War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1467
เฒ่าพยากรณ์
“หลัวเอ๋อเรื่องนี้เจ้าวางใจเถิด…ตราบใดที่เทียนเอ๋อมีพลังฝึกปรือถึงขั้นที่สามารถเปิดกล่องหยกที่ข้าทิ้งไว้ให้เขาได้ เขาย่อมมาหาพวกเราที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแน่นอน…อีกทั้งข้ายังทิ้งสถานที่นัดหมายเอาไว้อย่างละเอียดนัก เมื่อมาถึงเขาย่อมได้พบกับผู้เฒ่ากู่ที่รออยู่ทันทีเป็นแน่…”
บุรุษผู้นี้ที่แท้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นบิดาไม่เอาไหนในสายตาของต้วนหลิงเทียน ‘ต้วนหรูเฟิง’ นั่นเอง “ตราบใดที่เทียนเอ๋อพบผู้เฒ่ากู่ ผู้เฒ่ากู่ย่อมพาเขามาหาพวกเราทันที”
“พวกเราควรพาลูกมาด้วยแต่แรก…”
ลี่หลัวกล่าวออกมาด้วยความเสียใจ
“หลัวเอ๋อ…ตอนนั้นไม่ใช่เจ้าเห็นด้วยกับพี่แล้วหรือ เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย…มียันต์เต๋าที่ข้าทิ้งไว้ให้ 3 แผ่นกอปรด้วยอัจฉริยะภาพของเทียนเอ๋อลูกเรา เขาย่อมเดินทางมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้โดยสวัสดิภาพเป็นแน่…ผู้ใดจักไปรู้เล่า บางทีตอนนี้เทียนเอ๋ออาจจะพบกับผู้เฒ่ากู่แล้วก็ได้”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว
ในตอนนั้นที่มันทิ้งบุตรชายคนเดียวเอาไว้ เพียงเพราะมันหวังว่าบุตรชายของมันจะค่อยๆเติบโตขึ้นทีละก้าวในทวีปมนุษย์ กระตุ้นเร้าศักยภาพที่มีให้ออกมาถึงขีดสุด…รวมถึงอีกเรื่องหนึ่ง
หากมันเลือกที่จะพาลูกชายมันมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าด้วยตั้งแต่ตอนนั้น เกรงว่า ‘การเดินทางแห่งโชคชะตา’ ของบุตรชายอย่างต้วนหลิงเทียน ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงได้รับผลกระทบแน่แล้ว
ยังมีบุพการีคนไหนไม่หวังให้ลูกตัวเองเป็นดั่งหงส์มังกรผงาด?
เช่นนั้นแล้วในวันนั้นที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวอธิบายเรื่องราวความจำเป็น ลี่หลัวเองก็ตกลงเห็นดีเห็นงามด้วย
“ข้าก็หวังว่าจักเป็นเช่นนั้น”
ลี่หลัวยังคงเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
“กล่าวบอกต่อเจ้าตามตรง เพราะหลายปีที่แล้วข้าบังเอิญได้เจอกับท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ ข้าเลยขอให้ท่านผู้เฒ่าทำนายชะตาของเทียนเอ๋อเรา…”
ต้วนหรูเฟิงมองกล่าวกับลี่หลัวด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามไม่ทันที่มันจะกล่าวได้จบคำ ก็ถูกลี่หลัวโพล่งขัดไว้เสียก่อน
“เฒ่าพยากรณ์ที่ท่านกล่าว คือผู้เฒ่าที่ท่านบอกว่าหยั่งรู้ชะตาลิขิตของฟ้าดิน กระทั่งล่วงรู้ถึงเจตจำนงสวรรค์ได้คนนั้นน่ะหรือ?”
ไม่ใช่แค่วันสองวันที่ลี่หลัวมาอาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาครามแห่งนี้ นางย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าขานของผู้เฒ่าพยากรณ์ที่มีพลังสามารถทำนายทายทักอันแม่นยำ ดุจหยั่งรู้ฟ้าดินเห็นซึ้งถึงเจตนารมณ์สวรรค์! อีกทั้งเฒ่าพยากรณ์ผู้นี้นับเป็นคนแปลกประหลาดนัก ไม่เพียงประพฤติตัวดั่งมังกรเทพยาดาเห็นหัวไม่เห็นหาง นิสัยยังพิสดารเหลือเกิน เพียงทำนายชะตาให้แก่ผู้คนที่มันพึงพอใจเท่านั้น!
หาไม่แล้วต่อให้อีกฝ่ายจะมีความเป็นมายิ่งใหญ่และทรงพลังเพียงใด มันก็ไม่แยแส
“เป็นผู้เฒ่าเอง”
ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า
“ข้าได้ยินมาว่ามิใช่แค่ผู้เฒ่าเป็นคนประหลาดพบพานได้ยาก ยังทำนายทายทักชะตาให้แก่ผู้ที่ท่านพึงพอใจเท่านั้น…และยังไม่คิดจะกล่าวบอกชะตาผู้ใดซ้ำ แล้วไฉนกับเทียนเอ๋อของเราที่ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ ท่านผู้เฒ่าถึงได้สนใจทำนายให้เล่า?”
ลี่หลัวกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็มิรู้ว่าเป็นเพราะอะไรเช่นกัน…กล่าวไปแล้วยังประหลาดนัก เพราะผู้เฒ่ากลับบอกข้าว่า ท่านเป็นฝ่ายริเริ่มออกตามหาข้าเองด้วยซ้ำ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าว ใบหน้ายังเผยความประหลาดใจและไม่เข้าใจ
“ท่านผู้เฒ่าเป็นฝ่ายออกตามหาท่านพี่เองหรือ?”
ลี่หลัวอึ้งไปเล็กน้อย ถึงแม้สามีของนางจะเป็นถึงเจ้าตำหนักเมฆาครามผู้ยิ่งใหญ่ แต่ผู้เฒ่าพยากรณ์ที่มีนิสัยแปลกประหลาดคนนั้น ก็ไม่น่าจะถูกฐานะและอำนาจของสามีนางดึงดูดความสนใจอะไรได้นี่นา?
เพราะแม้แต่ตัวลี่หลัวเองก็เคยได้ยินเรื่องราวหนึ่งมา
ผู้ยิ่งใหญ่อีกคนที่มีฐานะทัดเทียมกับต้วนหรูเฟิงผู้เป็นเจ้าตำหนักเมฆาครามนั้น กระทั่งไปอ้อนวอนต่อเฒ่าพยากรณ์ก็แล้ว ยินดีมอบสมบัติล้ำค่าให้ก็แล้ว แต่ยังถูกปฏิเสธมาอย่างไม่ใยดี
ดังนั้นนางจึงไม่คิดว่าเป็นเพราะฐานะและอำนาจของสามีนางที่ดึงดูดผู้เฒ่าพญากรณ์…
เรื่องนี้อีกฝ่ายต้องมีความลับบางประการปิดบังอยู่เป็นแน่!
“พี่เองก็ว่าแปลกยิ่ง วันนั้นพี่ก็ถามแล้วว่าเพราอะไร หากแต่ผู้เฒ่ากล่าวบอกว่าลิขิตสวรรค์มิอาจแพร่งพรายให้ผู้คน…แต่ทว่าพอพี่กล่าวถามเรื่องชะตาของเทียนเอ๋อ ท่านผู้เฒ่ากลับมิปฏิเสธอันใด ยังคล้ายท่านอยากรีบบอกกล่าวข้าโดยเร็วเสียด้วย”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวสืบต่อ “ข้ายังจำได้ดี วันนั้นท่านผู้เฒ่าบอกข้าว่าเทียนเอ๋อนั้นเป็นคนที่มีโชควาสนานัก อนาคตจักต้องก้าวข้ามข้าไปได้แน่นอน! ท่านผู้เฒ่ายังบอกข้าอีกด้วย…ว่าข้าต้องตัดสินใจปล่อยให้เทียนเอ๋อออกเดินทางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าด้วยตัวเอง…เพราะหากข้านำพาเทียนเอ๋อมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านี้แต่แรก จักทำให้เทียนเอ๋อพลาดมหาวาสนาอันยิ่งใหญ่…”
“มหาวาสนาอันยิ่งใหญ่อันใดหรือ?”
ลี่หลัวกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็ถามท่านผู้เฒ่าแล้ว ทว่ากระทั่งท่านผู้เฒ่าเองก็บอกข้าว่าไม่ทราบ…”
ต้วนหรูเฟิงเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ฮึ่ม! ลิขิตฟ้ามิอาจเปิดเผยอีกแล้วรึไง?!”
ลี่หลัวโค้งคิ้วขึ้นมาอย่างขุ่นขึ้ง “พี่เฟิงท่านแน่ใจนะว่าผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ท่านพบเจอมิใช่ตัวปลอม…”
“ท่านผู้เฒ่ามิได้กล่าวบอกว่ามหาวาสนาอันยิ่งใหญ่ของเทียนเอ๋อนั้นเป็นลิขิตฟ้าที่มิอาจเปิดเผย…ทว่าท่านกลับบอกข้าตรงๆว่าท่านเองก็ไม่อาจล่วงรู้! แต่ทั้งหมดที่ท่านรู้คือมันคือมหาวาสนาอันยิ่งใหญ่! และวาสนาที่เทียนเอ๋อจะพบเจอนั้น มันมีพลังอำนาจอยู่เหนือกว่าความสามารถในการพยากรณ์ของท่านจนมิอาจหยั่งถึง จึงสุดที่ท่านจะหยั่งรู้มันได้จริงๆ…”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวเล่าออกมา ขณะกล่าวน้ำเสียงยิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เพราะไม่มีบิดาคนใดที่จะไม่บังเกิดความยินดีเมื่อได้รู้ว่าบุตรของตัวเองจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เหนือล้ำกว่าตัว!
หากไม่ใช่เพราะอยากให้ต้วนหลิงเทียนพบพานมหาวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่ว่า มันเองก็ไม่คิดจะทิ้งบุตรชายคนเดียวไว้ที่ทวีปเมฆาล่องแบบนี้เนิ่นนาน
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนั้นจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริงๆ
เพราะหากวันนั้นมันนำพาบุตรชายมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าและตำหนักแห่งนี้พร้อมกัน เกรงว่าบุตรชายของมันคงพลาดมหาวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่ว่าแล้วเป็นแน่!
“สำหรับตัวตนของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ พี่ยืนยันหลายรอบแล้ว มั่นใจว่ามิใช่แปลกปลอมแน่”
มาถึงจุดนี้ต้วนหรูเฟิงก็กล่าวรับรองด้วยความมั่นใจ
“หากเป็นท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ตัวจริง เช่นนั้นวาจาของท่านก็มิควรแปลกปลอม…มหาวาสนาที่กระทั่งท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ยังมิอาจหยั่งถึงเช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าเทียนเอ๋อต้องพบพานวาสนาและโชคชะตาที่มิเหมือนผู้ใดในทวีปเมฆาล่องเป็นแน่…”
รอยยิ้มหายากพลันคลี่กางบนใบหน้าลี่หลัว
“ฮ่าๆๆ…ลูกชายของข้าต้วนหรูเฟิงทั้งคน ย่อมมีโชคชะตาและวาสนาอันประเสริฐ…! กล่าวไปแล้วก็มีคำว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอยู่มิใช่รึ!?”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวพร้อมหัวเราะ
“ฮึ! ท่านมิอายหรือไรที่กล่าวอวดออกมาเช่นนี้ ยังกล้าพูดถึงวาสนาโชคชะตาอันใดของท่านอีกหรือ? ข้าจำได้ว่าจนถึงทุกวันนี้พอท่านนึกย้อนไปในเรื่องราววันนั้น ท่านยังอดมิได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นเยียบด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะมีผู้คนทำลายดวงจิตหลักของผู้ฝึกมารอันใดนั่นจนแตกสลาย ป่านนี้ท่านคงยังมิอาจควบคุมร่างกายตัวเองได้สมบูรณ์มิใช่หรือไง…”
ลี่หลัวพ่นลม กล่าว
ต้วนหรูเฟิงพอได้ยินก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ จนด้วยคำพูดไปพักหนึ่ง
“ว่าแต่ชิ่งหรู กับว่าที่ลูกสะใภ้ทั้ง 2 ของพวกเราเป็นอย่างไรบ้างเล่า?”
พอคิดถึงสตรี 3 คนที่ติดตามมาด้วยลี่หลัวจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา
“ทั้ง 3 คนนั้น นอกจากชิ่งหรูที่มีพรสวรรค์แต่กำเนิดมิค่อยดีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปี้เหยาหรือเซี่ยวหลันนับว่ามีพรสวรรค์มิเลวเลย…อีกไม่เกิน 1 ปีด่านพลังฝึกปรือของปี้เหยากับเซี่ยวหลันต้องทะลวงผ่านได้อีกครั้งเป็นแน่”
ต้วนหรูเฟิงยิ้มกล่าว
“เช่นนั้นก็ดี”
วาที่ลูกสะใภ้ทั้ง 2 ที่ลี่หลัวกล่าวนั้น ย่อมไม่พ้นอดีตองค์หญิงของอาณาจักรนภาล่องอย่างปี้เหยา กับน้องสาวของเซี่ยวหยู เซี่ยวหลัน ที่ติดตามนางพร้อมกับแม่บ้านอย่างชิ่งหรูมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าด้วยกัน พวกนางทั้งคู่นั้นนอกจากจะมีรูปร่างงดงามหมดจด ยังถูกบุตรชายของนางขโมยหัวใจไปเสียแล้ว..
อีกทั้งแม้จะผันผ่านมาเนิ่นนานหลายปี แต่ใจของพวกนางไม่เคยแปรเปลี่ยน…
สตรีรักมั่นดุจเดียวกันกับนางนั้น นับว่าพบพานได้ยากนัก…
“หลัวเอ๋อเท่าที่ข้ารู้…มิใช่ว่าๆที่ลูกสะใภ้ทั้ง 2 ของพวกเรานั้น ดูเหมือนเทียนเอ๋อจะยังไม่ได้เห็นชอบและยอมรับพวกนางเลยนี่นา นอกจากนั้นข้าได้ยินเจ้ากล่าวถึงบ่อยๆว่าข้ายังมีลูกสะใภ้อีก 2 คนที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน…เอาเช่นนี้ปะไร ให้ข้าส่งคนไปพาพวกนางมายังตำหนักเมฆาครามเดี๋ยวนี้เลยดีหรือไม่?”
ต้วนหรูเฟิงถาม
“เค่อเอ๋อกับเฟยเอ๋อนั้นท่านปล่อยให้พวกนางอยู่กับเทียนเอ๋อที่ทวีปเมฆาล่องเถอะ…หากท่านลักพาตัวลูกสะใภ้ของเทียนเอ๋อมาหมดทั้ง 4 คน เทียนเอ๋อยังไม่เกลียดบิดาอย่างท่านเข้ากระดูกได้หรือ?”
รอยยิ้มสดใสพลันคลี่กางขึ้นบนใบหน้าลี่หลัว เมื่อคิดถึงลูกสะใภ้ที่งดงามทั้งคู่
นึกภาพออกได้เลย
หากต้วนหลิงเทียนมาได้ยินบทสนทนาของบิดามารดาตัวเอง เขาคงต้องประหลาดใจไม่น้อยเป็นแน่!
ผู้เฒ่าพยากรณ์
อีกฝ่ายได้บอกกล่าวคำทำนายของเขาต่อบิดาเอาไว้ ว่าตัวเขาจะพบพานมหาวาสนาอันยิ่งใหญ่ ที่กระทั่งตัวเองยังสุดที่จะหยั่งถึงและทำนายได้!
มหาวาสนาดังกล่าว หากตัวเขาติดตามบิดามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้แต่แรก คงคลาดไปแล้ว?
มหาวาสนาที่ว่า…คงมิใช่ เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หรอกนะ!!
เพราะสุดท้ายแล้วหากตอนนั้นเขาติดตามบิดามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ เขาคงไม่ได้ไปยังหมู่เกาะเซียนโพ้นทะเล และยิ่งไม่มีโอกาสได้พบเจอเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเลย!
โชคชะตาทุกอย่างของเขากล่าวไปเสมือนฟ้าลิขิตมาแล้วจริงๆ!
ทว่าต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวไม่ได้ล่วงรู้เลย ว่าบุตรชายที่ต่างห่วงหากังวลอยู่ทุกคืนวันนั้น ได้เดินทางมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ปีกว่าแล้ว!
เนื่องจากหยกบันทึกเสียงในกล่องหยก เกิดการแตกหักเสียหายเพราะต้วนหลิงเทียนดื้อรั้นหมายเปิดกล่องด้วยกำลัง จึงทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะพบเจอคนที่บิดาส่งไปรอรับตัวเขา…
ทั้งคู่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจะเป็นปู่ย่าผู้คนแล้ว!
เช่นเดียวกันกับที่ต้วนหรูเฟิงกับลี่หลัวไม่รู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ทางด้านต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าบิดาของเขาผู้เป็นเจ้าตำหนักเมฆาครามนั้น เป็นผู้นำขุมพลังที่ทรงพลังอำนาจและมากอิทธิพลถึงเพียงใดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้…ตำหนักเมฆาครามนั้น เหนือกว่าขุมพลังชั้น 5 อย่างคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน ที่หานเฉวี่ยไน่อยู่เสียอีก!!
ปัจจุบันต้วนหลิงเทียนยังคงก้าวเดินตามเส้นทางด้วยตัวเอง อาศัยอยู่ในฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสง ฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติที่ตั้งแน่นิงอยู่ในห้องของบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่างเขาอย่างขยันขันแข็ง…
“ด่านพลังฝึกปรือของข้าสมควรมีความก้าวหน้าภายใน 3 เดือน! อีกแค่ไม่กี่ก้าวข้าก็จะบรรลุหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่แล้ว!!”
ต้วนหลิงเทียนที่บ่มเพาะพลังทั้งฝึกวรยุทธ์อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตลอดระยะเวลา 3 เดือนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ในที่สุดก็หยุดพัก ตอนนี้เขารู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้นัก
“นอกจากนั้นอาภรณ์ทองอันเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่น ข้าก็บรรลุถึงขั้นตอนเจนจัด กระทั่งประทับไท่ซาน เคล็ดโจมตีของวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นอย่างเผิงทองถาโถม ข้าก็สำเร็จขั้นตอนหยั่งถึงอันเป็นขั้นแรกแล้วเช่นกัน!”
ในเวลา 3 เดือนนี้นับว่าต้วนหลิงเทียนมีความก้าวหน้าไม่น้อย
แน่นอนว่าถึงแม้จะฝึกปรืออาภรณ์ทอง บ่มเพาะพลัง กระทั่งยังฝึกประทับไท่ซานแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมที่จะฝึกมหาเกาทัณฑ์ดาวตกเลย
อย่างไรก็ตามเคล็ดวรยุทธ์ของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกนั้น ไม่ว่าจะเคล็ดจู่โจมอย่างดาวตกพิฆาต หรือท่าร่างอย่างคนเกาทัณฑ์ร่วมประสานเขาก็ฝึกฝนมันจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว…หากคิดจะก้าวหน้าอีกขั้นเกรงว่าคงต้องใช้เวลามากกว่านี้หรือมีแรงบันดาลใจอะไรใหม่ๆ
โดยรวมแล้วความก้าวหน้าหลังผ่านการบ่มเพาะฝึกปรือตลอดระยะเวลา 3 เดือนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินเลยอะไร!
สำหรับอาภรณ์ทองที่มันก้าวหน้าเร็วนัก ล้วนเป็นเพราะร่างกายของต้วนหลิงเทียนมัน ‘ผิดปกติ’ จึงทำให้ความเร็วในการฝึกอาภรณ์ทองมันเร็วขึ้นผิดธรรมดาไปด้วย
3 เดือนภายในชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เทียบได้กับ 1 เดือนของโลกภายนอก
หลังจากผ่านมมาหนึ่งเดือน ต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านฝึกตนในบ้าน ในที่สุดก็เปิดประตูบ้านหมายก้าวออกไปสูดอากาศในลานว่างเสียหน่อย
อย่างไรตามพึ่งเปิดประตูได้ไม่ทันไร เขาก็สังเกตเห็นสารท้าประลองแผ่นหนึ่งร่วงตกผ่านหน้าลงมา “ยังมีคนที่ส่งสารท้าประลองถึงข้าอีกเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว หากแต่ยังพุ่งมือไปคว้าสารนั่นก่อนที่จะตกพื้นได้ทัน
พอเปิดตัวสารดู ก็พบว่ามันเป็นแค่สารท้าประลองธรรมดาๆเท่านั้น
คนที่ส่งสารท้าประลองมาถึงเขานั้นเรียกว่าเฮ่อจง
“เฮ่อจง? ไม่ใช่คนที่อยู่ในอันดับที่ 3 ของฝ่ายนอกหรือไง หากจำไม่ผิดอันดับในรายนามปฐพีของมันยังอยู่ในอันดับที่ 66 เหนือกว่าเฝิงฟ่านเสียอีก…สมควรบรรลุสูงสุดหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่แล้วสินะ”
ไม่ใช่แค่วันสองวันที่ต้วนหลิงเทียนมาอาศัยอยู่ที่ฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสง เขาย่อมรู้จักศิษย์ฝ่ายนอก 4 อันดับแรกที่ติดรายนามปฐพีด้วยเช่นกัน
ดังนั้นทันทีที่เขาเห็นนาม ‘เฮ่อจง’ ในสารท้าประลอง เขาก็รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายทันที
“ไม่ใช่สารท้าประลองเป็นตาย…ถ้างั้นก็ไม่น่าจะเป็นคนของหลิวฮ่วน”
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจเล็กน้อย ลอบคาดเดาเจตนาอีกฝ่าย ‘บางทีเพราะมันได้ยินว่าข้าเอาชนะเฝิงฟ่านได้ จึงอยากสนทนากระทั่งประลองฝีมือกับข้าล่ะมั้ง’
พอคิดถึงจุดนี้คิ้วที่ขมวดของต้วนหลิงเทียนก็คลายออก
หลังจากประทับลายนิ้วมือลงบนสารท้าประลองแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่างของเขาทันที
และทันทีที่ๆต้วนหลิงเทียนออกจากบ้าน เขาก็พบว่ามีสายตามากมายหลายคู่จับจ้องมองมาอย่างพร้อมเพรียง แถมสายตาทั้งหลายยังเต็มไปด้วยความคาดหวังคล้ายเฝ้ารอคอยอะไรทำนองนั้น…
“ดูเหมือนว่ามีหลายคนที่รู้เรื่องสารท้าประลองที่เฮ่อจงส่งถึงข้าสินะ…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำ
หลังจากนั้นเขาก็เดินยิ้มแย้มไปบ้านที่อยู่ไม่ไกล ท่ามกลางสายตาเฝ้ามองด้วยความคาดหวังของเหล่าศิษย์ที่มารอชมดูเรื่องราว ตอบรับคำท้าของเฮ่อจงและให้อีกฝ่ายเลือกวันเวลาประลอง