War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2002
ตอนที่ 2,002 : จักรพรรดิหอกกำเนิด!
“โอสถต้องห้าม?”
ได้ยินเสียงอุทานฮือฮาของเหล่าศิษย์ จากนั้นพอได้เห็นการกระทำของหยางเหวินที่กลืนโอสถสีดำเม็ดหนึ่งลงคอ ต้วนหลิงเทียนก็ชักหน้าเคร่งทันที
และแทบจะทันทีที่หยางเหวินกลืนโอสถดังกล่าวลงไป
บรึม!!
ทั่วร่างของมันพลันปะทุออกด้วยมวลพลังประหลาดขุมหนึ่ง ก่อนที่จะผสานหลอมรวมเข้ากับพลังเซียนต้นกำเนิดอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นคลื่นพลังอันกล้าแข็งก็กวาดซัดออกมาโดยรอบ พาลให้มวลอากาศแตกระเบิด!
ตอนนี้กลิ่นอายพลังทั่วร่างของหยางเหวิน กล้าแข็งกว่าก่อนหน้ามาก!
“ศิษย์น้องหลิงเทียน! พี่อวิ๋นบอกข้าว่าตอนนี้แม้พลังฝึกปรือของหยางเหวินยังไม่อาจถือว่าเป็นเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน แต่อาศัยระดับพลังเซียนต้นกำเนิดของมันยามนี้ ก็สามารถเทียบได้กับความเข้มแข็งของเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน! ทว่ามันมิมีคุณสมบัติพิเศษเหมือนเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนที่แท้จริง!”
และแทบจะพร้อมกันกับที่พลังของหยางเหวินปะทุออกหลังกลืนโอสถ เสียงรีบเร่งของหลิวมู่พลันส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียน!
‘ในแง่ของพลังเซียนต้นกำเนิด มีความเข้มแข็งเทียบเท่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนงั้นเหรอ?’
ได้ยินวาจากล่าวเตือนของหลิวมู่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเข้มขรึม
ด้วยเป็นเรื่องที่ศิษย์ที่แท้จริงอย่างหลิวอวิ๋นบอกมาอีกที เช่นนั้นก็ไม่ผิดเพี้ยนแล้ว!
สำหรับเรื่องที่หลิวอวิ๋นบอกว่า ตอนนี้หยางเหวินไม่อาจเรียกได้ว่าเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนที่แท้จริง ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเข้าใจได้
เท่าที่เขารู้มา
ความก้าวหน้าจากด่านพลังเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนไปยังเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนนั้น ไม่เพียงแต่พลังเซียนต้นกำเนิดจะได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีความเปลี่ยนแปลงเฉพาะอีกด้วย
นั่นเป็นสิ่งที่โอสถต้องห้ามไม่อาจมอบให้ได้
โอสถต้องห้ามทำได้แค่เสริมพลังเท่านั้น
‘ใช้โอสถต้องห้ามแล้วพลังเซียนต้นกำเนิดของมันสูงขึ้นขนาดนี้…ดูเหมือนโอสถต้องห้ามของมันจะมีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าที่หงชวีกินไปวันนั้น’
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที
ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นอาวุโสคุมวิหารเป็นตายอย่างเนี่ยสุ้ย หรืออาวุโสเพลิงทองแดงผู้ช่วยทั้ง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจกับพลังเซียนต้นกำเนิดที่เพิ่มพูนขึ้นมาของหยางหวิน!
พวกมันไม่คิดเลยว่าโอสถต้องห้ามของหยางเหวินจะมีอานุภาพถึงระดับนี้
“พลังเซียนต้นกำเนิดของหยางเหวินยกระดับขึ้นมาแบบนี้…ต้วนหลิงเทียนตายแน่!”
“ถึงแม้เพลงกระบี่ของต้วนหลิงเทียนจะไว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไวกว่าหยางเหวินที่ใช้โอสถต้องห้าม! หากต้วนหลิงเทียนมันไม่มีไพ่ตายอะไรซุกซ่อนไว้อยู่ล่ะก็ คราวนี้มันได้ตายแน่!”
……
อาวุโสเพลิงทองแดงของวิหารเป็นตายหันหน้ามามองตาหารือกันอีกครั้ง และแววตาของพวกมันก็เผยความคิดดุจเดียวกัน ว่าผลการประลองวันนี้สมควรตัดสินแล้ว!
เป็นหยางเหวินฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่!
“พลังเซียนต้นกำเนิดของศิษย์พี่หยางเหวิน…ถึงกับยกระดับไปอีก 1 ขั้นจริงๆ?”
ขณะเดียวกันศิษย์ชั้นยอดที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของอัฒจันทร์ส่วนที่นั่งชั้นดีคนหนึ่ง พลันกล่าวพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
(ชิหายละ! ดูเหมือนตอนก่อนหน้าผมจะเขียนอัฒจันทร์ผิดเป็นอัฒจรรย์ไปล่ะ! ดันติดมาจากอัศจรรย์…ที่ถูกคืออัฒจันทร์นะครับ!!)
“ศิษย์พี่ชาจินเมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ…พลังเซียนต้นกำเนิดของศิษย์พี่หยางเหวินยกระดับไปเป็นขั้นเลยหรือ?!”
ศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่นั่งข้างมัน บังเอิญได้ยินคำกระซิบกกล่าวด้วยความประหลาดใจพอดี อดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยความตกใจ “ศิษย์พี่ชาจินท่านหมายความว่า…พลังเซียนต้นกำเนิดของศิษย์พี่หยางเหวินตอนนี้ กลับเพิ่มพูนสูงขึ้นถึงขั้นเทียบได้กับพลังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน?”
แม้ปากจะถามออกไป แต่ใจมันเชื่อวาจาของศิษย์พี่ที่นั่งข้างๆไปแล้ว
นั่นเพราะมันรู้ดีว่าศิษย์พี่ชาจินคนนี้คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุด และห่างจากขอบเขตเซียนสวรรค์อีกแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น อีกฝ่ายกำลังจะได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง!
ขณะเดียวกันวาจาของชาจินก็เริ่มแพร่กระจายออกไปในบริเวณใกล้เคียง สร้างความตกใจให้กับศิษย์ชั้นยอดคนอื่นๆไม่น้อย
“หลังรับประทานโอสถต้องห้าม…พลังเซียนต้นกำเนิดของศิษย์พี่หยางเหวินสูงขึ้นถึงขั้นเทียบได้กับพลังของยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน?”
“นี่มันไม่เกินจริงไปหน่อยหรือ กลับมีผลเลิศล้ำถึงขั้นยกระดับพลังขอบเขตเซียนสวรรค์ไปอีกขั้นเลย? ดูเหมือนโอสถต้องห้ามที่ศิษย์พี่หยางเหวินใช้ท่าทางจะไม่ธรรมดาแล้ว”
“เจ้าพูดจริงรึ?”
“เรื่องนี้เห็นว่าศิษย์พี่ชาจินเป็นคนบอกเอง สมควรไม่แปลกปลอม”
“ศิษย์พี่ชาจินบอกมา? ข้าจึงเชื่อ! ศิษย์พี่ชาจินคนนั้นมีโอกาสสูงนักที่จะเป็นศิษย์ที่แท้จริง!”
…
ฟังจากคำพูดของเหล่าศิษย์ชั้นยอดในอัฒจันทร์ตอนนี้ เผยให้รู้ว่าพวกมันตกใจกับสรรพคุณของโอสถต้องห้ามที่หยางเหวินใช้ไม่น้อย!
ต้องทราบด้วยว่าอย่างไรหยางเหวินก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ โอสถต้องห้ามที่สามารถยกระดับพลังของขอบเขตเซียนสวรรค์ให้พุ่งขึ้นไปเป็นขั้นแบบนี้ ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเลย!
มองทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภูมิภาคเบื้องบน ก็เห็นทีจะมีแต่ปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถระดับเทียมสวรรค์หรือสูงกว่าเท่านั้นถึงจะสามารถหลอมปรุงออกมาได้
“ศิษย์พี่หยางเหวินช่างสมแล้วที่เป็นบุตรชายคนโตของอาวุโส 5 วังอุดรไพศาล! กลับมีโอสถล้ำค่าเช่นนี้ไว้ในครอบครอง!”
“โอสถต้องห้ามที่มีสรรพคุณสูงขนาดนี้ ต่อให้เป็นอาวุโส 5 วังอุดรไพศาลก็ไม่น่าจะมีมาก…ตอนนี้ศิษย์พี่หยางเหวินก็กินไปแล้ว!!”
“ศิษย์พี่หยางเหวินสมควรไร้หนทางเลือกอื่นแล้วจริงๆถึงต้องกินโอสถต้องห้ามเช่นนี้ หากไม่กินคงไม่อาจสู้ต้วนหลิงเทียนได้ไหว”
“บีบคั้นให้ศิษย์พี่หยางเหวินถึงกับต้องกินโอสถต้องห้ามได้ ต้วนหลิงเทียนต่อให้ต้องตายวันนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว!”
“ใช่ ข้าเองก็ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะกล้าแข็ง ถึงขั้นบีบคั้นให้ศิษย์พี่หยางเหวินต้องใช้โอสถต้องห้าม!”
……
เหล่าศิษย์บนอัฒจันทร์ที่นั่งกล่าวไปก็ถอนหายใจไป เห็นได้ชัดว่าพวกมันถอนหายใจเพราะคิดไม่ถึงว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจขนาดนี้
“ฮ่าๆๆๆ!!”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังขึ้น
เป็นเสียงหัวเราะของหยางเหวิน! พลังจากที่มันกินโอสถต้องห้ามลงไปแล้ว พลังของมันก็เพิ่มสูงขึ้นอย่าง่นากลัว
และเสียงหัวเราะอย่างคุ้มคลั่งของหยางเหวิน กลับแฝงเร้นไปด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด คล้ายว่ามันกำลังสนุกสนานยินดีอย่างมาก!
‘หยางเหวินมันสติแตกไปแล้วรึไง?’
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเป็นปม อยู่ๆหยางเหวินหัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลัง ให้เขาคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ไม่รู้อีกฝ่ายเป็นอะไรไปกันแน่..!
ต้องทราบด้วยว่าก่อนรับประทานโอสถต้องห้าม หยางเหวินมันมองเขาด้วยความอาฆาตแค้นถึงที่สุด
แต่ตอนนี้มันกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความยินดี คล้ายมีเรื่องอะไรที่ทำให้มันสุขใจหนักหนา
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกผิดปกติ เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่ชมดูเรื่องราวก็สัมผัสได้ว่าทีท่าของหยางเหวินผิดไปอยู่บ้าง
“หยางเหวินผู้นี้…มันเป็นอะไรไปอีก”
กระทั่งอาวุโสคุมวิหารเป็นตายอย่างเนี่ยสุ้ย ก็อดไม่ได้ที่จะหน้านิ่วคิ้วขมวด
อาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ของวิหารเป็นตายก็หน้าเคร่ง มองหยางเหวินด้วยสายตาเป็นกังวล
“อย่าบอกนะว่าการรับประทานโอสถต้องห้ามนั่นจักมีผลข้างเคียงทำให้เป็นบ้า?”
“หากหยางเหวินเป็นบ้า แล้วพลาดท่าต้วนหลิงเทียนจริงๆ…มิใช่ว่าคะแนนสะสมของพวกเราจักบินหายไปแล้วหรือ?”
“เฮ่อ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด…”
อาวุโสเพลิงทองแดงได้แต่หันมองหน้ากันด้วยความกังวล
หยางเหวินจะอยู่หรือตายพวกมันย่อมไม่ได้สนใจสักนิด
สิ่งที่พวกมันสนใจก็คือ ‘คะแนนสะสม’ ที่พวกมันทะลึ่งทุ่มแทงไปไม่น้อยต่างหาก นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย!
และคนที่เป็นกังวลกับการหัวเราะอย่างบ้าคลั่งปานคนเสียสติของหยางเหวินก็ไม่ได้มีแค่อาวุโสเพลิงทองทั้ง 3 เท่านั้น ยังมีเหล่าศิษย์ที่แทงข้างหยางเหวินไปไม่น้อยอีกด้วย!
เรื่องนี้ทำให้บรรยากาศในวิหารเป็นตายกลับมาเดือดพล่านขึ้นอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่หยางเหวินกัน ธาตุไฟเข้าแทรกรึ!?”
“นั่นสิ…ไฉนอยู่ดีๆศิษย์พี่หยางเหวินดูเสียสติไปแล้วเล่า ข้าใจคอไม่ดีเลย…”
“เสียสติ? เจ้ากล่าวเหลวไหลอันใด! ปากอีกาอันบัดซบ! เจ้ารีบตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลย!!”
“หรือนี่จักเป็นผลข้างเคียงของโอสถต้องห้ามกัน? ข้าเคยได้ยินมาว่าโอสถต้องห้ามล้วนมีผลข้างเคียงอันร้ายแรงทั้งสิ้น หรือว่า…”
“หรือว่าอะไรของเจ้า! ผลข้างเคียงของโอสถต้องห้ามล้วนเกิดหลังมันหมดฤทธิ์แล้วทั้งสิ้น ไฉนจะมีผลข้างเคียงอะไรตั้งแต่ตอนนี้ได้!?”
“ข้าจะไปรู้เรอะ!”
……
ในบรรดาเหล่าศิษย์ชั้นยอด ก็มีบางกลุ่มที่คิดว่าหยางเหวินอาจจะเสียสติ หรือไม่ก็ธาตุไฟเข้าแทรกไปแล้ว
หาไม่แล้วไฉนหยางเหวินถึงได้หัวเราะออกมาเป็นบ้าเป็นหลังในห้วงวิกฤตเช่นนี้ได้?
แถมเวลาแสดงผลของโอสถต้องห้ามใช่ว่าจะดำรงอยู่นาน ไม่ใช่ตอนนี้หยางเหวินสมควรรีบลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนให้เร็วที่สุด ก่อนที่ผลของโอสถจะหมดลงหรือไง?
ในสายตาของพวกมันหยางเหวินกำลังใช้เวลาอันมีค่าอย่างเปสียเปล่าไปกับการหัวเราะ!
หากยังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังต่อไป เดี๋ยวผลของโอสถต้องห้ามได้หมดกันพอดี!
“ศิษย์พี่หยางเหวิน! ท่านรีบลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนเร็วเข้าเถอะ!”
“ท่านจะหัวเราะข้าไม่ว่าหรอก! แต่ท่านช่วยหัวเราะหลังฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วได้หรือไม่! ถึงตอนนั้นท่านจะหัวเราะให้ท้องแตกตายข้าก็ไม่ว่า!!”
“บัดซบ! เจ้ายังมัวหัวเราะหาสวรรค์วิมานอะไร! หากเจ้าเสียสติและตายไปเพราะเหตุนี้บิดาจะนั่งแช่งเจ้าวันละร้อยรอบ! แช่งให้ชาติหน้าเจ้าเกิดเป็นเดียรัจฉานอุบาทว์!!”
……
เห็นหยางเหวินหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังไม่หยุด เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่แทงข้างหยางเหวินแรกๆก็ใจคอไม่ดี พอเห็นหยางเหวินยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหัวเราะ พวกมันก็เริ่มร้อนรนกันแล้ว! บ้างก็ถึงกับกล่าววาจาออกกมาอย่างดุร้ายไม่เห็นหัวหยางเหวิน!!
บางทีอาจเป็นเพราะเสียงร้อนใจไม่ก็เสียงด่าทอของศิษย์ชั้นยอดบนอัฒจันทร์ดังเข้าหูหยางเหวินแล้วหรือไรไม่ทราบ แต่ในที่สุดหยางเหวินก็หยุดหัวเราะเสียที
ขณะนั้นเองภายใต้สายตาของทุกคนหยางเหวินก็ก้มหน้าลงมา ค่อยหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียนข้าล่ะอยากจะขอบคุณเจ้าจริงๆ…ขอบคุณสำหรับการบีบคั้นให้ข้าต้องกินโอสถต้องห้าม!!”
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าบีบคั้นให้ข้ากินโอสถต้องห้าม คงเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะเข้าใจสำนึกหอกสุดท้ายของ ‘หอกจักรพรรดิกำเนิด’ ได้สำเร็จในห้วงเวลาสำคัญเช่นนี้!!”
แทบจะพร้อมกันกับที่หยางเหวินพูดจบ มันก็กระชับหอกร้อยอาคมเซียนเอาไว้ในมือ ก่อนที่พลังมหาศาลทั่วร่างจะหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวหอก
และเมื่อหอกร้อยอาคมเซียนบรรจุไว้ด้วยมวลพลังขุมใหญ่ หยางเหวินพลันหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนที่จะลืมขึ้น!
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
แทบจะพร้อมกันกับที่หยางเหวินลืมตา มวลพลังมหาศาลทั่วร่างก็คล้ายจะแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังเกรี้ยวกราด ปะทุทำลายออกไปโดยรอบอย่างอหังการ!
และภายใต้สายตาจับจ้องมองมาไม่วางของทุกคน ปรากฏเงาร่างมหึมาปานขุนเขาหนึ่ง ปกคลุมไปทั่วกายหยางเหวิน!
เงาร่างมหึมานี้แลดูดุดันทั้งน่าเกรงขามนัก ในมือของมันยังถือไว้ด้วยหอกยาวกว่า 100 หมี่!
เพียงมันถือหอกอยู่เฉยๆ กลับสร้างแรงกดดันไร้สภาพอันมหาศาลขุมหนึ่ง กดดันทุกคนอย่างสาหัส!!
“นี่มัน…”
เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงหงชวีขึ้นมาทันที
เพราะในการเข่นฆ่ากับหงชวีวันนั้น เวทย์พลังที่หงชวีใช้ออก ก็คล้ายๆกับที่หยางเหวินกำลังใช้อยู่ หากเขาจำไม่ผิดเวทย์พลังของหงชวีนั้นเรียกว่า ‘ประทับราชันดาบ’
ส่วนตอนนี้เวทย์พลังที่หยางเหวินใช้ออก ฟังจากที่มันกล่าวก่อนหน้า ดูเหมือนจะเรียกว่า ‘จักรพรรดิหอกกำเนิด’
แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นก็คือต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ชัดเจนว่าเวทย์พลังที่หยางเหวินกำลังใช้อยู่ตอนนี้ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเวทย์พลังที่หงชวีใช้ออกวันนั้นเลย!
“เวทย์พลังโจมตีขั้นสูง!”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า นี่คือเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูง!