War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1648
ตอนที่ 1,648 : เปลี่ยนทัศนคติ
“พาข้าไปพบเฉวี่ยไน่?”
พอได้ยินคำพูดของเจ้าเมืองคลื่นขจี ร่างต้วนหลิงเทียนก็นิ่งค้างไปวูบหนึ่ง ก่อนที่จะนึกถึงสถานการณ์ของหานเฉวี่ยไน่ขึ้นมาอีกครั้ง และอดไม่ได้ที่เขาจะโล่งใจออกมา
ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะเป็นไปอย่างที่เขาคาดเดาเอาไว้
โอกาสที่หานเฉวี่ยไน่จะถูกคุมขังมีแค่ 1 ใน 10 ส่วน
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้าเมืองล่วงหน้าแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะกล่าวขอบคุณเจ้าเมืองออกไปทันที
“หากท่านเป็นสหายของคุณหนูใหญ่จริงๆ ก็นับว่าท่านเป็นแขกของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานของพวกเรา แน่นอนว่าข้าไม่มีทางปฏิบัติต่อท่านไม่ดี”
เจ้าเมืองคลื่นขจีกล่าว
และความหมายของวาจาประโยคนี้ยังชัดเจนนัก ทั้งหมดล้วนเพราะเป็นมันนับถือหานเฉวี่ยไน่
หากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่สหายของหานเฉวี่ยไน่ขึ้นมาล่ะก็ มันจะไม่เห็นหัวเขาเลย!
เรื่องนี้เขาเองก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ในฐานะเจ้าเมืองคลื่นขจี แถมเป็นผู้ดูแลคฤหาสน์คลื่นขจีสาขาย่อย เจ้าเมืองผู้นี้พลังฝีมือย่อมไม่ใช่ชั่ว ยังสมควรเป็นผู้อาวุโสในคฤหาสน์คลื่นขจีที่มีฐานะสูงส่งไม่น้อย ด้วยทิฐิของคนสกุลหานและพลังฝีมือของมัน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นหัวคนทั่วไป
การที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อต้วนหลิงเทียนด้วยความสุภาพขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเพราะความเคารพที่มีต่อหานเฉวี่ยไน่
หากมันยืนยันได้แล้วว่าหานเฉวี่ยไน่ไม่มีสหายเช่นเขา น่ากลัวว่ามันคงไม่เหลือความสุภาพอะไรอีกต่อไป ไม่เพียงเท่านั้นมันกระทั่งจะลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิตอีกด้วย
ความคิดของเจ้าเมืองคลื่นขจีผู้นี้ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะไม่รู้ได้ แต่เขาก็ไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย
เพราะเขารู้จักคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีจริงๆ ว่าเป็นหานเฉวี่ยไน่ เด็กสาวตัวน้อยที่ชมชอบติดตามไปเล่นกับเขาและมักเรียกหาเขาว่า พี่ใหญ่หลิงเทียน ไม่ขาดปาก
“ท่านเจ้าเมืองรบกวนฝากวาจาของข้าไปกล่าวบอกเฉวี่ยไน่หน่อยได้หรือไม่?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเชื่อมั่นว่า หานเฉวี่ยไน่ต้องรู้ทันทีว่าเป็นเขาตั้งแต่ที่ได้ยินนามหลิงเทียน
แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะเพิ่มความมั่นใจให้นาง
“ย่อมได้”
เจ้าเมืองพยักหน้ารับ ในสายตาของมันเรื่องนี้นับว่าเล็กน้อยนัก
“ให้คนของท่านบอกเฉวียไน่ที ว่า พี่ใหญ่หลิงเทียนอยู่นี่แล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
พี่ใหญ่หลิงเทียน?
หลังได้ยินวาจาฝากบอกนี้ของต้วนหลิงเทียน ลูกตาของเจ้าเมืองคลื่นขจีหดเล็กลงทันที
การที่อีกฝ่ายกล่าวให้ฝากวาจาไปบอกแบบนี้ ทำให้มันรู้สึกกริ่งเกรงชายหนุ่มเบื้องหน้าขึ้นมาไม่น้อย
เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้คนคงไม่มีใครเรียกหากันเช่นนี้หากไม่สนิทสนมจริงๆ
แต่ฟังวาจาฝากบอกของชายหนุ่มนามหลิงเทียนผู้นี้เถอะ! หรือปกติแล้วคุณหนูใหญ่ของมันเรียกหาอีกฝ่ายว่า พี่ใหญ่หลิงเทียน จริงๆ?
ทันใดนั้นทัศนคติและทีท่าของมันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
“น้องชายหลิงเทียน เช่นนั้นระหว่างรอคุณหนูตอบรับ ให้ข้าพาท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เรียกว่ากล่าวกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง น้ำเสียงของเจ้าเมืองคลื่นขจียังอ่อนลงหลายส่วน ราวกับคนตรงหน้าไม่ใช่ผู้คนที่พึ่งพบเจอครั้งแรก แต่เป็นสหายที่รู้จักกันมานานนับสิบปี
การเปลี่ยนแปลงทีท่าของเจ้าเมืองคลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนก็คิดไว้แต่แรกแล้ว เขาจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
หลังจากที่ออกจากห้องโถงใหญ่ เจ้าเมืองคลื่นขจีจึงเริ่มกล่าวแนะนำตัวเอง “ข้าเรียกว่า หานชิง เป็นอาวุโสดูแลกิจการฝ่ายนอกของสกุลหาน ข้ามักรับผิดชอบดูแลเรื่องราวในเมืองคลื่นขจีทุกเรื่อง หากน้องชายหลิงเทียนไม่รังเกียจสามารถเรียกหาข้าว่าพี่หานชิงได้ เรียกว่าเจ้าเมืองช่างฟังดูเป็นทางการทั้งห่างเหินยิ่ง…”
หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปที่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนล่ะก็ ให้ตายหานชิงก็ไม่มีวันให้เรียกหามันว่าพี่หานชิงอะไรพรรค์นี้แน่นอน
ถึงแม้พรสวรรค์และศักยภาพจะสูงมาก ถึงขั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าต้วนหลิงเทียนก็ตาม
เหตุผลที่หานชิงลดทิฐิลงและเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าน้องชายนั้น ล้วนเป็นเพราะคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีของมัน หานเฉวี่ยไน่!
ถึงแม้ในคฤหาสน์คลื่นขจีมันจะเป็นผู้อาวุโสที่มีฐานะสูงไม่น้อย แต่ก็นับว่ายังด้อยกว่าหานเฉวี่ยไน่
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันเคารพนับถือผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานหมดใจถึงขั้นเคารพบูชา เพราะอีกฝ่ายได้ช่วยชีวิตมันเอาไว้ครั้งยังเยาว์แถมยังรับมันมาชุบเลี้ยง หาไม่แล้วมันคงนอนตายเยี่ยงสุนัขข้างถนนไปแต่แรก…
ด้วยเหตุนี้มันจึงพลอยเคารพนับถือหานเฉวี่ยไน่ บุตรีคนเดียวของผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีอย่างมากไปด้วย
“พี่หานชิง”
ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นคนประเภทให้ความเคารพผู้อื่นหากอีกฝ่ายให้ความเคารพแก่เขา นอกจากนี้ท่าทีปฏิบัติของหานชิงที่มีต่อเขาตั้งแต่แรก ก็นับว่าน่าพึงพอใจไม่น้อย
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนเรียกหาเช่นนี้ หานชิงจึงเผยยิ้มออกมา
อันที่จริงหลังจากที่ต้วนหลิงเทียน ได้ฝากข้อความให้มันใช้ลูกน้องไปบอกหานเฉวี่ยไน่ มันก็มั่นใจเกือบ 10 ส่วนแล้วว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นสหายของหานเฉวี่ยไน่จริงๆ หาไม่แล้วคงไม่หาญกล้ามาละเล่นเหลวไหลอะไรพรรค์นี้ถึงจวนเจ้าเมืองคลื่นขจี ราวกับคนเบื่อชีวิตคิดหาที่ตาย…
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา แถมดูไม่เหมือนคนสิ้นคิดรนหาที่ตายแม้แต่น้อย
ที่สำคัญไปกว่านั้น ท่าทางดูแล้วคุณหนูใหญ่สกุลหานของมัน น่าจะมีสัมพันธ์อันดีกับชายหนุ่มผู้นี้จริงๆ เช่นนั้นทัศนคติของมันจึงแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงทันที
“พี่ชายหานชิง ข้าพึ่งมาถึงเมืองคลื่นขจีได้ไม่ทันไร แต่ก็พอได้ยินข่าวเรื่องที่นายน้อยของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นคิดสู่ขอเฉวี่ยไน่ไปตบแต่งอยู่บ้าง เรื่องนี้…”
ต้วนหลิงเทียนมองถามหานชิง หากแต่เขายังกล่าวถามไม่ทันจบคำ เขาก็พบว่าใบหน้าหานชิงนั้นมืดดำนัก!
“นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั่นมันช่างกล้านัก! เป็นแค่คางคกคิดจะกินเนื้อห่านฟ้า! มันเป็นนายน้อยที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ยิ่ง..มิได้คู่ควรกับคุณหนูใหญ่สักนิดเดียว!!”
หานชิงกล่าวออกด้วยเสียงเข้มแฝงโทสะ เห็นชัดว่ามันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้เลย
ชีวิตของมันเป็นผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีช่วยไว้ เรื่องนี้มันย่อมอยู่ข้างเดียวกับหานเฉวี่ยไน่
“แต่ข้าได้ยินมาว่าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นขุมพลังชั้น 4 …เรื่องนี้ข้าคิดว่าคฤหาสน์คลื่นขจีคงยากหลีกเลี่ยงใช่หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ยากที่จะหลีกเลี่ยงแล้วจริงๆ”
หานชิงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ที ค่อยพูดต่อ “ในเรื่องนี้ภายในของคฤหาสน์คลื่นขจีก็แบ่งเป็น 2 ฝ่าย…ฝ่ายหนึ่งนำโดยผู้นำและมิเห็นด้วยกับการแต่งงาน อีกฝ่ายนั้นนำโดยอาวุโสสูงสุดซึ่งเห็นด้วยกับการให้คุณหนูใหญ่แต่งงาน เพื่อมิเป็นการล่วงเกินคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง”
“แล้วตอนนี้ฝ่ายใดมีเสียงข้างมากอยู่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาหน้านิ่วคิ้วขมวด
“น่ากลัวว่าโอนเอียงไปข้างผู้อาวุโสสูงสุดกันแล้ว…”
ลูกตาหานชิงเผยประกายโทสะอันคับแค้นออกมา “อันที่จริงข้ามิเคยสังเกตด้วยซ้ำว่าคนของคฤหาสน์คลื่นขจีที่แท้กลับขลาดเขลาถึงเพียงนี้ พอมาเผชิญหน้ากับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องข้าถึงค่อยแลเห็นธาตุแท้พวกมัน! เพียงเพราะกลัวจักล่วงเกินคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง พวกมันถึงกับยินดีใช้ความสุขชั่วชีวิตของเด็กสาวตัวเล็กๆนางหนึ่ง แลกกับความปลอดภัยในชีวิตของพวกมัน!!”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้จากปากหานขิง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าท่าทางสถานการณ์นั้นไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไรแล้ว
“พี่ชายหานชิง ท่านช่วยเล่าเรื่องราวในคฤหาสน์คลื่นขจีให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“น้องหลิงเทียน มิใช่ว่าพี่ชายไม่เชื่อในตัวเจ้า แต่เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเป็นความลับของคฤหาสน์คลื่นขจี ข้าจึงมิสะดวกบอกกล่าวต่อเจ้ามากเกินไปก่อนที่คุณหนูใหญ่จะยืนยันฐานะของเจ้า”
หานชิงกล่าวขอขมาต่อต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าอับจน “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากคุณหนูใหญ่ยืนยันตัวตนเจ้าแล้ว พี่ชายผู้นี้จักเล่าเรื่องทั้งหมดของคฤหาสน์คลื่นขจีให้เจ้าฟังเองดีหรือไม่?”
“พี่หานชิงท่านอย่าได้อึดอัดใจไป ข้าย่อมเข้าใจความลำบากของท่าน”
ที่หานชิงเป็นกังวลนั้นต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจได้ ดังนั้นเขาไม่คิดถามเซ้าซี้อีกต่อไป
ภายใต้การจัดการของหานชิง ต้วนหลิงเทียนจึงได้พักอยู่ในเรือนรับรองอย่างดีของจวนเจ้าเมือง ยังเป็นพื้นที่อันกว้างขวาง เป็นบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่าง ที่มีพื้นที่มากพอให้ฝึกวรยุทธ์เซียนได้สบาย นอกจากนี้ในบ้านยังมีห้องหับว่างอยู่อีกถึง 3 ห้อง
ห้องพักแลดูสะอาดสะอ้านตา เห็นชัดว่ามีการดูแลรักษาความสะอาดอยู่เป็นประจำ
หลังจากกล่าวคำอำลากับต้วนหลิงเทียน หานชิงก็ขอตัวลาจากไปเพราะมันมีเรื่องที่ต้องไปจัดการไม่น้อย
ถึงแม้ว่ามันจะไม่คิดสงสัยตัวตนของต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่มันก็ยังต้องส่งคนไปยืนยันเรื่องนี้กับคุณหนูใหญ่ หานเฉวี่ยไน่ ให้เรียบร้อย
หลังจากที่หานชิงจากไป ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปที่ห้องพัก ปิดประตูหน้าต่างลงดาลลั่นกลอนเรียบร้อย ก่อนที่จะเข้าสู่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
“ถ้าเพียงแต่ ข้าทะลวงผ่านขอบเขตเซียนได้ล่ะก็…ข้าอาจช่วยเฉวี่ยไน่ได้”
พอคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหานเฉวี่ยไน่ อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนพลันกลายเป็นหนักอึ้งไม่น้อย
ในสายตาของเขาหานเฉวี่ยไน่ก็เหมือนน้องสาวตัวน้อยที่เขาต้องปกป้องดูแล นางไม่ต่างอะไรจากน้องสาวแท้ๆของเขาเอง…ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเป็นนางที่ช่วยเหลือเขามาตลอดก็ตาม
พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความสุขชั่วชีวิตของน้องสาวตัวน้อย ไหนเลยเขายังไม่เป็นกังวลได้
‘ถึงแม้บิดาของเฉวี่ยไน่จะเป็นผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี…แต่ในฐานะขุมพลังชั้น 5 ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเปรียบในเรื่องนี้! เว้นเสียแต่บิดาของเฉวี่ยไน่จะมีพลังฝีมือสูงพอทำลายล้างได้ทุกสิ่ง…อนิจจาตอนนี้พลังฝีมือบิดาของเฉวี่ยไน่คงไม่ขนาดนั้น’
พอนึกถึงเรื่องที่หานชิงกล่าวออกมา ใจของต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักถ่วงขึ้นมาทันที คล้ายจะมีหินใหญ่หมื่นพันชั่งลากถ่วงไว้อย่างไรอย่างนั้น
สูดลมหายใจลึกๆไม่กี่ที่เพื่อสงบสติอารมณ์ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบ่มเพาะพลังสืบต่อ
ในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะพลัง ก็มีร่างหนึ่งออกจากจวนเจ้าเมืองคลื่นขจี
หลังจากออกจากจวนเจ้าเมืองคลื่นขจีหรือคฤหาสน์คลื่นขจีสาขาย่อยแล้ว ร่างดังกล่าวก็ยังออกจากเมืองคลื่นขจีมุ่งหน้าไปยังทางเหนือด้วยความเร็วสูงตลอดทั้งคืนทั้งวัน จนในที่สุดก็เข้าสู่เขตภูเขาลึกลับที่ปกคลุมไปด้วยม่านเมฆ
ด้านหลังแนวเขานั่น จะเป็นสถานที่ตั้งของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานแล้ว
มันมาจากสาขาย่อยและจวนเจ้าเมืองคลื่นขจี ย่อมไม่ถูกคนของคฤหาสน์คลื่นขจีขวางเอาไว้ ไม่นานก็ไปถึงส่วนกลางของคฤหาสน์คลื่นขจีได้อย่างง่ายดาย
“ข้าคือรองเจ้าเมืองคลื่นขจี มีเรื่องด่วนสำคัญใคร่ขอเข้าพบคุณหนูใหญ่”
ยืนอยู่หน้าสถานที่พักของหานเฉวี่ยไน่ คุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจี ชายในชุดเกราะมีเคราดกหนาที่เร่งรุดเดินทางมาทั้งคืนทั้งวัน เร่งกล่าวรายงานต่อสาวรับใช้ทั้งสองด้านนอกที่พักทันที
สตรีรับใช้ได้ยินดังนั้นก็เร่งรุดเข้าไปแจ้งเรื่องราว
“คุณหนูให้เจ้าเข้าไปได้”
ไม่นานสาวน้อยนางนั้นก็เดินออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินนำชายเคราดกเข้าไป
สวนด้านหลังบ้านพักหลังโตนี้ เป็นทะเลสาบกระจ่างอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ยังมีศาลากลางน้ำแลดูวิจิตรงดงาม
ภายในศาลาดังกล่าวมีอิสตรีนางหนึ่งกำลังนั่งฟุ่บหมอบไปกับโต๊ะ นางหนุนทับแขนข้างหนึ่งด้วยท่าทางเกียจคร้านเบื่อหน่าย ยามมองไปที่นางพาลให้รู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบหม่นสีและไม่สดใสอย่างที่เคย
ทว่าหว่างคิ้วแววตาของสตรีดังกล่าวกลับเผยความทุกข์ตรมทั้งกังวลออกมาไม่น้อย ยากที่ใครจะกล่าวบอกได้ว่านางมีเรื่องหนักอกหนักใจอันใดแบกไว้อยู่กันแน่
“คุณหนู”
จนกระทั่งสตรีรับใช้ที่พึ่งนำพาชายชุดเกราะเคราดกมาถึงเริ่มกล่าววาจาเรียกหาออกมา สตรีที่ฟุบกับแขนบนโต๊ะในศาลาจึงค่อยคืนสติกลับมารู้สึกตัว นางว่ายตาหันมามองจนเห็นชายในชุดเกราะเคราดกข้างๆสตรีรับใช้ ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างฝืนๆพร้อมกล่าวถาม “ลุงชิง มีธุระกับข้างั้นหรือ?”
ชายชุดเกราะเคราดกผู้นี้แจ้งว่ามาจากจวนเจ้าเมืองคลื่นขจี และคนเดียวที่นางรู้จักในจวนเจ้าเมืองคลื่นขจีก็มีแต่ หานชิง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเท่านั้น
“ใช่แล้วคุณหนู”
ชายเคราดกตอบกลับด้วยความเคารพ