงอยขึ้นมา
มารดาของมัน เจ้านับเป็น ‘ทรราชท้องถิ่น’ มีคะแนนอุทิศนับล้าน แต่เจ้ากลับมาต่อราคาของที่ราคาไม่กี่พันคะแนนอุทิศกับพวกเราหรือ?
กระทั่งของราคาหลายพันเจ้ายังต่อจนเหลือหลักร้อยคะแนนอุทิศ มารดาของเรา!
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้มีศิษย์ฝ่านในที่กำลังปวดใจถึงขั้นคิดร่ำไห้ยังไร้น้ำตาเพราะเขา
หลังจากที่เอาชนะอี้หนันแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็กลับมายังฝ่ายนอก ไม่นานก็มาถึงบ้านเดี่ยวพร้อมลานของเขา
หลังจากที่เข้ามาในห้องและปิดประตูหน้าต่างดีแล้ว เขาก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปทันที และเมื่อส่งมอบวัตถุดิบที่ได้มาในวันนี้ให้ผู้เฒ่าหั่วเสร็จ เขาก็มุ่งหน้าไปยังชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หยิบป้ายหยกที่ซื้อมาจากคะแนนอุทิศเพื่อรับข้อมูล
ในป้ายหยกเหล่านี้มีเรื่องราวมากมายที่เขาสนใจ ยังเป็นเรื่องพื้นฐานที่สมควรรู้ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ในขณะที่ผู้เฒ่าหั่วกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมแซมฟื้นฟูชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ จิตใจของต้วนหลิงเทียนก็จมจ่อมไปในข้อมูลอันมหาศาลของป้ายหยก
กล่าวให้ชัดเขาใช้สำนึกสติรับรู้ข้อมูลทั้งหลายที่บันทึกไว้ในป้ายหยก
ข้อมูลในป้ายหยกนี้นับว่าครอบคลุมเรื่องราวหลายๆอย่าง
ยังมีข้อมูลของการหลอมกลั่นศาสตราเซียนและโอสถเซียน กระทั่งเรื่องราวของยันต์เต๋าที่ถูกปรมาจารย์ยันต์เต๋าวาด ไม่เว้นกระทั่งอาคมเซียนที่ปรมาจารย์จารึกเซียนเขียนสลัก
ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะดูเรื่องราวของอาคมเซียน และเรื่องราวของปรมาจารย์จารึกเซียนก่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะมีดาบใหญ่ที่จารึกไว้ด้วยอาคมเซียนพันทวีระดับ 2 ดาว แต่เขาก็เพียงบอกได้ว่ากรรมวิธีในการจารึกอาคมเซียนกับการจารึกอาคมในทวีปเมฆาล่องนั้นมันเหมือนจะคล้ายแต่ก็มีความแตกต่างกัน
เขายังไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงของทั้ง 2 แนวทางนี้ได้
และด้วยข้อมูลมากมายที่บันทึกไว้ในป้ายหยก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบขอมูลพื้นฐานและเรื่องราวต่างๆของการจารึกอาคมเซียนมากยิ่งขึ้น
“ที่แท้ส่วนที่คล้ายกันระหว่างการจารึกอาคม กับการจารึกอาคมเซียนก็มีไม่น้อยเลย!”
“หากข้าหาจุดเชื่อมโยงกลวิธีระหว่างการจารึกอาคมกับอาคมเซียนเจอ นับว่าการจารึกอาคมเซียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร…การจะประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการจารึกอาคมมาใช้ในการจารึกอาคมเซียนไม่ใช่เรื่องยาก!”
“บางทีความทรงจำในด้านงานฝีมืออื่นๆของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดอาจจะไม่มีค่าอะไรกับข้าตอนนี้ แต่ความทรงจำในส่วนของการจารึกอาคม น่าจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้! หนทางแห่งความร่ำรวยโบกมือรอข้าแล้ว!!”
หลังจากที่ทำความเข้าใจการจารึกอาคมเซียน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า ตราบใดที่เขาสามารถศึกษากลวิธีการจารึกมันได้ล่ะก็ เขาสามารถหาจุดเชื่อมโยงระหว่างการจารึกอาคมธรรมดากับอาคมเซียนเจอแน่!!
พอถึงตอนนั้นความทรงจำล้ำค่าของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดทั้ง 2 ชาติภพ จะมีประโยชน์กับเขามหาศาล!
เขา ต้วนหลิงเทียน มีแนวโน้มว่าจะสามารถกลายเป็น ปรมาจารย์จารึกเซียน ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ได้!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มูลค่าของอาคมเซียนนั้น บอกเลยว่าสูงกว่ายันต์เต๋าเสียอีก!
เหตุผลสำคัญของเรื่องนี้เป็นเพราะ ยันต์เต๋านั้นจะอย่างไรก็อยู่ในรูปแบบสิ่งของใช้แล้วทิ้ง…เมื่อท่านสำแดงอานุภาพของยันต์ ตัวยันต์ก็จะสลายหายไป…แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้จักข้อมูลในป้ายหยกอีกว่า มียันต์เต๋าขั้นสูงที่สามารถใช้ได้หลายครั้ง
อนิจจายันต์เต๋าระดับสูงเหล่านั้นสำนักจันทร์จรัสแสงคงเข้าไม่ถึง จึงเป็นเสมือนสิ่งของที่ดำรงอยู่ก็แต่ในตำนานของสำนักก็ไม่ปาน
เรื่องนี้นับว่าแตกต่างจากอาคมเซียนมากนัก เพราะโดยปกติแล้วอาคมเซียนจะจารึกลงบนสิ่งของ ที่เห็นชัดก็คือศาสตราเซียน และขอเพียงศาสตราเซียนเล่มนั้นไม่ถูกทำลาย อาคมเซียนที่จารึกเอาไว้ก็จะไม่มีวันเสื่อมสภาพ สามารถใช้ได้ไม่รู้จบ!
ด้วยเหตุนี้มูลค่าของศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนจารึกไว้จึงถีบตัวสูงขึ้นมาก
เช่นเดียวกันกับดาบใหญ่ที่มีอาคมพันทวีจารึกไว้ของเขา ถึงแม้จะเป็นแค่อาคมเซียนระดับ 2 ดาว ทว่ามันก็มีราคาสูงถึง 200,000 คะแนนอุทิศแล้ว…และยันต์เต๋าระดับ 2 ดาวทั่วไปขายกันอยู่ที่หลักหมื่นคะแนนอุทิศเท่านั้น
แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง
อาธิเช่นยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 2 ดาว
ยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 2 ดาวนั้น ยามสำแดงพลังสามารถพิฆาตได้กระทั่งตัวตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ!
หลังจากที่อ่านข้อมูลเรื่องการจารึกอาคมเซียนจนเข้าใจแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มอ้านป้ายหยกที่มีข้อมูลของการหลอมสร้างปรับแต่งศาสตราเซียน รวมถึงการหลอมกลั่นปรุงโอสถเซียน และเพียงเวลาแค่ไม่นานเขาก็พบว่า…เขาสิ้นวาสนากับศาสตร์แห่งการหลอมเสียแล้ว!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้ที่จะสามารถกลายเป็นปรมาจารย์เซียนหลอมได้นั้น ร่างกายต้องมีคุณสมบัติธาตุไฟแต่กำเนิด!
เพราะมีเพียงร่างกายมีคุณสมบัติธาตุไฟเท่านั้น ถึงจะสามารถสื่อสารเชื่อมต่อกับเปลวเพลิงที่ใช้ในการหลอมโอสถเซียนและศาสตราเซียนได้
จุดนี้นับว่าแตกต่างจากทวีปเมฆาล่องอย่างสิ้นเชิง
เพราะในทวีปเมฆาล่องนั้น ตราบใดที่พลังฝึกปรือถึงเกณฑ์ พลังงานต้นกำเนิดสามารถรีดเค้นจุดเพลิงหลอมโอสถและศาสตราออกมาได้ ขอเพียงมีความเข้าใจในการใช้พลังสูงมากพอ
“ทุกที่ทางมันก็ย่อมมีหนทางความเป็นไปต่างกันล่ะนะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบ่นพึมพำ
อย่างไรก็ตามพอได้รู้แบบนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรแม้แต่น้อย
เพราะในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้กลับไม่ขาดปรมาจารย์เซียนหลอมเลย ไม่ว่าจะเป็นโอสถเซียนหรือศาสตราเซียน
สิ่งที่ขาดและหาได้ยากกลับเป็นปรมาจารย์ยันต์เต๋ากับปรมาจารย์จารึกเซียน!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ นอกจากจอมยุทธ์และผู้ฝึกเต๋ามากฝีมือจะได้รับความเคารพนับถือแล้ว บรรดาปรมาจารย์ยันต์เต๋ากับปรมาจารย์จารึกเซียนก็ได้รับความเคารพจากทุกคนอย่างสูง!
“เดี๋ยวสักพักข้าลองไปหาอาวุโสฟ่างเฉียน และถามว่าหากคิดจะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนต้องทำอย่างไรดูดีกว่า…ตราบใดที่ข้าทราบรากฐานของการจารึกอาคมเซียน ข้าคงประยุกต์ใช้ความรู้จากการจารึกอาคมก่อนหน้ามาใช้กับการจารึกอาคมเซียนได้ไม่ยาก…”
พอคิดถึงเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคาดหวังทั้งฮึกเหิมขึ้นมา
ปรมาจารย์จารึกเซียน!
เขา ต้วนหลิงเทียน นับว่ามีคุณสมบัติแรกเริ่มสูงเกินพอที่จะกลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียน!
ยิ่งไปกว่านั้นวันใดที่เขาได้กลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนล่ะก็ เกรงว่าเขาคงไม่ใช่ปรมาจารย์จารึกเซียนที่มีฝีมือดาษๆแน่นอน!
ด้วยความทรงจำ 2 ชาติภพของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด รากฐานการจารึกอาคมของเขาบรรลุถึงขอบเขตยากหยั่งถึง วันใดที่เขากลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนได้ล่ะก็ วันนั้นจะเป็นวันที่ ‘ปรมาจารย์จารึกเซียนต้นแบบ’ ถือกำเนิด!
ถึงแม้ว่าระหว่างปรมาจารย์จารึกเซียนกับปรมาจารย์จารึกเซียนต้นแบบ จะต่างกันแค่คำเดียว ทว่าความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นประหนึ่งสวรรค์และโลก!
ในบรรดาปรมาจารย์จารึกเซียนนับพัน อาจไม่มีแม้กระทั่งปรมาจารย์จารึกเซียนต้นแบบสักคน!
หลังจากที่ทำความเข้าใจข้อมูลเรื่องราวต่างๆจากป้ายหยกทั้งหมดเสร็จแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็นั่งสมาธิปรับสภาพจิตใจเพื่อให้เหมาะสมแก่การฝึกฝนวรยุทธ์ เขาคิดเปลี่ยนวรยุทธ์อาภรณ์เงินที่ใช้ให้กลายเป็นอาภรณ์ทอง!
ในฐานะที่เป็นดั่งวรยุทธ์ต่อยอดของอาภรณ์เงิน อาภรณ์ทองนั้นก็มีกลวิธีในการบ่มเพาะปลูกฝังละม้ายคล้ายกัน
ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถใช้อาภรณ์ทองได้สำเร็จ อีกทั้งยังบรรลุถึงขั้นตอนรอบรู้ได้ไม่ยากเย็น!
และตอนนี้ยามต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยอาภรณ์ทอง ทั่วร่างก็ปรากฏม่านพลังสีทองฉาบคลุม มองไปคล้ายมีผ้าสีทองโปร่งแสงมาคลุมตัวเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ฝึกฝนจนใช้วรยุทธ์อาภรณ์ทองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เบนความสนใจไปยังวรยุทธ์เซียนเผิงทองถาโถมทันที และเขาเลือกที่จะฝึกฝนเคล็ดประทับไท่ซานก่อนอื่นใด
เคล็ดวรยุทธ์นี้นับว่าผสานกับดาบใหญ่ที่มีอาคมพันทวีได้อย่างลงตัว!
วันนี้เขาที่ไม่เคยฝึกประทับไท่ซานมาก่อน เพียงลองใช้พลังตามแนวทางวรยุทธ์ด้วยดาบใหญ่อาคมพันทวี เขาก็สามารถซัดอี้หนันจนปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า!
ยังเป็นการปะทะวัดพลังกันตรงๆดั่งตาต่อตาฟันต่อฟัน!
ความรู้สึกที่เลือดเนื้อทั่วร่างคล้ายอุดมไปด้วยพลังมหาศาลจนเลือดลมพุ่งพล่านนั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก!
แน่นอนว่าในขณะที่ทุ่มเทฝึกฝนวรยุทธ์ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ละเลยการโคจรบ่มเพาะสั่งสมพลัง
เพราะตอนนี้เป้าหมายใกล้ตัวที่สุดของเขาก็คือบรรลุถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่!
ถึงตอนนั้นพลังความแข็งแกร่งของเขาจะก้าวหน้าขึ้นไปอย่างน่ากลัว!
ชีพจรเซียนของเขาจะถูกทะลวงเปิดจนถึงขีดจำกัด!
ณ ตำหนักเมฆาคราม ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
เกาะขนาดใหญ่มหึมาลอยค้างกลางฟ้า ท่องเย้ยทะเลเมฆโดยไร้สิ่งใดพยุง ตลอดทั้งเกาะมีม่านหมอกบางๆปกคลุมตลบไปทั่ว มองไปจึงคล้ายแดนสวรรค์ วิมานฟ้าก็ว่า
และบนเกาะมหึมาแห่งนี้ ก็มีตำหนักโอ่อ่ามหึมาหลังหนึ่ง
ตำหนักหลังนี้มีขนาดใหญ่โตมหึมานัก โอ่โถงเสียยิ่งกว่าพระราชวังอันใดในทวีปมนุษย์ รูปทรงยังวิจิตรงดงาม ราวจิตกรมือเอกของแดนสวรรค์มาเนรมิต
ด้านหลังของตำหนักมหึมาแห่งนี้กลับเป็นสวนขนาดใหญ่เสมือนทุ่งหญ้ากว้าง ไกลตายังแลเห็นแนวป่า สัตว์ร้ายและสัตว์เซียนมากมายสัญจรไปมาบ้างละเล่นหยอกล้อ บ้างไล่ล่าเติมเต็มวัฏจักรชีวิต และดูมีชีวิตชีวานัก
ณ มุมหนึ่งของของสวน ปรากฏศาลา 8 เหลี่ยมหลังหนึ่ง
ศาลานี้พิกลนักเพราะมันไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นดิน หากแต่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ! ด้านล่างศาลาเป็นทะเลสาบกระจ่างเต็มไปด้วยมัจฉามากมายทั้งใหญ่น้อย บรรยากาศสงบร่มรื่น ผิวทะสาบเองก็มีม่านเมฆหมอกลอยต่ำบางๆ ยามไร้สายลมพัดพา บังเกิดเป็นทิวทัศน์พาลให้ใจสงบนัก
ในศาลาหลังนี้ปรากฏร่างหนึ่งชายหนึ่งหญิงนั่งตรงข้ามกันบนเก้าอี้ของชุดโต๊ะหินอ่อน
บนโต๊ะหินอ่อนมีสุราอาหารมากมายจัดวางไว้ แลดูสวยงามน่ารับประทานไม่น้อย
อนิจจาแต่ยามนี้ใจของหนึ่งบุรุษสตรีไม่คล้ายจะอยู่ที่อาหารเลิศรสเหล่านี้เลย
กล่าวให้ชัดตอนนี้ทั้งคู่คล้ายตกอยู่ในภวังค์คิด
“หลัวเอ๋อ…เจ้าคิดถึงเทียนเอ๋ออีกแล้วหรือ?”
ชายหนุ่มค่อนไปทางชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลา อันมีโครงหน้าละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนหลายส่วน กล่าวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่เฟิง…นี่มันก็หลายปีแล้ว ไฉนเทียนเอ๋อยังมามิถึงอีกเล่า? ใช่เกิดเรื่องอันใดกับลูกหรือไม่?”
สตรีนางนี้มิใช่ใครที่ไหน ที่แท้เป็น ‘ลี่หลัว’ มารดาของต้วนหลิงเทียนนั่นเอง…