War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2016
ตอนที่ 2,016 : ความขัดแย้งที่ลุกลามใหญ่โต!
“เวินเยี่ยนนี่เจ้าแน่ใจหรือ…ว่าสมองเจ้ายังดีอยู่?”
เสียงเยียบเย็นของต้วนหลิงเทียนเมื่อดังผ่านพ้นลำคอ พาลให้วังชินหั่วจำต้องเงียบงันไร้สำเนียงอีกครั้ง…
กระทั่งตอนนี้ผู้คนในวังชินหั่วยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศคลุ้งกลิ่นดืนปืนระหว่างเวินเยี่ยนและต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน!
กลิ่นดินปืนที่ว่ายิ่งมายิ่งเข้มข้นราวกับจะปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อ!!
ตอนนี้ทุกคนได้แต่มองต้วนหลิงเทียนที่กล่าวคำด้วยสายตาเลื่อนลอยจนแลคล้ายตัวโง่งม
ทันใดนั้นเวินเยี่ยนรู้สึกโมโหหนักข้อ ร่างนางสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม ใบหน้ายิ่งบิดเบี้ยวไม่เป็นผู้คน ประกายเยียบเย็นในดวงตาแทบจะพุ่งยิงออกมาเป็นลำแสงแช่แข็ง โทสะในใจคล้ายกำลังจะระเบิดออกมาอยู่รอมร่อ!
ตอนแรกที่ได้รับทราบว่าชายเบื้องหน้าคือ ต้วนหลิงเทียน ความคิดแรกที่ผุดวาบในใจของเวินเยี่ยนก็คือทุบตีอีกฝ่ายให้รู้สึกตายเสียดีกว่าอยู่ และให้อีกฝ่ายได้คลานออกจากวังชินหั่วเยี่ยงสุนัข!
แต่หลังจากได้ฟังวาจาดูแคลนของอีกฝ่ายเวินเยี่ยนรู้สึกว่าแค่นั้นมันยังน้อยไป!
“ข้าจักให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า! คุกเข่าก้มกราบเพื่อขอขมาข้าและให้ข้าตบหน้าเจ้า 10 ครั้ง! หาไม่แล้วข้าจะให้เจ้าคลานกลับไป!!”
ก่อนหน้า นางจึงเลือกที่จะกล่าววาจาประโยคนี้ออกมา
เพราะต้วนหลิงเทียนกล้าตบหน้านางต่อหน้าผู้คน เท่ากับทำให้นางได้รับความอัปยศต่อหน้าผู้คน!
นางแทบจะรู้ได้เลย
ว่าอีกไม่นานทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ ไม่วายกระทั่งแท่นบูชาจตุรลักษณ์ต้องรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแน่นอน! ทั้งหมดต้องพากันคุยเรื่องที่นางถูกต้วนหลิงเทียนยัดเยียดความอัปยศให้อย่างสนุกปาก!!
ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกว่าแค่ทำร้ายต้วนหลิงเทียนให้ปางตายยังไม่พอ!
นางจึงเลือกระงับโทสะที่แทบระเบิดอย่างสุดใจ หมายให้ต้วนหลิงเทียนได้รับความอัปยศถึงที่สุดด้วยการคุกเข่าก้มกราบ ก่อนที่นางจะตบหน้าอีกฝ่ายคืน 10 ที ค่อยทุบตีให้อีกฝ่ายคลานกลับไป!
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ
ต้วนหลิงเทียนกลับกล้ากล่าวเสียดสีว่านางสมองไม่ดี!
ไม่ได้แยแสคำของนางสักเพียงนิด!
จังหวะนี้เวินเยี่ยนไม่อาจระงับโทสะในใจได้อีกต่อไป!
“ต้วนหลิงเทียน เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง!!”
เวินเยี่ยนที่โทสะมาถึงจุดระเบิดเกินระงับ พลังทั่วร่างพลันปะทุออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ตอนนี้นางไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป
และทันทีที่พลังทั่วร่างของนางปะทุออกมาปานเพลิงไฟ ย่อมก่อให้เกิดคลื่นพลังกล้าแข็งขุมหนึ่งซัดสาดกำจายออกไปโดยรอบ ดั่งมหาพายุบังเกิดก็ไม่ปาน ร่างของเหล่าศิษย์ชั้นยอดที่พลังฝีมืออ่อนด้อยในวังชินหั่วต่างซัดเซกันไปแทบยืนไม่อยู่!
กลิ่นอายพลังทั้งแรงกดดันที่ปะทุกวาดออกมา เป็นพลังอำนาจอันน่าเกรงขามของพลังเซียนต้นกำเนิดขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยน!
ชั่วพริบตานั้นเอง ดุจอัสนีวาบลั่น มวลพลังเซียนสุริยันที่ต้วนหลิงเทียนโคจรเตรียมพร้อมอยู่ในร่าง ก็ทะลักผ่านชีพจรเซียน 99 สาย ปะทุออกมาฉาบคลุมทั่วร่าง สองตาแปรเปลี่ยนเป็นเยียบเย็น
และในขณะที่เวินเยี่ยนปะทุพลังเตรียมพร้อมลงมือนั้นเอง
“ฮึ่ม!”
เสียงสบถเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากด้านในวังชินหั่ว และเสียงนี้ดั่งจะเป็นถังน้ำเย็นราดรดลงหัวเวินเยี่ยน ดับไฟโทสะของนางให้มอดลงทันใด
“พวกเจ้าจักมีเรื่องอันใดกันก็ไปลงไม้ลงมือกันด้านนอกวังชินหั่ว! ใต้ชายคาวังชินหั่วมิอนุญาตให้ผู้ใดทะเลาะวิวาทกันเด็ดขาด!!”
เสียงอันเย็นชาห่างเหินปานจะผลักไสผู้คนให้ล่าถอยไปสักพันลี้ดังขึ้น และเจ้าของเสียงก็คือจ้าววังชินหั่วที่คอยดูแลความเรียบร้อยของวังชินหั่ว!
ในฐานะจ้าววังชินหั่ว มันย่อมมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในวัง และมันก็เป็นอาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่ง!
และในวังชินหั่วแห่งนี้ เกรงว่าจะมีแค่มันคนเดียวที่กล้ากล่าววาจากับศิษย์ที่แท้จริงอย่างเวินเยี่ยนออกมาอย่างไม่กลัวเกรง
ถึงแม้ในวังชินหั่วจะมีอาวุโสเพลิงทองแดงอยู่มากมาย แต่ย่อมไม่มีใครกล้ากล่าววาจาอะไรกับเวินเยี่ยน เพราะพลังฝีมือของพวกมันก็ไม่ใช่ว่าจะเหนือไปกว่าเวินเยี่ยน อนาคตก็สู้รุ่นเยาว์อย่างเวินเยี่ยนไม่ได้!
ทำให้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงไม่มีพวกมันคนไหนกล้าลุกขึ้นมาห้ามเวินเยี่ยน จำต้องให้จ้าววังชินหั่วออกโรง!
“ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ด้านนอกวังชินหั่ว…หากเจ้ายังเป็นบุรุษก็อย่าได้ขี้ขลาดตาขาว!!”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เวินเยี่ยนก็สามารถระงับพลังทั้งโทสะลงได้สำเร็จ นางมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินออกจากวังชินหั่ว ที่ต้องกล่าวดักไว้เช่นนี้เพราะนางกลัวต้วนหลิงเทียนจะหนี
“เหอะ”
ต้วนหลิงเทียนยกนิ้วขึ้นคล้ายจะแคะขี้หู ค่อยกล่าวออกเสียงเย็น “ข้าจะเป็นบุรุษหรือไม่ไม่ใช่อะไรที่เจ้าต้องห่วง อันที่จริงหากเป็นสตรีคนอื่นถามข้าแบบนี้ ข้าย่อมสามารถพิสูจน์ให้พวกนางทราบจนซึ้งถึงทรวงว่าข้าที่แท้เป็นบุรุษหรือไม่…”
“แต่สำหรับสตรีเช่นเจ้าเวินเยี่ยน ขอโทษทีที่ข้าไม่อาจพิสูจน์ให้เจ้ารู้ได้จริงๆ! เพราะต่อให้เจ้าจะมาเปลือยกายต่อหน้าข้า ก็เกรงว่าข้าจะไม่มีแม้เศษเสี้ยวอารมณ์ใดๆ!”
ตั้งแต่ตอนที่เขาได้รับทราบว่าวิบากกรรมทั้งหมดที่เค่อเอ๋อกับลูกสาวเขากำลังเผชิญอยู่ในที่คุมขังของหอคุมกฏ ล้วนรเกิดจากนังสารเลยเวินเยี่ยนผู้นี้ ต้วนหลิงเทียนก็สาดเทโทสะอันล้นปรี่ไปลงที่ เวินเยี่ยน สตรีสารเลวที่เขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้ามาก่อนทันที
หากไม่ใช่เพราะนางไปรายงานหอคุมกฏเรื่องเค่อเอ๋อ ไหนเลยภรรยากับลูกสาวเขาถึงต้องตกอยู่ในอันตรายที่ไม่ทราบว่าจะตายเมื่อไหร่เช่นนี้ได้!
เช่นนั้นพอได้เห็นจนรู้ถึงตัวตนเวินเยี่ยน โทสะในใจเขาถึงได้ระเบิดออกมาอย่างไม่คิดจะห้าม
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลือกออกไปขวางนางทันทีที่นางก้าวเข้ามาในวังชินหั่ว และตบหน้านางอย่างไม่ยั้งมือ!
ต้วนหลิงเทียนรู้ตัวดี
ว่าตั้งแต่ที่ดวงวิญญาณของเขาข้ามภพมาถึงโลกใบนี้ อารมณ์ของเขาไม่ได้เย็นชาอำมหิตเหมือนในชีวิตที่แล้ว ทั้งหมดเพราะเขาได้รับอิทธิพลจากความอบอุ่นของการมีครอบครัวและมิตรสหาย
ตั้งแต่ก่อนหน้าจนถึงวันนี้ เขาก็ไม่เคยโมโหร้ายอะไรแบบนี้ ยังสามารถใจเย็นอยู่ได้เสมอ
แต่วันนี้ วินาทีที่เขาได้รับทราบตัวตนของเวินเยี่ยน เขาไม่อาจเย็นอยู่ได้สืบไป เช่นนั้นจึงเลือกจะออกไปขวางและลงมือตบหน้านางอย่างไร้ปราณีทันที!
มังกรทุกตัวล้วนมีเกล็ดย้อน ใครต้องแตะ…ตาย!
และเค่อเอ๋อกับลูกก็คือหนึ่งในเกล็ดย้อนของเขาแน่นอน!
เพื่อเค่อเอ๋อแล้ว ต่อให้เขาเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบเขาก็ไม่สน!
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
……
เสียงสูดลมหายใจเข้าอย่างขวัญหายพลันดังขึ้นก้องวังชินหั่วอีกครั้ง หลังได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน
“ต่อให้เจ้าจะมาเปลือยกายต่อหน้าข้า ก็เกรงว่าข้าจะไม่มีแม้เศษเสี้ยวอารมณ์ใดๆ!”
สำหรับสตรีแล้ว ไม่ต้องสืบก็ทราบได้ว่าวาจาประโยคนี้มันร้ายกาจที่สุด!
เพราะนี่หมายความว่าสตรีนางนั้นไร้ซึ่ง ‘เสน่ห์’ ที่สตรีพึงมีอย่างสมบูรณ์!
ไม่ว่าสตรีจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่สัญชาตญาณของสตรีทุกคนย่อมอยากให้มีบุรุษพึงใจและยอมสยบใต้กระโปรง…ทว่าวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน เสมือนปฏิเสธ ‘เสน่ห์’ ของเวินเยี่ยนจนไม่มีเหลือ!!
จังหวะนี้เวินเยี่ยนที่เดินไปถึงปากทางออกวังชินหั่วแล้ว ถึงกับต้องชะงักร่างหยุดลง ก่อนที่ร่างบางของนางจะสั่นระริกขึ้นมาอย่างแรง!
“ข้าจะรอให้เจ้าไสหัวออกมา!”
หลังกล่าววาจาประโยคนี้จบคำ ร่างเวินเยี่ยนก็เหินออกไปจากวังชินหั่วทันที คล้ายกลัวว่าหากยังรั้งอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้วินาทีเดียว นางจะไม่อาจระงับโทสะ ไม่ให้ลงมือกับต้วนหลิงเทียนคาวังชินหั่วได้อีก
และถึงตอนนั้นจ้าววังชินหั่วต้องสอดมือเข้ามาระงับเหตุแน่นอน
ถึงแม้ว่าเวินเยี่ยนจะมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองมิใช่น้อย แต่นางก็ไม่หาญกล้าถึงขั้นคิดว่าจะรับมือจ้าววังชินหั่วได้!
เพราะจ้าววังชินหั่วไม่ใช่อาวุโสเพลิงเงินธรรมดาๆ
ในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินของลัทธิบูชาไฟ ก็ยังแบ่งแยกพลังฝีมือสูงต่ำกันชัดเจน และอาวุโสเพลิงเงินที่รับหน้าที่ดูแลวังต่างๆในจัตุรัสกลางแห่งนี้ ก็ล้วนแล้วแต่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนทั้งสิ้น นับเป็นชนชั้นยอดฝีมือในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินด้วยกัน!
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะไม่ร้ายกาจไปหน่อยหรือ?”
หลังเวินเยี่ยนเหินร่างจากไปแล้ว เหล่าศิษย์ชั้นยอดอดไม่ได้ที่จะต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง
“ที่แท้ต้วนหลิงเทียนกับศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยนเคยมีความบาดหมางอะไรมากันแน่? ไม่เพียงแต่จะกล้าตบหน้านางต่อหน้าผู้คน ยังหมิ่นหยามเกียรติในฐานะสตรีของนางถึงขั้นสุดเช่นนี้ นี่ยังโหดร้ายยิ่งกว่าฆ่านางให้ตายเสียอีก!!”
“ดุร้าย! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ดุร้ายเกินไป!!”
“หากข้าเป็นศิษย์พี่เวินเยี่ยนคงทนไม่ลงมือกับมันไม่ไหว…วันนี้เว้นแต่มันจะไม่ออกจากวังชินหั่ว หาไม่แล้วได้โดนดีแน่!”
“แล้วนี่เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นมันไปพกพาความมั่นใจมากจากที่ใดกัน? ไฉนกล้าหยามหมิ่นเกียรติของศิษย์พี่เวินเยี่ยนถึงขนาดนี้เล่า…อย่าบอกนะว่ามันมั่นใจว่าพลังฝีมือของมันเหนือกว่าศิษย์พี่เวินเยี่ยน?”
“เฮอะ! อย่าบอกนะว่ามันถือดีในพลังฝีมือของตัว และคิดว่าศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยนเป็นพลับสุกนิ่มนิ่มเหมือนหยางเหวิน?”
….
เหล่าศิษย์ชั้นยอดจ้อกันเสียงเบา ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสู้เวินเยี่ยนได้เลย
เพราะสุดท้ายแล้วเวินเยี่ยนก็คือ อันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง!
พลังฝีมืออันกล้าแข็งของเวินเยี่ยน ก็ได้หยั่งรากลึกในใจของพวกมันมาช้านาน
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมหัศจรรย์ถึงขั้นฆ่าหยางเหวินที่ใช้โอสถต้องห้ามได้ แต่ในสายตาพวกมันก็ยังด้อยกว่าเวินเยี่ยนมาก
ต้วนหลิงเทียนที่ทะลวงชีพจรฟ้าจุดหูครบ 6 จุดแล้ว เสียงกระซิบที่เบาราวยุงบินของศิษย์ชั้นยอดก็ยังคงดังชัดเจนในหูของเขา
แต่ว่า…
คิดว่าเขาหวาดกลัวเวินเยี่ยนจนไม่กล้าแม้แต่จะออกจากวังชินหั่วรึ?
คำตอบย่อม ‘ไม่มีทาง’ เป็นธรรมดา!
ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง สองเท้าก้าวออกไปจากวังชินหั่วอย่างไม่รีบไม่ร้อน ท่วงท่ายังคล้ายไม่แยแสคงความแน่วแน่เข้มแข็งดุจเดิม ไร้ซึ่งร่องรอยของความกลัวใดๆ
หากเขากลัวเวินเยี่ยนจริง เขาจะออกไปขวางทางและตบหน้านางแบบนั้นหรือ?
“มัน…มันเดินดุ่มๆออกไปแบบนี้เลย?”
“นิ…นี่ไม่ใช่ว่า มันไม่กลัวตายจริงๆหรอกนะ?”
“จะกลัวตายอะไร? อย่าได้ลืมไปว่านี่ลัทธิบูชาไฟ ศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยนไหนเลยจะกล้าละเมิดกฏฆ่ามันหรือทำให้พิการ”
“ต่อให้ศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยนจะไม่กล้าลงมือฆ่าหรือทำให้มันพิการ แต่วันนี้มันคงยากจะรอดกลับไปได้ด้วยดี…ข้าว่าเผลอๆ อาจจะมีถลกหนังกันบ้าง!”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
……
เมื่อต้วนหลิงเทียนก้าวออกจากวังชินหั่วไปอย่างไร้ครั่นคร้าม เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายในวังชินหั่วก็ไม่รอช้ารีบก้าวอาดๆตามไปทันที
เหล่าอาวุโสเพลิงทองแดงที่ประจำโต๊ะรับรองทั้งหลายตอนนี้บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกานัก! สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกนั่งไม่ติดเก้าอี้! พวกมันไหนเลยจะไม่อยากติดตามออกไปชมดูเรื่องราวสนุกสนานบันเทิงด้วย?!
อนิจจาด้วยหน้าที่ๆได้รับมอบหมายของพวกมัน จึงไม่อาจละทิ้งโต๊ะรับรองเพื่อออกไปชมดูผู้คนตีกันได้ตามอำเภอใจ
“ช่วงนี้คงยังมิมีผู้ใดคิดมาออกหรือรับภารกิจอันใด พวกเจ้าอยากชมดูนักก็ออกไปเถอะ เสร็จเรื่องแล้วให้รีบกลับมาเสีย”
ทว่าตอนนี้เองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านในวังชินหั่ว เป็นเสียงของจ้าววังชินหั่วเอง!!
ได้ยินเสียงจ้าววังชินหั่ว เหล่าอาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายที่บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา สองตาพลันส่องแสงสว่างวาบ ผุดลุกขึ้นจากโต๊ะฉับไว เร่งรุดออกไปชมดูเรื่องราวอย่างคึกคักทันที!
พวกมันทุกคนล้วนอยากรู้นัก!
ว่าสุดท้ายเรื่องราวในวันนี้จะจบลงเช่นไร!?
แน่นอนว่าส่วนลึกในใจของพวกมันให้ภาษีข้างเวินเยี่ยนดีกว่า…เพราะสุดท้ายแล้วเวินเยี่ยนก็เป็นถึง ยอดฝีมืออันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง พลังฝีมือของนางเป็นที่ยอมรับมานานแล้ว!
ต้วนหลิงเทียนที่ก้าวออกมาจากวังชินหั่วนั้น
ทันทีที่เขาออกมา เขาก็แลเห็นเวินเยี่ยนยืนรออยู่ไกลๆ นางยืนอยู่กลางจัตุรัสกลางและกำลังจ้องมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชาไม่วาง
ภายใต้สายตาของผู้คน ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองเวินเยี่ยนด้วยสายตาไม่แยแสนอบหนึ่ง ก่อนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว
ทว่าครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนกลับเหินร่างลอยขึ้นไปในอากาศ คล้ายคิดจากไป!