War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1700
ตอนที่ 1,700 : ฉีจิ้งยังไม่ตาย?
ไม่มีใครคิดฝัน ว่าทันทีที่ลี่เฟิงเหินร่างจากไป เริ่นจงจะประกาศให้เขาเป็นอันดับที่ 1 ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเสียอย่างนั้น
ทว่าทุกผู้คนพอได้คิดก็ล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ลี่เฟิงฆ่าเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดอย่างฉีจิ้งได้เลย ลำพังแค่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดก็มากพอให้อีกฝ่ายได้อันดับ 1 โดยไม่ต้องลงประลองแล้ว!
เพราะหลังจากนี้ ใครที่ต้องขึ้นไปประลองกับลี่เฟิงตอนจัดอันดับ ก็คงทำได้แค่กล่าวยอมแพ้…เพราะขืนคิดสู้แล้วลี่เฟิงเกิดรำคาญอยากให้จบไวๆขึ้นมา ตบฟาดมาสักเปรี้ยงพวกมันไม่เดี้ยงหรือ?
เช่นนั้นต่อให้ลี่เฟิงไม่จากไปและอยู่ขึ้นประลอง ผลลัพธ์ก็คือทุกคนต้องกล่าวยอมแพ้ อีกอย่างพวกมันยังจำเรื่องบางประการฝังใจอีกด้วย…
ทุกคนที่สู้กับลี่เฟิง…ล้วนตายหมดไม่มีเหลือ!
อัจฉริยะของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตายไปถึง 3!
ถึงแม้พวกมันจะไม่รู้ว่าลี่เฟิงคิดฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างเดียว หรือคิดจะฆ่าคนที่ประลองด้วยทั้งหมด! แต่พวกมันก็ไม่มีใครคิดจะเสี่ยง! เพราะหากพลาดพลั้งไปก็คือตายสถานเดียว!!
คนเราก็มีเพียงหนึ่งชีวิต
ตายแล้วก็จบสิ้นกัน ไม่เหลืออะไร
“รองผู้นำคฤหาสน์เริ่น อาวุโสหลิว…พวกท่านจักไม่กระทำเกินไปหน่อยหรือ ไฉนมิสนกฏและให้สิทธิพิเศษลี่เฟิงถึงขนาดนี้?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจากไปแบบนี้ แต่มันกลับโดนเริ่นจงกับหลิวหงกวงขัดขวางเอาไว้ไม่ให้ติดตามไปไหนได้ ฉีเสิ่นพลันกล่าวออกด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าต่อให้ลี่เฟิงยังอยู่ แต่อย่างไรก็ต้องได้อันดับ 1..
อย่างไรก็ตามพอคิดว่าลี่เฟิงไม่ต้องเสียเวลาประลอง กระทั่งจากไปแล้วแบบนี้ก็ยังได้อันดับ 1 ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องมาครอง ใจมันก็รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง!
“ไม่สนกฏ ให้สิทธิพิเศษ?”
ได้ฟังวาจาดังกล่าวเริ่นจงพลันกล่าวเย้ยเยาะออกมา “อาวุโสฉีเสิ่น ดูเหมือนว่าเรื่องพวกนี้ท่านจะไม่มีคุณสมบัติมากพอจะกล่าวนะ”
สีหน้าฉีเสิ่นถมึงทึงขึ้นมาทันใด และตอนนั้นเองพลันมีคนก้าวออกมาท้าทายคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ที่ขึ้นไปท้าตำแหน่งจ้าวเวทีกับฉีจิ้งก่อนหน้า จนเอาชนะและแทนที่ได้สำเร็จ ทำให้เริ่นจงเลิกสนใจฉีเสิ่น
“ตอนนี้ในบรรดาจ้าวเวทีทั้ง 9 ยังมีผู้ใดไม่เห็นด้วยเรื่องที่ลี่เฟิงจักได้รับอันดับ 1 ในการประลองหรือไม่? หากพวกเจ้าไม่เห็นด้วยพวกเจ้าสามารถมาที่คฤหาสน์ข้ามฟ้าของพวกเราและท้าประลองลี่เฟิงได้!”
เริ่นจงว่ายตามองจ้าวเวทีทั้ง 9 ค่อยกล่าวออกเสียงดังฟังชัด
ได้ยินคำนี้ของเริ่นจง หลิวหงกวงรู้สึกแหม่งๆทันใด
ไปท้าทายลี่เฟิงที่คฤหาสน์ข้ามฟ้าของพวกเจ้า…นั่นหมายความว่าอะไรกัน?
บัดซบ! นี่เจ้าจะกล่าวบอกว่าลี่เฟิงตกลงเข้าร่วมกับคฤหาสน์ข้ามฟ้าของเจ้าแล้วรึไง?
ทันใดนั้นหลิวหงกวงพลันกล่าวออกมาเสียงเรียบ “ถูกแล้ว ถ้าหากพวกเจ้ามีใครไม่พอใจเรื่องที่ลี่เฟิงได้รับอันดับ 1 สามารถมาท้าทายลี่เฟิงได้ที่คฤหาสน์คลื่นคลั่งของข้า!”
เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน เริ่นจงกล่าวอะไร หลิวหงกวงก็เอาบ้าง! แน่นอนว่าคำถามพวกนี้ทำให้จ้าวเวทีทั้ง 9 มองทั้งคู่สลับไปมาตาปริบๆ…
ล้อกันเล่นหรือไร?
พลังฝีมือลี่เฟิงเป็นอย่างไรทุกผู้คนล้วนกระจ่างชัดนัก! สู้กับลี่เฟิงหรือ…รนหาที่ตายชัดๆ!
“อาตมามิมีใดขัดข้อง!”
ครู่ต่อมาเป็นหลวงจีนเนื้อสุราที่ให้คำตอบเป็นคนแรก
เนื่องจากการตายของหลวงจีนลายบุปผา สีหน้าอารมณ์ของหลวงจีนเนื้อสุรายังคงหมองซึมนัก เศร้าโศกกับการจากไปไม่หาย
มันเป็นลูกคนเดียวจึงไม่เคยมีน้องชายมาก่อน เช่นนั้นจึงเห็นหลวงจีนลายบุปผาเสมือนน้องชายแท้ๆมาโดยตลอด
น้องของมันตกตายทั้งคน ย่อมโศกเศร้าทั้งคับแค้นเป็นธรรมดา
ตอนนี้เมื่อลี่เฟิงฆ่าฉีจิ้ง ก็เสมือนล้างแค้นให้หลวงจีนลายบุปผา แน่นอนว่ามันย่อมไม่คิดสร้างความลำบากให้ลี่เฟิง
เมื่อมีหลวงจีนเนื้อสุราเปิด ย่อมมีผู้ตาม และอวี้ชวีจื่อกับหยินชวีจื่อของศาลเจ้าชุนหยางก็ให้คำตอบมาตามๆกัน
ครู่ต่อมาผู้ฝึกตนพเนจรก็กล่าวตอบออกมาเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่ล้วนเห็นด้วย ที่เหลือก็ย่อมเห็นด้วยเป็นธรรมดา สุดท้ายลี่เฟิงจึงได้เป็นอันดับ 1 ในรายนามยอดนภาโดยไร้ข้อกังขา
“เช่นนั้นอันดับ 1 ในการประลองัจดอันดับฟ้าลิ่วล่องคราวนี้ ก็คือลี่เฟิง! การจัดอันดับที่เหลือจะเริ่มในวันพรุ่งนี้…วันนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้ แยกย้ายไปพักได้”
พอเริ่นจงกล่าวจบคำ มันก็ลงมือพร้อมหลิวหงกวง สลายค่ายกลหลิงหลง ทำให้ฉากกระดานหมากหลิงหลงหายไป
พริบตาทุกคนก็มาอยู่ในหุบเขาหลิงหลงอีกครั้ง
และหลังจากที่เวลาผ่านไปเค่อนึงตามที่บอกแล้ว เริ่นจงกับหลิวหงกวงก็ไม่คิดจะขวางคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฉีเสิ่นจะจากไป มันอดส่งเสียงไปถึงเริ่นจงกับหลิวหงกวงอีกครั้งไม่ได้…มันยื่นข้อเสนอว่าจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้แลกกับที่อยู่ของลี่เฟิง!
ที่มันอยากจะสื่อก็คือ อย่างไรในที่นี้ก็มีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จะได้ตัวลี่เฟิงไป และมันก็ยินดียื่นผลประโยชน์ให้ผู้ใดก็ตาม ที่บอกกล่าวที่อยู่ของลี่เฟิงมาเท่านั้น…
น่าเสียดายที่ทั้งเริ่นจงและหลิวหงกวงไม่มีใครสนใจมัน
ผลประโยชน์?
อย่างฉีเสิ่นจะมอบอะไรให้พวกมันได้บ้าง?
นอกจากนี้ที่มันมอบให้จะเทียบกับอัจฉริยะอย่างลี่เฟิงได้หรือ?
เมื่อเห็นว่าเริ่นจงกับหลิวหงกวง ไม่แม้แต่จะสนใจตอบด้วยซ้ำ สีหน้าฉีเสิ่นก็บิดเบี้ยวไปทันใด สุดท้ายมันก็ได้แค่กัดฟันกรอดๆด้วยโทสะ ก่อนที่จะพาคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจากไป
ในขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างมาถึงหุบเขาที่อยู่ทางทิศตะวันตก 100 ลี้จากหุบเขาหลิงหลงเรียบร้อยแล้ว
…
“จริงสินี่เจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือไม่? ดูเหมือนปีนี้ ตำหนักฟ้าลี้ลับได้ทำการหาสุดยอดอัจฉริยะขอบเขตเซียนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปีไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…เพราะเห็นว่าอีก 1 ปีหลังจากนี้แดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับจะเปิดออก”
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ต้วนหลิงเทียนที่ปกปิดกลิ่นอายและพร่างตัวอยู่บนต้นสนสูงต้นหนึ่งพลันได้ยินเสียงแว่วมาตามสายลม
พอเปิดใช้เนตรพิสดาร เขาก็มองฝ่าความมืดในหุบเขาไปจนเห็นว่ามีร่างชาย 2 คนกำลังเดินทางผ่านมา
“เรื่องนี้ข้าได้ยินแล้ว! ไม่ใช่แค่ตำหนักฟ้าลี้ลับหรอก ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหมด เห็นว่ากำลังรับสมัครอัจฉริยะกันให้วุ่น และต้องการเพียงแค่ผู้ที่บรรลุขอบเขตเซียนโดยมีอายุไม่ถึง 40 ปีเท่านั้น…หากพวกเรามีโอกาส กระทั่งผ่านการทดสอบนั่นและได้เข้าไป ‘แดนลับเซียน’ ล่ะก็ อย่าว่าแต่วาสนาใหญ่โตอะไร…แค่วาสนาเล็กๆ ความแข็งแกร่งพวกเราต้องก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดแน่!”
เสียงของชายอีกคนกล่าวตอบ
หลังผ่านไปสักพักเสียงพวกมันก็ค่อยๆจางหายไป เพราะร่างเหินผ่านไปไกลแล้ว
“ขุมพลังกึ่งชั้น 3? ตำหนักฟ้าลี้ลับ?”
“เฟ้นหาอัจฉริยะอายุน้อยกว่า 40?”
“เพียงบรรลุขอบเขตเซียน?”
ต้วนหลิงเทียนที่เอนหลังบนกิ่งสน สภาวะคนกลมกลืนไปกับความมืดโดยรอบ พลันเผยประกายแสงสว่างโรจน์ขึ้นมาในแววตาทันที
ตอนแรกเขาคิดว่าจะเข้าร่วมคฤหาสน์ข้ามฟ้าหรือไม่ก็คฤหาสน์คลื่นคลั่ง
เพื่อใช้ขุมพลังชั้น 4 อย่างพวกมันเป็นดั่ง ‘แท่นกระโดด’ ให้บรรลุขอบเขตพลังที่สูงขึ้น เป็นการเตรียมตัวจะขึ้นสู่ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไปค้นหาคู่หมั้นอย่างเค่อเอ๋อ!
กระทั่งยังหมายอาศัยอำนาจของขุมพลังชั้น 4 เพื่อตามหาบิดาไม่เอาไหนอีกด้วย!
ทว่าตอนนี้พอมาได้ยินว่าตำหนักฟ้าลี้ลับอันเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 กำลังเฟ้นหาอัจฉริยะที่บรรลุขอบเขตเซียนก่อนอายุ 40 ปีเข้าร่วมขุมพลัง ใจเขาก็มีประกายความคิดหนึ่งจุดขึ้นทันที
หากเทียบกับขุมพลังชั้น 4 แล้ว ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ย่อมเป็น ‘แท่นกระโดด’ ที่ยอดเยี่ยมกว่าแน่นอน
นอกจากนี้เขายังบังเกิดความสงสัยเรื่อง ‘แดนลับเซียน’ อะไรที่ว่านั่นด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินเรื่องนี้
‘แบบนี้ข้าก็คงได้แต่ทำให้รองผู้นำเริ่นกับอาวุโสหลิวผิดหวังแล้วสิ…ยังดีที่ข้าไม่ได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา จึงไม่ต้องห่วงว่าทั้งคู่จะมีโมโหไล่ฆ่าหรือไม่ เพราะยังไงลี่เฟิงก็เป็นตัวตนปลอมที่ข้าสร้างขึ้นเท่านั้น…’
พอตัดสินใจได้ต้วนหลิงเทียนก็พุ่งร่างออกจากหุบเขาแห่งนี้ทันที ร่างพุ่งทะยานแหวกฝ่าความมืดกลางรัตติกาลหายลับฟ้าไปอย่างเงียบงัน
ด้านเริ่นจงกับหลิวหงกวงก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้เลือกจากไปดั่งนกหลุดกรงเสียแล้ว…
กระทั่งตอนนี้พวกมันยังตื่นเต้นไม่หาย เอาแต่คิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจบการประลองไม่หยุด
เพราะทันทีที่จบการประลอง พวกมันจะไปพบกับลี่เฟิ่ง เพื่อรับฟังว่าอีกฝ่ายจะเข้าร่วมขุมพลังใดกันแน่!
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลย
แต่ถึงรู้เขาก็เลือกจากไปอยู่ดี
เพราะไม่ว่าจะเป็นเริ่นจงหรือหลิวหงกวง ที่อีกฝ่ายปกป้องเขาขนาดนี้ในการประลองล้วนเป็นเพราะพรสวรรค์ของเขา รวมถึงเป็นหน้าที่ๆพวกมันต้องกระทำอยู่แล้ว
หาไม่แล้วทั้งคู่คงไม่สนใจเขาเลย
ตอนนี้เมื่อมีทางเลือกที่ดีกว่า เขาก็ไม่คิดจะสนใจคฤหาสน์ข้ามฟ้าหรือคฤหาสน์คลื่นคลั่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะรู้ดีแก่ใจ ว่าการที่ทั้งคู่ปกป้องเขาในการประลอง ล้วนเป็นหน้าที่ๆต้องกระทำ! แต่อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกติดค้างทั้งคู่อยู่บ้าง ‘รองผู้นำเริ่นอาวุโสหลิว สักวันข้าจะตอบแทนพวกท่านแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนไม่ชอบติดค้างใคร
หลังออกจากหุบเขาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์คลื่นขจีทันที
ด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของเขา หากเขาคิดจะปกปิดร่องรอย ก็ยากนักที่ใครในคฤหาสน์คลื่นขจีจะค้นพบตัวตนของเขา เว้นเสียแต่จะเป็นตัวตนในขอบเขตพลังอริยะเซียน!
ถึงแม้พลังฝึกปรือเขาจะมีแค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง แต่พลังฝีมือก็เทียบได้กับเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว!
แต่แน่นอนเขาไม่จำเป็นต้องปกปิดร่องรอย
เพราะสุดท้ายแล้วเขาไม่เพียงแต่จะรู้จักคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจีอย่างหานเฉวี่ยไน่ เขายังรู้จักผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีอย่างหานเจิ้งเทียน…
ตอนแรกเขาเลือกจะไปเจอหานเฉวี่ยไน่ก่อนเพื่อทำให้นางประหลาดใจ!
อย่างไรก็ตามพอคิดไปคิดมา ต้วนหลิงเทียนก็เลือกไปพบกับหานเจิ้งเทียนก่อน เพราะลุงหานสมควรกังวลถึงเรื่องนี้มากกว่าใคร ขืนชักช้าอีกฝ่ายทนไม่ไหวออกเดินทางไปหมายฆ่าฉีจิ้งขึ้นมา จะวุ่นวายเสียเปล่าๆ…
เมื่อมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนก็แค่ยกเลิกการปกปิดกลิ่นอายพลังเท่านั้น
ไม่นานเขาก็ถูกค้นพบ
หลังจากที่เปลี่ยนไปใช้ใบหน้าเย็นชาในฐานะ หลิงเทียน แล้ว… หน่วยลาดตระเวนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็พอจดจำเขาได้และไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เขา
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เข้าพบหานเจิ้งเทียนได้ไม่ยาก
“เทียนน้อยเจ้ากลับมาแล้ว…ตกลงผลเป็นเช่นไร?”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมา หานเจิ้งเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความร้อนใจ
เพราะจากที่มันนับวัน ตอนนี้การประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องสมควรจบลงแล้ว และต้วนหลิงเทียนก็กลับมาถึงในเวลาประจวบเหมาะพอดี เห็นชัดว่าต้องกลับมาจากการประลองจัดอันดับยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องแน่ๆ!
“ทั้งหมดราบรื่นเรียบร้อยดีลุงหาน..ท่านไม่ต้องห่วงอีกต่อไป”
หากเป็นหานเฉวี่ยไน่ต้วนหลิงเทียนอาจจะล้อเล่นหยอกนางเล็กน้อย แต่กับหานเจิ้งเทียนย่อมไม่เหมาะให้ต้วนหลิงเทียนล้อเล่นอะไรแบบนั้น
“สหายของเจ้าฆ่าฉีจิ้งไปแล้ว?”
หานเจิ้งเทียนเผยความยินดีออกหน้าออกตาทันที แต่ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามยืนยัน
ตอนแรกที่ต้วนหลิงเทียนจากไป เขาบอกหานเจิ้งเทียนไปว่า เขาจะไปไหว้วานสหายจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ให้ลงมือช่วยเหลือเรื่องนี้ โดยการฆ่าฉีจิ้งนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลอง..
ดังนั้นหานเจิ้งเทียนจึงไม่รู้เลยว่าทั้งหมดเป็นต้วนหลิงเทียนลงมือลำพัง
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ แม้เรื่องนี้จะเป็นผลงานเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะบอกเล่าอะไรออกไป เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น
“เทียนน้อย! ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!!”
แน่นอนว่าหานเจิ้งเทียนย่อมไม่สงสัยคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นเต้น มันก็เร่งโค้งคารวะขอบคุณต้วนหลิงเทียนทันที และนั่นทำให้ต้วนหลิงเทียนหน้าเสีย เร่งใช้พลังประคองอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างตกใจ “ท่านลุงหานอย่าทำเช่นนี้เลย ท่านเป็นบิดาของเฉวี่ยไน่ก็เหมือนผู้หลักผู้ใหญ่ของข้า อย่าได้เกรงใจแล้ว”
หานเจิ้งเทียนพอได้ยินก็ยิ้มร่า พยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ ตอนนี้มันดีใจนัก ยังระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
พอเห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดี และท่าทางจะเตรียมหยิบสุราออกมาดื่มฉลองต้วนหลิงเทียนก็ขอตัวลาไปหาหานเฉวี่ยไน่ทันที
ในขณะที่เดินไปตามถนนของคฤหาสน์คลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนที่ว่างๆก็หยิบแหวนพื้นที่ของ ฉีจิ้ง ออกมา
ทว่าในขณะที่เขาหยดเลือดลงไปหมายผูกพันธะโลหิตครองแหวน เขาก็พบว่าไม่อาจผูกพันธะได้
และเรื่องนี้หมายความว่าอะไร ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดี!
‘นี่มันอะไรกันแน่!? ฉีจิ้งมันยังไม่ตายงั้นเหรอ!?’
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปมหันต์!