War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1551
อาจารย์ของเฉวี่ยไน่
“ศิษย์น้องนี่เจ้าสามารถฆ่าจ้าวเฟิง…สูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้จริงๆ? หากเทียบพลังฝีมือของมันแล้ว น่ากลัวว่านอกจากขอบเขตเซียนและรองเจ้าสำนักที่บรรลุครึ่งก้าวเซียนมิกี่คน ก็ยากจะมีใครเทียบมันได้…ศิษย์น้องนี่เจ้าร้ายกาจถึงเพียงใดกัน?”
ป๋ายลี่หงกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม มันอยากรู้ขอบเขตพลังฝีมือสูงสุดของต้วนหลิงเทียนนัก
“ศิษย์พี่ข้าไม่คิดปิดบังท่าน…แต่ตอนนี้ใต้เซียน ข้าไม่กลัวใคร”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปกปิดอะไร เพียงกล่าวตอบออกมาตามตรง
และวาจาไม่กี่คำนี้ก็เป็นอะไรที่เขามั่นใจมาก!
แน่นอนว่ายังไม่มีแค่เท่านี้
นั่นคือทันทีที่เขาบรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หากเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนทั่วๆไป เขาก็อาจสังหารได้!
“เจ้ามั่นใจว่าสามารถมีชัยเหนือยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนได้งั้นเหรอ?”
ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แม้ยอดฝีมือครึ่งก้าวเซียนจะแข็งแกร่ง แต่หากเขาใช้ยอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ล่ะก็ ด้วยพลังฝีมือตอนนี้เพียงกระบี่เดียวเขาก็บดขยี้พวกมันได้!
“ดูเหมือนต่อไปข้ามิต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของศิษย์น้องแล้ว…ศิษย์น้องตอนนี้พลังฝีมือของเจ้านับว่าก้าวข้ามตัวข้าไปแล้ว ถึงข้าจะเป็นศิษย์พี่เจ้าก็เถอะ…”
ป๋ายลี่หงกล่าวพร้อมทอดถอนใจ
สำหรับคำของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงไม่คิดแคลงใจสงสัย
ในขณะเดียวกันป๋ายลี่หงก็ยินดีกับต้วนหลิงเทียนนัก เพราะนี่หมายความว่าต้วนหลิงเทียนสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว
“ไม่ว่าต่อไปข้าจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ท่านก็จะเป็นศิษย์พี่ของข้าต้วนหลิงเทียนเสมอ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็ฉีกยิ้มร่า ท่าทางมีความสุขนัก
“ศิษย์น้อง”
ทันใดนั้นคล้ายป๋ายลี่หงนึกอะไรขึ้นออก ยิ้มบนหน้าเริ่มหายไป กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าขึงขัง “เจ้าสามารถเปิดเผยพลังฝีมือของเจ้ากับข้าได้ แต่เจ้ามิอาจเปิดเผยพลังฝีมือนี้ให้ผู้อื่นรับรู้ได้ง่ายๆ…หาไม่แล้วเจ้าจักชักนำปัญหามาสู่ตัว”
“ข้าเข้าใจ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
เขาไม่ได้โง่ เป็นธรรมชาติที่เขาจะรู้ว่าคำชักนำปัญหามาสู่ตัวของป๋ายลี่หงคืออะไร
หากอาวุโสระดับสูงอย่างเฉียนคงล่วงรู้พลังฝีมือของเขา น่ากลัวอีกฝ่ายจะรุดมาหาเขาเป็นคนแรก!
นั้นเพราะพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ มันมากเกินพอจะฆ่าจ้าวเฟิงได้อย่างง่ายดาย!
“นอกจากนี้ข่าวลือทั้ง 2 ข่าวนั่นสมควรเป็นฝีมือของหลิวฮ่วน…ทว่ามันเองก็สมควรรู้ว่าเรื่องนี้คงมิอาจทำอันใดพวกเราได้มาก ข้าคิดว่ามันสมควรหวังผลบางประการอยู่”
ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาอีกครั้ง
“การลงมือครั้งนี้ของมันข้าคิดว่าคงไม่มีอะไรมากไปกว่า มันเห็นว่าข้ากลับมาก็ปิดด่านบ่มเพาะไม่ออกไปไหน มันจึงกลัวว่าข้าจะปิดด่านบ่มเพาะแบบนี้ต่อเนื่องไป 2-3 ปี กระทั่งพลังฝีมือข้าเหนือกว่ามัน…ถึงตอนนั้นความต่างของพลังระหว่างข้ากับมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างจ้าออกมา
“สมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ป๋ายลี่หงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนยิ้มแสยะกล่าวคำปรามาส “เฮอะ! โชคร้ายที่มันคงคาดมิถึงว่าตอนนี้พลังฝีมือเจ้าก้าวข้ามมันไปนานแล้ว…เจ้าสามารถฆ่าจ้าวเฟิงได้ คิดฆ่าหลิวฮ่วนคงมิต่างใดกับตัดหญ้าฆ่าไก่!”
“ในเมื่อมันร้อนใจนัก ข้าก็จะสงเคราะห์มันสักหน่อย”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเย็นเยียบออกมา น้ำเสียงยังไร้อารมณ์นัก
ตอนออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงเขาไม่กลัวหลิวฮ่วน
ตอนนั้นเขายังไม่ได้รับยอดสมบัติสวรรค์ อย่างกระบี่นิลสวรรค์ด้วยซ้ำ
วันนี้พลังฝีมือของเขาก้าวหน้าเหนือกว่าวันนั้นเสียอีก เขายิ่งไม่เห็นหลิวฮ่วนอยู่ในสายตา!
“คราวนี้ศิษย์พี่มิทำแผนเจ้าล่มแน่”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็กล่าวออกมาอย่างกระอักกระอ่วน
“ทว่า…ศิษย์พี่อยากให้เจ้ารอสักพักก่อนที่จะลงมือ ตอนนี้นอกจากหลิวฮ่วนข้ากลัวว่ายังมีคนอื่นที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเจ้าทุกฝีก้าว”
ป๋ายลี่หงคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ กล่าวออกเสียงเข้ม
“ศิษย์พี่หมายถึงเฉียนคงงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว
“มิผิด”
ป๋ายลี่หงพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าระหว่างมันกับจ้าวเฟิงคงมิใช่ง่ายดาย ยังล้ำลึกยิ่งกว่าศิษย์อาจารย์เสียอีก…จากท่าทีของเฉียนคงเมื่อมิกี่วันก่อน เห็นชัดว่ามันยังไม่คิดเลิกราเรื่องการตายของจ้าวเฟิงง่ายๆ! ข้ากลัวว่ามันจะเฝ้าจับตาดูเจ้า”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ครุ่นคิดในใจ
“ถ้างั้นข้าบ่มเพาะพลังให้บรรลุถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก่อนดีกว่า ค่อยไปเล่นกับหลิวฮ่วน”
วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังเน้นเสียงหนักคำ ‘เล่น’ ชัดเจน
วันต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะกระทำเหมือนที่ผ่านมา…ปิดด่านบ่มเพาะอย่างเงียบๆบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ตัดขาดเรื่องราวความเป็นไปในโลก
ขณะเดียวกันเจ้าสำนักอย่างเจียงเว่ยก็ประกาศเรื่องหนึ่งออกมาอย่างเป็นทางการให้ทราบกันไปทั่ว
“อาวุโสป๋ายลี่ได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าแล้ว..ว่ามิรู้เห็นใดๆต่อการตายของจ้าวเฟิงทั้งสิ้น เช่นนั้นหากมีผู้ใดกล้าใส่ร้ายอาวุโสป๋ายลี่หงอีก จักได้รับโทษสถานหนัก!”
นี่เป็นวาจาที่เจียงเว่ยประกาศออกมา
และเมื่อคำของเจียงเว่ยเริ่มแพร่ออกไป ทั่วสำนักจันทร์จรัสแสงก็ปั่นป่วนขึ้นมาอีกรอบ
“ที่แท้เสียงอัสนีลั่นฟ้าวันก่อนก็เป็นเสียงตอบรับคำสาบานจากทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าของอาวุโสป๋ายลี่!”
“ในเมื่อฟ้ามิได้ลงทัณฑ์อันใดอาวุโสป๋ายลี่ เช่นนั้นเรื่องนี้สมควรมิมีใดเกี่ยวข้องกับอาวุโสป๋ายลี่จริงๆ”
“ข้ามิคิดเลยว่าเรื่องของจ้าวเฟิงจะทำให้เจ้าสำนักบีบคั้นให้อาวุโสป๋ายลี่กล่าวคำสาบานได้…นี่ท่านมิกลัวอาวุโสป๋ายลี่เกิดความรู้สึกเหมือนมิได้รับความไว้วางใจหรือ”
“อาวุโสป๋ายลี่จะอย่างไรก็เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 เดียวของสำนักจันทร์จรัสแสงเรา หากท่านติดใจเอาความเรื่องนี้แล้วออกจากสำนักไป..น่ากลัวอีก 8 ขุมพลังกับตลาดมืดหยินชานจะฉวยโอกาส”
“ครั้งนี้ท่านเจ้าสำนักทำเกินไปแล้วจริงๆ”
……
ตอนนี้ทั้งสำนักจันทร์จรัสแสงกล่าวกันถึงเรื่องนี้ คนส่วนใหญ่ยังเข้าข้างอาวุโสป๋ายลี่
ขณะเดียวกันเหล่าอาวุโสระดับสูงที่อยู่ในเขตหวงห้ามก็ได้รับทราบเรื่องราวครั้งนี้แล้วเช่นกัน ทั้งหมดเร่งไปพบเจียงเว่ยทันที
“เจ้าสำนัก เรื่องนี้ทำเกินไปแล้ว!”
“หากอาวุโสป๋ายลี่ออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงจริงๆ เจ้านับเป็นคนบาปของสำนักเรา!”
“ฮึ่ม! กับอีแค่จ้าวเฟิง…ต่อให้อาวุโสป๋ายลี่ฆ่ามันจริงแล้วจะอย่างไร! คุณค่าของมันในสำนักจันทร์จรัสแสงยังเทียบกับอาวุโสปายลี่ได้หรือ?”
……
อาวุโสหลายคนเริ่มตั้งคำถามออกมาทันทีเมื่อเห็นหน้าเจียงเว่ย
จังหวะนี้เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ หันไปมองเฉียนคงข้างๆด้วยสีหน้ามืดคล้ำทันที “อาจารย์ลุงเฉียน หม้อก้นดำใบนี้…นี้ท่านคงไม่คิดโยนมาให้ข้าแบกเพียงคนเดียวหรอกนะ”
เฉียนคงเองก็ไม่วายต้องถูกดึงมาเกีย่วข้องเช่นกัน แม้มันจะไม่อยากมาแต่มันก็ต้องมา
แน่นอนว่ามันไม่ได้มาเพื่อตำหนิเจียงเว่ย แต่มันมาเพื่อยหยุดยั้งอาวุโสคนอื่นไม่ให้ตำหนิเจียงเว่ย
ทันทีที่เจียงเว่ยกล่าวออกมา ทุกสายตาก็หันมองไปยังเฉียคงทันที
“ศิษย์น้องเฉียนเกิดอันใดขึ้น?”
“ศิษย์น้องเฉียน หรือคนที่บีบคั้นอาวุโสป๋ายลี่ให้กล่าวคำสาบานจักมิใช่เจ้าสำนักแต่เป็นเจ้า…เช่นนั้นเจ้ามันก็ตัวโง่งมแล้ว!!”
“พี่เฉียนข้ารู้ดีว่าจ้าวเฟิงเกือบได้เป็นศิษย์ปิดสำนักของท่าน…แต่ไหนเลยท่านจะมาสนใจความเป็นตายของมันขนาดนี้!”
……
อาวุโสชราหลายต่อหลายคนหันมองทั้งจี้ถามเฉียนคง ทั้งหมดล้วนเป็นคนเก่าคนแก่ของสำนักจันทร์จรัสแสงทั้งสิ้น
ยามคุยกับเฉียนคงจึงไม่สุภาพมากมารยาทเหมือนเจียงเว่ย
“หากมันเป็นบุตรชายของข้าเล่า!?”
เผชิญหน้ากับพี่น้องที่จับจ้องมองมาอย่างเค้นความ สีหน้าเฉียนคงมืดลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก และสุดท้ายมันก็เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างมันกับจ้าวเฟิงออกมา
ทันใดนั้นฉากเรื่องราวกลับกลายเป็นเงียบงันปานคนตาย
เห็นชัดว่าเหล่าผู้ชราของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่เคยล่วงรู้เรื่องจ้าวเฟิงกับเฉียนคงมาก่อนเลย! ทั้งหมดจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปไร้คำจะกล่าว!!
หากเรื่องมันเป็นแบบนี้ พวกมันก็ไม่คิดจะตำหนิเฉียนคง
เพราะสุดท้ายแล้วหากเป็นพวกมัน พวกมันก็คงเลือกจะทำแบบนี้เช่นกัน
เจียงเว่ยที่ยืนอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะโล่งใจ
มันไม่สนใจว่าระดับล่างจะกล่าวถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร ทว่ามันใส่ใจกับทีท่าของระดับสูงนัก
เพาะไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ต้องให้ความสำคัญกับท่าทีของระดับสูงอันเป็นผู้ชราเหล่านี้ เพราะทั้งหมดเป็นดั่งเสาหลัก ผู้พิทักษ์สำนักจันทร์จรัสแสง
สำหรับเจียงเว่ยแล้ว เรื่องราวจบลงเช่นนี้ย่อมดีนัก!
อย่างไรก็ตามมันไม่ทราบเลย ว่านี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้จะมีเรื่องราวใหญ่โตที่เหนือสามัญสำนึกของมันอุบัติขึ้น!
พื้นที่ฝ่ายใน สำนักจันทร์จรัสแสง
“ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นมันยังสงบใจปิดด่านบ่มเพาะอยู่ได้!?”
ใบหน้าหลิวฮ่วนยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก เดิมทีมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนย่อมต้องกระวนกระวายใจในเรื่องนี้บ้าง แต่มิคาดจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะเฉยอยู่ได้!
จังหวะนี้มันรู้สึกขายหน้าทั้งว่างเปล่าด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
หรือทั้งหมดที่มันลำบากลำบนทั้งยังต้องลอบกระทำอย่างเหน็ดเหนื่อยจะกลายเป็นไร้ค่า?
มันไม่อาจยอมรับได้! มันไม่คิดให้เรื่องนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่จะให้มันทำอย่างไรได้?
ถึงแม้มันไม่เต็มใจรับเพียงใด แต่ตอนนี้มันจะยังทำอะไรได้อีก?
“รอ! รอต่อไป…ข้ามิเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนมันจะหดหัวอยู่ในคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงไปได้ชั่วชีวิต”
หลิวฮ่วนกัดฟันดังกรอดกล่าวออกมาอย่างอาฆาต
ขณะเดียวกัน บริเวณใจกลางสำนักจันทร์จรัสแสง ก็มีร่างหนึ่งเหินออกมาจากทิวเมฆที่ปกคลุมสำนักจันทร์จรัสแสง ร่างดังกล่าวคล้ายมาตรวจสอบอะไรบางอย่าง ไม่นานก็อันตรธานหายไปท่ามกลางม่านเมฆ
พริบตาร่างดังกล่าวก็วูบมาบรรลุถึงหุบเขาลึกห่างไกลแห่งหนึ่ง
“ท่านอาจารย์! ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!!”
หานเฉวี่ยไน่รีบร้องทักด้วยความคิดถึงเมื่อเห็นร่างงามวูบมาโผล่เบื้องหน้า
“เฉวี่ยไน่ข้าขอให้สหายของข้าลองทำนายเรื่องพี่สาวเค่อเอ๋อของเจ้าดูแล้ว…นางปลอดภัยดี ทว่าอีกมินานนางจักต้องเผชิญหน้ากับคราวเคราะห์ที่เกี่ยวพันถึงชีวิตนาง…นางจะรอดตัวไปได้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับโชควาสนาของนางเอง”
เมื่อสตรีเลอโฉมเห็นหานเฉวี่ยไน่ นางก็ยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
ด้านหานเฉวี่ยไน่ตอนที่สตรีเลอโฉมบอกว่าเค่อเอ๋อปลอดภัยดี นางก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มยินดีออกมา
ทว่าพอได้ยินวาจาประโยคหลังของสตรีเลอโฉม ว่าเค่อเอ๋อกำลังจะเผชิญคราวเคราะห์ที่เกี่ยวพันถึงชีวิต สีหน้าหานเฉวี่ยไน่ก็เปลี่ยนไปทันใด “คราวเคราะห์เกี่ยวพันถึงชีวิตหรือ? ท่านอาจารย์ ท่านผู้เฒ่าพญากรณ์…กล่าวเช่นนั้นจริงหรือ?”
สหายที่อาจารย์ของนางกล่าวถึง ก็คือ ‘เฒ่าพญากรณ์’ ที่โด่งดังในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
แน่นอนว่านางย่อมไม่คิดสงสัยในคำทำนายของผู้เฒ่าพญากรณ์!