War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1924
ตอนที่ 1,924 : ไม่จำเป็น!
“แก้แค้น?”
กู่หลงชะงักไปวูบหนึ่งเมื่อได้ยินคำของกู่ชุน จากนั่นก็ผลักร่างกู่ชุนที่สวมกอดอยู่ออกไปเบาๆ ค่อยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงขึงขัง “เสี่ยวชุน ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าหายไปแล้วจริงๆหรือ?”
“เป็นความจริงท่านพี่ รากวิญญาณของข้าหายไปแล้วจริงๆ”
ได้ยินคำถามของกู่หลง กู่ชุนกล่าวตอบออกไปเสียงอ่อย สีหน้าท่าทางของมันยังคล้ายเจ็บปวดสุดแสน
“พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าอยู่ดีๆมันหายไปได้อย่างไรกัน? แล้ว…เจ้าบอกให้ข้าล้างแค้น? ล้างแค้นอะไร?”
กู่หลงขมวดคิ้วเป็นปม แลดูสับสนไม่น้อย
จากที่อาวุโสเพลิงทองแดงกล่าว เห็นว่ากระทั่งน้องชายของมันเองก็ไม่รู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปได้อย่างไรไม่ใช่หรือ?
หากเป็นแบบนั้นทำไมอีกฝ่ายถึงบอกให้มันล้างแค้นเล่า?
ล้างแค้นผู้ใด?
“ท่านพี่ ข้าสงสัยว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน! อย่างไรก็ตามข้าไร้ซึ่งหลักฐานอันใดชี้ชัด เช่นนั้นข้าจึงไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าเป็นมันกระทำ…อย่างไรก็ตามหากมันไม่ใช่ผู้ลงมือ ข้าก็ไม่อาจนึกออกได้จริงๆว่าไฉนรากวิญญาณของข้าอยู่ดีๆมันถึงได้ถึงหายไปแบบนี้…”
เผชิญกับคำถามของกู่หลง กุ่ชุนก็เริ่มเล่าเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนออกไปทั้งหมด กระทั่งเล่าถึงจุดน่าสงสัยที่ต้วนหลิงเทียนกระทำออกมาหมดสิ้น
“ข้าคิดว่ามันเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง! กระทั่งข้ายังมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าในเรื่องนี้! ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าหายไปแล้วแท้ๆ แต่ข้ากลับไม่อาจจัดการมันได้!”
กล่าวจบกู่ชุนก็กำหมัดแน่น
“เปิดกางเขตแดนเพื่อปิดกั้นสายตาผู้คนงั้นเหรอ…ฟังจากที่เจ้าเล่ามา 9 ใน 10 ส่วนล้วนเป็นเพราะมันที่ทำให้รากวิญญาณของเจ้าหายไป”
ลูกตากู่หลงเผยประกายเย็นชาออกมา หลังนิ่งคิดไตร่ตรองไปพักหนึ่ง “มันสมควรสำเร็จทักษะอันน่าเหลือเชื่อบางประการที่สามารถทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณโดยมิทำลายดวงจิตของผู้อื่นได้…”
“ทว่าในสายตาของคนทั่วไป ถึงแม้จะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ก็ยังเป็นมิได้ที่จะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของใครโดยไม่ทำร้ายดวงจิตของคนๆนั้น! เช่นนั้นตั้งแต่ต้นจนจบจึงมิมีผู้ใดคลางแคลงสงสัยมัน!!”
ท้ายประโยค ขณะกล่าวกู่หลงยังเผยจิตสังหารเย็นเยียบออกมา จนบรรยากาศรอบกายคล้ายจะเย็นลงทันตา
หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่แล้วได้ยินคำของกู่หลง เกรงว่าคงมีหวาดเสียวกันบ้าง
ถึงแม้ว่ากู่หลงอาจจะไม่ได้เดาถูกทั้งหมด แต่ก็มีเค้าความจริงอยู่หลายส่วน!
“ฟังท่านพี่แล้วข้าก็คิดว่ามันสมควรเป็นเช่นนั้นจริงๆ! อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนที่แล้ว พอต้องเผชิญหน้ากับการสาบานต่อทัณฑ์อัสนีข้ากลับหวาดกลัวที่จะเดิมพัน…ข้ากลัวว่าหากมันไม่ได้ทำจริงๆ ข้าจะถูกฟ้าพิฆาตตายตก! ท่านพี่ข้าใช่คนขี้ขลาดหรือไม่ ท่านคงผิดหวังในตัวข้าแล้วใช่ไหม?”
ต่อหน้ากู่หลง กู่ชุนก็เป็นเหมือน ‘เด็กน้อย’ คนหนึ่ง
“เสี่ยวชุน เจ้ามิได้ขี้ขลาด ในกรณีที่ไม่มั่นใจการที่เจ้าระวังตัวและเลือกทำเช่นนั้นย่อมสมควรแล้ว…เสี่ยวชุนเจ้าทำดีแล้ว!”
กู่หลงส่ายหัวไปมาทันทีหลังได้ยินคำกู่ชุน
ทว่าชั่วพริบตานั้นลึกลงไปในลูกตาพลันทอประกายเรืองวูบขึ้นมาด้วยอำมหิต คล้ายอยากจะฆ่าใครสักคนให้ตาย!
แน่นอนว่าเป้าหมายความอำมหิตนี้ไม่ได้เพ่งเล็งไปที่กู่ชุน
มันมุ่งเป้าไปที่ ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน!
“ท่านพี่…ข้าอยากให้ต้วนหลิงเทียนมันตาย!!”
การมาถึงของกู่หลง ก็เสมือนแสงสว่างที่ส่องสาดมาปัดเป่าความมืดครึ้มอึมครึมในใจเพราะความทุกข์ตรมของกู่ชุน ลูกตามันบัดนี้ไม่เหลือความเศร้าซึมคงมีแต่ประกายเย็นชามากจิตสังหาร ใบหน้ายังถมึงทึงปานอสุราเคืองแค้น ราวกับต้วนหลิงเทียนไปฆ่าบิดาถล่มมารดาของมันมาอย่างไรอย่างนั้น!
“เสี่ยวชุนเจ้าไม่ต้องห่วงไป มันไม่ได้ตายดีแน่!”
ตอนนี้เองกู่หลงได้นำชุดที่อาวุโสเพลิงทองแดงให้มาก่อนหน้าขึ้นมาเปลี่ยน กระบี่ยาวพร้อมฝักในมือก็ถูกนำไปสะพายไว้ที่หลัง
การสวมชุดเครื่องแต่งกายของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเช่นนี้ นั่นหมายความว่าตัวมันก็ถือเป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬแล้ว
กล่าวให้ชัดก็คือศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ!
“พี่ใหญ่ แต่กฏของลัทธิบูชาไฟเคร่งครัดยิ่งนัก พวกเรามิอาจลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนที่นี่จนเป็นที่ละเมิดกฏของลัทธิบูชาไฟได้! คงไม่คุ้มที่พวกเราจะเอาอนาคตไปแลกกับชีวิตสวะของมัน”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์คราหนึ่ง กู่ชุนพลันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“เรื่องนั้นไม่จำเป็น!”
อย่างไรก็ตามกู่หลงที่ได้ยินคำของกู่ชุนชัดเจน กลับกล่าวปฏิเสธออกมาทันที
หลังจากได้เห็นสีหน้างุนงงและมองมาด้วยสายตาว่างเปล่าไม่เข้าใจของกู่ชุน กู่หลงพลันกล่าวอธิบายออกไปอย่างไม่รีบไม่ร้อนทันที “เสี่ยวชุน เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าพี่ชายของเจ้าผู้นี้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน…ต่อให้ข้าจะละเมิดกฏของลัทธิบูชาไฟเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นไป แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าลัทธิบูชาไฟจะเลือกให้พี่ชายเจ้าคนนี้ชดใช้ด้วยชีวิตจริงๆ? ชดใช้ชีวิตให้ศิษย์ดาษๆที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลือง?”
“แน่นอนว่าไม่!”
กู่ชุนได้ฟังก็ส่ายหัวไปมาทันที
ล้อกันเล่นหรือไร!
ศิษย์อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ไหนเลยจะยกไปเทียบกับศิษย์ธรรมดาที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงแค่สีเหลืองได้?!
ถึงแม้คนแรกจะฆ่าคนหลังไปเสีย แต่ลัทธิบูชาไฟที่นิยมผู้อัจฉริยะมากที่สุด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายอัจฉริยะเช่นนี้ อย่างดีก็ลงโทษให้หนักหน่อยเท่านั้น!
เพราะอย่างไรเสียอัจฉริยะระดับนี้ยามเติบโตขึ้นไป วันหน้าก็คงมิพ้นต้องกลายเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์แน่แท้ ตำแหน่งผู้อาวุโสเพลิงเงินนั้นเป็นที่แน่นอนว่าต้องได้รับแน่ๆ กระทั่งอาจจะได้เป็นถึงผู้อาวุโสเพลิงทอง!
ถึงตอนนี้ในบรรดาผู้อาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟ จะมีเพียง 3 คนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินก็ตาม
แต่ลัทธิบูชาไฟจะเลือกทำลายอัจฉริยะที่มีโอกาสจะได้เป็นอาวุโสเพลิงเงินหรือเพลิงทองในอนาคตไป เพื่อเห็นแก่ศิษย์สามัญที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองที่ไร้วันบรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์งั้นหรือ?
เรื่องเช่นนี้ลัทธิบูชาไฟมิอาจหักใจกระทำได้!
“และหากข้ามิได้สวมใส่ชุดของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ เรื่องราวจักแตกต่างออกไปแล้ว…เพราะเกิดข้าฆ่ามันในฐานะคนนอก น่ากลัวว่าลัทธิบูชาไฟจักไม่สนใจอันใดทั้งสิ้น และจำต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อรักษาหน้าตาศักดิ์ศรีไม่ผิดแน่…แบบนั้นข้าก็ต้องตายสถานเดียว!”
“ทว่าตอนนี้ข้าสวมใส่ชุดศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ ถึงแม้จะฆ่าเจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นไป แต่ลัทธิบูชาไฟย่อมมองว่านี่เป็นเรื่องราวความขัดแย้งภายในบ้าน…”
กู่หลงกล่าวออกชัดถ้อยชัดคำ “ตราบใดที่ข้าแสดงคุณค่าของข้าให้ลัทธิบูชาไฟเห็น ลัทธิบูชาไฟย่อมมิมีทางเอาชีวิตข้าเพื่อชดใช้ชีวิตต้วนหลิงเทียนนั่น…อย่างดีข้าก็แค่ถูกกักขังรับทัณฑ์ทรมานไม่กี่สิบกี่ร้อยปี!”
กู่หลงเต็มไปด้วยความมั่นใจในเรื่องนี้นัก
“เสี่ยวชุน…เจ้าต้วนหลิงเทียนอันใดนั่น มันพักอยู่บ้านชั้น 3 หลังใด?”
กล่าวออกอีกครั้ง กู่หลงพลันเหินลอยขึ้นไปบนฟ้า พร้อมว่ายตามองสำรวจไปยังบ้านชั้น 3 นับพันรอบๆ
“หืม? นี่เจ้านั่นมันเป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราด้วยงั้นเรอะ?”
ถึงแม้ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬจะไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างกู่หลงกับกู่ชุน แต่พวกมันย่อมตระหนักได้ว่าทั้งคู่สมควรสนิทสนมกันไม่น้อย
นอกจากนี้อยู่ๆกู่หลงนั่นกลับเปลี่ยนไปสมชุดศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกมันต่อหน้าต่อตา!
“แปลกจัง ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย…”
“อ่าว นั่นมันมิได้แค่มาหาสหายที่แท่นบูชาไฟเต่าทมิฬเราหรอกเหรอ? ข้าพึ่งเห็นอาวุโสเพลิงทองแดงพามันมาส่ง!”
“หืม? เจ้าว่ามันพึ่งมาถึงหรือ? หรือจะเป็นศิษย์ที่พึ่งเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟเราเป็นพิเศษ…แต่เห็นว่ามีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินขึ้นไปเท่านั้นนี่นา ถึงจะได้รับอภิสิทธิ์เช่นนี้!”
“หรือว่า…เจ้าหมอนั่นมันจะเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน?”
…
ในขณะที่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกล่าวถึงจุดนี้ สายตาที่มองไปยังร่างคนแปลกหน้าก็เผยประกายลุกวาวร้อนแรงขึ้นมา
หลังกู่หลงลอยร่างขึ้นฟ้ามาได้สักพัก เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬพลันขมวดคิ้วออกมา เพราะทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ท่วมท้นอบอวลอยู่รอบกาย!
“จิตสังหารนั่นมัน…นี่เจ้านั่นมันคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้านจับใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอำมหิตนี้ของกู่หลง
“ท่านพี่ เป็นบ้านหลังนั้น”
ในขณะที่ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกำลังสงสัย เสียงของกู่ชุนพลันดังขึ้น
ขณะเดียวกันพวกมันก็เห็นกู่ชุนเหินร่างลอยตามขึ้นไป ก่อนที่จะชี้ไปยังบ้านพักชั้น 3 หลังหนึ่งแล้วเหินร่างนำออกไปทันที
“เฮ่ย! บ้านพักชั้น 3 หลังนั้น มิใช่หลังที่ต้วนหลิงเทียนพักอยู่หรอกเหรอ!?”
ทันใดนั้นมีศิษย์หลายคนที่จดจำได้ว่าบ้านพักชั้น 3 ที่กู่ชุนชี้มันเป็นบ้านพักของใคร…พวกมันย่อมตระหนักได้ทันทีว่าที่แท้นี่มันเรื่องราวอะไร เจตนาฆ่าฟันของกู่หลงนั้นที่แท้ก็มุ่งเป้าไปที่ต้วนหลิงเทียน!
“เดี๋ยวนะ…เมื่อครู่กู่ชุนเรียกเจ้านั่นว่าท่านพี่หรือ?”
“งั้นเจ้านั่นก็เป็นพี่ชายกู่ชุนงั้นสิ?”
……
ไม่นานความสนใจของเหล่าศิษย์ก็ไปหยุดอยู่ที่คำ ‘ท่านพี่’ ที่กู่ชุนใช้เรียกกู่หลง และเรื่องนี้นับว่าทำให้พวกมันฮือฮากันไม่น้อย
ไม่ว่าพวกมันจะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่พวกมันก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าที่แท้อีกฝ่ายจะเป็นพี่ชายของกู่ชุน!
ในขณะเดียวกัน บ้านพักชั้น 3 หลังที่กู่ชุนชี้ไปนั้น อยู่ๆก็มีร่างหนึ่งเปิดประตูออกมาก่อนจะเหินลอยขึ้นไปในอากาศ…เป็น ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่พึ่งออกจากชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
“ผู้เฒ่าหั่วบอกว่า…มีคนคิดร้ายกับข้าอยู่ข้างนอก”
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำแจ้งเตือนของผู้เฒ่าหั่ว เขาจึงหยุดพักบ่มเพาะและออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
เมื่อออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูบ้านออกมาทันที
และทนทีที่เขาออกมา เขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีดวงตาเยียบเย็นคู่หนึ่งทอดมองมาจากบนฟ้าหล่นลงที่ร่างของเขา ทั้งดวงตาทั้ง 2 คู่ยังเปี่ยมล้นไปด้วยจิตฆ่าฟัน!
“เป็นกู่ชุนกับหลี่อันอีกแล้วหรือ?”
นี่เป็นความคาดเดาของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่เขาจะแหงนหน้าขึ้นมอง
และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไป เขาก็พบเจ้าของสายตา 2 คู่ที่ว่า
หนึ่งในนั้นคือกู่ชุนที่เขาคุ้นหน้าดี ทว่าอีกคนกลับไม่ใช่หลี่อัน แต่เป็นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ
และตอนนี้จิตสังหารของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬดักล่าว ก็ละออกจากบ้านพักชั้น 3 ของเขา และเบนเป้ามาที่เขาโดยตรง
เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของมันก็คือเขาเอง!
“มันเป็นใครกัน?”
หลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัยเมื่อเห็นศิษย์คนดังกล่าวลอยร่างข้างๆกู่ชุน
“ท่านพี่ มันคือต้วนหลิงเทียน!”
ขณะนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงเปี่ยมโทสะแค้นของกู่ชุนกล่าวกับชายวัยกลางคนที่สะพายกระบี่ยาวไว้ด้านหลัง
“หืม? พี่ชายของกู่ชุนงั้นรึ?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจ
ที่แท้ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนนี้ก็เป็นพี่ชายของกู่ชุนนี่เอง ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะคิดร้ายต่อเขา
“ว่าแต่…กู่ชุนมันมีพี่ชายเป็นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬด้วย?“
ต้วนหลิงเทียนคิดว่าพี่ชายคนนี้ของกู่ชุนเป็นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬแต่แรก เขาไม่ได้นึกถึงเรื่องที่พี่ชายอีกฝ่ายจะพึ่งมาถึงลัทธิบูชาไฟวันนี้สดๆร้อนๆ
ยิ่งไม่ได้คาดคิดว่าพี่ชายของกู่ชุนจะเป็นถึงอัจฉริยะ ผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!
“เจ้าน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียน?”
แทบจะทันทีที่วาจากู่ชุนดังจบคำ สองตาของกู่หลงก็มองเขม็งไปยังต้วนหลิงเทียนทันที กล่าวถามออกมาเสียงต่ำเยียบเย็น
“เป็นข้าเอง แล้วเจ้ามีปัญหาอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดสุภาพอะไรอีกเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากกู่หลง จึงกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“โอหังดีนี่!”
ใบหน้ากู่หลงลดต่ำลงทันใด กล่าวเย้ยเยาะคำหนึ่ง มือพลันสะบัดชักกระบี่ที่สะพายไว้ด้านหลังออกมาฉับไวปานสายฟ้าฟาด ค่อยกล่าวออกมาด้วยเสียงดังอำมหิต “ให้ข้าดูว่าเจ้ามีฝีมือมากพอให้โอหังเช่นนี้หรือไม่!”