War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1856
ตอนที่ 1,856 : พบพานอริ!
ส่วนจงฉีชานนั้น มันพึ่งเคยเจอต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก!
ดังนั้นในแง่ของความตกใจจึงมีไม่เท่ากับเฝิงปู่อี้
เมื่อเห็นว่าผู้นำของตัวไม่ได้คิดจะสู้รบอะไรกับจ้าวตำหนักเมฆาคราม มันเองก็คร้านจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร จึงเลือกบ้านพักที่ยังว่างอยู่หลังหนึ่งแล้วเข้าไปพักอาศัยทันที
เพียงชั่วครู่ ความเงียบสงบก็หวนคืนสู่หุบเขาเล็กๆแห่งนี้อีกครั้ง
“ท่านจ้าวตำหนัก มิแคล้วผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรต้องเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้แน่แท้ กลับให้คนของตลาดมืดหยินชานมาอยู่ร่วมกับพวกเรา! พวกเราไปหาความจากพวกมันดีหรือไม่ การกระทำครั้งนี้ของพวกมันนับว่าเกินไปแล้วจริงๆ!!”
กู่มี่กล่าวถามออกมา สีหน้าแววตาคล้ายไม่สบอารมณ์รัก
“ไม่จำเป็น”
ต้วนหรูเฟิงส่ายหัวไปมา “พวกเรามาที่นี่เพื่อบรรลุข้อตกลงนัดหมายประลอง 5 ปี ไม่ใช่หาเรื่องขัดแย้งกับเผ่าพันธุ์มังกร ตอนนี้วันสัญญาใกล้เข้ามาเต็มที เป็นการดีเสียกว่าที่พวกเราจะไม่หาปัญหาเพิ่ม แถมพวกเราก็มิใช่ว่าจะเป็นตัวโง่งมปล่อยให้พวกมันจูงจมูกได้ง่ายๆอย่างที่พวกมันต้องการ”
ถึงแม้ปากจะกล่าวออกมาแบบนี้
แต่ลึกลงไปในแววตาของต้วนหรูเฟิงก็เผยประกายเยียบเย็นนัก!
“เผ่าพันธุ์มังกร…ทำเกินไปแล้วจริงๆ…”
กู่ลี่พึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจ
“เผ่าพันธุ์มังกร…”
ต้วนหลิงเทียนพึมพำเบาๆ สองตาทอประกายเรืองวูบ
หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขาเพียงมีความแค้นกับตี้จิ่ว แต่ไม่ได้เหมารวมไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกรล่ะก็…
ตอนนี้เขาพาลไม่ถูกชะตาไปทั้งเผ่าพันธุ์มังกร!
‘3 วันหลังจากนี้ ตอนถึงเวลาสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ข้าจะชิงสิทธิ์เข้าสระชำระมังกรอะไรนั่นมาให้ได้ คราวนี้ข้าจะคอยดูว่าไอพวกจิ้งเหลนเวรนี่มันจะทำหน้ากันยังไง…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างเงียบงัน ความมุ่งมั่นเข้าสระชำระมังกรเพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
เวลา 3 วันสำหรับต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆนั้น ไม่ได้มากมายอะไร…
เพียงพริบตา 3 วันก็ผ่านพ้นไปแล้ว…
เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินออกมาจากบ้านพัก เขาก็พบว่าทั้งบิดา กู่มี่ และกู่ลี่มายืนรอคอยเขาอยู่ด้านนอกแล้ว
ส่วนอีกด้านนั้น คนของตลาดมืดหยินชานนำโดยตู้กูก็ออกมารอคอยแล้วเช่นกัน ท่าทางเตรียมพร้อมออกเดินทางไปยังสถานที่ประลองเพื่อชมดูเรื่องราวสนุกสนาน
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนออกมา ตู้กูก็มองมาด้วยสายตาลึกซึ้งรอบหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปพยักหน้าให้รองผู้นำตลาดมืดหยินชานทั้ง 2 ค่อยเหินร่างนำออกไป
พวกมันพากันเหินร่างไปยังทิศตะวันออก
ยังเป็นทิศทางที่ตั้งของสถานที่จัดการประลองที่เผ่าพันธุ์มังกรเตรียมไว้
“ไปกันเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นคนนอกอย่างตู้กูออกเดินทางไปก่อน ก็ไม่คิดรั้งรออะไร หันไปชักชวนต้วนหรูเฟิงกับคนที่เหลือ ก่อนจะพากันเดินทางออกจากหุบเขาเล็กๆมุ่งไปทางทิศตะวันออกทันที
สถานที่จัดการประลอง ตามสัญญา 5 ปีนั้น เผ่าพันธุ์มังกรเลือกหุบเขาขนาใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของรังมังกร
หุบเขาดังกล่าวนั้นเป็นหุบเขาโล่งโจ้ง มองไปไม่เห็นสีเขียวใดๆ หน้าดินแลดูเละเทะพลิกคว่ำตลบไปหมด คล้ายพึ่งผ่านสงครามมาหยกๆ
สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ๆคนของเผ่าพันธุ์มังกรมักมาประลองฝีมือกัน
ถึงแม้จะเป็นแค่การประลองหากแต่พลังฝึกปรือของผู้ลงประลองก็มิใช่ชั่ว เพียงลูกหลงจากการประลองก็ซัดทำลายที่ทางให้วินาศสันตะโรได้ไม่ไม่ยาก
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าไฉนหุบเขาแห่งนี้จึงไร้ซึ่งความขจีใดๆ เพราะมันมักถูกพลังซัดทำลายอยู่บ่อยๆ หากมีพืชพรรณใดๆสิคงแปลก!
“คนเยอะขนาดนี้เชียว…”
เมื่อต้วนหลิงเทียนและคนในกลุ่มเดินทางมาถึงก็อดตกใจเสียไม่ได้ เพราะในหุบเขาแห่งนี้มีคนมาเหินร่างรอคอยบริเวณขอบๆชิดผาหุบเขากันไม่น้อย!
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของเผ่าพันธุ์มังกร
ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ ล้วนเป็นคนที่ได้ยินเรื่อง สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีทั้งสิ้น โดยมากแล้วจะเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งสิ้น
ต่างจากตลาดมิดหยินชานและตำหนักเมฆาคราม คนของขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่มาชมดูนั้น ไม่ได้ถูกชนชั้นผู้นำพามาแต่อย่างไร
“ยินดีที่ได้พบ ท่านจ้าวตำหนักต้วน!”
ด้วยเหตุนี้ยามพวกมันพบเจอต้วนหรูเฟิง แต่ละคนจึงโค้งคารวะทักทายด้วยความสุภาพ
ขณะเดียวกันพวกมันก็ชะเง้อมองไปยังด้านหลังของต้วนหรูเฟิง…ต่างพยายามมองหาว่าใครคือต้วนหลิงเทียน!
และทันทีที่เห็นชายหนุ่มซึ่งมีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายต้วนหรูเฟิงหลายส่วน ทั้งหมดก็มั่นใจได้แทบจะทันทีว่านี่คือบุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
“ที่แท้เป็นเขา!!”
ทันใดนั้นเอง มีหลายคนที่นึกถึงภาพเหมือนที่เคยได้มาเมื่อหลายปีก่อน
คนในรูปเหมือนนั้นหน้าตาเหมือนกันกับ ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามยังกับแกะ !
และบุคคลในภาพเหมือนก็ยังเรียกว่าต้วนหลิงเทียน…ผู้โชคดีที่ได้รับตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนไปครอบครองเช่นกัน!!
ทว่าพอยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องล่างระดมกำลังกันออกตามหา และคิดช่วงชิงตราผนึกมารมาครอง คนก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…
เมื่อคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลายปีพวกมันก็เริ่มลืมเลือนกันไปแล้ว
หากไม่มาเห็น ‘ตัวเป็นๆ’ อีกครั้งในวันนี้ บางทีผ่านไปอีกไม่กี่ปี พวกมันคงลืมเลือนหน้าตาคนในรูปเหมือนไปโดยสมบูรณ์
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่านามของนายน้อยตำหนักเมฆาครามบังเอิญเหมือนกับชายหนุ่มที้ได้รับตราผนึกมาร…ตอนนี้ดูเหมือนทั้งคู่จะเป็นคนๆเดียวกัน!”
“ไฉนฟ้าถึงลำเอียงนัก…ชายหนุ่มผู้นี้แม้ไม่ได้รับตราผนึกมารไปครอง แต่ก็มีฐานะจ้าวตำหนักน้อยแล้วแท้ๆ! นี่จะให้ผู้อื่นใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไร?”
“พับผ่าเถอะ! ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าคนที่ได้รับตราผนึกมารในปีนั้น ที่แท้จะเป็นถึงจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักเมฆาครามไปได้แบบนี้!”
……
หลายคนตกตะลึงกับข่าวใหญ่ที่อยู่ๆก็มาโดยไม่ทันตั้งตัวไม่น้อย ที่แท้ต้วนหลิงเทียนที่มีตราผนึกมารในครอบครอง ก็คือต้วนหลิงเทียนผู้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม!
ส่วนต้วนหลิงเทียนที่เตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าอย่างไรฐานะก็ต้องเปิดเผยออกไป ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
“เห็นว่าสัญญา 5 ปี วันนี้ เป็นจ้าวตำหนักเมฆาคราม กับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรบรรลุข้อตกลงร่วมกัน…ตี้จิ่ว ว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนต่อไป จะปะทะกับจ้าวตำหนักน้อย ต้วนหลิงเทียน!”
“ข้าได้ยินมาว่า ผู้ที่ครอบครองตราผนึกมารตอนนั้นยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ…ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน!!”
“ตอนนั้นยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนดั้งเดิม…แล้วตอนนี้เล่า?”
“เหอะๆ ในปีนั้นนายน้อยตำหนักเมฆาครามยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนดั้งเดิม แต่ได้ข่าวว่าตี้จิ่วนั่นทะลวงถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดแล้วมิใช่หรือไร…ยังห่างจากเซียนปฐพีไม่กี่ก้าวด้วยซ้ำ!”
“อั้ยหยา! ให้ 2 คนนั่นมาประลองกันเช่นนี้มิใช่เรื่องน่าขำรึไร?”
“ไฉนจ้าวตำหนักเมฆาครามถึงทำสัญญาประลอง 5 ปีนี้กัน? มิใช่หาเรื่องให้บุตรชายตัวเองเจ็บตัวหรือ?”
ฯลฯ…
เสียงซุบซิบดังระงมฮึงๆไปทั่วหุบเขา ฟังจากบทสนทนาแล้วไม่มีใครดูดีต้วนหลิงเทียนเลย…
ทว่าเผชิญหน้ากับวาจาดูเบาเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไรสักนิด
เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ใครอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ…
จนกว่าเรื่องราวจะถึงบทสรุป ไม่มีใครเชื่อหรอก…
ถึงตอนนี้เขาจะกล่าววาจาอธิบายอะไรออกไป ก็ดั่งเทศนาให้บัวใต้โคลนตมฟัง ชาตินี้ทั้งชาติพวกมันก็ไม่มีวันกระจ่าง มิสู้ใช้ข้อเท็จจริงปิดปากพวกมันเสียประเสริฐกว่า!
อีกทั้งการที่คนของตลาดมืดหยินชานกับคนของตำหนักเมฆาครามปรากฏตัวไล่เลี่ยกัน ก็ยังสร้างความสนใจให้ผู้คนไม่น้อย
“จ้าวตำหนักต้วนมาเพราะเติมเต็มสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี ข้าเข้าใจได้ไม่ยาก…ทว่าไฉนผู้นำตลาดมืดหยินชานตู้กูถึงมาด้วยเล่า นัดหมายประลอง 5 ปีวันนี้มีใดพิเศษหรือ?”
“นั่นสิพวกพวกข้ารู้ว่าผู้นำตู้กูจะมาด้วย ข้าคงบอกให้ท่านจ้าวตำหนักมาด้วยแล้ว!”
“เฮ่อ…ก่อนจะเห็นกับตา ผู้ใดจะไปคิดว่าผู้นำตู้กูจะมากันเล่า…”
…
การปรากฏตัวขึ้นของผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ทำให้ผู้คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในวันนี้ไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครอยากสุงสิงกับคนอันตรายเช่นนี้
“คงเพราะวันนี้จะอย่างไร ก็เป็นวันที่บุตรชายจ้าวตำหนักต้วนจะลงประลองกระมัง ผู้นำตู้กูในฐานะคู่ปรับจ้าวตำหนักต้วนก็คงคิดมาหาเรื่องบันเทิงใจดูชม…บางทีหากบุตรชายจ้าวตำหนักต้วนพ่ายแพ้ มันอาจจะหัวเราะเยาะอะไรก็เป็นได้”
บางคนคาดเดาออกมา หลายคนก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ไม่น้อย
“นั่น! คนของเผ่าพันธุ์มังกรมากันแล้ว!!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนขึ้นมา แม้จะไม่ได้ดังอะไรมากมายแต่ทุกคนก็ได้ยินกันหมด จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อยล้วนหันขวับไปดูชม
ในขณะที่ทุกคนรวมถึงตำหนักเมฆาครามและตลาดมืดหยินชานหันไปดูชมนั้นเอง
สุดขอบฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่ง พลันปรากฏร่าง 5 ร่างกำลังเหินมาไม่ช้าไม่เร็ว
ผู้ที่เหินนำหน้ามาเป็นชายชราในชุดคลุมสีทอง ร่างกายแลดูแข็งแกร่งให้ความรู้สึกประหนึ่งหอคอยเหล็ก!
ทันทีที่มันปรากฏตัว คนเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดที่มารอคอยในหุบเขาก่อนหน้า ก็พร้อมใจกันกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน “ท่านผู้นำ!”
ด้วยเหตุนี้ทั้งหมดจึงทราบฐานะของผู้มาได้ไม่ยาก ไม่มีใครอื่นนอกจาก ตี้ชาน ผู้นำคนปัจจุบันของเผ่าพันธุ์มังกร!
ตี้ชานเหินร่างนำมาหน้าสุด โดยมี 4 คนติดตามอยู่ด้านหลัง
เป็นชายชราอีก 2 คน สตรีชราหนึ่ง และชายวัยกลางคนอีกหนึ่ง
นับรวมผู้นำแล้ว ผู้มา 5 คนล้วนแล้วแต่เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งสิ้น!
ในฐานะผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชานย่อมเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ
ชายชรา 2 คนที่อยู่ด้านหลังหนึ่งในนั้นที่สวมคลุมสีโลหิต ก็คือมังกรเทพยาดาสีชาด 5 กรงเล็บ เฉวี่ยฉาน และมันยังเป็นผู้อาวุโสคุมกฏแห่งเผ่าพันธุ์มังกรอีกด้วย
(*ตัวเดียวกับมังกรโลหิต 5 กรงเล็บที่เคยแปลนะ)
ส่วนชายชราอีกคนก็คือ ชิงเหยียน มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ที่มาต้อนรับขับสู้พวกต้วนหลิงเทียนตอนที่มาถึงวันแรก
ส่วนสตรีชราในชุดสีม่วงก็คือผู้ที่ออกไปต้อนรับตลาดมืดหยินชานเมื่อ 3 วันที่แล้ว มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ สื่อชิง!
สุดท้ายชายวัยกลางคนหนึ่งเดียวคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘ตัวเอก’ ของวันนี้!
ตี้จิ่ว!
ตี้จิ่วก็เหมือนกันกับตี้ชาน มันเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ!
ด้วยการมาถึงของตี้ชานและคณะ ไม่เพียงคนเผ่าพันธุ์มังกรที่มารอกันในหุบเขาจะคารวะทักทายแค่ตี้ชานเท่าน้น พวกมันยังคารวะทักทายคนที่เหลือด้วย ทว่าส่วนมากเพียงคารวะทักทายแต่ผู้ชราทั้ง 4 เท่านั้น
กลับกัน ‘ตัวเอก’ ของงานวันนี้อย่างตี้จิ่ว กลับไม่มีใครคารวะทักทายมันเท่าไหร่ เพราะในสายตาของหลายๆคนในเผ่าพันธุ์
ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมาย…ทั้งหมดเพราะตี้จิ่วยังเยาว์เกินไปเท่านั้น!
“ตี้จิ่ว!”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนจับจ้องมองไปยังร่างตี้จิ่วที่อยู่ไกลตาเขม็ง ใบหน้าที่เคยสงบเฉยเมย กลับกลายเป็นเย็นยะเยือก ในลูกตายังสะท้อนประกายดุร้ายเอาเรื่อง
ตี้จิ่วก็ตระหนักถึงการจ้องมองของต้วนหลิงเทียนทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับสองตาที่ทอประกายดุร้ายของต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วแสยะยิ้มพร้อมยกมือขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนที่จะชูนิ้วโป้งและคว่ำลงไปชี้พื้นด้วยสีหน้าท่าทางยั่วยุ!