War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1928
ตอนที่ 1,928 : กลืนกินรากวิญญาณสีน้ำเงิน!!
หลังเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นไม่ทันไร กู่หลงพลันตระหนักได้ทันทีว่า
ถึงแม้เขตแดนของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจทรงพลังยิ่งกว่าเขตแดนของมัน หากทว่าอีกฝ่ายควบรวมเขตแดนขึ้นจากพลังเซียนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญ จึงทำให้อานุภาพเขตแดนอีกฝ่ายทัดเทียมกับเขตแดนสุสานพันกระบี่ของมัน!
“เฮอะ! เจ้าคิดว่าอาศัยเพียงเปิดใช้เขตแดนนี้ของเจ้า แล้วคิดว่าจะมีปัญญาทะลวงฝ่าการป้องกันของข้าได้หรือไร ช่างไร้เดียงสานัก!”
มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สีหน้าแววตาของกู่หลงกลายเป็นดูแคลนหยันหยามไม่น้อย
เพราะถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเปิดใช้เขตแดน แต่ก็ไม่มีทางที่จะทำลายม่านพลังป้องกันของมันได้!
เรื่องนี้มันมั่นใจมาก!
“ข้าไม่ได้คิดใช้เขตแดนเพื่อจัดการเจ้า….”
เมื่อพบว่าตอนนี้ เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขา ได้บดบังสายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเป็นที่เรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับกู่หลงด้วยทีท่าไร้แยแส
และวาจานี้พอดังเข้าหูกู่หลง ก็เป็นดั่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้ามาก่อน พาลให้สีหน้ากู่หลงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจังทันที ลึกลงไปในแววตายังเผยความหวาดกลัวประการหนึ่ง
“อย่าได้เสแสร้งทำเป็นแน่!”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่งเพื่อสะกดอาการหวั่นใจ กู่หลงพลันคำรามออกมา
“เสแสร้งทำเป็นแน่?”
ได้ยินคำของกู่หลง ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวไปมาพร้อมยกยิ้ม และทีท่าปลอดโปร่งขบขันนี้ ยิ่งทำให้ใจของกู่หลงดิ่งลงทันใด
ทว่าพอดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้อีกครั้ง กู่หลงก็รู้สึกอับอายนักที่เสียอาการไปเพราะอีกฝ่าย! เร่งจู่โจมออกไปด้วยโทสะทันที!!
“เซียนอมตะข้ามภพ!” ร่างต้วนหลิงเทียนโจนทะยานขึ้นไปบนฟ้าสูง! พลังอำนาจของปีกอีกาทองคำเปล่งออกถึงขีดสุด! คนทั้งคนคล้ายสลายหายไปในอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตากู่หลง!!
“อะไร!?”
เห็นฉากนี้จิตใต้สำนึกของกู่หลงพลันร้องเตือนถึงอันตราจ้า มันไม่อาจแลเห็นจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนกำลังทำอะไร!
และเมื่อต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานขึ้นไปเขตแดนหมื่นกระบี่ย่อมติดตามไปดั่งเงาเช่นกัน
กระทั่งเมื่อต้วนหลิงเทียนวูบร่างหายไป เขตแดนหมื่นกระบี่ก็คล้ายจะอันตรธานหายไปเช่นกัน!
จังหวะนี้ร่างของกู่หลงพลันปรากฏสู่สายตาของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬอีกครั้ง
“ต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ ใช่เหินร่างทะยานขึ้นฟ้าไปหรือไม่? คิดหนีแล้ว?”
“หรือผลหนุนเสริมของเวทย์พลังนั่นกำลังจะหมดไป?”
“อาจเป็นได้!”
……
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่พอเห็นร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งหายขึ้นฟ้าไปรางๆ กล่าวออกมาทำลายความเงียบสงบที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“ผลของเวทย์พลังหนุนเสริมมันกำลังจะหมดไปงั้นรึ!?”
กู่หลงถึงกับตกอยู่ในภาวะตะลึงอึ้งเหวอหลังได้ยินคำกล่าวโดยรอบของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ มันนิ่งไปพักหนึ่งสองตาค่อยลุกวาวขึ้นมาคล้ายรู้แจ้งบางสิ่ง!
“สารเลวเอ๊ย! ข้ากลับหลงกลัวไปได้!!”
กู่หลงรู้สึกเจ็บใจไม่น้อย พอคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้ามันเผลอหวาดกลัวอีกฝ่ายไป!
พริบตาต่อมามันก็ควบแน่นพลังกว่า 7 ส่วนลงขา ก่อนจะกระทืบอากาศอย่างแรงส่งร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!
“ต้วนหลิงเทียน! ตอนนี้ความเร็วของเจ้าเหนือกว่าข้า! แต่ทันทีที่ผลของเวทย์พลังเจ้าหมดลงเมื่อใดถึงยามนั้นเจ้าจักเอาอันใดมาสู้ข้า? คราวนี้เจ้าตายแน่!!”
พุ่งทะยานบึ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง ใบหน้ากู่หลงเผยรอยยิ้มร่าอย่างลิงโลด ด้วยคิดว่าอีกไม่นานต้วนหลิงเทียนคงต้องถึงแก่กรรมคามือมันแน่!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
อย่างไรก็ตาม แทบจะพร้อมกันกับที่ร่างกู่หลงพุ่งทะยานขึ้นพ้นหมู่เมฆ พลันปรากฏเสียงกระบี่แหวกฟ้าดังหวีดหวิวจี้เข้ามาจากทุกทิศทาง!
และเมื่อศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬได้ยินเสียงกระบี่แหวกฟ้าดังขึ้นพร้อมๆกันกับกู่หลงนั้นเอง พวกมันก็เห็นว่าปรากฏบอลแสงสีทองทรงกลมสว่างเจิดจ้ากินรัศมีร้อยหมี่คลุมครอบร่างกู่หลงเอาไว้ จนยากจะมองเห็นคนได้อีกต่อไป!
“หยุดมือ!!”
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬไม่ทันทราบว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่ พลันมีเสียงคำรามออกด้วยความดุร้ายมีอำนาจสะกดข่มหนึ่งดังขึ้น
ฟังจากเสียงแล้วคล้ายคนตะโกนกล่าวอยู่ไกลจากพวกมันมาก แต่พวกมันก็พอจะตระหนักกันได้ว่าเป็นเสียงใคร!
‘ฉิบ อาวุโสประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬมากันแล้ว!’ ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเขตแดนหมื่นกระบี่ สีหน้าเขาถึงกับเปลี่ยนไปทันที เร่งส่งเสียงกล่าวถึงอาวุโสหั่วอย่างไม่กล้ารอช้า! “ผู้เฒ่าหั่ว ช่วยข้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของมันที!”
ยามนี้เบื้องหน้าปรากฏกระบี่พลังมีสภาพสีทองเล่มหนึ่ง เสียบร่างไร้ชีวิตเอาไว้…
กล่าวให้ชัดร่างไร้ชีวิตดังกล่าวก็คือกู่หลง…
และตอนนี้ร่างกู่หลังยังคงเบิกตาโพลงมองจ้องมาที่เขา
ตามจุดสำคัญถึงตายของมันปรากฏหลุมโลหิตที่ยังคงมีโลหิตอุ่นๆไหลจ๊อกออกมา ซึ่งนี่เป็นบาดแผลที่ต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่ขั้นสูง เซียนอมตะข้ามภพจู่โจมสังหารมัน!
ตอนนี้เซียนอมตะข้ามภพของเขายังพึ่งสร้างร่างแยกอวตารได้แค่ 2 ร่างเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เซียนอมตะข้ามภพที่สำเร็จขั้นเบื้องต้น ยามเมื่อผสานกับพลังของเคล็ดยอดใจกระบี่ขั้นที่ 2 เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ต้วนหลิงเทียนก็สามารถทะลวงฝ่าม่านพลังคลุมกายจากวรยุทธ์เซียนสายป้องกันกู่หลงได้ดั่งเจาะเต้าหู้! กระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนตายตก กู่หลงยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!
กระบวนการสังหารทั้งหมดยังราบรื่นดั่งเมฆเคลื่อนคล้อยธารารินไหล!
น่าเสียดายก็แต่…
ด้วยความที่เขตแดนหมื่นกระบี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทัศนวิสัยของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬถูกปิดกั้น พวกมันจึงอดเห็นฉากสังหารที่ 3 กระบี่ของต้วนหลิงเทียนแทงทะลวงจุดตายกู่หลง!
“พรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน….”
เมื่อต้วนหลิงเทียนส่งเสียงเรียกผู้เฒ่าหั่ว สำนึกเทวะของผู้เฒ่าหั่วก็แผ่พุ่งออกมาทันที พริบตาก็ทะลวงเข้าไปในดวงจิตของกู่หลงจนค้นพบรากวิญญาณของมันได้อย่างง่ายดาย
โดยปกติแล้ว ผู้เฒ่าหั่วมักให้ความสนใจกับเรื่องราวภายนอกเจดีย์น้อยมากเพราะเห็นแก่ความเป็นส่วนตัวของต้วนหลิงเทียน ดังนั้นจึงพึ่งได้รับทราบเอาก็ตอนนี้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงเป็นสีน้ำเงิน
“ผู้เฒ่าหั่ว รบกวนท่านชักนำสำนึกเทวะของข้าไปสัมผัสถึงพรสวรรค์รากวิญญาณมันที…ข้าจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของมันก่อนที่อาวุโสของแท่นบูชาเต่าทมิฬจะมาถึง! ตอนนี้มันตายแล้ว ดวงจิตของมันก็กำลังจะแตกสลายหายไปเพื่อหวนคืนสู่สวรรค์และโลก…ถึงตอนนั้นพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินของมันไม่พ้นต้องหายไปด้วย! นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้า!!”
ทันทีที่สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนชำแรกเข้าไปรอในดวงจิตของกู่หลง เขาก็รีบกล่าวกระตุ้นเตือนผู้เฒ่าหั่วอย่างร้อนใจ
ขณะกล่าวคำกระตุ้นเตือนผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนยังพุ่งมือขวาไปจับกระหม่อมกู่หลงเพื่อเตรียมความพร้อม กระทั่งเริ่มโคจรพลังใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินรอเอาไว้ทันที!
“อืม!”
สัมผัสได้ถึงความกังวลร้อนใจของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็ไม่กล้าเพิกเฉย เร่งลากจูงสำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนด้วยสำนึกเทวะของตัวอย่างฉับไว ไม่ทันไรก็ไปพาไปถึงจุดที่พรสวรรค์รากวิญญาณกู่หลงตั้งอยู่! “พรสวรรค์รากวิญญาณของมันอยู่ตรงนี้ และด้วยความที่มันมีพรสวรรค์สูงกว่าครั้งนั้น พลังวิญญาณฟ้าดินที่กระเพื่อมย่อมมากกว่า…เจ้าสมควรสัมผัสถึงมันได้มิยาก”
“ข้าหาเจอแล้ว!!”
และแทบจะทันทีที่สิ้นคำกล่าวของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงเรียบร้อย!
เป็นดั่งที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวไว้ไม่มีผิด ด้วยความที่พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน ความผันผวนของพลังวิญญาณฟ้าดินรอบๆรากวิญญาณจึงเข้มข้นหนาแน่นกว่าของกู่ชุนมาก ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถสัมผัสเจอได้เร็วกว่าครั้งกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนหลายส่วน กระทั่งยังพบเจอแทบจะทันที จึงรีบเพ่งเล็งมันเอาไว้!!
หลังจากเพ่งเล็งไปที่พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงได้แล้ว เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นอะไรที่ง่ายดายนัก!
มีคำกล่าวที่ว่า ‘ครั้งแรกแปลกหน้า ครั้งสองคุ้นเคย’ นี่นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ต้วนหลิงเทียนกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณแบบนี้ ทุกการกระทำจึงไหลลื่นประหนึ่งคุ้นเคยดี!
เขายังควบคุมพลังได้อย่างยอดเยี่ยม ปลดปล่อยวังวนพลังดูดกลืนของปฐมเวทย์กลืนกิน และจัดการดูดกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงได้ในพริบตา!
‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารอบนี้ข้าจะคล่องขนาดนี้…แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายพลังของพรสวรรค์รากวิญญาณกู่หลงเองก็สลายหายไปมาก…’
ลอบระบายลมหายใจอย่างทอดถอนคราหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพรสวรรค์รากวิญญาณของเขา เพราะตอนนี้ความไวต่อสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินมันสูงขึ้น!
“ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า เปลี่ยนจากสีเหลืองเข้มกลายเป็นสีเขียวเข้มแล้ว!”
พอดีกันกับที่เสียงเตือนต้วนหลิงเทียนของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้น
“อย่างที่ข้าคิดไว้เลย…”
สำหรับผลลัพธ์นี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไร
พรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงจะอย่างไรก็เป็น รากวิญญาณสีน้ำเงิน…ถึงแม้พลังจะสูญหายไปในระหว่างกระบวนการกลืนกิน หากแต่ก็ยังเป็นดั่งขนมเปี๊ยะจากฟ้า ช่วยให้พรสวรรค์รากวิญญาณของเขา เปลี่ยนจากรากวิญญาณสีเหลืองเข้มเป็นสีเขียวเข้มได้สำเร็จ!
“หยุดมือ!!”
และในตอนนี้เอง เสียงคำรามพลันดังกึกก้องในอากาศอีกครั้ง ดึงสติต้วนหลิงเทียนให้กลับคืน เขาเร่งคลายเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาทันที
และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนคลายเขตแดนหมื่นกระบี่เรียบร้อยแล้ว เขาก็พบว่ามีร่างชรา 2 ร่างกำลังมุ่งหน้ามายังที่เขตพักของเหล่าศิษย์เต่าทมิฬด้วยความเร็วสูง หนึ่งเหินนำหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลัง!
มองไปยังชุดคลุมของชายชราทั้ง 2 คนก็เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ล้วนเป็นอาวุโสเพลิงเงิน
และหนึ่งในนั้นก็เป็นคนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียน
หากเป็นสถานการณ์ปกติ เหล่าศิษย์ที่อยู่ ณ ที่นี้คงต้องคารวะทักทายทั้งคู่อย่างมากมารยาทแล้ว…
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สายตาของพวกมันกลับจับจ้องขึ้นไปบนฟ้าสูง…
เมื่อสนามพลังสีทองประหลาดเจิดจ้าสลายหายไป สองตาพวกมันก็กลับมาเห็นภาพเรื่องราวอีกครั้ง มองไปก็มีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งเหินลอยอยู่อย่างสงบไร้เรื่องราว
ถัดออกมาไม่ห่างก็เป็นร่างไร้ชีวิตหนึ่ง ที่กำลังร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกหล้า! ไม่ทันไรก็ตกลงไปกระแทกพื้นกลับกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือน…
ตุบบบ!!
เสียงตกกระแทกพื้นยังประหนึ่งเสียงฆ้อนที่ดังกังวานในใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬโดยรอบ เมื่อทุกคนสามารถดึงสติกลับเข้าเนื้อเข้าตัวได้สำเร็จ สีหน้าต่างก็อดเผยความหวาดกลัวออกมาเสียไม่ได้!
“นิ…นี่มัน เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
“กู่หลง…กู่หลงตกตายแล้ว? มันเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสูงสุดมิใช่หรือ?”
“เซียนปฐพีขั้นสูงสุดกลับตกตายคามือเซียนปฐพีขั้นต้น…มีผู้ใดบอกข้าพเจ้าได้บ้าง ว่าเมื่อครู่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่!?”
“นี่ข้าใช่กำลังฝันไปอยู่หรือไม่?”
…
เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬได้แต่ตะลึงลานไปแล้วจริงๆ ฉากเรื่องราวที่เคยเงียบสงัดพลันกระหึ่มขึ้นมาด้วยเสียงตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ
สวรรค์!
นี่พวกมันได้มาเป็นพยานเรื่องอะไรกันแน่!
ผู้ฝึกตนอัจฉริยะด่านพลังเซียนปฐพีขั้นสูงสุดที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน…กลับตกตายด้วยน้ำมือของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณแค่สีเหลือง!
หากพวกมันไม่ได้มาเห็นเรื่องราวกับตา เกรงว่าใครมาเล่าให้ฟัง ต่อให้ยืนกรานให้ตายถึงขั้นหัวเด็ดตีนขาดพวกมันก็ไม่เชื่อ!
“ท่านพี่!!”
เสียงหดหู่อันเปี่ยมล้นไปด้วยความโศกเศร้าหนึ่งพลันดังขึ้น ร่างหนึ่งเหินพุ่งไปหยุดเหนือร่างเลอะเลือนของกู่หลง สองตาที่มองไปยังร่างไร้ชีวิตที่แหลกเหลวบนพื้นสั่นไหวพร่ามัวนัก…
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าลูกพี่ลูกน้องที่มันยึดถือว่าเป็นผู้ปลดปล่อยมันจากความแค้น…กลับตกตายเสียแล้ว!
ยังมาตายคามือคู่แค้นของมัน!
“ไม่จริง…เป็นไปไม่ได้!!”
หลังมองร่างกู่หลงไปได้อีกพักหนึ่ง จิตใจของกู่ชุนคล้ายไม่อาจยอมรับความจริงได้อีกต่อไป ตะโกนกล่าวออกมาอย่างไม่เชื่อ “เจ้าไม่ใช่ท่านพี่ของข้า! เจ้ามิใช่ท่านพี่ของข้า!! เจ้ามันไร้ประโยชน์…ท่านพี่ของข้าเก่งกล้ามากสามารถ มิใช่ตัวไร้ประโยชน์เช่นเจ้า!!”
“หืม? มันคือลูกพี่ลูกน้องของเจ้าที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน?”
ครู่ต่อมาพลันมีร่างชราหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างๆ กู่ชุน สองตาทอดมองลงไปยังร่างของกู่หลงอย่างเฉยเมย ถามออกเสียงเข้ม
และการปรากฏตัวของชายชราผู้นี้ ทำให้กู่ชุนที่คล้ายจะสติแตก สามารถดึงสติให้กลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้ง
“ท่านอาจารย์!!”
กู่ชุนเร่งคุกเข่าลงกลางอากาศทันที ยังก้มหัวโค้งลงไปงกๆคล้ายจะมุดหลุมอากาศ กล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า “ท่านอาจารย์ ลูกพี่ลูกน้องของข้าสิ้นไร้วาสนากับท่านเสียแล้ว! ท่านพี่มิมีวาสนากับท่านแล้ว!!”