War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1664
ตอนที่ 1,664 : หุบเขาหลิงหลง
ถึงแม้ว่าตลาดมืดหยินชานจะพยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายออกไป หากแต่ตำหนักเมฆาครามก็ล่วงรู้อยู่ดี
“ตู้กู…เจ้าคิดทำบัดซบอะไร!”
หน้าต้วนหรูเฟิงมืดดำลง ลูกตาเผยประกายเย็นเยียบ
ตอนนี้ต้วนหรูเฟิงทราบแล้ว ว่าผู้นำตลาดมืด ตู้กู ต้องการตราผนึกมารที่อยู่ในความครอบครองของบุตรชายมัน
“ตัวบัดซบตู้กูนั่น มันไปเอาภาพเหมือนเทียนเอ๋อมาจากที่ใดกัน…”
เรื่องนี้ต้วนหรูเฟิงค่อนข้างงุนงงไม่น้อย
อย่างไรก็ตามเพียงเพียงคิดวูบหนึ่ง ต้วนหรูเฟิงก็ตระหนักถึงใดได้บางอย่าง…เรื่องนี้สมควรเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรไม่ผิดแน่! เพราะมันพบพานตู้กูครั้งสุดท้ายที่เผ่าพันธุ์มังกร!!
“รูปเหมือนเทียนเอ๋อ…มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บนั่น…สารเลวตี้จิ่ว!”
ไม่นานต้วนหรูเฟิงก็รู้ตัวคนเผยแพร่รูป
ใบหน้าต้วนหรูเฟิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ด้วยไม่คิดเลยว่าตี้จิ่วจะหาญกล้าใจคดถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่นัดหมายประลอง 5 ปีแล้ว แต่มันกล้าเล่นไม่ซื่อลอบกัดเช่นนี้!
แต่อย่างไรแม้ต้วนหรูเฟิงจะบอกได้ว่าสมควรเป็นตี้จิ่วลอบกัด แต่ด้วยความที่ไร้ซึ่งหลักฐานอันใด ก็ไม่อาจไปหาความตี้จิ่วถึงเผ่าพันธุ์มังกรเพื่อระบายโทสะได้
มีเหตุผลมากมายที่ตี้จิ่วจะยกขึ้นมาอ้างว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับมัน
เมื่อรู้ว่าตลาดมืดหยินชานลงมือสุดกำลังเพื่อตามล่าตัวลูกชาย ต้วนหรูเฟิงก็ยิ่งกังวลในความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียนมากขึ้น ใจยังว้าวุ่นยากสงบ
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงวาจากำชับย้ำนักหนาของผู้เฒ่าพยากรณ์ ต้วนหรูเฟิงก็ได้แต่กล้ำกลืนอดทนเอาไว้
ความกังวลของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดาที่จะไม่ทราบเลย
ตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบิดาคือจ้าวตำหนักเมฆาคราม ผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ขณะเดียวกันด้านเฟิ่งเทียนหวู่ที่พึ่งมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีไม่ทันไร ก็ได้ยินข่าวลือที่ผู้คนกล่าวกันหนาหู และนางก็อดกังวลถึงความปลอดภัยต้วนหลิงเทียนขึ้นมาเสียไม่ได้ ‘ข้าหวังว่าคนดีอย่างพี่ใหญ่สวรรค์จักคุ้มครอง…พี่ใหญ่ต้วนตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ใดแล้ว..’
อย่างไรก็ตามในเมื่อมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว เฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่ได้รีบร้อนจากไป
หนึ่งเดือนหลังจากที่มาถึงคฤหาสน์คลื่นขจี นางก็สอบถามเกี่ยวกับตัวตนของหานเฉวี่ยไน่
ถึงแม้นางเองก็ไม่เคยพบพานกับหานเฉวี่ยไน่มาก่อน แต่ก็เคยได้ยินนามอีกฝ่ายจากพี่ใหญ่ต้วนของนางมากกว่าหนึ่งครั้ง นางยังพอทราบคร่าวๆว่าหานเฉวี่ยไน่เป็นคนเช่นไร
ในสายตาของพี่ใหญ่ต้วน หานเฉวี่ยไน่มีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา และสมควรมีฐานะที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อย
ในขณะที่เฟิ่งเทียนหวู่ได้ยินเรื่องหานเฉวี่ยไน่จากปากของต้วนหลิงเทียน ด้านหานเฉวี่ยไน่ก็เคยได้ยินเรื่องราวของเฟิ่งเทียนหวู่จากเขาเช่นกัน
ดังนั้นแม้ทั้งคู่จะไม่เคยพบเคยเจอ แต่ก็รับรู้ถึงการคงอยู่ของอีกฝ่ายกันมาเนิ่นนาน
ด้วยเหตุนี้เมื่อเฟิ่งเทียนหวู่เปิดเผยตัวตน แจ้งกับคนของคฤหาสน์คลื่นขจีให้ไปรายงานเฉวี่ยไน่ไม่นาน หานเฉวี่ยไน่ก็ส่งคนมาเชิญตัวเฟิ่งเทียนหวู่มาที่บ้านของนางทันที
“ท่านคือพี่สาวเทียนหวู่หรือ!? พี่ใหญ่หลิงเทียนมักกล่าวถึงท่านบ่อยๆ!!”
เมื่อได้พบเจอเฟิ่งเทียนหวู่ หานเฉวี่ยไน่รู้สึกตื่นเต้นยินดีไม่น้อย
“เฉวี่ยไน่ พี่ใหญ่ต้วนก็ชอบกล่าวถึงเจ้าเช่นกัน”
เฟิ่งเทียนหวู่ยิ้มตอบ ก่อนที่จะเข้าประเด็นทันทีเร่งถามออก “เฉวี่ยไน่ พี่ใหญ่หลิงเทียนของท่าน ได้มาหาท่านแล้วใช่หรือไม่?”
“อื้ม พี่ใหญ่หลิงเทียนมาที่นี่เพื่อมาตามหาพี่สาวเฟยเอ๋อ…”
หานเฉวี่ยไน่ระบายลมหายใจออกมา “หากแต่เมื่อไม่นานมานี้พี่สาวเฟยเอ๋อพึ่งถูกพาตัวไป…พี่ใหญ่หลิงเทียนมาไม่เจอ เขาพักที่นี่ได้แค่เดือนเดียวก็รีบร้อนจากไปทำธุระบางอย่าง แต่ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่ต้องกลับมาเยี่ยมข้าก่อนจะถึงวันนั้นแน่นอน…”
วาจาท้ายประโยคของหานเฉวี่ยไน่เบาลงจนแทบจะเป็นการกระซิบ
“ไปแล้วหรือ?”
พอได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีแล้วสองตาเฟิ่งเทียนหวู่ก็ส่องสว่างขึ้นมา แต่ทว่าพอพบว่าอีกฝ่ายเพียงอยู่ได้เดือนเดียวก็จากไป ก็ทำให้ใจของนางหมองลงทันที
เพราะนี่หมายความว่านางไม่อาจหาพี่ใหญ่ของนางพบอีกแล้ว…
“เฉวี่ยไน่ พี่ใหญ่ต้วนได้บอกท่านไว้หรือไม่ว่าเขาจะไปที่ใด?”
เฟิ่งเทียนหวู่มองสบตาหานเฉวี่ยไน่ ก่อนที่จะเปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามออกมาด้วยประกายตาวาดหวัง
“พี่ใหญ่มิได้บอกไว้…”
หานเฉวี่ยไน่ได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป
พอเห็นเช่นนี้ เฟิ่งเทียนหวู่ก็เผยความผิดหวังออกมาทันที
เพราะเบาะแสสุดท้ายของต้วนหลิงเทียนได้ขาดลงตรงนี้
จังหวะนี้เฟิ่งเทียนหวู่รู้สึกเคว้งคว้างล่องลอย ด้วยไม่รู้ว่าจะไปตามหาต้วนหลิงเทียนที่แห่งหนตำบลใด…
ด้วยคำเชิญของหานเฉวี่ยไน่ เฟิ่งเทียนหวู่จึงพักอยู่ในบ้านของนาง
ไม่ทันครบเดือน ข่าวเกี่ยวกับคนนอกที่มาเข้าพักบ้านหานเฉวี่ยไน่อีกครั้งก็ล่วงรู้มาถึงหูของหานซิ่น อาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจีอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเพราะเฟิ่งเทียนหวู่เป็นสตรี พวกมันเลยไม่ค่อยใส่ใจสักเท่าไร
แล้วกาลเวลาก็ล่วงเลยไหลไปดั่งสายน้ำอย่างเงียบงัน…
ภายในเขตคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง บทสนทนาเรื่องการประลองสุดยอดนักรบก็เรียกว่ามาถึงจุดสูงสุด และเพียงพริบตาเวลาที่เหลือก่อนการประลองจะเริ่มก็มีแค่เดือนกว่าๆเท่านั้น
ตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ผู้คนก็สนทนากันแต่เรื่องสุดยอดนักรบทั้ง 10 เท่านั้น
ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดก็ไม่พ้นคาดเดากันว่าผู้ใดจะได้อันดับที่เท่าใดในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง
เวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆนั้นไม่ได้สั้นหรือยาวอะไร
และอีก 1 เดือนหลังจากนี้สถานที่จัดการประลองสุดยอดนักรบ ก็จะจัดขึ้นที่หุบเขาอันกว้างใหญ่ที่มีชื่อเรียกว่า หุบเขาหลิงหลง ซึ่งเป็นสถานที่ๆเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและคึกคักไม่น้อย
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่มีสิทธิ์เข้าร่วมประลองสุดยอดนักรบ ก็ทยอยกันมาถึงเพื่อเตรียมความพร้อม
ตอนนี้สามารถพบเจอสุดยอดอัจฉริยะระดับแนวหน้าจากขุมพลังต่างๆได้ไม่ยาก เรียกว่านายน้อยสูงศักดิ์ วีรสตรีลือชื่อ ล้วนแห่กันมาอย่างคับคั่ง
ภายในหุบเขาหลิงหลงอันกว้างใหญ่ จึงเต็มไปด้วยภาพผู้คนมากมายบ่มเพาะพลังเพื่อเฝ้ารอเวลา บ้างก็บนยอดไม้ บ้างกลางอากาศ บ้างก็บนก้อนหิน ไอปราณแรกกำเนิดฟุ้งตลบไปทั่ว พลังวิญญาณฟ้าดินเองก็ไหลวนเวียนปานสายธารเชี่ยว
ดูแล้วเหมือนขอบเขตเซียนทั่วไปๆจะไม่นับเป็นตัวอะไรจริงๆ…
“คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาถึงแล้ว!”
สามวันก่อนที่การประลองเฟ้นหาสุดยอดนักรบจะเริ่มต้นขึ้น ก็มีใครบางคนตะโกนออกมา และสามารถเรียกร้องความสนใจจากผู้คนได้ในทันที
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็จะแลเห็นคนกลุ่มหนึ่งเหินร่างมาอย่างพร้อมพรั่ง แต่ละคนแลดูน่าเกรงขาม กลุ่มผู้คนที่ว่านำมาโดยชายชราหนึ่งคน พอมาถึงก็ยึดครองยอดเขาแห่งหนึ่งเป็นจุดรวมพลทันที ส่วนผู้ฝึกตนที่จับจองอยู่ก่อนก็จำต้องจรลีจากไปอย่างไม่อาจหืออือเพราะถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งซัดร่างปลิดปลิว!
ในเขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟาลิ่วล่อง ยังจะมีผู้ใดหาญกล้าหืออือ?
ดังนั้นแม้จะเผชิญหน้ากับการไล่ที่อย่างไร้แยแสจากคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ถึงแม้พวกมันจะมีโทสะแต่ก็ไม่กล้าเผยออก
“ชายชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นอาวุโสลำดับ 9 ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องใช่หรือไม่?”
“มิผิด! มันคืออาวุโส 9 ของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจริงๆ ข้าเคยพบเจอครั้งหนึ่ง…แต่ดูเหมือนด้านหลังจักเป็นเพียงศิษย์ทั่วไปในคฤหาสน์ ส่วนนายน้อยอย่างฉีจิ้งยังไม่เห็นเลย”
“จะว่าไปแล้วหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อก็ยังไม่มาเลยนี่นา”
“เหลืออีกตั้ง 3 วัน จะรีบร้อนทำอะไร…”
……
เสียงสนทนาเริ่มดังอื้ออึงขึ้นมาในหุบเขาหลิงหลงอีกครั้งทันที…