War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1911
ตอนที่ 1,911 : เพียงใจแน่วแน่ แม้ศิลาผาแกร่งยังแหวกได้!
“ท่านผู้อาวุโส…นั่นพวกมันกำลังทำอันใดกันอยู่หรือ?”
ข้างๆต้วนหลิงเทียนไม่ไกล มีชายหนุ่มคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะงุนงงสงสัย หันไปมองถามอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 ที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้าทันที
“พวกมันกำลังทำความเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ อันเป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราอย่างไรเล่า!”
หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองเดิงเชิดหน้ากล่าวออกอย่างภาคภูมิใจ
“เวทย์พลัง ปราการเต่าทมิฬ!”
ทันใดนั้นสายตาของเหล่าศิษย์ใหม่รวมถึงต้วนหลิงเทียนก็จับจ้องไปยังแท่นบูชาเต่าทมิฬด้วยสายตาลุกวาวทันที
ในหมู่คนเหล่านี้บางคนก็มายังลัทธิบูชาไฟด้วยความศรัทธา บางคนก็มาเพื่อแสวงหาอนาคตที่ดีกว่า
ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งอื่นใดอาศัยเพียง ‘แท่นบูชาจตุรลักษณ์’ ของลัทธิบูชาไฟก็อาจเปลี่ยนชีวิตพวกมันได้แล้ว!
เพราะตราบใดก็ตามที่สามารถฝากตัวเข้าเป็นศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณ์ใดล้วนมีโอกาสได้ทำความเข้าใจเวทย์พลังที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณทั้งสิ้น!
ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟนั้น นอกเหนือจากศิษย์อัจฉริยะมากพรสวรรค์ระดับหัวกะทิของแต่ละแท่นบูชา ที่จะสามารถผ่านเกณฑ์จนได้รับบัตรผ่านให้เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟแล้วนั้น…
ผู้ใดก็ตามที่สามารถทำความเข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นได้สำเร็จ ก็จะได้รับบัตรผ่านประจำแท่นบูชาของตัวเองทันที กลายเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน!
ในลัทธิบูชาไฟ เหล่าศิษย์เองก็แบ่งออกเป็นฝ่ายนอกฝ่ายในเช่นกัน
ศิษย์ฝ่ายนอก ก็คือเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาทั้ง 4
ส่วนศิษย์ฝ่ายในนั้น เป็นศิษย์ที่จะได้ฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ และเป็นดั่งศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟ!
การได้เข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟนั้น เป็นอะไรที่ศิษย์ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์ทุกคนล้วนใฝ่ฝันถึง!
เพราะในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นมีทุกสิ่งที่พวกมันฝันใฝ่…เพียงแค่สามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกมันก็มีโอกาสจะเป็นยอดฝีมือลือนามในแดนดินเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ ข้าได้ข่าวมาว่าเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเรานั้น มีอานุภาพเลิศล้ำที่สุดในบรรดาเวทย์พลังทั้ง 4 ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์…เรื่องนี้จริงหรือไม่ขอรับ?”
ในไม่ช้าก็มีศิษย์คนหนึ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมความกล้ากล่าวถามอาวุโสเพลิงทองแดงออกมาด้วยสายตามุ่งหวัง
“มิผิด เรื่องนี้เป็นความจริง!”
หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองแดงพยักหน้ากล่าวตอบ “เวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเรา ปราการเต่าทมิฬ นั้น เป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง มีระดับเหนือกว่าอีก 3 แท่นบูชาชัดเจน…แต่ขณะเดียวกัน เมื่อมันเป็นเวทย์พลังระดับสูง เช่นนั้นก็หมายถึงความยากลำบากในการทำความเข้าใจให้รู้แจ้งก็ยากเข็ญยิ่งขึ้นแล้ว!”
“ท่านอาวุโส ข้าเคยได้ยินข่าวลือกันว่า ตั้งแต่ลัทธิบูชาไฟก่อตั้งมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงวันนี้…คนที่ประสบความสำเร็จในการทำความเข้าใจเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง ‘ปราการเต่าทมิฬ’ ยังมีไม่ถึง 10 คนเลยเช่นนั้นหรือ?”
มีคนถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าอะไร?! มีไม่ถึง 10 คนเช่นนั้นหรือ?”
“ไม่จริงน่า…ไฉนถึงน้อยนิดเพียงนั้นเล่า?”
“อันที่จริงข้าเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ว่าในลัทธิบูชาไฟ ศิษย์นับหมื่นคนที่มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬนั้น มีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำที่สามารถทำความเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้…หรือจะเป็นความจริง?”
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเพียงข่าวลือไร้มูลความจริงมากกว่า…เพราะนั่นจะไม่เกินความจริงไปหน่อยรึไง? น้อยเกิน!!”
“สมควรเป็นเพียงข่าวลือแน่ๆ!”
……
ไม่ทันที่อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 จะตอบคำอะไร เหล่าศิษย์รอบๆก็กล่าวแสดงความเห็นออกมา เรียกว่าพูดเองเออเองเสร็จสรรพ…
ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
‘ก็แค่เวทย์พลังระดับสูงไม่ใช่รึไง…อะไรมันจะไปทำความเข้าใจยากเย็นปานนั้น’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
เขาจำได้ว่านอกจากเวทย์พลังระดับสูงอย่าง ปีกอีกาทองคำ ที่ผู้เฒ่าหั่วช่วยเพาะสร้างต้นแบบให้เขาด้วยกลวิธีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเวทย์พลังสนับสนุนระดับสูงอย่าง ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ หรือเวทย์พลังจู่โจมระดับสูงอย่าง ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ เขาก็สามารถทำความเข้าใจมันได้ไม่ยากเย็น จนกระทั่งเพาะสร้างใช้ออกได้ในเวลาไม่นาน…
ยังดีที่ความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียน ผู้อื่นไม่อาจได้ยิน
หาไม่แล้วไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่น เกรงว่ากระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 ก็คงต้องเร่งรุดเข้ามาทุบตีเขาด้วยความหมั่นไส้!
ยังมีคนคิดว่าเวทย์พลังระดับสูงมันทำความเข้าใจได้ง่ายๆด้วยหรือ?
“เรื่องนั้นเป็นความจริง!”
ในขณะที่สายตาของทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนตกไปยังร่างหนึ่งในผู้อาวุโสเพลิงทองแดงด้วยความสงสัย อีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบกลับอย่างจริงจัง “ตั้งแต่ที่เปิดแท่นบูชาเต่าทมิฬมา มีศิษย์ไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำที่ออกจากแท่นบูชาเต่าทมิฬเราไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมเข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ!”
“อะไร!? ที่แท้กลับเป็นเรื่องจริงหรือนี่!”
ทันใดนั้นผู้คนตื่นตระหนกตกใจกันไม่น้อย ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปตาปริบๆ
หลังจากทุกคนดึงสติกลับคืนจากอาการอึ้งทึ่ง เสียงสนทนาพลันดังระงมขึ้นมาทันที “สวรรค์ช่วย! เวทย์พลังป้องกันระดับสูงอย่างปราการเต่าทมิฬที่แท้เลิศล้ำถึงปานใดกันแน่ ใยผู้คนถึงยากจะเข้าใจมันนัก!? แท่นบูชาเต่าทมิฬไม่ทราบมีศิษย์มาแล้วกี่หมื่นพัน กลับมีไม่ถึง 10 คนที่เข้าใจ?”
“ข้าหลงคิดว่าการได้เข้าแท่นบูชาเต่าทมิฬจะเป็นเรื่องดีที่สุด เพราะมีโอกาสได้ทำความเข้าใจเวทย์พลังที่มีระดับสูงที่สุดในแท่นบูชาจตุรลักษณ์…ทว่ามาตอนนี้ข้าทราบแล้วว่าเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬที่แท้ยากเข้าใจถึงเพียงนี้!”
“ถึงแม้ว่าไหวพริบปฏิภาณอันเป็นบ่อเกิดความสามารถในการทำความเข้าใจ จักมิได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์รากวิญญาณ…แต่โอกาสที่จะบรรลุเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬยังน้อยเสียยิ่งกว่าหนึ่งในพันเสียอีก! ข้ารู้ตัวเองดีว่าคงยากจะเข้าใจเวทย์พลังนี้ได้แน่!!”
“ไฉนข้าพเจ้ามิถูกแท่นบูชามังกรครามพยัคฆ์ขาวหรือนกไฟเลือกเล่า? ถึงแม้เวทย์พลังของอีก 3 แท่นบูชาจะมีระดับด้อยกว่า แต่ก็สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า!”
……
เสียงโอดครวญพร่ำบ่นดังเซ็งแซ่ขึ้นมาทันใด หลายคนรู้สึกเสียดายที่ไม่ถูกอีก 3 แท่นบูชาเลือกตัว
“เฮอะ!”
อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 แค่นคำสบถออกค่อยเผยยิ้มเยาะ
หนึ่งในอาวุโสเพลิงทองแดงยังกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ปราการเต่าทมิฬเนื่องเพราะมันเป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูง และเป็นเวทย์พลังสายป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟเรา! ย่อมเป็นธรรมดาที่มันยากจะเข้าใจ!! อย่างไรเสีย…พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าเวทย์พลังประจำแท่นบูชา 3 แท่นอื่นจักเข้าใจได้ง่ายขนาดนั้น?”
“ถูกแล้ว!”
อาวุโสเพลิงทองแดงอีกคนก็ยิ้มเย้ยกลาวเสริมออกมาว่า “เวทย์พลังของอีก 3 แท่นบูชาที่เหลือ มิว่าจะเป็นเวทย์พลังสายสนับสนุนของแท่นบูชามังกรคราม เวทย์พลังสายจู่โจมของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว กระทั่งเวทย์พลังเสริมความเร็วของแท่นบูชานกไฟ แม้นพวกมันจะมิได้เป็นเวทย์พลังระดับสูง หากแต่ยังจัดเป็นเวทย์พลังระดับกลางที่มีอานุภาพสูงล้ำเหนือเวทย์พลังระดับกลางด้วยกันมากนัก! เรียกว่าหากเปรียบเทียบกันในบรรดาเวทย์พลังระดับกลางด้วยกันแล้ว เวทย์พลังประจำแท่นบูชาทั้ง 3 นั่นยังติด 1 ใน 3 เวทย์พลังที่ดีที่สุดของแต่ละประเภทที่ลัทธิบูชาไฟของเรามี!”
“และในบรรดาศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ เหล่าศิษย์ที่มาจากแท่นบูชาทั้ง 3 แม้จะไม่ได้น้อยนิดจนเหลือเชื่อถึงขั้นมีไม่ถึง 10 คนดั่งแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเรา ทว่าแต่ละแท่นนั้นก็มีศิษย์ที่เข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นมิเกิน 30 คน!”
อาวุโสเพลิงทองแดงที่กล่าวออก พอถึงท้ายประโยคก็เน้นเสียงหนักขึ้น
‘อะไรกัน? ทำความเข้าใจเวทย์พลัง…นี่มันยากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอ?’
ต้วนหลิงเทียนสงสัย
นั่นเพราะเขารู้สึกว่าเวทย์พลังระดับสูงทั้ง 2 ของเขาไม่ว่าจะปฐมเวทย์กลืนกิน หรือเซียนอมตะข้ามภพนั้น เขาสามารถทำความเข้าใจจนเพาะสร้างพวกมันได้อย่างราบรื่นนัก เช่นนั้นเวทย์พลังอื่นๆก็ไม่น่าจะยากอะไร
สิ่งที่ยากกว่าก็คือบรรลุความเข้าใจเวทย์พลังนั้นๆ จนสำเร็จขั้นตอนไร้ตำหนิต่างหาก!
มีเพียงบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิเท่านั้น เวทย์พลังถึงจะเปล่งอานุภาพออกมาสูงสุด!!
อย่างไรก็ตามมองจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ไฉนทุกผู้คนถึงได้แลดูร้อนใจทดท้อกันนัก? หรือสำหรับผู้อื่นแล้วการทำความเข้าใจเวทย์พลังมันเป็นเรื่องยากเย็นขนาดนั้นจริงๆ?
จังหวะนี้อดไม่ได้ที่ต้วนหลิงเทียนจะงุนงง
แต่เขาคุ้นชินเสียแล้ว…ว่าถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามผู้เฒ่าหั่ว!
(บ้านเราต้องถามสาวยาคูลท์! ใครเกิดทัน ‘อยากรู้ถามสาวยาคูลท์สิคะ’ บ้างเอ่ย!)
พอคิดถึงผู้เฒ่าหั่วขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าส่งเสียงไปกล่าวถามอีกฝ่ายที่โคจรฟื้นพลังอยู่ที่ชั้น 1 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที “ผู้เฒ่าหั่ว ทำไมผู้อื่นกล่าวว่าเวทย์พลังมันยากจะทำความเข้าใจนักล่ะ ยิ่งเวทย์พลังระดับสูงยิ่งแล้วใหญ่เลย? หากมันยากเย็นขนาดนั้น ไฉนข้าไม่รู้สึกว่ามันยากอะไรตอนทำความเข้าใจพวกมันเลยเล่า? ไม่ว่าจะปฐมเวทย์กลืนกินหรือเซียนอมตะข้ามภพ ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะติดขัดอะไรตรงไหน…”
“เจ้านี่มัน…ช่างมิได้ตระหนักถึงพรจากฟ้าของเจ้าจริงๆ” ผู้เฒ่าหั่วที่ได้ฟังคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มเจื่อนๆ “เจ้ามิรู้หรือไรว่าเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ที่เจ้าบ่มเพาะอยู่มันยิ่งใหญ่ปานใด? เจ้ามิรู้หรือว่ามันเป็นเคล็ดบำเพ็ญจิตที่ดี่ที่สุดสำหรับผู้ฝึกใจกระบี่? มีคำกล่าวที่ว่า ‘เพียงใจแน่วแน่ แม้ศิลาผาแกร่งยังแหวกเปิดได้’ รู้แจ้งมิรู้แจ้งล้วนอยู่ที่ใจทั้งสิ้น!”
“ถึงแม้ความสำเร็จในยอดใจกระบี่ของเจ้ายังมิทันบรรลุถึงขั้นสูงสุด แต่ใจที่ผ่านการเคี่ยวกรำทั้งสำนึกถึงแก่นแท้ของแต่ละขั้นที่ผ่านมา มันทำให้ความเข้าใจของเจ้าต่อสรรพสิ่งเพิ่มพูนสูงขึ้น นับประสาอะไรกับทำความเข้าใจเวทย์พลัง! ข้ายังจะกล่าวบอกเจ้าไว้เลย หากเจ้าบรรลุเคล็ดยอดใจกระบี่ของเจ้าถึงขั้นสูงสุดล่ะก็ ต่อให้เป็นเวทย์พลังระดับสูงอันใด อย่างช้าเจ้าก็ใช้เวลาทำความเข้าใจมัน 3 วัน 3 คืนเท่านั้น!”
กล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงยามกล่าววาจาของผู้เฒ่าหั่วเผยความอิจฉาไม่น้อย “ข้าเคยบอกเจ้าเนิ่นนานแล้ว ว่าอาจารย์ของเจ้าผู้นี้ แม้กระทั่งในระนาบเทวโลกไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์แดนใดก็นับเป็นอัจฉริยะดั่งปีศาจ…การที่เจ้าสามารถสืบทอดมรดกรับเคล็ดความ ยอดใจกระบี่ มาได้ นับเป็นสิ่งประเสริฐเลิศล้ำดั่งพรจากฟ้าแล้วจริงๆ…”
“ยอดใจกระบี่…กลับให้ผลลัพธ์อะไรแบบนี้ด้วย? นี่จะไม่ร้ายกาจไปหน่อยหรือ?”
หลังได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง เขารู้สึกว่าราวกับตัวเองพึ่งจะรู้จัก ยอดใจกระบี่ เป็นวันแรก…
มาตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าไฉนที่ผ่านมาเขาถึงทำความเข้าใจเวทย์พลังระดับสูงอย่าง ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ และ ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ ได้ง่ายดายนัก…ที่แท้เป็นความดีความชอบของยอดใจกระบี่นี่เอง!
“เช่นนั้นหากข้าทำความเข้าใจขั้นที่ 3 ของยอดใจกระบี่ได้สำเร็จ…ความสามารถในการทำความเข้าใจของข้าก็จะสูงขึ้น แถมทำเข้าใจเวทย์พลังระดับสูงได้เร็วขึ้นอีกด้วยงั้นสิ!?”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนที่จะถามผู้เฒ่าหั่วเพื่อยืนยัน
“ย่อมเป็นเช่นนั้นตามธรรมชาติ”
ผู้เฒ่าหั่วก็ให้คำตอบด้วยความมั่นใจ
ทันใดนั้นลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมา ในใจยังบังเกิดความตื่นเต้นไม่น้อย ‘แบบนั้นไม่ได้หมายความว่า ถึงคนทั่วไปจะยากทำความเข้าใจเวทย์พลังปรากาฬเต่าทมิฬอันเป็นเวทย์พลังสายป้องกันระดับสูงนี่ได้…แต่สำหรับข้ามันไม่ยากรึไง?’
‘แต่จะว่าไปแล้วก็เหลือเชื่อจริงๆ ที่เวทย์พลังปราการเต่าทมิฬของลัทธิบูชาไฟ จะเป็นถึงเวทย์พลังสายป้องกันที่ดีที่สุดในลัทธิบูชา 1 ใน 3 ลัทธิผู้เป็นดั่งมหาอำนาจผู้ปกครองดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน! นั่นหมายความว่าเวทย์พลังป้องกันปราการเต่าทมิฬก็คือเวทย์พลังสายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนดินกลายๆงั้นสิ!’
พอคิดถึงตรงนี้ใจต้วนหลิงเทียนยิ่งคึกคักอักโขนัก
เพราะเขาคิดว่าจะอย่างไรเขาก็ต้องเพาะสร้างเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้แน่นอน!
“เวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ…เป็นเวทย์พลังสายป้องกันอันดับ 1 ของลัทธิบูชาไฟ?”
“เช่นนั้นก็มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนมันถึงได้ทำความเข้าใจได้ยากเย็นนัก!”
“ถึงเวทย์พลังของอีก 3 แท่นบูชาจะมิได้ทรงพลังเท่ากับปราการเต่าทมิฬ แต่ก็มิได้หมายความว่าพวกมันธรรมดา! ทั้งหมดเพราะพวกเราเอามาเทียบกับปราการเต่าทมิฬต่างหาก!!”
“ดูเหมือนว่าสุดท้ายแล้วมิว่าจักเป็นเวทย์พลังอันใด ก็ต้องดูความสามารถในการทำความเข้าใจของพวกเราเอง!”
“จักรู้แจ้งได้หรือไม่ล้วนมิเกี่ยวกับพรสวรรค์รากวิญญาณ หากแต่เป็นดั่งมายาที่ต้องมองผ่านด้วยตาตัว…มิรู้ว่าพวกเราจะมีใครทำความเข้าใจกระทั่งเพาะสร้างเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้หรือไม่? เห็นว่าเวทย์พลังสายป้องกันยิ่งเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจกว่าสายอื่นอีกด้วย!”
…
ได้ยินคำอธิบายของอาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 2 กลุ่มศิษย์ใหม่ของแท่นบูชาเต่าทมิฬก็ไม่คิดจะบ่นอะไรอีกต่อไป…
“พวกเจ้าแลเห็นตำหนักที่ต้องล้อมรอบแท่นบูชาหรือไม่…ตำหนักแต่ละหลังล้วนรับผิดชอบเรื่องราวแตกต่างกัน ตำหนักหลังนั้นจักเป็นฝ่ายบุคคลที่คอยจัดแจงเรื่องลงทะเบียนรวมถึงเรื่องสัพเพเหระให้พวกเจ้า แต่พวกเจ้าค่อยไปจัดการและเรียนรู้เรื่องราวของแต่ละตำหนักด้วยตัวเองทีหลังแล้วกัน ตอนนี้พวกเจ้าตามข้าไปยังส่วนที่พักของพวกเจ้าก่อน…”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ โดยมีอาวุโสเพลิงทองแดงเหินนำ ก็มุ่งหน้าไปยังส่วนที่พัก…อันเป็นสถานที่ๆทุกคนจะต้องใช้ชีวิตอยู่นับจากวันนี้เป็นต้นไป…