War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1756
ตอนที่ 1,756 : กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็มองพินิจกู่ลี่โดยละเอียด
กู่ลี่นั้น เป็นชายหนุ่มร่างกำยำสมส่วนสูงหนึ่งหมี่เก้า(190 เซนติเมตร) มาในชุดคลุมรัดรูปเผยให้เห็นมัดกล้ามอันสมบูรณ์ได้รูปชัดตา ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งทรงพลัง
นอกจากนี้ใบหน้าของกู่ลี่แม้ไม่ได้หล่อเหลาแบบต้วนหลิงเทียน หากแต่คมเข้มมีเสน่ห์ดิบเถื่อนของบุรุษ เรื่องนี้สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาอันเต็มไปด้วยความหลงใหลของเหล่าศิษย์สตรีที่จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตั้งแต่ปรากฏตัว!
‘อันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ? อายุแค่ 50 ต้นๆบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด?’
ด้วยเสียงกระซิบสนทนาโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนย่อมเก็บข้อมูลของกู่ลี่ได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตามที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจคือภูมิหลังอีกฝ่าย..
‘ลูกชายคนเดียวของอาวุโสผู้พิทักษ์?’
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าไม่เพียงแต่พลังฝีมือของกู่ลี่จะแข็งแกร่ง หากแต่ฐานะยังไม่ใช่ธรรมดา! เพราะเป็นบุตรชายคนเดียวของ 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ตำหนักฟ้าลี้ลับ!!
อาวุโสผู้พิทักษ์ทั้ง 2 นั้นเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ได้รับความเคารพจากคนของตำหนักฟ้าลี้ลับอย่างสูง พลังฝีมือเรียกว่าเป็นรองก็แต่จ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับคนเดียวเท่านั้น
ภูมิหลังนี้แม้อาจเทียบกับจ้าวจี้ไม่ได้ แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มาก
เพราะสุดท้ายแล้วจ้าวจี้ยังมีบิดาเป็นรองจ้าวตำหนักอีกคน!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าที่ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับให้ความเคารพกู่ลี่นั้นไม่ใช่เพราะภูมิหลังอีกฝ่ายอย่างเดียว ยังเป็นเพราะพลังฝีมือส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น!
จ้าวจี้มีภูมิหลังเหนือกู่ลี่แล้วอย่างไร มีใครเคารพมันบ้าง?
“ศิษย์พี่ใหญ่…ท่านรู้จักหลิงเทียนด้วยหรือ?”
จ้าวไป๋ฉวี่มองถามกู่ลี่ด้วยสายตาหวาดกลัว
แม้มันอยากล้างแค้นให้น้องชายคนเล็ก แต่มันก็รู้สึกอับจนหนทางเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู่ลี่
ถ้ากู่ลี่คิดปกป้องหลิงเทียนจริงๆล่ะก็ มันจนปัญญาแล้ว!
ตอนนี้มันจึงทำได้แค่หวังว่าที่กู่ลี่ออกมานั้นเป็นเพราะคิดชมดูเรื่องราวสนุกสนานไม่ใช่มาช่วยหลิงเทียน…ถึงแม้มันจะรู้ดีว่าจากตำแหน่งการปรากฏตัวแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เช่นนั้นเลย มันก็ยังหวังเล็กๆ
“ข้าไม่รู้จักเขา…”
อย่างไรก็ตามวาจาที่กู่ลี่ตอบมาด้วยไม่แยแสนั้น กลับทำให้สองตาของจ้าวไป๋ฉวี่ลุกวาวขึ้นมาทันใด จ้าวเฮยถูก็เผยประกายเจิดจ้าไม่ต่าง
กู่ลี่ไม่รู้จักหลิงเทียนงั้นเหรอ?!
หน้าจ้าวจี้ที่คล้ายมีเมฆหมอกอึมครึมปกคลุม บัดนี้กระจ่างสว่างขึ้นมาทันใด คนฉีกยิ้มออกมาได้อีกครั้ง แม้แก้มยังปูดบวมเหมือนหัวหมูก็ตาม!
‘ตัวบัดซบกู่ลี่นี่มันไม่รู้จักผู้อื่น แล้วจะเสนอหน้าออกมาขวางหาสวรรค์วิมานอันใด?’
จ้าวจี้ขัดใจนัก
“ศิษย์พี่กู่ลี่มิรู้จักหลิงเทียนหรือ?”
สิ้นคำกล่าวของกู่ลี่ เรียกว่านอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับที่เหลือรู้สึกใบ้รับประทาน
ตอนแรกพวกมันคิดว่ากู่ลี่นั้นคือผู้ช่วยของต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในเวลาอันสำคัญนี้กู่ลี่จะกล่าวออกมาว่าไม่รู้จักต้วนหลิงเทียนซะอย่างนั้น!
“ดูเหมือนพวกเราจักเข้าใจผิดกันไปเอง ที่แท้ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้รู้จักกับหลิงเทียน”
“ศิษย์พี่กู่ลี่มา ข้าคิดว่าหลิงเทียนจะรอดพ้นเรื่องนี้แล้ว…แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้มาช่วยหลิงเทียน! และดูเหมือนศิษย์พี่กู่ลี่ก็มิมีเหตุผลที่ต้องช่วยหลิงเทียน!!”
“บางทีศิษย์พี่กู่ลี่แค่คิดออกมาชมดูเรื่องราวสนุกๆสนานเท่านั้น”
……
ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับหลายต่อหลายคนกระซิบกล่าวกันดังงึมงำ สายตาที่หันไปมองต้วนหลิงเทียนเผยความเวทนาสงสารอีกครั้ง
ในสายตาของมันในเมื่อกู่ลี่ไม่รู้จักหลิงเทียน เช่นนั้นก็ไม่ใช่ผู้ช่วยที่หลิงเทียนพามา แน่นอนว่าหากไร้ซึ่งความช่วยเหลือของกู่ลี่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจต้านทานสกุลจ้าวได้เลย แม้จะมีหวังพีช่วยก็ตาม
“ศิษย์พี่กู่ลี่มิได้รู้จักหลิงเทียนหรอกหรือ…”
หน้าหวังพีเปลี่ยนไปทันใด ตอนนี้มันรู้สึกเหมือนตกนรกอีกครั้งหลังขึ้นสวรรค์ได้ไม่ทันไร
ถึงแม้มันวางแผนจะช่วยหลิงเทียน แต่มันก็รู้ดีว่าถึงมันช่วยก็ไม่อาจหยุดจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูได้ ผลลัพธ์สุดท้ายสุดที่มันจะเปลี่ยนแปลงได้…
ทว่าในห้วงเวลาอันมืดมิด กู่ลี่กลับปรากฏตัวออกมา ดั่งแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์!
ตราบใดที่กู่ลี่ยื่นมือเข้าช่วย หลิงเทียนต้องรอดพ้นหายนะวันนี้ไปได้แน่นอน!
เพราะมันก็คิดคิดว่าอีกฝ่ายมาช่วยหลิงเทียนแน่ๆ
อนิจจากู่ลี่กลับไม่รู้จักศิษย์น้องหลิงเทียนของมัน!
เมื่อไม่รู้จัก แล้วจะช่วยทำอะไร?
เช่นเดียวกันกับหวังพี ตอนที่กู่ลี่ปรากฏตัวออกมาขวาง หวางเฟยเซวียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก! เพราะคิดว่ากู่ลี่เป็นสหายของต้วนหลิงเทียนและคิดช่วยเหลือเป็นแน่ หาไม่แล้วจะเข้ามาขวางทำเพื่อ?!!
ทว่าพอนางได้ยินที่กู่ลี่กล่าวว่าไม่รู้จัก หน้านางก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสี
อย่างไรก็ตามพอนางเห็นว่าจนถึงตอนนี้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนยังสงบไม่เปลี่ยนแปลง คล้ายไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอะไร ทำให้สีหน้าของนางพอได้ผ่อนคลายลงมาเล็กน้อย ‘จากสีหน้าของเจ้าทึ่มก็ไม่สมควรรู้จักกับกู่ลี่จริงๆ…เช่นนั้นความมั่นใจก่อนหน้า ก็มิได้มาจากกู่ลี่น่ะสิ’
‘หรือเจ้าทึ่มจะมีวิธีเอาชนะอริยะเซียนขั้นต้นทั้งๆที่มีด่านพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจริงๆ…?’
นึกถึงจุดนี้หวางเฟยเซวียนยังรู้สึกเหลือเชื่อไปหน่อย หากแต่ในใจก็ลอบคาดหวัง
นางมองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ดวงตาคู่งามปานสารทฤดูกระพริบด้วยความคาดหวัง ‘ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้แค่คุยโวนะ เจ้าทึ่ม’
“ศิษย์พี่ใหญ่มิรู้จักมันหรือ?”
จ้าวเฮยถูมองกู่ลี่ด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่สีหน้าของมันจะกลายเป็นจริงจัง “ศิษย์พี่ใหญ่ หลิงเทียนผู้นี้ทั้งถือดีทั้งโอหังนัก! ไม่เพียงแต่ทำร้ายน้องชายข้า แต่ยังตบหน้าหยามเกียรติน้องชายข้าต่อหน้าผู้คน…วันนี้ตราบใดที่ศิษย์พี่กู่ลี่ปล่อยให้พวกเราสะสางเรื่องราว ตระกูลจ้าวของพวกเรานับว่าติดค้างท่านเรื่องหนึ่ง”
เผียะ!!
สิ้นเสียงกล่าวของข้าวเฮยถู พลันมีเสียงตบดังขึ้นถนัดถนี่ ไม่มีใครเห็นว่ากู่ลี่ลงมืออย่างไร แต่หน้าของจ้าวเฮยถูถึงกับสะบัด..ทั้งยังเริ่มแดงและปูดบวมขึ้นมาทันตาเห็น
“ศิษย์พี่กู่ลี่…ท่าน…ท่าน”
เมื่ออยู่ดีๆก็โดนตบอย่างไม่ทราบสาเหตุ จ้าวเฮยถูย่อมโกรธเป็นธรรมดา หากแต่มันไม่กล้าแสดงอารมณ์เช่นนั้นต่อหน้ากู่ลี่ จึงได้แต่มองกู่ลี่ด้วยใบหน้าเลื่อนลอยไม่เข้าใจ
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงมากล่าวให้ข้าทำหรือไม่ทำอะไร แล้วเจ้าคิดจริงๆหรือ…ว่าอย่างเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของสกุลจ้าวได้?”
กู่ลี่มองจ้าวเฮยถูที่หน้าเริ่มบวมขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน กล่าวถามเสียงเรียบ
คนอื่นๆรวมถึงต้วนหลิงเทียนถึงกับตะลึงหลังได้เห็นฉากนี้ ต่างไม่ทราบจริงๆว่ากู่ลี่กำลังคิดทำอะไรกันแน่
เห็นชัดว่าไม่ได้รู้จักต้วนหลิงเทียน แต่ไฉนไปตบจ้าวเฮยถูเล่า?
สีหน้าของจ้าวเฮยถูเองก็มืดลงทั้งยังเผยความขื่นขมออกมา อีกฝ่ายปากบอกไม่รู้จักหลิงเทียนแท้ๆ แต่กลับกล่าววาจาออกมาเช่นนี้ กระทั่งตบหน้ามัน!
เห็นได้ชัดว่าคิดปกป้องต้วนหลิงเทียน!
“กู่ลี่ อย่าให้มันมากเกินไป!”
จ้าวจี้เองตอนนี้ก็หน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มองกล่าวกับกู่ลี่ตาขวาง
ถึงแม้พลังฝีมือของมันจะห่างชั้นกับกู่ลี่ แต่มันก็ไม่กลัวอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ เพราะภูมิหลังของมันเหนือกว่า
อย่างไรก็ตามแม้มันจะคำรามออกไปด้วยโทสะก็เท่านั้น กู่ลี่ทำคล้ายไม่ได้ยินมันเลย
พริบตานี้จ้าวจี้อดไม่ได้ที่จะมีโมโหถึงขีดสุด แววตายังคล้ายจะพ่นไฟออกมาได้!
“ศิษย์พี่กู่ลี่ มิใช่ท่านพึ่งกล่าวว่าท่านมิรู้จักหลิงเทียนหรือไร?”
ต่างจากจ้าวจี้ที่ไม่กลัว จ้าวไป๋ฉวี่มองถามกู่ลี่ด้วยใบหน้าสับสนทั้งขื่นขม
ทันทีที่จ้าวไป๋ฉวี่ถามจบคำ รวมถึงต้วนหลิงเทียน สายตาของทุกคนก็หันไปมองกู่ลี่ทันที
ทั้งหมดค่อนข้างสงสัยในเรื่องนี้ไม่น้อย ด้วยไม่ทราบว่ากู่ลี่ที่ไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน แล้วไฉนต้องมาปกป้องกันแบบนี้?
“แล้วผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าหากข้ามิรู้จักเขา แล้วข้าจะช่วยเขามิได้?”
กู่ลี่เหลือบมองจ้าวไป๋ฉวี่ด้วยสายตาเฉยเมย มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้น “อะไร? เจ้าข้องใจหรือ?”
จ้าวไป๋ฉวี่ได้ยินก็ไม่คิดกล่าวใดออกมาอีก
ข้องใจ?
มันย่อมข้องใจเป็นธรรมดา!!
แต่มันพูดออกมาได้เหรอ?
มันไม่ใช่จ้าวจี้ อาวุโสผู้พิทักษ์กับรองจ้าวตำหนักจ้าวไม่มีทางออกหน้าทำอะไรเพื่อมันแน่…หากกู่ลี่ลงมือทำร้ายพวกมัน
กระทั่งหากพวกมันตกตายไป มิแคล้วต้องตายเปล่า!
ถึงแม้พวกมันจะยินดีสละชีวิตเพื่อคนที่ชุบเลี้ยงมันมาอย่างบิดาของจ้าวจี้ แต่พวกมันก็ไม่ยินดีที่จะต้องมาตายเปล่าเพราะเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้…
“ศิษย์น้องหลิงเทียน! ยังไม่รีบขอบคุณศิษย์พี่กู่ลี่อีก!!”
ตอนนี้เองในหูของต้วนหลิงเทียนพลันมีเสียงของหวังพีดังขึ้น อีกฝ่ายกำลังเตือนเขา
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ดึงสติกลับมา สุดท้ายก็ยกมือขึ้นประสานกล่าววาจา “ขอบคุณศิษย์พี่กู่ลี่”
“ฮ่าๆๆ”
ได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน กู่ลี่พลันหันกลับมามองทันที ยังหัวเราะออกมาเสียงดัง “ศิษย์น้องหลิงเทียน ข้าได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเจ้ามานาน แต่ไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย วันนี้พอได้ยินว่าพวกเจ้ามีแข่งขันชิงสิทธิ์เข้าแดนลับเซียนกัน เลยแวะมาดูสักครา”
“ตอนแรกข้ารู้แค่ว่าพรสวรรค์ทั้งศักยภาพของเจ้าเหนือกว่าข้า แต่ข้าก็ไม่ได้รู้อันใดเกี่ยวกับเจ้ามากนัก”
“คราวนี้พอมาพบเจ้าจริงๆ ค่อยรู้ว่านิสัยของเจ้าช่างถูกชะตาข้านัก!”
กล่าวถึงประโยคสุดท้าย กู่ลี่ยังเผยสีหน้าเสียดายออกมาราวกับจะกล่าวว่า ไฉนไม่พบกันให้เร็วกว่านี้ ออกมา…
“นับเป็นเกียรติของข้าจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
แม้กู่ลี่จะไม่ปรากฏตัวออกมา เขาเองก็ไม่ได้กลัวจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูแต่อย่างไร
แต่กู่ลี่ไม่รู้เรื่องนี้
เช่นนั้นเขาจึงถือว่าติดค้างกู่ลี่ครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกันเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับโดยรอบก็ได้รู้สาเหตุเสียที ว่าไฉนกู่ลี่ถึงมาหาต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้จัก ที่แท้อีกฝ่ายอยากรู้จักต้วนหลิงเทียนนี่เอง กระทั่งยังทำหน้าราวกับเสียดายที่ไม่พบพานกันให้เร็วกว่านี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง…
กู่ลี่นั้นเดิมทีได้รับการขนานนามว่าสุดยอดอัจฉริยะอันดับ 1 ที่ปรากฏตัวขึ้นในรอบ 100 ปีของตำหนักฟ้าลี้ลับ ส่วนหลิงเทียนนั้นก็ได้รับการขนานนามเช่นนี้เหมือนกัน ทำให้ยามพบกันก็แลดูถูกชะตาเห็นเป็นสหายได้ทันทีดั่งคำ กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์…
(คนประเภทเดียวกัน ย่อมเข้าพวกกัน)
“กู่ลี่!!”
ในขณะที่หลายๆคนรวมถึงจ้าวไป๋ฉวี่และจ้าวเฮยถูคิดว่าเรื่องนี้คงจบกันแต่เพียงเท่านี้ จ้าวจี้ที่เต็มไปด้ววยโทสะก็มองกู่ลี่ด้วยสายตาเดือดดาล กล่าวออกเสียงเข้ม “เจ้าคิดจะงัด กับข้าจ้าวจี้ให้ได้ใช่หรือไม่?”
เสียงของจ้าวจี้คราวนี้นับว่าเข้มขรึมเย็นเยือก คล้ายผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง ให้ความรู้สึกน่าขนลุกนัก!
“น้องเล็ก!”
จ้าวไป๋ฉวี่ และจ้าวเฮยถู พอเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากู่ลี่หายไป และกู่ลี่ก็ละสายตาจากต้วนหลิงเทียนไปยังจ้าวจี้ หน้าพวกมันก็เปลี่ยนสีไปทันที!