War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1632
ตอนที่ 1,632 : ต้วนหลิงเทียนมาแล้ว!
“อี้เฟิงนั้นเป็นประมุขของนิกายหยินหมิง! แต่เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้ข่าวว่านิกายหยินหมิงถูกยอดฝีมือลึกลับทำลาย อาวุโสสูงสุดในขอบเขตเซียนถูกสังหารตายตก ตัวมันก็หวาดกลัวจนต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน…มิคาดเลยว่าที่แท้จะหลบมาพึ่งใบบุญจวนอ๋องเฉียน!”
หลายคนประหลาดใจไม่น้อย
“ก็แค่สุนัขที่ขลาดกลัวหนีหางจุกตูด!”
“สารเลวเช่นมันก็มีวันนี้ได้…ให้มันตายๆไปเสียก็ดี แผ่นดินเราจักได้สูงขึ้นอีกสักหน่อย!!”
หลายคนที่เคยได้รับความทุกข์ทรมานเพราะนิกายหยินหมิงเริ่มสบถด่าทอออกมา วาจายังแรงไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของอี้เฟิงนั้นค่อนข้างเลวร้ายนัก
พอได้ยินวาจาด่าทอสบประมาททั้งหลาย หน้าอี้เฟิงก็มืดดำเป็นตับเป็ด!
ส่วนชายชราที่อยู่ข้างๆอี้เฟิงกับซือถูหมิงก็ยังคงยิ้มร่าหันมองเรื่องราวอย่างหน้าชื่นตาบาน ในแววตายังเผยความตื่นเต้นไม่น้อย เพราะวันนี้มันมาดูศัตรูฆ่าน้องสามของมันถูกสำเร็จโทษ!!
มันสนใจแค่เรื่องนี้เท่านั้น
เรื่องอื่นใดมันไร้แยแสโดยสิ้นเชิง
เพราะตราบใดที่ศัตรูฆ่าน้องสามของมันตกตาย มันก็จะกลับไปยังรังโจรที่บริเวณชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิง และเป็นดั่งทรราชน์ท้องถิ่น ปกครองดินแดนเล็กๆของมันอย่างมีความสุข…
อ๋องเฉียนไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าวาจาไม่กี่คำของอ๋องหรง จะพลิกกลับสถานการณ์ทำให้มันกลับกลายเป็นเป้ารุมประนามเพราะชื่อเสียงที่ไม่ดีของผู้ติดตามเสียได้ และมันรู้ดีว่าวาจาของมันไม่คมคายเท่าอ๋องหรง จึงไม่คิดจะถกเถียงกับอีกฝ่ายให้ขายหน้า
อย่างไรก็ตามมันไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าอ๋องหรงจะหยุดพูดเหมือนมันด้วย
“น้องสี่ข้าได้ยินว่าหนึ่งในพระเอกของงานวันนี้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนเจ้ารึ…ว่าแต่ไฉนป่านนี้แล้วยังมิมาอีกเล่า? คงมิใช่ที่แท้เจ้าไปบีบบังคับผู้คนมาหรอกนะ?”
อ๋องหรงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“พี่รอง หรือท่านมิรู้ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของจวนอ๋องเฉียนข้าเป็นใคร? ท่านกล่าวเช่นนี้หรือคิดว่าแขกของข้ามิกล้ามา? หรือท่านคิดว่าแขกของข้ามิกล้าประลองกับต้วนหลิงเทียน?
ได้ยินวาจานี้ของอ๋องหรง อ๋องเฉียนพลันดีใจไม่น้อย
เพราะมันไม่คิดเลยว่าอ๋องหรงจะย่ามใจกระทั่งโดดลงหลุมเองเช่นนี้ มันรีบเชิดหน้ากล่าวสวนกลับไปอย่างได้เปรียบทันที
อ๋องหรงพอได้ยินก็รู้สึกหน้าม้านไม่น้อย ยังเสียใจที่พลั้งปากออกไปอยู่บ้าง
เพราะมันคิดแต่จะเย้ยหยันอ๋องเฉียน แต่พออ๋องเฉียนตอบกลับมาแบบนี้ ย่อมบิดเบือนเจตนาของมันไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นมันกล่าววาจาเย้ยเยาะหลินตงแห่งตระกูลหลินในอาณัติคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนแทนทันที
“เฮอะ! อ๋องหรง ฟังจากวาจานี้ของเจ้า…ที่แท้เจ้าคิดว่าข้าไม่ดีเท่าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นงั้นเรอะ!?”
ทันใดนั้นเสียงสบถเย็นเยียบหนึ่งพลันลั่นฟ้ามาแต่ไกล
ไม่นานก็ปรากฏร่างในชุดสีขาววูบมาปรากฏสู่สายตาผู้คน
เป็นชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีขาวพิสุทธิ์ แววตาของมันตอนนี้ยังคมกล้าดั่งพญาอินทรีย์ จับจ้องมองเขม็งไปที่อ๋องหรงอย่างเอาเรื่อง ไม่ได้แยแสฐานะองค์ชายรองแห่งประเทศฝูเฟิงของอ๋องหรงแม้แต่น้อย!
“บังอาจ!!”
เมื่อเห็นว่าใบหน้าอ๋องหรงจมลง ชายชราทั้ง 3 ด้านหลังอ๋องหรงพลันตะโกนใส่ผู้มาใหม่ทันที กระทั่งยังเปล่งพลังแผ่พุ่งแรงกดดันพลังของขอบเขตเซียนไปสะกดทับชายหนุ่มในชุดขาวอย่างพร้อมเพรียง!
หากแต่แม้จะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันพลังของตัวตนในขอบเขตเซียนทั้ง 3 ชายหนุ่มคล้ายไร้นำพา ยังลอยร่างเฉยเมย…คล้ายแรงกดดันพลังจากชายชราทั้ง 3 เป็นเพียงสายลมหอบหนึ่ง…
ทันใดนั้นชายชราทั้ง 3 พลันตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้หาได้ถูกสยบง่ายๆด้วยแรงกดดันพลังของพวกมันไม่! แน่นอนว่านี่ไม่ได้บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนเช่นกัน เรื่องนี้พวกมันมั่นใจเต็มสิบส่วน
อย่างไรก็ตามแม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่ขอบเขตเซียน แต่น่ากลัวว่าอีกฝ่ายคงสามารถทะลวงผ่านมายังขอบเขตเซียนได้ในเร็ววัน กระทั่งจะทะลวงพรุ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!!
เนื่องเพราะทันทีที่พวกมันเปล่งพลังหมายสะกดชายหนุ่ม พวกมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากร่างชายหนุ่มดังกล่าวทันที…มีกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียนจางๆแล้ว!
พวกมันก็เป็นขอบเขตเซียน ย่อมไวต่อสัมผัสพลังเช่นนี้นัก!
“นั่นคือ อันดับ 1 ในรายนามนภา หลินตงรึ?!”
“หลินตงผู้นี้ช่างโอหังยิ่ง กล้าถือดีวางท่าต่อหน้าอ๋องหรงได้อย่างไร!?”
“เหอะ! พวกเจ้าจะไปรู้อะไร มันหยิ่งเพราะมันมีความสามารถที่จะหยิ่ง…เพราะเท่าที่ข้าทราบมาตระกูลหลินของมันก็เป็นขุมพลังชั้น 6 ภายใต้อาณัติของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน เรียกว่าตระกูลมันมิได้ด้อยไปกว่าตระกูลราชวงศ์แม้แต่น้อย…แถมเหมือนมันจะเป็นนายน้อยที่มีสายโลหิตหลักของตระกูล แล้วใยมันต้องกลัวอ๋องหรง?”
“มิผิด ด้วยพลังฝึกปรือและอัจฉริยะภาพของมัน ไม่ต้องกล่าวถึงชื่อเสียงที่รู้กันดี เกรงว่าฐานะในตระกูลมันจะสูงส่งมิใช่ชั่ว…น่ากลัวว่ากระทั่งอ๋องหรงก็ไม่กล้าล่วงเกินมันด้วยซ้ำ!”
……
หลายคนที่อยู่รอบๆเริ่มกระซิบกระซาบกันเบาๆ อ๋องหรงเองก็ย่อมได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ดี
จังหวะนี้อ๋องหรงถึงกับชักสายตามองไปยังหลินตงอย่างดุร้าย ลึกลงไปในแววตายังเผยเจตนาฆ่าฟัน!
มันแทบรอฆ่าหลินตงไม่ไหวแล้ว!
อย่างไรก็ตามมันก็ตระหนักเรื่องราวกระจ่างดั่งคนรอบข้าง มันย่อมไม่กล้าล่วงเกินหลินตงจริงๆ! อย่างน้อยก็ไม่กล้าล่วงเกินหลินตงต่อหน้าสาธารณชน!!
อ๋องหรงพยายามเลิกสนใจ สุดท้ายกลับเบือนหน้าไปเห็นอ๋องเฉียนอย่างไม่ตั้งใจ และพอพบว่าอ๋องเฉียนกำลังมองหลินตงกับมันเขม่นกันอยู่ด้วยสายตาราวกับชมละครลิงสนุกสนาน ก็พาลให้สีหน้ามันดำคล้ำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึกทันที!
“น้องสี่ข้าไปกล่าวเมื่อใดว่าหลินตงมิกล้าประลองกับต้วนหลิงเทียน อย่าได้บิดเบือนวาจาข้าต่อหน้าผู้คน!”
ต่อหน้าผู้คนมากมายอ๋องหรงไม่กล้าหืออือหลินตงโต้งๆ จึงหันไปกลาวกับอ๋องเฉียนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
อย่างไรก็ตามอ๋องเฉียนมือหรือจะปล่อยเหยื่อที่ติดเบ็ดแล้วเช่นนี้ไปง่ายๆ มันรีบกล่าวเย้ยออกมาต่อทันที “อ้าวพี่รอง แล้ววาจาก่อนหน้าของพี่ท่านที่แท้หมายความว่าอย่างไรเล่า? คำที่ท่านถามข้าว่า ‘คงมิใช่ที่แท้เจ้าไปบีบบังคับผู้คนมาหรอกนะ’ นั่นน่ะ…รบกวนพี่รองอธิบายให้ข้าฟังทีเถอะ!”
“เฮอะ!”
อ๋องหรงแค่นคำสบถตอบกลับ ก่อนที่จะเลิกสนใจอ๋องเฉียน
ในฐานะสายโลหิตหลักของตระกูลหลินและยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา หลินตงย่อมไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลา มันรู้ทันทีว่าอ๋องเฉียนคิดใช้มัน
เมื่อเห็นว่าอ๋องหรงเลิกรา มันก็คร้านจะอยู่ให้ผู้คนใช้ประโยชน์อีกต่อไป หาไม่แล้วไม่ใช่มันจะกลายเป็นเบี้ยของอ๋องเฉียนจริงๆรึไง?
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นร่างหลินตงก็ไหววูบเคลื่อนไหว พริบตามันก็วูบหายไปจากฝูงชน หยุดลอยค้างอยู่ในที่โล่งห่างไกลเหนือฟ้า
ยังทอดตามองลงไปยังฝูงชนเบื้องล่าง “ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”
อย่างไรก็ตามคำถามของมันกลับไร้ซึ่งคำตอบ
คงมีแต่เสียงสะท้อนที่ดังก้องไปก้องมาในหุบเขา “ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”
“ต้วนหลิงเทียนมาแล้วหรือไม่?”
……
ตอนนี้เองผู้คนก็เริ่มแหงนดูท้องฟ้า พอพบว่าตะวันร้อนเจิดจ้าเจียนอยู่กลางกระหม่อมบ่งบอกเวลาเที่ยงเต็มที
พวกมันก็เริ่มหันมองไปรอบๆเพื่อหาต้วนหลิงเทียน
“ปรมาจารย์ต้วน มิมาจริงๆงั้นหรือ?”
“อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด แต่ข้าก็ยังอุตส่าห์เสี่ยงดวงเพื่อมาลองดู…สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ปรากฏตัวออกมาจริงๆ อย่างว่าล่ะนะ…จะอย่างไรนี่ก็เป็นการประลองเป็นตาย”
“ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เขาจักหวาดกลัวอันดับที่ 1 ในรายนามนภา”
“น่าเสียดายยิ่ง! เช่นนั้นข้าก็สูญเวลาเปล่าไปเป็นวันแล้ว!!”
……
หลายคนเริ่มถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย แต่ไม่ค่อยมีใครเยาะเย้ยต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่
เพราะในสายตาของพวกมัน จะอย่างไรหลินตงก็คืออันดับ 1 ในรายนามนภาแห่งเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ต้วนหลิงเทียนยังมีชื่อเสียงเทียบอีกฝ่ายไม่ได้เลย…พวกมันลองคิดดูว่าหากพวกมันเป็นต้วนหลิงเทียนดูบ้าง พวกมันก็ไม่กล้ามาหรอกหากหลินตงเลือกประลองเป็นตายแบบนี้
เพราะการที่หลินตงกล้าท้าประลองเป็นตาย นั่นหมายความว่าย่อมมีความมั่นใจในพลังฝีมืออย่างเห็นได้ชัด!
เช่นนั้นแล้วยังจะโดดมาขวางทางปืนให้โง่หรือ?
“ไฉนตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นยังไม่มา? หรือมันจะไม่กล้ามาจริงๆ?”
ชายชราที่ยืนอยู่ข้างซือถูหมิงกับอี้เฟิง ตอนนี้เริ่มชักสีหน้าถมึงทึงขึ้นมาแล้ว
หากต้วนหลิงเทียนไม่มาจริงๆ…ไม่ใช่ว่าการล้างแค้นให้น้องสามของมันต้องล้มเหลวหรือไง?!
“มันหวาดกลัวจนไม่กล้ามาจริงๆ?”
ตอนนี้กระทั่งอ๋องเฉียนยังเริ่มอยู่ไม่สุข อดไม่ได้ที่จะหน้าเสียไปอยู่บ้าง เพราะหากต้วนหลิงเทียนไม่มา มันก็สูญเสียโอกาสได้รับตราผนึกมารไปน่ะสิ!
มิใช่ว่ามันไม่ต้องการส่งคนไปฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อชิงตราผนึกมารแต่แรก แต่มันพบว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะให้ตระกูลซือถูออกมาแถลงการณ์เรื่องการถอนตัวออกจากตระกูล แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงพักอยู่ที่ตระกูลซือถูเหมือนเดิม มันจึงไม่มีโอกาสลงมือ
‘ข้าล่ะหวังจริงๆว่าท่านปรมาจารย์ต้วนจักมิมา’
ไม่เหมือนความกังวลของอ๋องเฉียน ซือถูฮ่าวผู้นำตระกูลซือถูหวังว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มา
ส่วนซือถูหังนั้นเพียงเผยยิ้มขื่นขมออกมา
เพราะมันรู้ดี ว่าในเมื่อปรมาจารย์ต้วนกล่าวว่าจะมา คนย่อมมาแน่!
มาถึงจุดนี้แล้ว มันเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในเขาเป่ยหมังจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่ามาแล้วจริงๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้รีบออกไปไหน เพราะนี่มันก็ยังไม่เที่ยงดีที ผู้ใดจะไปรู้ว่าจะมีเรื่องอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่?
หากพวกมันพึ่งไปไม่ทันไร แล้วต้วนหลิงเทียนดันพึ่งมาถึง! คลาดกันงี่เง่าเช่นนี้จะไปร้องทุกข์กับผู้ใดได้?!
“อันดับที่ 1 ในรายนามนภา หลินตง ใช่ไหม?”
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงเรียบๆเสียงหนึ่งพลันแว่วดังมาแต่ไกล
เสียงนี้ดังมาถึงก่อนตัวคน!
พอยินเสียงที่แววดังขึ้นมา ซือถูฮ่าวก็ยิ้มเจื่อนๆ “ท่านปรมาจารย์ต้วน…สุดท้ายก็มาแล้ว”
ในเรื่องนี้ซือถูหังที่อยู่ข้างๆไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนย่อมมาแน่
ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆเผยประกายสุกใสในแววตา
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกพวกมันออกมาเมื่อวาน พวกมันล้วนมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าต้วนหลิงเทียนต้องฆ่าหลินตง และรับชื่อเสียงทั้งหมดของอีกฝ่ายมาได้แน่!
“นั่นคือ…ปรมาจารย์ต้วน อดีตแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นหลายคนเริ่มมองหน้าไถ่ถามกัน
“สมควรเป็นเขา!”
ทันใดนั้นสองตาของทุกผู้คนก็หันไปจับจ้องยังที่มาของเสียงทันที
สุดสายตาปรากฏร่างในชุดสีม่วงหนึ่งค่อยๆเหินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
จากหว่างคิ้วอันหล่อเหลาและใบหน้าได้รูป นับว่าให้ความรู้สึกไม่ธรรมดา เรียกว่ามีอำนาจดึงดูดเหล่าสตรีผู้ฝึกตนทั้งหลายไม่น้อย เพราะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว พวกนางก็มองเขาไม่วางตา คล้ายทนรอเป็นเจ้าของต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว
“เป็นท่านปรมาจารย์ต้วน!!”
ไม่นานก็มีคนที่จดจำต้วนหลิงเทียนได้ โพล่งกล่าวขึ้นมา
และคนที่กล่าวก็เป็นสมาชิกของตระกูลซือถู ถึงแม้ฐานะของมันจะไม่สูงส่งพอที่จะมาพร้อมกับผู้นำตระกูล แต่มันก็มาของมันเองเพราะวันนี้ไม่มีหน้าที่ๆมันต้องทำแต่อย่างไร
“นั่นน่ะหรือ ปรมาจารย์ต้วน?”
หลังจากได้รับคำยืนยัน หลายคนก็มองสำรวจต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจังทันที
“ยังเยาว์ยิ่ง!”
“เป็นธรรมดา! เพราะข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์ต้วนผู้นี้ยังมีอายุมิถึง 40 ปี!”
“อะไรกัน? อายุไม่ถึง 40 ปีแต่มีพลังฝีมือสูงพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว? น่ากลัวว่าในประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงคงยากที่จะมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาอีก”
“ไม่! เรื่องนี้เจ้าผิดแล้ว เพราะในประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงเรากลับมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏตัวออกมาแล้ว! ให้ตายเถอะสหาย…นี่เจ้าลืมแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยไปแล้วรึไร? ถึงแม้แม่นางเฟิ่งจะพ่ายแพ้ต้วนหลิงเทียน แต่พลังฝีมือของนางก็ถูกยอมรับกับตัวตนระดับเซียนถ้วนหน้า ว่าแข็งแกร่งพอที่จะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภาแล้ว!”
……
ผู้คนเริ่มสนทนากันอย่างอื้ออึงเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมาแล้ว
จังหวะนี้ หลินตง อันดับ 1 ในรายนามนภา คล้ายจะถูกผู้คนลืมเลือนไปพักหนึ่ง
อันที่จริงเรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของหลินตงจะยิ่งใหญ่โด่งดังกว่า แต่มันก็ไม่ใช่คนของประเทศฝูเฟิง! เช่นนั้นไม่ว่ามันจะโด่งดังเพียงใด ฐานะของมันในใจของผู้คนในประเทศฝูเฟิง ก็สู้ต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังขึ้นมาในประเทศฝูเฟิงไม่ได้!