War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1908
ตอนที่ 1,908 : วิธียกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณ!
“อะไร!? วิธียกระดับพัฒนาพรสวรรค์มีมากกว่าหนึ่งวิธีงั้นหรือ! ผู้เฒ่าหั่วข้าต้องทำอย่างไรบ้าง?!”
ได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าตอนที่เขาได้รู้ชัดแล้วว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองเป็นเพียงรากวิญญาณสีเหลือง ผิวเผินดูเหมือนเขาสบายดีไม่เป็นอะไร ทว่าลึกลงไปในใจก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง…
พรสวรรค์รากวิญญาณนั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 7ระดับ ตามสีรุ้ง
แดง แสด เหลือง เขียว น้ำเงิน คราม และก็สีม่วง
รากวิญญาณสีเหลืองนั้นยังไม่อาจนับได้ว่าเป็นรากวิญญาณระดับกลางด้วยซ้ำ มันเป็นรากวิญญาณที่จัดอยู่ในระดับต่ำ!
ตอนนี้ผู้ที่ทำการทดสอบไปแล้วนั้น กว่า 9 ส่วนล้วนมีพรสวรรค์รากวิญญาณเหมือนเขา…เป็นรากวิญญาณสีเหลือง!
รากวิญญาณสีเหลืองนั้นอาจถือว่าไม่เลวในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
หากแต่ในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ มันไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!
เพราะต่อให้หลับตาสุ่มเลือกศิษย์ในลัทธิบูชาไฟมาสักคน ไม่ว่าใครก็ล้วนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองขึ้นไปทั้งสิ้น
พอมาได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ว่ารากวิญญาณสามารถยกระดับพัฒนาได้…กระทั่งยังมีมากกว่าหนึ่งวิธี!
จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร?
“อันที่จริงตัวข้าก็สงสัยมาเนิ่นนานแล้ว ว่าเจ้าที่สามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุดสายแท้ๆ แต่ไฉนความเร็วในการบ่มเพาะพลังถึงได้มิเร็วกว่าผู้คนทั่วไปสักเท่าไหร่ ทั้งๆนี่เป็นพรสวรรค์อันเลิศล้ำนัก! หากข้าดูไม่ผิดล่ะก็…ที่แท้เจ้าสมควรถูกกฏของระนาบโลกียะแห่งนี้ผูกมัดเอาไว้”
ผู้เฒ่าหั่วไม่ได้ตอบคำถามของต้วนหลิงเทียน แต่กลับบ่นยืดยาวออกมา
“กฏของระนาบโลกียะแห่งนี้งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำว่า ‘กฏของระนาบโลกียะ’
อย่างที่กล่าวเอาไว้ก่อนหน้า ตอนที่วิญญาณของเขาพึ่งมาถึงโลกนี้ไม่ทันไร เขาก็ถูกวิญญาณของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดจู่โจมชิงร่าง หากแต่เพราะสิ่งที่เรียกว่า กฏของระนาบโลกียะ ทำให้วิญญาณของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดจำต้องพินาศไปเอง
ต่อมาวิญญาณหลักของเฮยหมิง มารร้ายที่น่ากลัวที่หลุดพ้นพลังอำนาจของตราผนึกมารมาได้ ก็เป็นเหยื่อสังเวย กฏของระนาบโลกียะ เช่นกัน
วิญญาณของเขานั้นไม่ได้มีต้นกำเนิดที่ระนาบโลกียะแห่งนี้ และยังถูกปนเปื้อนไปด้วยกฏเกณฑ์ของระนาบโลกียะอื่น
ทำให้พอวิญญาณที่มีต้นกำเนิดในระนาบโลกียะแห่งนี้คุกคามหมายชิงร่างที่เขาอาศัยอยู่ พวกมันจึงถูกกฏแห่งระนาบโลกียะทำลายสิ้น!
กลับกัน หากเขาเป็นฝ่ายคิดถอดวิญญาณหมายไปชิงร่างผู้อื่นเขาบ้างล่ะก็ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอ่อนแอเพียงใด ไม่เว้นกระทั่งเด็กน้อยแรกเกิด วิญญาณของเขาก็ไม่พ้นถูกทำลายจนสิ้นสูญ!
กฏของระนาบโลกียะ เป็นหนึ่งในสิ่งลี้ลับที่แสนล้ำลึกยากหยั่งถึงของสหัสโลกธาตุ ต่อให้เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทวโลก กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์บุกมาเอง ก็ไม่พ้นต้องถูกจำกัดด้วยกฏเกณฑ์ของระนาบโลกียะเช่นกัน
“มิผิด”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อว่า “จากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ ดูเหมือนว่านอกจากสภาพแวดล้อมและทรัพยากรในการบ่มเพาะ ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้ายังถูกจำกัดไว้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า พรสวรรค์รากวิญญาณ!”
“พรสวรรค์รากวิญญาณอันใดนั่น มันเป็นดั่งสิ่งที่คอยกำหนดศักยภาพของผู้คน! ทำให้ศักยภาพที่เจ้าสมควรได้รับจากชีพจรเซียน 99 สายนั้น…ก็ถูกจำกัดด้วยกฏของระนาบโลกียะแห่งนี้จนมิอาจแสดงผลได้! ”
“หาไม่แล้วด้วยอำนาจของชีพจรเซียน 99 จุดสายของเจ้า ต่อให้เป็นระนาบเทวโลก เจ้าก็ถือเป็นอัจฉริยะอันไร้ผู้ต้าน”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกมารวดเดียวจบ
“ผู้เฒ่าหั่วที่ท่านกล่าวหมายความว่า…พรสวรรค์รากวิญญาณที่ว่าก็เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่แต่ในระนาบโลกียะแห่งนี้เท่านั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนโง่งม ฟังวาจาที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอกมา เขาก็จับประเด็นได้ทันที
“ใช่”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบอีกครั้ง ค่อยพูดอะไรเพิ่มเติม “ไม่ว่าจะเป็นดาวเหยียนหวงในระนาบโลกียะ หรืออวี้หวงเทียนในระนาบเทวโลกที่ข้าเคยอาศัยอยู่ ศักยภาพพรสวรรค์ของทุกผู้คนล้วนขึ้นอยู่กับจำนวนชีพจรเซียนที่ทะลวงเปิดได้ทั้งสิ้น”
“แน่นอนว่าในระนาบเทวโลกอวี้หวงเทียนที่ข้าอยู่ พวกเราก็หาได้เรียกว่าชีพจรเซียนเหมือนเจ้าไม่ อย่างดาวเหยียนหวงนั้นจักเรียกว่าชีพจรดิน ส่วนในอวี้หวงเทียนจักเรียกมันว่าชีพจรฟ้า!”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถึงจุดนี้ก็หยุดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆอธิบายต่อ “ส่วนในระนาบโลกียะแห่งนี้กลับมีกฏเกณฑ์ที่แตกต่างออกไป พรสวรรค์และศักยภาพของมนุษย์หรือสัตว์เซียนใดๆล้วนถูกกำหนดด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณอะไรนั่น!”
“ด้วยสำนึกเทวะของข้าที่ยามนี้ฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้ว ข้าย่อมสัมผัสได้ว่ารากวิญญาณของเจ้านั้นมีสีเหลือง และรากวิญญาณสีเหลืองก็ถือว่าเป็นอะไรที่ธรรมดาในระนาบโลกียะแห่งนี้! มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนความเร็วในการฝึกฝนบ่มเพาะของเจ้าถึงได้ช้านักแม้จะมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติคอยช่วยเหลือก็ตาม…”
วาจาท้ายประโยคของผู้เฒ่าหั่วแฝงความขัดใจเอาไว้
“ผู้เฒ่าหั่วข้าบอกต่อท่าน ที่รากวิญญาณของข้าเป็นสีเหลืองได้ น่าจะเพราะข้าได้กินนมผา 10,000 ปีเข้าไปแล้ว…ถ้าไม่กิน เผลอๆพรสวรรค์รากวิญญาณที่แท้จริงของข้าอาจจะเป็นสีแสดหรือแม้แต่กระทั่งสีแดงก็เป็นได้…”
ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมออกมา
“นมผา 10,000 ปีนับเป็นทรัพยากรวิญญาณที่หาได้ยากอยู่บ้าง แต่ถึงแม้มันจะยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าได้ แต่เต็มที่มากสุดก็คงเป็นสีเหลืองนี้แล้ว”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ผู้เฒ่าหั่วข้าจำได้ว่าตอนข้าพบท่านกับเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติครั้งแรก…ไม่ใช่ว่าเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติใช้พลังที่เหลืออยู่ขัดเกลาร่างข้าจนเหมือนเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกดั่งเกิดใหม่แล้วหรือไร ไม่ใช่ว่าตอนนั้นมันสมควรเพิ่มพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าไปแล้วด้วยหรือ?”
ตอนแรกที่เขาเจอเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ตัวเจดีย์ก็ได้ใช้พลังที่เหลืออยู่ชำระร่างกายของเขา
และในตอนที่เขาอยู่ในทวีปเมฆาล่อง เขาก็ได้กินนมผา 10,000 ปีจนสมควรบรรลุร่างพรสวรรค์สูงสุดในทวีปมนุษย์แล้ว ไม่ใช่ว่าได้พลังจากเจดีย์ไปมันจะยกระดับขึ้นอีกเหรอ?
“เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเพียงขัดเกลาชำระร่างเจ้าให้เสมือนเกิดใหม่ และมอบพลังความแข็งแกร่งทางกายภาพให้เจ้าเท่านั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์รากวิญญาณ”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบ
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที ทุกเรื่องราวที่เขาสงสัยได้กระจ่างแล้ว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้เสียที ว่าทำไมทั้งๆที่เขาทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 สายแล้วแต่พรสวรรค์ของเขาถึงยังต่ำต้อยอยู่
และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมหลังจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติขัดเกลาชำระร่างเขาไปแล้ว แต่พรสวรรค์รากวิญญาณอะไรของเขาไม่ดีขึ้นเลย
“ผู้เฒ่าหั่ว แล้วข้าจะปรับปรุงรากวิญญาณของข้าได้อย่างไรหรือ?”
พอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าผู้เฒ่าหั่วบอกว่ามีวิธียกระดับพัฒนาพรสวรรค์รากวิญญาณมากกว่า 1 วิธี ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความตื่นเต้น ค่อยกล่าวถามออกมาอีกครั้ง
“หลังจากใช้สำนึกเทวะของข้าสำรวจรากวิญญาณของเจ้า…ตอนนี้มีอยู่ 2 วิธีที่สามารถยกระดับมันได้ และหนึ่งในนั้นเจ้าเองก็รู้”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ข้าเองก็รู้งั้นหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนตะลึงไปทันใด ยังสับสนงุนงงไม่น้อย
วิธีอะไรกัน!
เขารู้ด้วยหรือ?
ถ้าเขารู้แล้วจะถามออกมาทำเพื่อ!
“พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ ก็มาจากวิธีที่เจ้ารู้…”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวเตือนออกมาพอดี ราวกับอ่านใจต้วนหลิงเทียนออก
ต้วนหลิงเทียนเองก็มากไหวพริบ ได้ฟังคำนี้ก็รู้ทันทีจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มหน้าแห้ง “ที่แท้ผู้เฒ่าหั่วก็หมายถึงนมผา 10,000 ปี…แต่มิใช่ท่านผู้เฒ่าหั่วบอกข้าหรือว่านมผา 10,000 ปี มากสุดก็ทำให้รากวิญญาณของข้ากลายเป็นสีเหลืองเท่านั้น”
“ข้ากล่าวเช่นนั้นจริง…แต่นั่นหมายถึงขีดจำกัดของนมผา 10,000 ปีของเจ้า ใต้ฟ้ากว้างใหญ่แห่งนี้มีทรัพยากรวิญญาณมากมายที่ล้ำค่ายิ่งกว่านมผา 10,000 ปี! ในเมื่อนมผาของเจ้ายกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้เป็นสีเหลืองได้ ไฉนอย่างอื่นจะทำไม่ได้?”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถาม
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินคำถามนี้ สองตาก็ทอประกายเรืองวูบขึ้นมาทันที
นั่นสิ!
ตอนนี้นมผา 10,000 ปีมันไม่มีผลอะไรกับรากวิญญาณเขาแล้ว อย่างไรก็ตามหากเขาพบทรัพยากรวิญญาณที่เลิศล้ำกว่านมผา 10,000 ปีเล่า? ไฉนยังต้องกลัวว่าจะไม่อาจยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้?!
“ผู้เฒ่าหั่วข้าเข้าใจแล้ว ว่าแต่สมบัติอันใดที่สามารถยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าได้บ้างหรือ ท่านรีบบอกข้าที!”
ต้วนหลิงเทียนอดรอไม่ไหวรีบกล่าวถามออกมาทันที
“ข้าพอรู้จักทรัพยากรวิญญาณที่สามารถยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าได้ไม่น้อย แต่ตอนนี้ต่อให้ข้าบอกเจ้าไป ตัวเจ้าจะรู้จักมันหรือ? มิสู้ให้ข้าส่งข้อมูลกับรูปลักษณ์ของมันให้เจ้าโดยตรงจะดีกว่า เช่นนี้เจ้าก็จะจดจำได้ทันทียามพบพวกมัน…”
สิ้นคำกล่าวนี้ของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ทันทีว่ามีชุดข้อมูลมหาศาลชุดหนึ่งกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ใจของเขา!
นอกจากข้อมูลแล้วยังมีกลิ่นอายทรงพลังขุมหนึ่งที่ทำให้ใจเขาถึงกับสะท้าน! แต่ต้วนหลิงเทียนทราบดีว่ามันคืออะไร เป็นสำนึกเทวะของผู้เฒ่าหั่วเอง! และสำนึกเทวะของผู้เฒ่าหั่วมันช่างทรงพลังนัก!!
โดยปกติแล้วผู้เฒ่าหั่วมักใช้สำนึกเทวะเพียงบางเบาส่งข้อมูลเล็กน้อย เขาจึงไม่ทันได้รู้สึกอะไร
แต่ตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วจำต้องส่งข้อมูลจำนวนมากเข้าหัวเขา สำนึกเทวะก็จำเป็นต้องใช้มากขึ้น และพลังอำนาจของสำนึกเทวะนี้ของผู้เฒ่าหั่วก็ทำให้ใจของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน
‘ให้ตายเถอะสำนึกเทวะของผู้เฒ่าหั่วร้ายกาจยิ่งกว่าสำนึกทวะของหลี่อันไม่รู้กี่เท่า! ดูเหมือนว่าพลังอำนาจของผู้เฒ่าหั่วเริ่มฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว’
หลังใจสะท้านไปกับความทรงพลังของสำนึกเทวะผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ลอบยินดีไม่น้อยที่อาการของผู้เฒ่าหั่วฟื้นตัวดีขึ้น พลังอำนาจเองก็เพิ่มสูงขึ้น
อย่างน้อยๆ ก็แข็งแกร่งกว่าหลี่อัน!
‘น่าเสียดายที่เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมีข้อจำกัดมากเกินไป อำนาจสะกดผู้เฒ่าหั่วยังร้ายกาจนัก หากผู้เฒ่าหั่วสามารถส่งพลังจู่โจมอะไรออกมานอกเจดีย์ได้เหมือนสำนึกเทวะล่ะก็ ข้าคงไม่ต้องกลัวใครแล้ว’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน เสียดายนัก!
เห็นได้ชัดว่าข้างกายเขามี ‘นักเลงขาใหญ่’ ที่สามารถเดินเบ่งคับซอยได้แท้ๆ แต่กลับออกนอกเจดีย์มารังแกผู้คนไม่ได้
มีเพียงแต่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ได้รับทราบความร้ายกาจดังกล่าว!
เมื่อผู้เฒ่าหั่วถอนรั้งสำนึกเทวะคืนกลับ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงชุดข้อมูลมหาศาลในใจ เขาทำการสำรวจรายการทรัพยากรวิญญาณดังกล่าวอย่างคึกคัก
“มีมากมายขนาดนี้เลยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อยหลังมองชุดข้อมูลแวบหนึ่ง
อย่างไรก็ตามพอเขาอ่านข้อมูลอย่างละเอียดเขาก็พบว่าทรัพยากรดังกล่าวทั้งหมด เขาไม่เคยพบเคยเจอมันมาก่อนเลย…
“ของพวกนี้มันอะไรกัน…ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้ว ที่ข้าจะยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าโดยใช้ทรัพยากรพวกนี้…”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความยากลำบาก
“ผู้เฒ่าหั่วก่อนหน้านี้ท่านกล่าวว่ามีมากกว่า 1 วิธีที่จะยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า และตอนนี้เป็นไปได้ 2 วิธี…เช่นนั้นนอกจากทรัพยากรพวกนี้ยังมีวิธีใดอีกหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาทันที
“หากเปรียบเทียบกับการหาทรัพยากรพวกนั้นมาใช้ วิธีที่ข้ากำลังจะกล่าวบอกเจ้ากระทำได้ง่ายดายกว่ามาก…อย่างไรก็ตามหากเทียบกับวิธีใช้ทรัพยากรที่มีความสำเร็จเต็มสิบส่วนแล้ว วิธีนี้ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ! ข้าสามารถกล่าวชี้แนะให้เจ้าลองกระทำดูได้ แต่เจ้าต้องเตรียมใจเผื่อไว้ด้วย”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ไม่แน่ว่าจะสำเร็จหรือ? เตรียมใจ?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หากแต่เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดี “ผู้เฒ่าหั่วท่านกล่าวบอกมาเถอะ”
การตามหาทรัพยากรพวกนั้นในสถานการณ์ที่ถูกจำกัดแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่ามันยากเย็นขนาดไหน หากมีทางลัดอันใดเขาย่อมยินดีลองเดิน แม้ว่าทางลัดดังกล่าวอาจจะไปไม่ถึงปลายทางก็ตาม
“วิธีนี้เกี่ยวข้องกับ ปฐมเวทย์กลืนกิน ที่เจ้าเข้าใจ”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ “ข้ามิรู้เกี่ยวกับปฐมเวทย์กลืนกินของเจ้ามากนัก…แต่ทว่าสำหรับ ‘มหาเวทย์กลืนกิน’ ของจักรพรรดิสวรรค์ในแดนสวรรค์คนหนึ่ง มันโด่งดังเสียประหนึ่งฟ้าร้องในหูข้า! มหาเวทย์กลืนกินเป็นเวทย์พลังที่น่าพรั่นพรึงถึงที่สุด กล่าวกันว่ามันสามารถกลืนกินพลังงานได้ทุกชนิด!”
“เนื่องจากปฐมเวทย์กลืนกินของเจ้า ก็เป็นเวทย์พลังที่คล้ายจะมาจากมหาเวทย์กลืนกินอันน่ากลัวนั่น เช่นนั้นบางทีเจ้าอาจลองใช้เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินที่เจ้ามี…กลืนรากวิญญาณผู้อื่นมาเสริมสร้างรากวิญญาณของเจ้าดู…”