War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1907
ตอนที่ 1,907 : พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน
ผู้ใดก็ทราบ…ว่าหากต้วนหลิงเทียนได้เป็นศิษย์ส่วนตัวของจ้าวลัทธิขึ้นมาจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น!
ถึงแม้จะเป็นมันแต่ก็ต้องคุกเข่าลงกระทั่งขอขมาลาโทษต่อต้วนหลิงเทียน ยังต้องร้องขอความเมตตาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!
นอกเสียจากว่ามันไม่อยากอยู่ในลัทธิบูชาไฟอีกต่อไป…
ทว่ามันไม่อยากออกจากลัทธิบูชาไฟ!
นอกจากนั้นมันก็ไม่อยากคุกเข้าก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน!
เช่นนั้นหากพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน ได้ผลออกมาเป็นรากวิญญาณสีครามจริงๆ มันก็เหลือเพียงหนทางเดียวให้เลือกเดิน…
ก่อนที่จ้าวลัทธิจะออกจากการกักตัวฝึกตน…มันต้องชิงกำจัดเภทภัยอย่างต้วนหลิงเทียนให้ได้! บีบคอให้ตายตั้งแต่อยู่ในเปล!!
แน่นอนว่าหากรากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงรากวิญญาณสีน้ำเงิน มันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรขนาดนั้น เพราะพรสวรรค์รากวิญญาณระดับนั้น ยังไม่อาจอยู่ในสายตาของจ้าวลัทธิบูชาไฟได้!
‘ต้วนหลิงเทียนเจ้าจงภาวนาให้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ามิได้เป็นรากวิญญาณสีครามเถอะ…หาไม่แล้วต่อให้ต้องแบกรับความเสี่ยงอันใด ข้าก็จะกำจัดเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!’
มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แววตาหลี่อันกลายเป็นเย็นเยียบปานจะแช่แข็งผู้คน!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ในที่สุดลูกแก้ววิญญาณใต้ฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนก็เปล่งแสงส่องสว่างออกมา!
ทว่าหลังจากได้เห็นแสงสว่างนี้ ยกเว้นต้วนหลิงเทียนที่ยังคงมีสีหน้าท่าทางปกติคล้ายรู้ความจริงแต่แรกแล้ว คนอื่นๆก็ชักสีหน้าตะลึงงันขึ้นมาทันใด!
นอกจากต้วนหลิงเทียน ยามนี้เสมือนผู้คนโดยรอบถูกใครบีบคอเอาไว้ ถึงกับสงบปากสงบคำ พูดอะไรไม่ออกกันไปพักใหญ่!
ไม่นานบางคนก็ฟื้นสติกลับคืน หากแต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดนัก
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“เป็นไปได้ด้วยหรือ? พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน…ไฉนถึงได้อ่อนด้อยเช่นนั้นเล่า?”
“พรสวรรค์รากวิญญาณเช่นนี้ มิควรเป็นของต้วนหลิงเทียนได้เลย!”
“ลูกแก้ววิญญาณใช่มีอันใดผิดพลาดหรือไม่?”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ท่าทางลูกแก้ววิญญาณจะมีปัญหาแล้ว”
……
คนที่ดึงสติกลับมา ต่างยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่สองตาแลเห็นนัก!
กล่าวให้ชัดคือพวกมันไม่เชื่อว่าผลการทดสอบของต้วนหลิงเทียนจะออกมาเป็นแบบนี้จริงๆ!
เพราะผลจากการทดสอบครั้งนี้ พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนกลับเป็น…
รากวิญญาณสีเหลือง!
แม้วันนี้จะมีผู้คนมาเข้าร่วมการทดสอบพันกว่าคน และส่วนใหญ่ก็มีรากวิญญาณสีเหลืองด้วยกันทั้งสิ้น
ทว่าพวกมันบางคนได้เห็น ‘วงปี’ ของต้วนหลิงเทียน อีกทั้งแทบทุกคนก็เห็นพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมากับตา! ทำให้ยากจะเชื่อว่ายอดฝีมือที่มีอายุไม่ถึง 40 ปีอย่างต้วนหลิงเทียนจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นรากวิญญาณสีเหลืองแบบนี้ไปได้!
รากวิญญาณสีเหลืองนั้นไม่คู่ควรกับต้วนหลิงเทียน!
กระทั่งต่อให้เป็นรากวิญญาณสีเขียว พวกมันก็คิดว่าไม่คู่ควรกับต้วนหลิงเทียน!
ในสายตาของพวกมันจำต้องเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินหรือสีครามเท่านั้น ถึงจะเหมาะสมกับพลังฝีมือและวัยของต้วนหลิงเทียน!
“ลูกแก้ววิญญาณมีปัญหางั้นหรือ?”
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ผู้สมัครจะคิดแบบนั้น กระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงยังคิดเห็นเช่นเดียวกัน
“ต้วนหลิงเทียนลูกแก้ววิญญาณอาจมีใดผิดพลาดได้…เจ้าลองทดสอบด้วยลูกแก้ววิญญาณลูกอื่นเถอะ”
เถิงชานมองต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าว
ขณะเดียวกันมันก็หันไปพยักหน้าให้อาวุโสเพลิงทองแดงอีกคน ยื่นส่งลูกแก้ววิญญาณให้ลอยไปหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
ส่วนหลี่อันยังคงตกใจกับความจริงที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวว่ารากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีเหลือง ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ได้คัดค้านอะไร
แน่นอนว่าลึกลงไปในใจของมันก็คิดว่าลูกแก้ววิญญาณสมควรมีปัญหาอะไรสักอย่าง
ต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึง 40 ปี หากแต่พลังฝีมือกลับสยบเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญได้ง่ายดายแม้จะบาดเจ็บสาหัส…ด้วยพลังฝีมือระดับนี้ไหนเลยจะมีพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นรากวิญญาณสีเหลืองได้?
“อาวุโสเถิงชาน ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องทดสอบอีกแล้ว…ลูกแก้ววิญญาณนั่นสมควรไม่มีใดผิดพลาด พรสวรรค์ของข้า สมควรเป็นรากวิญญาณสีเหลืองจริงๆ”
ภายใต้สายตาของุทกคน ต้วนหลิงเทียนพลันมองกล่าวกับเถิงชานด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ถึงพรสวรรค์ของตัวเองดีกว่าใคร แม้จะใช้นมผา 10,000 ปีจนพรสวรรค์บรรลุจุดสูงสุดของทวีปเมฆาล่องไปแล้วก็ตาม…
ทว่านั่นมันก็แค่จุดสูงสุดของทวีปมนุษย์!
อัจฉริยะระดับสูงสุดของทวีปมนุษย์พอมาอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ไม่นับเป็นอะไร จะเหนือกว่าก็แค่รากฐานที่แน่นหนา เพราะผ่านการบ่มเพาะมาอย่างยากลำบากในสภาวะขาดแคลนพลังวิญญาณฟ้าดินเท่านั้น…
นอกจากนี้เขาไม่คิดว่าลูกแก้ววิญญาณจะมีปัญหาอะไรที่เขาพอดี เพราะคนอื่นๆเองก็ทดสอบได้ผลไม่มีปัญหาอะไร
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเขา มันก็แค่รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น
ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาไม่ผิดหวังกับผลลัพธ์ที่มันออกมาแบบนี้เลย…
แต่เนื่องจากได้เตรียมตัวเตรียมใจรับผลไว้แล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างสงบ
“เจ้าทดสอบอีกครั้งด้วยลูกแก้ววิญญาณลูกอื่นเถอะ! ข้าเชื่อว่ามิใช่แต่เพียงข้า กระทั่งคนอื่นๆในที่นี้ก็มิมีใครเชื่อได้ลงคอ ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจักเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลือง!”
เถิงชานคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใส่ใจกับผลการทดสอบเท่าไหร่ เช่นนั้นมันจึงยืนยันให้ต้วนหลิงเทียนทำการทดสอบอีกครั้ง
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนถูกบีบบังคับให้ทำการทดสอบอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลยก็ตาม
และเมื่อมือของต้วนหลิงเทียนวางทาบลงไปยังลูกแก้ววิญญาณ ทุกสายตาของผู้คนก็จับจ้องไปยังลูกแก้ววิญญาณลูกใหม่นั่นทันที
คราวนี้ลูกแก้ววิญญาณคงไม่มีปัญหาอีกหรอกนะ?
“ยากที่ลูกแก้ววิญญาณจะผิดพลาดได้…หากเกิดขึ้นอีกครั้งนั่นจักมิใช่เรื่องบังเอิญไปหน่อยหรือไร?”
“เช่นนั้นเจ้าจะบอกว่า…หากเป็นเหมือนเดิม ก็หมายความว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน เป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลืองจริงๆเท่านั้นหรือ?”
“เจ้าจะปักใจเช่นนั้นทันทีมิได้…เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะรู้ทักษะลับอันใดที่สามารถปกปิดพลังฝึกปรือทั้งอายุที่แท้จริงได้ หาไม่แล้วคงยากที่พรสวรรค์รากวิญญาณของมันจะเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลือง!”
……
ในขณะที่หลายคนกำลังจับจ้องไปยังลูกแก้ววิญญาณที่ต้วนหลิงเทียนวางมือทาบไว้ ต่างอดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย
ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปครบ 10 ลมหายใจ
และเมื่อลูกแก้ววิญญาณเริ่มที่จะส่องแสงเรืองสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ผู้คนที่กำลังสนทนากันจอแจก็เงียบเสียงลง คล้ายทุกคนกำลังกลั้นใจรอชมผลลัพธ์อย่างใจจดใจจ่อ
แสงจากลูกแก้ววิญญาณเริ่มส่องสว่างมากขึ้นทุกขณะ
สุดท้ายมันก็สว่างวาบขึ้นมาปานตะวันดวงน้อยๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อแสงสีของมันเผยให้เห็นกันชัดถนัดตา ทุกผู้คนก็ถึงกับเงียบค้างไปอีกพักใหญ่
ต่อมาพักหนึ่ง เสียงสนทนาก็ระเบิดขึ้นปานตลาดสด!
“อะไร!? เป็นสีเหลืองอีกแล้ว? หรือรากวิญญาณต้วนหลิงเทียนจะเป็นสีเหลืองจริงๆ?”
“นี่มัน…จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือลูกแก้ววิญญาณลูกนี้ก็มีปัญหาด้วย?”
“ลูกแก้ววิญญาณมีปัญหาลูกเดียวนั้นยังพอเป็นไปได้ แต่ทว่าการที่ลูกแก้ววิญญาณ 2 ลูกกลับมีปัญหาพร้อมกันเช่นนี้มันเป็นไปมิได้! พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้านั่น มันเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองจริงๆ!”
“แต่ด้วยพลังฝีมือที่มันใช้ออกเมื่อวานทั้งอายุนั่นเล่า…ไหนเลยรากวิญญาณของมันจะเป็นแค่รากวิญญาณสีเหลืองไปได้?”
“อายุหรือ? ในเมื่อมันสามารถปกปิดพลังฝึกปรือที่แท้จริง และหลอกได้กระทั่งพวกเราทุกคนในที่นี้ได้ หรือยังมีทักษะลับอันใดที่ใช้ปกปิดอายุขัยด้วยไม่ได้? อายุที่แท้จริงของมันสมควรมิใช่ยังไม่ถึง 40…แต่เผลอๆ อาจเป็นเฒ่าชราอายุหลายร้อยปีก็เป็นได้! เพียงปกปิดให้แลดูอ่อนเยาว์จักได้เป็นจุดสนใจ!!”
“ฟังเจ้ากล่าวแล้ว…เรื่องนี้ก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ! ถึงแม้ข้าจะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีทักษะลับอันใดสามารถปกปิดพลังฝึกปรือและอายุที่แท้จริงได้ แต่ทักษะที่มันใช้ปกปิดพลังฝึกปรือก็ช่างอัศจรรย์นัก ไม่แน่ว่าจะใช้ทักษะปกปิดอายุอยู่ด้วยจริงๆ…เช่นนั้นทุกเรื่องราวก็สมเหตุสมผล! ไม่แปลกใจเลย ไม่น่าแปลกใจเลย!!”
“ฮึ่ม! ที่แท้มันอาจจะเป็นเฒ่าร้อยปี ไม่สิอาจจะเป็นเฒ่าพันปีปลอมตัวมาก็เป็นได้! หมายชิงความได้เปรียบในการเข้าร่วมแท่นบูชาจตุรลักษณ์ด้วยเรื่องนี้หรือ…นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่ข้าเห็นผู้คนแกล้งทำตัวอ่อนวัยไร้เดียงสาพรรค์นี้!!”
……
บทสนทนาดังขึ้นไม่หยุด ผู้คนต่างโพล่งข้อสันนิษฐานออกมาอย่างมีเหตุผล
ตอนแรกยังมีบางคนคิดว่าลูกแก้ววิญญาณลูกที่สองอาจจะบังเอิญมีปัญหาเหมือนกัน
แต่ไม่นานข้อสันนิษฐานดังกล่าวก็ถูกปัดตกไป
และสุดท้ายทุกผู้คนก็เริ่มเห็นพ้องต้องกัน…
ว่าแท้จริงแล้วต้วนหลิงเทียนอาจเป็นตาแก่เหลาเหย่อายุหลายร้อย ที่แสร้งทำตัวอ่อนวัยไร้เดียงสา! นั่นเพราะอีกฝ่ายมีทักษะลับที่สามารถปกปิดได้ทั้งพลังฝึกปรือและอายุ จึงสามารถหลอกลวงผู้คนทั้งหมดได้อยู่หมัด!
กระทั่งเถิงชานเอง ตอนนี้ในใจมันก็เริ่มเชื่อว่าสมควรเป็นแบบนี้!
หาไม่แล้วมันก็ไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้จริงๆ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“รากวิญญาณสีเหลือง?”
เมื่อเห็นว่าผลการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณครั้งที่ 2 ของต้วนหลิงเทียนผลก็ยังออกมาเป็น ‘รากวิญญาณสีเหลือง’ เหมือนเดิม หลี่อันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แววตายังเผยความรังเกียจทั้งดูถูกให้เห็นชัด “ที่แท้มันก็แค่เฒ่าชราไร้ราคา!”
ก่อนหน้านี้มันก็ไม่ต่างใดจากคนอื่นๆ คิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์
แต่ตอนนี้ทั้งหมดคล้ายตระหนักแล้วว่าคิดผิด!
เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นเฒ่าชราแสร้งทำตัวลึกลับคนหนึ่ง!
“เฒ่าชรา?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งหลังได้ยินบทสนทนาโดยรอบ เขาไม่คิดเลยจริงๆว่าวันหนึ่งจะถูกคนเห็นเป็น ‘เฒ่าชรา’ ที่เสแสร้งทำตัวไร้เดียงสาเข้าจริงๆ…
แต่ถึงแม้นับรวมแล้วเขาจะมีอายุมากกว่า 40 ปีแล้วจะอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าหากเทียบกับคนที่อยู่ในที่นี้ทุกคน เขาก็ยังคงเด็กสุดหรือไง?
แต่ทว่าวันนี้กลุ่มคนที่มีอายุมากกว่าเขาเป็นรอบๆกลับเรียกหาเขาว่า ‘เฒ่าชรา’ ต้วนหลิงเทียนจึงไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี!
แต่ก็เป็นธรรมดาว่าถึงแม้เขาจะจนหนทางถึงขั้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เขาก็ไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ให้ใครฟังได้…
หรือจะให้เขาบอกผู้อื่นว่า เขามีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ และได้ผ่านประสบการณ์อันน่าเหลือเชื่อมามากมาย?
แล้วเขายังต้องบอกผู้อื่นหรือไม่ ว่าจริงๆแล้วพลังฝึกปรือของเขาพึ่งทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้ไม่ถึงวัน?
‘ช่างเถอะ…พวกมันจะเข้าใจยังไงก็แล้วแต่เลย’
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เลิกแยแสวาจารอบข้าง และหันไปใจพรสวรรค์รากวิญญาณของเขาอีกครั้ง ในใจยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง ‘พรสวรรค์รากวิญญาณของข้า…นี่ถ้าไม่ได้นมผา 10,000 ปีที่ทวีปเมฆาล่อง ไม่ใช่ป่านนี้ยังคงเป็นรากวิญญาณสีแสดหรือกระทั่งสีแดงรึไง?’
“ผู้เฒ่าหั่ว ท่านพอมีหนทางยกระดับพัฒนารากวิญญาณของข้าบ้างหรือไม่?”
ถึงแม้ว่าจะเตรียมตัวเจรียมใจยอมรับความจริงอันแสนโหดร้ายนี้ไว้แล้ว แต่อย่างไรต้วนหลิงเทียนก็ยังอดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีหนทางยกระดับพัฒนารากวิญญาณของเขา
‘รากวิญญาณของข้ามันเป็นแค่สีเหลืองเท่านั้น…แต่ข้าก็สามารถทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ได้ด้วยอายุเท่านี้…นี่ถ้าหากข้าสามารถยกระดับรากวิญญาณได้เล่า? ด้วยมีรากวิญญาณดีๆ กอปรทั้งเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ พลังฝึกปรือข้าไม่พุ่งกระฉูดทะลุฟ้าเลยรึไง?’
พอคิดแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
แต่ครู่ต่อมาก็คล้ายเขานึกอะไรขึ้นได้ ความตื่นเต้นดังกล่าวพลันมลายหายไปทันที ราวกับถูกน้ำเย็นราดรดหัวให้ตื่นจากฝัน ‘ก็ว่าไปนั่น…บางทีพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าอาจไร้หนทางพัฒนาแล้วจริงๆ…’
“หลังจากที่ข้าสังเกตอยู่สักพัก มาตอนนี้ข้าก็เข้าใจแล้วว่า ‘รากวิญญาณ’ ที่ระนาบโลกียะแห่งนี้เรียกหา ที่แท้มันคืออะไร…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจิตตกนั้นเอง เสียงของผู้เฒ่าหั่วก็ดังขึ้นพอดี “รากวิญญาณที่ผู้คนในระนาบโลกียะแห่งนี้เรียกหา ตามทฤษฎีแล้วสามารถยกระดับพัฒนามันได้…ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิธีในการปรับปรุงยกระดับมันมากกว่าหนึ่งวิธี!”