War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1686
ตอนที่ 1,686 : ฉีจิ้งมาถึงแล้ว!
อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวงจะเข้ามาหยุดมันเอาไว้ได้ทัน…
มันเชื่อว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวงสมควรเตรียมตัวไว้แต่แรก หาไม่แล้วคงไม่อาจลงมือได้ทันท่วงทีแบบนี้!
มาถึงจุดนี้ฉีเสิ่นอดไม่ได้ที่จะขบฟันดังกรอดๆ
มันเกลียดนัก!
เกลียดตัวเองที่ล้มเหลวในการฆ่าลี่เฟิง ไม่อาจล้างแค้นให้หลานชายของมันได้!
ในขณะเดียวกันทางด้านผู้ชมที่ตะลึง ทั้งบาดเจ็บไปเพราะการปะทุพลังลงมือในฉับพลันของฉีเสิ่นก็พากันคืนสติกลับมา…
“อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง กลับถือดีถึงเพียงนี้?”
สายตาอันเต็มไปด้วยความไม่พอใจจากทั่วทุกสารทิศสาดเทลงไปยังร่างของฉีเสิ่นอย่างพร้อมเพรียง ส่วนใหญ่จะเป็นคนจากขุมพลังอื่นและผู้ฝึกตนพเนจร
อย่างไรก็ตามยังมีบางคนจากคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มองมันด้วยใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย!
สุดท้ายแล้วกฏในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องมันก็เป็นอะไรที่ชัดเจนนักว่าไม่สนเป็นตาย!
หากกลัวตายหรือทนรับความสูญเสียไม่ได้ก็อย่ามาเข้าร่วมแต่แรก!
เมื่อเข้าร่วมแล้วหากสูญเสียก็ต้องรับให้ได้!
ทว่าอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกลับเป็นผู้ที่เมินเฉิยต่อกฏนี้เสียเอง พาลให้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายขายหน้าเพราะฉีเสิ่นเพิกเฉยต่อกฏ ทนรับความสูญเสียไม่ไหว!
“ในการประลองมีคนตกตายไปเท่าไหร่ ไม่เห็นฉีเสิ่นนั่นมันจะทำอะไร…มาตอนนี้พอหลานมันตายถึงกับกล้าลงมือลงไม้ไม่สนกฏ เฮอะ!”
หลายคนเริ่มหัวเราะเยาะออกมา
“นั่นสิ ทีตอนหลานมันฆ่าผู้ฝึกตนพเนจรอย่างเรา ข้าเห็นมันแสยะยิ้มหน้าระรื่นแลดูสมใจนักหนา ไม่เห็นจะมีทีท่าไม่พอใจที่หลานมันทำเกินไปสักนิด! มาตอนนี้พอถึงทีหลายมันตายโหง มันไม่แม้แต่จะคิดทบทวนอะไรด้วยซ้ำ กลับกล้าลงมือไม่สนกฏ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่ตัวอุบาทว์เห็นแต่คนของตัวมีค่าหาได้ให้ราคาชีวิตผู้อื่นไม่!!”
“อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องหรือ…ถุย!!”
“หากเรื่องงามหน้านี้แพร่ออกไป ครั้งนี้คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนับว่าเสียหน้าใหญ่แล้ว!”
……
หลายคนเริ่มพ่นคำออกมา ตอนนี้ไม่มีใครสนฐานะฉีเสิ่นสักนิด อยากด่าอยากถล่มอะไรก็พ่นออกมากันอย่างไม่เกรงใจ
เพราะการประทำของฉีเสิ่น นับว่ายั่วโทสะมวลชนเข้าแล้วจริงๆ
“อาวุโสฉีเสิ่นในฐานะอาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…ท่านคิดว่าเรื่องนี้ท่านจะจัดการอย่างไร?”
เริ่นจงมองฉีเสิ่น กล่าวออกเสียงเรียบ
แม้น้ำเสียงจะเรียบเฉย หากแต่แววตากลับเย็นชาปานจะแช่ร่างผู้คน ทำราวกับหากคำตอบของฉีเสิ่นไม่ทำให้มันพอใจ เดี๋ยวได้เห็นดีกันแน่!
“อาวุโสเสิ่น ข้าเห็นด้วยกับรองผู้นำเริ่น”
หลิวหงกวงเองก็มองจ้องฉีเสิ่นด้วยสายตาดุร้ายเขม็ง นี่เป็นโอกาสสร้างความประทับใจให้ต้วนหลิงเทียน มันก็เตรียมพร้อมจัดเต็มเช่นกัน!
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ทั้งหมดเป็นฉีเสิ่นผิดเอง!!
เมื่อเห็นว่าทั้งเริ่นจงและหลิวหงกวงตั้งแง่หาความ ลูกตาฉีเสิ่นพลันเผยประกายวูบวาบออกมาด้วยโทสะ..
อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าครั้งนี้มันผิด มันจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพักหนึ่งเพื่อสงบอารมณ์ พยายามระงับโทสะและความเกลียดชังในใจ ค่อยประสานมือทั้งโค้งขอขมาต่อเริ่นจงและหลิวหงกวง “รองผู้นำเริ่น อาวุโสหลิว เพราะหลานชายคนเดียวของข้าตายจึงทำให้ข้าขาดสติ ถูกอารมร์ครอบงำไปชั่ววูบ…ตอนนี้พอย้อนมองดูแล้วนับว่าข้ากระทำตัวมิเหมาะสมจริงๆ”
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อลี่เฟิงเองก็มิได้เป็นอันใด…เช่นนั้นเรื่องนี้ให้มันแล้วกันไปดีหรือไม่?”
กล่าวถึงท้ายประโยค เสียงฉีเสิ่นนับว่าเข้มนัก
จังหวะนี้มันไร้หนทางเลือกอื่นนอกจากกล่าวไปแบบนั้น
“ฮ่าๆๆๆ…”
เริ่นจงกับหลิวหงกวงยังไม่ทันตอบสนองอะไร เป็นต้วนหลิงเทียนที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ยังหัวเราะหนักถึงขั้นน้ำคาไหล “ข้าไม่เป็นอะไร เลยให้แล้วกันไป? ตรรกะวิบัติอันบัดซบนัก! ถ้าไม่ใช่เพราะรองผู้นำเริ่นกับอาวุโสหลิวยื่นมือเข้าช่วยข้า เกรงว่าป่านนี้ข้าคงตายเป็นผีคามือเจ้าไปแล้วมั้ง ฉีเสิ่น!!”
“แล้วนี่แค่เจ้ายอมรับความผิด แล้วจะให้ทุกคนเลิกสนใจเรื่องที่เจ้าทำผิดงั้นเหรอ?”
วาจาประโยคท้าย สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังเผยความจริงจังเอาเรื่องออกมา “ใต้หล้ามีเหตุผลอุบาทว์พรรค์นี้ด้วย?”
“ไอ้หนู หากเจ้ายังไม่อยากตายก็หุบปากไปเสีย!!”
ทันใดนั้น หูของต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปทันใด เป็นเสียงตะโกนผสานปราณแรกกำเนิดของฉีเสิ่นที่ส่งมา! น้ำเสียงยังไม่ขาดการคุกคามข่มขู่แม้แต่น้อย!!
“ปัญญาอ่อน!”
ได้ยินเสียงที่ส่งมาของฉีเสิ่น ต้วนหลิงเทียนพลันด่ามันออกมาตรงๆ “กระทั่งตอนนี้เจ้ายังกล้าส่งเสียงมาขู่ข้าอีกงั้นเหรอ อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องช่างใหญ่โตนัก!!”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา ไม่เพียงแต่สีหน้าเริ่นจงกับหลิวหงกวงจะกลายเป็นอัปลักษณ์ กระทั่งผู้ชมยังลุกฮือขึ้นมา
นอกจากคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว ตอนนี้คนอื่นๆต่างมองฉีเสิ่นด้วยสายตาเย็นชาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดการรังแกกันขึ้น โดยมากแล้วผู้คนมักจะเห็นใจและเข้าข้างผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างไม่รู้ตัว และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนผู้อ่อนแอที่ว่า…
“อาวุโสเสิ่นขอขมาน้องชายลี่เฟิงและตัดแขนข้างหนึ่งของตัวเองออกเสีย…หาไม่แล้วพวกเราจะลงมือเอง อีกทั้งยังจะตัดสิทธิ์คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจากการประลองยอดนักรบครั้งนี้หากท่านไม่ขอขมาน้องชายลี่เฟิง!!”
หลิวหงกวงพลันก้าวไปข้างหน้าและกล่าวกับฉีเสิ่นอย่างไม่เกรงใจ
นี่คือผลของการหารือกับเริ่นตง
ขณะเดียวกันทางด่านเริ่นจงก็ลอบสังเกตท่าทีของต้วนหลิงเทียน พอเห็นว่าเขามีสีหน้าผ่อนคลายลง มันก็สัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนพึงพอใจกับการตัดสินครั้งนี้ ทำให้มันโล่งใจไม่น้อย
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลิวหงกวงพูด หน้าฉีเสิ่นก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
หากเริ่นจงกับหลิวหงกวงกลุ้มรุมมันเพื่อตัดแขนจริงๆ สมควรง่ายดายนัก…
ต่อให้มันคิดหนีก็หนีไม่พ้น!
“พวกท่านทั้ง 2 มิคิดว่าจะทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตเกินไปหน่อยหรือไง?”
ฉีเสิ่นกล่าวถามออกมาเสียงเย็น
หากแต่เริ่นจงกับหลิวหงกวงไม่คิดต่อรองอะไรกับมันอีก เพียงมองมันอย่างเย็นชา
เห็นเช่นนี้ฉีเสิ่นก็รู้ดี ว่าแขนหนึ่งข้างของมันยากจะรักษาไว้ได้แล้ว
จังหวะนี้ฉีเสิ่นรู้สึกอับอายนัก หากแต่มันไม่มีทางเลือกอื่น
“พวกเจ้าทั้ง 2 เรื่องนี้ข้าฉีเสิ่นจักจำเอาไว้!”
ฉีเสิ่นมองเริ่นจงกับหลิวหงกวด้วยสายตาอาฆาต เมื่อรู้ดีว่าแขนข้างหนึ่งยากรักษามันก็กล่าวออกมาเสียงเย็น “ข้าตัดแขนตัวเองข้างหนึ่งได้ แต่ให้ข้าขอขมาต่อมัน เป็นไปไม่ได้!!”
หลังกล่าวจบคำ ฉีเสิ่นก็ยกมือขวาขึ้นมาเรียงนิ้วติดชิดปานมือดาบ ก่อนจะสะบัดตัดแขนซ้ายตัวเองทิ้งทันที!
หลังจากที่มันตัดแขนซ้ายตัวเอง มันก็พุ่งมือขวาออกไปหมายเก็บแขนซ้ายกลับมา ทว่าตอนนี้เองเริ่นจงกับหลิวหงกวงพลันพุ่งร่างออกมาลงมืออย่างพร้อมเพรียง!!
เริ่นจงซัดพลังไร้สภาพขุมหนึ่งผนึกสะกดร่างฉีเสิ่นเอาไว้ให้ชะงักไปเสียจังหวะ
ส่วนหลิวหงกวงอาศัยจังหวะที่ฉีเสิ่นชะงักไปในชั่วพริบตาหนึ่งนี้ จี้ดัชนีออกด้วย 2 นิ้ว ทามกลางความว่างพลันผุดโผล่ดาบพลังมีสภาพสีครามพุ่งวาบตัดฟ้าไปปานลำแสง…ป่นทำลายแขนซ้ายที่ขาดออกจากร่างฉีเสิ่นจนแหลกเป็นชิ้นๆ คงเหลือแต่เพียงละอองโลหิต! แขนซ้ายฉีเสิ่นอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์…!!
“พวกเจ้า..”
พริบตาทั้งสองคนก็ถอยกลับมาลอยร่างบังขวางต้วนหลิงเทียนเหมือนเดิม เรียกว่าทั้งคู่ไม่เหลือโอกาสให้มันเก็บแขนกลับไปต่อ สีหน้าของฉีเสิ่นเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที
มันไม่คิดเลยว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวงจะรวมหัวกันเล่นงานมันแบบนี้!
ต้องทราบด้วยว่าที่มันคิดตัดแขนซ้ายของตัวเองออก เพราะคิดว่าจะอย่างไรก็สามารถต่อกลับได้ แม้จะใช้เวลาไปบ้างกว่าจะหายดีก็ตาม
แน่นอนว่าจะต่อแขนซ้ายได้ ก็ต้องมีแขนซ้ายให้ต่อ!
ทว่าตอนนี้แขนซ้ายของมันกลับถูกหลิวหงกวงทำลายเป็นผุยผง! นั่นหมายความว่าหลังจากนี้ชั่วชีวิตมันจะเหลือแขนแค่ข้างเดียวเท่านั้น!!
เรื่องนี้จะไม่ทำให้มันไม่โกรธได้อย่างไรไหว!
เมื่อเห็นแขนซ้ายของฉีเสิ่นถูกทำลาย ผู้ชมที่อยู่ในงานประลองไม่เพียงแต่จะไม่เห็นใจ ยังสมน้ำหน้ามันด้วยความสาสมใจอีกด้วย เพราะรู้สึกว่ามันสมควรโดนแบบนี้แล้ว!
เมื่อเห็นแบบนี้ต้วนหลิงเทียนก็สะใจเช่นกัน
“อาวุโสฉีเสิ่นท่านแน่ใจงั้นหรือว่าต้องการให้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเสียสิทธิ์ในการเข้าประลองจริงๆ? หากท่านไม่เต็มใจขอขมาสหายน้อยลี่เฟิง ท่านสมควรรู้ดีว่าในฐานะผู้จัดการประลองของข้ากับน้องหลิว ผู้คนทั้งหมดต้องยอมรับคำตัดสินของข้าและน้องหลิว! และข้ากับน้องหลิวก็มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสิทธิ์คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!!”
เริ่นจงเหลือบมองฉีเสิ่น กล่าวออกเสียงเย็น
“เหอะ!”
หลังได้ยินวาจานี้ของเริ่นจง ฉีเสิ่นก็หันไปมองจ้าวเวทีอีก 9 คนนอกจากต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะหันไปมองคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…สุดท้ายมันก็แค่นคำออกมาคำหนึ่ง ค่อยลอยร่างขึ้นฟ้าพร้อมหันไปกล่าวกับคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง “ไปกับข้า!”
ทันทีที่กล่าวจบคำ มันก็หันมาต้วนหลิงเทียนตาขวางด้วยความอาฆาต จากนั้นก็เตรียมพร้อมจากไป
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทว่าทันใดนั้นเองเรื่องราวในกระดานหมากหลิงหลงพลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลง เมฆครามบนฟ้าก้อนหนึ่งพลันสั่นไหวเป็นดั่งระลอกน้ำ ก่อนที่จะปรากฏร่าง 2 ร่างผุดโผล่ออกมาจากก้อนเมฆที่ว่าให้เห็น
เป็นร่างชายหนุ่ม 2 คน หนึ่งยืนตระหง่านกลางหาวด้านหน้าอีกหนึ่งหลังค่อมยืนอยู่ด้านหลัง
ชายหนุ่มที่ยืนตระหง่านนำหน้า…มาในชุดคลุมสีน้ำเงินใบหน้าแลดูชั่วร้าย เพียงลอยร่างเฉยๆ ก็เผยให้เห็นเจตนาฆ่าฟันที่คุกรุ่น!
ส่วนด้านหลังของมันเป็นชายหนุ่มหลังค่อม เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นข้ารับใช้ที่ติดตามมาของมัน
การปรากฏตัวของทั้งคู่ นับว่าดึงดูดความสนใจของผู้คนในกระดานหมากหลิงหลงไม่น้อย
“นายน้อยคฤหาสน์!”
ทันใดนั้นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ร้องทักออกมาเสียงดัง สองตายังลุกวาวสว่าง
“เจ้านั่นเหรอ ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?”
ตอนนี้เองทุกสายตาก็หันไปมองร่างชายหนุ่มผู้มาใหม่ด้วยความสนใจทันที สีหน้ายังเผยความแปลกใจกันไม่น้อย
ชายหนุ่มผู้นี้น่ะหรือ นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิ้ง?
เมื่อเห็นฉีจิ้งปรากฏตัวออกมา ฉีเสิ่นไม่เพียงแต่จะไม่มีความสุข สีหน้ามันยังมืดลงทันที!
เหตุผลที่มันปฏิเสธขอขมาต้วนหลิงเทียน เพราะมันไม่อยากขอขมาคนที่ฆ่าหลานชายคนเดียวของมัน และเมื่อไร้หลานชายของมันไป คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่เหลือก็ยากจะติดอันดับอะไรได้แล้ว..
เพราะ 3 คนที่มีโอกาสติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง รวมถึงหลานชายมัน…ล้วนตกตายหมดสิ้น!
ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้สึกว่าไม่ได้ต่างอะไรกับการถูกตัดสิทธิ์แม้แต่น้อย เพราะอย่างไรคนของมันก็ไร้ความหวังในอันดับ
แน่นอนว่ามันไม่เคยนึกถึงนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้งมาก่อนเลย
เพราะในสายตาของมัน แม้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะมหาศาล แต่พลังฝีมืออีกฝ่ายก็ไม่อาจเทียบได้กับหลานชายของมันอย่างฉีค่าน
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อหลานชายของมันตกตายไปแล้วแบบนี้ มันก็ไม่อยากเห็นฉีจิ้งติดอันดับในรายนามยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่าวันหน้า ฉีจิ้ง จะได้เป็นผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคนต่อไปโดยปริยาย! ซึ่งไม่ใช่อะไรที่มันอยากเห็น…
ในเมื่อหลานชายของมันตกตายและไร้โอกาสเป็นผู้นำ มันก็ไม่อยากให้ฉีจิ้งเป็นผู้นำ!
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่สนใจว่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่!
อย่างไรก็ตามฉีเสิ่นคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอยู่ๆนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้งจะปรากฏตัวขึ้นมาในขณะที่มันกำลังจะพาคนกลับไปพอดี…
เมื่อฉีจิ้งมาถึงแล้ว นั่นหมายความว่าสิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องราวไม่ได้เป็นของมันอีกต่อไป
‘เจ้านั่นน่ะเหรอ นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิ้ง?’
เมื่อได้ยินเสียงจากโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองชายหนุ่มที่แลดูชั่วร้ายทันที ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเป้าหมายของเขา ฉีจิ้ง!