War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 1992
ตอนที่ 1,992 : กลับมาจัตุรัสกลางอีกครั้ง
ได้ฟังวาจาของอีกฝ่ายต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มแหยๆออกมา
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะถกประเด็นนี้กับกวนซิ่วอีกต่อไป เพราะเขารู้ดีว่าโลกใบนี้นับถือผู้เข้มแข็งเป็นใหญ่ ในเมื่อกวนซิ่วเรียกหาเขาว่าศิษย์พี่จากใจ เช่นนั้นก็ทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
และหากเขายังเรียกอีกฝ่ายว่า “ศิษย์พี่” ก็รังแต่จะสร้างความลำบากใจให้อีกฝ่ายเท่านั้น
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน แม้พลังฝีมือของท่านจักกล้าแข็ง แต่เทียบกับศิษย์ที่แท้จริงแล้วเกรงว่ายังด้อยกว่า…ศิษย์ที่แท้จริงแทบทุกคนล้วนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนเป็นอย่างต่ำ…”
“และศิษย์พี่หยางเหวินผู้นี้ ก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนมาหลายปีแล้ว…” กวนซิ่วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาเผยความห่วงใยไม่น้อย
ได้รับความหวังดีจากกวนซิ่วเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมซาบซึ้งใจนัก เพราะอย่างไรก็ตามอีกฝ่ายกับเขาก็แค่เจอกันครั้งเดียวเท่านั้น แต่กลับมีใจคิดเป็นห่วงเขาแบบนี้ได้ นับว่าเป็นคนดีที่หาได้ยากคนหนึ่งทีเดียว
“เจ้าวางใจเถอะ…!” ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบกวนซิ่ว กระทั่งมองกวนซิ่วด้วยสายตาแน่วแน่เผยความมั่นใจอันล้นปรี่ จากนั้นก็เร่งเหินร่างติดตามศิษย์ที่แท้จริงอย่างหยางเหวินออกไปทันที
“หืม?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังกล้าที่จะเหินร่างตามมา หยางเหวินอดชักหน้าเคร่งเสียไม่ได้
“มันยังกล้าตามไปหรือ…ดูเหมือนว่าหากมิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา! ต้องเห็นสัญญาลงนามประลองเป็นตายก่อนค่อยสำนึกสินะ!”
“แต่การกระทำของมันครั้งนี้นับว่าได้ผลไม่น้อย…ถึงแม้มันอาจจะอ่อนด้อยกว่าศิษย์พี่หยางเหวินในแง่ของพลังฝีมือ แต่เรื่องใจนับว่ากดดันศิษย์พี่หยางเหวินได้แล้วจริงๆ”
“ใช่ พวกเจ้าดูสีหน้าศิษย์พี่หยางเหวินเข้าเถอะ…”
…
เมื่อสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดหันมาตกที่ร่างหยางเหวินมากเข้า เพื่อรักษาหน้าหยางเหวินจึงไม่กล้าชักหน้าเคร่งสืบต่อ เร่งปั้นหน้าเย้ยเยาะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงดูแคลนออกมา “ต้วนหลิงเทียนข้าจักรอดู…ว่ายามถึงวิหารเป็นตาย และอยู่ต่อหน้าสัญญาประลองเป็นตาย เจ้ายังจะทำเป็นเข้มได้เหมือนตอนนี้หรือไม่!!”
“ถึงตอนนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะมีความกล้ามากพอไม่ขาอ่อนตอนลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเล่า…”
“แต่ต่อให้เจ้าไม่กล้าลงนาม ข้าก็ยังจะทุบตีเจ้าให้ยับ ยังจะค่อยๆถลกหนังหน้าเสแสร้งนั่นของเจ้าออกมาทำพรมเช็ดเท้า!!” วาจาท้ายประโยคของหยางเหวินช่างเย็นเยียบเสียดกระดูกนัก ประหนึ่งจะผุกแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็งก็ไม่ปาน กระทั่งเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่ไม่ได้เป็นเป้าหมายวาจาอำมหิตดังกล่าว ยังอดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านขนลุกเกรียว!
“ถลกหนังหน้าข้า?”
หลังได้ยินวาจาอำมหิตเยียบเย็นของหยางเหวิน ลึกลงไปในดวงตาของต้วนหลิงเทียนพลันเผยประกายดุร้ายออกมาเรืองๆ
อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขายังสงบ…สงบจนน่ากลัว!
“เฮอะ! ให้ข้าดูเถอะ ว่าเจ้าจะยังเสแสร้งแสดงลึกลับเช่นนี้ได้อีกนานแค่ไหน!”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทางของต้วนหลิงเทียนยังคงสงบไม่แยแส แม้จะเผชิญกับวาจาขู่ข่มของมัน หยางเหวินก็หน้าม้านไปไม่น้อย เร่งตะคอกคำเสียงเย็นทั้งเหินร่างมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสกลางต่อทันที
ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างติดตามมันไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน แต่ต้นจนจบเขาไม่เคยคิดหลีกหนีการต่อสู้แม้แต่น้อย
ด้านหลัง ซุนเต๋อกับกวนซิ่วรวมถึงเหล่าศิษย์ชั้นยอดมากมายก็เหินร่างติดตามมาชมดูเรื่องราวเช่นกัน
เมื่อกลุ่มคนจำนวนมากพากันเหินร่างมาถึงจัตุรัสกลางอย่างพร้อมเพรียงเช่นนี้ ย่อมเรียกร้องความสนใจของเหล่าศิษย์ในจัตุรัสกลางได้ไม่น้อย
“มีอะไรกัน ไฉนถึงมีคนมุ่งหน้ามาจัตุรัสกลางพร้อมกันมากมายถึงขนาดนี้?”
“หือ? ที่เหินนำหน้าสุดนั่นมิใช่ศิษย์พี่หยางเหวินหรอกรึ?”
“เป็นศิษย์พี่หยางเหวินจริงๆ…ว่าแต่คนที่เหินร่างตามศิษย์พี่หยางเหวินมาคนนั้น ใครกันข้าไม่เคยเห็นหน้าเลย”
“ว่าแต่ไฉนศิษย์พี่หยางเหวินถึงได้มีสีหน้าดุร้ายเช่นนั้นเล่า…นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
……
ในบรรดาเหล่าศิษย์ชั้นยอดของลัทธิบูชาไฟนั้น ศิษย์ที่แท้จริงก็มีกันอยู่แค่ 170 คนเท่านั้น
แม้พลังฝีมือของหยางเหวินจะถือว่าอยู่ระดับล่างๆของศิษย์ที่แท้จริง แต่จะอย่างไรก็เป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง
เหล่าศิษย์ชั้นยอดย่อมจดจำมันได้เป็นอย่างดี
“เดี๋ยวๆ! ทางที่ศิษย์พี่หยางเหวินกำลังมุ่งหน้าไป…ไม่ใช่วิหารเป็นตายรึไง!?”
“จริงด้วย! ให้ตายเถอะ ที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!?”
“อย่าได้บอกข้านะว่าศิษย์พี่หยางเหวินกำลังจะประลองเป็นตายกับศิษย์ที่แท้จริงคนอื่น?”
…………
เมื่อตระหนักได้ว่าหยางเหวินสมควรมุ่งหน้าไปวิหารเป็นตาย เหล่าศิษย์ชั้นยอดนับพันที่อยู่ในจัตุรัสกลางถึงกับแตกตื่นกันไม่น้อย เสียงฮือฮาดังอื้ออึงไปหมด
และเมื่อหยางเหวินเหินร่างลงจอดที่วิหารเป็นตายจริงๆ เหล่าศิษย์ชั้นยอดในจัตุรัสกลางกกว่าพันคนก็ได้รับทราบเรื่องราวจากศิษย์ที่เหินร่างตามหยางเหวินมาด้านหลังเป็นขโยง
“อะไรนะ? ที่แท้ศิษย์พี่หยางเหวินเป็นลูกคนโตของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาลเองหรอกรึ?”
“แล้วเจ้าหนุ่มที่เหินร่างตามศิษย์พี่หยางเหวินไปวิหารเป็นตายเมื่อครู่ ก็คือต้วนหลิงเทียนที่พึ่งโด่งดังขึ้นมาในลัทธิบูชาไฟเรา? ต้วนหลิงเทียนคนที่เป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บและเชี่ยวชาญเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 4 สายนั่นน่ะนะ!?!”
“ฮะ!? เป็นต้วนหลิงเทียนที่ท้าศิษย์พี่หยางเหวินประลองเป็นตายงั้นเรอะ!?”
…………
เมื่อเบื้องหลังของเรื่องราวครั้งนี้ถูกศิษย์ชั้นยอดที่อยู่ในเหตุการณ์แต่แรกเล่าออกมา ก็สร้างความปั่นป่วนให้กับเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่พึ่งรับทราบความเป็นไปไม่น้อย!
อีกทั้งเรื่องที่ศิษย์ชั้นยอดเป็นฝ่ายท้าประลองเป็นตายกับศิษย์ที่แท้จริงแบบนี้ นับว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟ!
เพราะจะอย่างไรก็ตาม ศิษย์ที่แท้จริงก็เป็นดั่งสัญลักษณ์ของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์! นั่นไม่ใช่อะไรที่ศิษย์ชั้นยอดจะเทียบเทียมได้!!
ครู่ต่อมาเหล่าศิษย์ชั้นยอดในจัตุรัสก็ได้รับทราบว่า เหมือนที่ต้วนหลิงเทียนท้าทายเช่นนี้ จะเป็นการเล่นเกมจิตวิทยากับหยางเหวิน
“ข้าแทงสิบเอาหนึ่งเลยเอ้า! ว่าเดี๋ยวพอถึงวิหารเป็นตายเข้าจริงๆ ต้วนหลิงเทียนต้องไม่กล้าลงนามในสัญญาประลองเป็นตายกับศิษย์พี่หยางเหวินแน่!!”
“แต่ต้วนหลิงเทียนคนนี้นับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ…กลับกล้าใช้กลยุทธ์จิตวิทยาเล่นงานศิษย์พี่หยางเหวินได้ขนาดนี้ ข้าคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรล้มเลิกเรื่องประลองเป็นตายหลังเห็นศิษย์พี่หยางเหวินลงนามแน่นอน”
“จากรูปการณ์แล้วมีโอกาสเป็นอย่างที่เจ้าว่าสูงนัก…แต่หากศิษย์พี่หยางเหวินเกิดลังเลไม่กล้าลงนามในสัญญาประลองเป็นตายจริงๆล่ะก็…เกมจิตวิทยาครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมกลายเป็นฝ่ายชนะ!!”
………………
ความคิดเห็นของเหล่าศิษย์ชั้นยอดเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมไม่พ้นหูต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงชีพจรฟ้าจุดหูได้ครบถ้วน
กลยุทธ์ทางจิตวิทยา?
ก็นะ…เอาที่สบายใจเลย!
ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะได้ยินเรื่องนี้ หยางเหวินด้วยพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนก็สามารถจับใจความได้ไม่น้อยเช่นกัน
จังหวะนี้วูบหนึ่งในใจของหยางเหวินอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความลังเลขึ้นมา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเข้าจริงๆ มันรู้ตัวดีว่าใจยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่
ถึงแม้มันจะเป็นฝ่ายเหินนำต้วนหลิงเทียนมาที่นี่ แต่มันคิดจะทำให้ต้วนหลิงเทียนตื่นตระหนกเท่านั้น…เพราะสุดท้ายแล้วในใจมันก็มีความมั่นใจว่าจะฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แค่ 9 ส่วน…
เหตุผลที่ทำให้มันไม่อาจมั่นใจเต็ม 10 ส่วน เพราะถึงบัดนี้มันก็ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัด ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนกล้าประลองเป็นตายกับมันจริงๆ หรือที่แท้เป็นแค่การเส้แสร้งกันแน่…
บ่อเกิดความไม่มั่นใจนี้ของมันล้วนเป็นเพราะ…การตกตายของน้องชาย!
มันย่อมรู้ดีว่าหยางหวู่ตกตายเพราะอะไร!
หยางหวู่เป็นฝ่ายเสนอเรื่องการประลองเป็นตายและท้าทายต้วนหลิงเทียน! แต่ทว่าในการประลองเป็นตายวันนั้น กลับเป็นต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะหยางหวู่ได้อย่างราบคาบ กระทั่งฆ่าหยางหวู่ตายคามือ!
ด้วยเหตุนี้ในใจของมันจึงคล้ายมีเงามืดหนึ่งฝังอยู่ ส่งผลถึงการตัดสินใจไม่น้อย
ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วในใจของมันแทบจะมั่นใจเต็มร้อย ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คู่มือของมัน…แต่ทว่าเพราะเงามืดในใจนี้ทำให้มันไม่กล้าตัดสินใจสู้กับต้วนหลิงเทียนจนกว่าจะตายกันไปข้างจริงๆ…
ในฐานะพี่ชาย มันย่อมไม่อยากเดินซ้ำรอยเดิมของน้องชาย
‘ต้วนหลิงเทียนคนนี้มันคิดล้มเลิกเรื่องราวหลังข้าลงนามประลองเป็นตายอย่างที่พูดกันหรือไม่?’
ใจของหยางเหวินอดไม่ได้ที่จะจมลง
อย่างไรก็ตามเมื่อมีเหล่าศิษย์ชั้นยอดนับพันๆติดตามมาชมดูเรื่องรางแบบนี้ หยางเหวินก็รู้ดีว่ามันไม่อาจถอยได้แล้ว
ดั่งคำที่ว่า
ศรเมื่อน้าวไปสุดสายแล้ว ย่อมไม่อาจรั้งกลับ!
“วิหารเป็นตาย?”
ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างลงจอดตามหยางเหวิน ก็มองไปยังวิหารใหญ่โตเบื้องหน้าด้วยความสนใจ เหนือทางเข้าวิหารปรากฏป้ายสลักคำ ‘วิหารเป็นตาย’ เอาไว้ แลดูน่าเกรงขามนัก!
“อ่าว…ไฉนศิษย์พี่หยางเหวินหยุดหน้าวิหารเสียเล่า>”
“ไฉนไม่เข้าไปเล่า…คนก็มาถึงกันหมดแล้วมิใช่หรือไร ยังรออะไร?”
“ศิษย์พี่หยางเหวินคงไม่ได้เกิดกลัวขึ้นมาหรอกนะ? ให้ตายเถอะ เป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงถ้าเกิดกลัวศิษย์ชั้นยอดที่แสร้งขู่ขึ้นมานี่ได้ขำกันทั้งลัทธิ!!”
…………
ด้วยเพราะหยางเหวินหยุดเท้าอยู่เบื้องหน้าทางเข้าวิหารเป็นตาย กระทั่งยังยิ่งไปอยู่นาน เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่ใจร้อนอยากชมดูเรื่องราวสนุกสนานจึงอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา ยังเริ่มกล่าวเสียดสีเร่งเร้ากันไม่น้อย
“เพ้ย! ถ้าปอดแหกมิกล้าเข้าก็บากหน้ากลับไปพร้อมความอัปยศได้แล้ว ศิษย์ที่แท้จริงบัดซบอันใดใจเท่าลูกสุนัข”
“เฮ่ยๆ เจ้าไม่กล่าวแรงไปหน่อยรึไง ไว้หน้าศิษย์ที่แท้จริงเขาบ้าง! พี่ท่านก็แค่หยุดยืนทำใจเล็กน้อยเท่านั้นล่ะ! มีหรือจะขลาดเขลาปอดแหกขึ้นมาจริงๆ?!”
…………
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนและเมื่อไหร่ ชนชาวโลกย่อมไม่เคยขาดผู้ที่อยากให้เรื่องราวมันวุ่นวายลุกลามใหญ่โตกว่าเดิมเสมอ ศิษย์ชั้นยอดที่กลัวหยางเหวินล้มเลิกไม่กล้าเข้าจนพวกมันอดเห็นอะไรดีๆ ก็พยายามหลบหลังผู้อื่นและส่งเสียงกล่าวผ่านพลังให้ดังขึ้นมาทั่วๆ
“หุบปากไปเสีย!!”
ด้วยเสียงท้าทายยั่วยุดังขึ้นไม่เลิก หยางเหวินในที่สุดก็ทนไม่ไหว พลันตะคอกคำเสียงเย็นแฝงพลังกล้าแกร่งขุมหนึ่งสยบทุกสรรพเสียง! พาลให้ศิษย์ชั้นยอดที่มาออกันหน้าทางเข้าวิหารเป็นตายเงียบปากลงทันใด!!
และภายใต้สายตาของทุกคน หยางเหวินก็หันกลับมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต้วนหลิงเทียน ข้าหวังว่าหลักจากที่ข้าลงนามในสัญญาประลองเป็นตายแล้ว เจ้าจักมีความกล้ามากพอจะลงนามตามข้า…”
“หากถึงตอนนั้นเจ้าเกิดเปลี่ยนใจอะไรขึ้นมา…วันนี้ข้าไม่เพียงจะถลกหนังหน้าโอหังของเจ้าไปทำพรมเช็ดเท้า ข้ายังจะถอนเล็บเจ้าทีละนิ้วๆแล้วเอายัดปากดีๆนั่นของเจ้าให้หมดสิ้น!”
กล่าวจบคำหยางเหวินก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบคำอะไร มันหันหลังกลับและเดินเข้าไปในวิหารเป็นตายทันที
ด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินวาจาข่มขู่ด้วยอำมหิตของหยางเหวิน หน้าที่เคยสงบดังเมฆเคลื่อนคล้อยก็เริ่มขึงตึงขึ้นมาทันที แววตายิ่งมาก็ยิ่งดุร้ายน่ากลัว
ถลกหนังหน้าไม่พอยังจะถอนเล็บเขาทีละนิ้วมายัดปากเขา?
วาจาขู่ข่มวางท่าของหยางเหวินนับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว ถึงขั้นไม่อาจรักษาความสงบได้อีกต่อไป
และเมื่อเห็นหยางเหวินเดินเข้าวิหารเป็นตาย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าก้าวตามมันไปติดๆ
“เข้าไปกันแล้ว!!”
“ในที่สุดก็เข้าไปเสียที! น่าดูชมนักว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เรื่องสนุกสนานเช่นนี้หาได้มีมาบ่อยๆ!!”
“ฮ่าๆๆ วิหารเป็นตายมิได้เปิดทำการมาเนิ่นนานแล้ว หวังว่าครั้งนี้ข้าจะได้กำไรจากการเดิมพันติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง!”
“ข้ากลัวว่าอัตราการเดิมพันข้างศิษย์พี่หยางเหวินคราวนี้จักต่ำเตี้ยเรี่ยดินน่ะสิ…”
“นี่พวกเจ้าไม่คิดว่ากล่าวถึงเรื่องเดิมพันอะไรนั่นมันจะเร็วไปหน่อยรึไง? จะเดิมพันได้ ก็ต้องดูเสียก่อนว่าต้วนหลิงเทียนกล้าลงนามประลองเป็นตายหรือไม่…เรื่องนี้ยังมิมีอะไรแน่นอน!!”
…………
เหล่าศิษย์กล่าวจบก็เดินตามๆกันมาถึงเบื้องหน้าวิหารเป็นตาย ก่อนที่จะพยายามมองเข้าไปด้วยสายตาคาดหวัง
แต่พวกมันก็ไม่ได้เข้าไปในวิหารเป็นตายแต่อย่างไร เลือกจะหยุดอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น
นั่นเพราะหากยังไม่ลงนามในสัญญาประลองเป็นตายให้เรียบร้อย ย่อมไม่เกิดการประลองเป็นตายในวิหารเป็นตายขึ้น ทางวิหารเป็นตายก็จะไม่อนุญาตให้พวกมันเข้าไป…