War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2061
ตอนที่ 2,061 : ชายชราชุดเขียว!
‘หากข้าได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงมันล่ะก็…ต่อให้รากวิญญาณของข้ายังไม่อาจพัฒนาไปเป็นรากวิญญาณสีครามได้ทันที แต่อย่างน้อยๆมันต้องกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มได้แน่!’
ยิ่งมองปู้หงที่สิ้นสติในมือมากเท่าไหร่ สองตาต้วนหลิงเทียนยิ่งทอประกายสว่างจ้ามากขึ้นเท่านั้น
‘ถึงตอนนั้นพรสวรรค์รากวิญญาณของข้า ก็ห่างจากรากวิญญาณสีครามอีกแค่ก้าวเดียว!’
คิดถึงเรื่องนี้ใจต้วนหลิงเทียนพลันคึกคักขึ้นมาอักโข ตื่นเต้นนัก!
หลังจากนั้นดว้ยมีความช่วยเหลือในการนำร่องของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หง และเริ่มใช้ปฐมเวทย์พลินกืนสูบพลังของมันเพื่อเสริมสร้างพรสวรรค์รากวิญญาณของเขา!
เมื่อครู่เขาได้ขอให้ผู้เฒ่าหั่วช่วยสำรวจดูแล้วว่ามีใครมีพลังฝึกปรือเหนือขอบเขตเซียนสวรรค์ 3เปลี่ยนดูอยู่หรือไม่ ถ้าไม่มี ก็หมายความว่าไม่มีใครสามารถมองผ่านเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาเข้ามาได้ เพราะผู้ที่จะสามารถมองผ่านเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาได้มีแค่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนขึ้นไปเท่านั้น
หากมีคนมองผ่านเขตแดนหมื่นกระบี่เขามาได้ เช่นนั้นเขาก็ไม่สะดวกกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หง
ในเมื่อรู้แล้วว่าไม่มีเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนดูอยู่เลย ต้วนหลิงเทียนก็ไร้สิ่งใดให้กังวล
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงจนเกลี้ยงเกลา
และเป็นดั่งที่คาดเอาไว้ หลังกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงเสร็จเรียบร้อยแล้ว รากวิญญาณของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม! ห่างจากรากวิญญาณสีครามอีกก้าวเดียวเท่านั้น!!
‘ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าก่อนข้าออกจากลัทธิบูชาไฟยังจะได้รับของขวัญส่งท้ายแบบนี้…ด้วยรากวิญญาณสีน้ำเข้มนี่ ขอเพียงกลืนกินผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินเข้มอีกสักคนสองคน พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าต้องกลายเป็นรากวิญญาณสีครามได้แน่!’
คิดถึงจุดนี้ใจต้วนหลิงเทียนก็เต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง และยากจะสงบลงได้อยู่นาน
‘ปู้หงหากเจ้าคิดจะโทษใครก็โทษที่เจ้ามีตาแต่ไร้แววเองเถอะ…หวังว่าเจ้าจะไม่เป็นบ้าไปซะก่อนนะหลังพบว่าเจ้ากลายเป็นขยะตัวหนึ่งไปแล้ว…’
ต้วนหลิงเทียนมองปู้หงในมือด้วยสายตาอ่อนโยนค่อยกล่าวเบาๆในใจ
ในแววตาต้วนหลิงเทียนไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความรู้สึกผิดที่กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณปู้หงและทำลายอนาคตชั่วชีวิตของมันอยู่เลย
ไม่ใช่ปู้หงมันบอกจะทำลายศักดิ์ศรีเขาก่อนรึไง ยังจะให้เขาคลานลอดหว่างขามันด้วย?
ดี! เช่นนั้นก็ให้เขาทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเถอะ!!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ผู้ที่ไร้ซึ่งพรสวรรค์รากวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ!
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็คลายเขตแดนหมื่นกระบี่ลง เมื่อจบเรื่องราวแล้วก็ได้เวลาที่เขาต้องกลับเสียที
เมื่อเขตแดนหมื่กระบี่คลายตัว ทุกผู้คนก็สามารถแลเห็นเรื่องราวได้อีกครั้ง เวินเยี่ยนเองก็เช่นกัน และสองตาของทุกผู้คนก็จำต้องหดหยีลงทันใด!
นั่นเพราะฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อนัก!
ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ในมือยังหอบหิ้วปู้หงไว้ราวหมูหมา!
หากมองให้ดีจะพบว่าปู้หงสิ้นสติไปแล้วด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นตามแขนตามขาของปู้หงก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด! เห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส!!
“นิ…นี่…”
จังหวะนี้เหล่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด ในหัวคล้ายอื้ออึงไม่อาจนึกคิดอะไร วาจาใดๆยังเหมือนสาบสูญ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน!
“ศิษย์พี่!”
เวินเยี่ยนเป็นคนแรกที่สามารถดึงสติกลับมาได้สำเร็จ หน้านางเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง เร่งกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงสั่น “ตะ…ต้วนหลิงเทียน จะ…เจ้าทำอะไรศิษย์พี่ข้า”
“ผ่อนคลาย”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเวินเยี่ยนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส “อาศัยชีวิตตัวไร้ค่าอย่างศิษย์พี่เจ้า ไม่คุ้มให้ข้าเอาชีวิตไปแลกกับมันหรอก…มันแค่หมดสติ ยังไม่ตาย!”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีใครช่วยห้ามเลือดให้มัน…มันอาจจะเสียเลือดจนตายก็ได้”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือคราหนึ่ง เขวี้ยงร่างปู้หงที่สิ้นสติออกไปราวทิ้งขยะ
เวินเยี่ยนเร่งพุ่งไปรับร่างศิษย์พี่ของนางทันที เมื่อตระหนักได้ว่าปู้หงยังไม่ตาย นางก็เร่งเดินพลังห้ามเลือดให้ปู้หงอย่างร้อนใจ
หากปู้หงตายไปแล้วก็ไม่เป็นไร
แต่ปัญหาคือตอนนี้ปู้หงยังไม่ตาย และเมื่ออีกฝ่ายตกอยู่ในมือนางแล้ว เกิดนางไม่อาจห้ามเลือดอีกฝ่ายได้ทันจนตกตายไปเสียก่อนขึ้นมา เช่นนั้นย่อมกลายเป็นความผิดของนางแล้ว!
นางไม่อาจรับผิดชอบเรื่องนี้ได้ไหว!
“อันดับที่ 2 ของทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง?อันดับ 421 ในรายนามยอดเซียน?”
ขณะเดียวกันกับที่เวินเยี่ยนพยายามห้ามเลือดปู้หงนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันมองปู้หงด้วยสายตาดูแคลน กล่าววาจาหยามหยันออกมาเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน “มันก็เท่านั้น…”
หลังกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างจากไปทันที โดยไม่แม้แต่จะหันมามองอะไร
หลังต้วนหลิงเทียนจากไปจนลับสายตาสักพัก เหล่าศิษย์ทั้งหลายค่อยดึงสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง
“สวรรค์ช่วย! ศิษย์พี่ปู้หงถูกต้วนหลิงเทียนทุบตีจนเจียนตายกระทั่งสิ้นสติไปเลยงั้นเรอะ?”
เหล่าศิษย์ชั้นยอดหลายคนรู้สึกว่าเรื่องราวนี้มันเหลือเชื่อเกินกว่าจะทำใจเชื่อได้ในเวลาอันสั้น บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก พึมพำกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย “ข้าพเจ้าใช่กำลังฝันอยู่หรือไม่?”
ผัวะ!
แทบจะพร้อมกันกับที่ศิษย์ชั้นยอดคนนั้นกล่าวถามออกมา สหายที่อยู่ข้างๆก็หวังดียกมือขึ้นตบหน้าเพื่อนที่กำลังเพ้อดังฉาด ค่อยถามออกไปด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “เจ็บหรือไม่เล่า?”
เพี๊ยะ!
สหายที่ถูกตบไม่เพียงไม่ตอบ ยังตบสวนออกมาพร้อมถามกลับ “แล้วเจ้าเจ็บหรือไม่?”
“โอย…เจ็บปวดยิ่ง…”
ครู่ต่อมาสหายที่ตบเพื่อนก่อนก็ได้แต่กล่าวออกมาพร้อมลูบแก้มอย่างเจ็บปวด “ดูเหมือนว่าทั้งข้าและเจ้าเรามิได้ฝันไป”
บทสนทนาของทั้งคู่กระทั่งการผลัดกันตบหน้าราวตัวโง่งมของพวกมัน ไม่เพียงดึงสติศิษย์ทั้งหมดให้กลับคืน ยังทำให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
อย่างไรก็ตามศิษย์ทุกคนล้วนยืนยันได้จากการกระทำของทั้งคู่ โดยเฉพาะเหล่าศิษย์ที่ยากยอมรับเรื่องราวและคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ก็ได้รู้แน่ชัด…
พวกมันไม่ได้ฝัน!
เรื่องราวเบื้องหน้าเป็นความจริง!
“ฮึ! ข้าก็บอกแต่แรกแล้ว ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนต้องเป็นฝ่ายชนะแน่!”
“ถูกแล้ว! ตั้งแต่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนอยู่ในลัทธิบูชาไฟมา ศิษย์พี่เคยแพ้ผู้ใดด้วยหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่ ตอนนี้ยังไม่ ต่อไปก็ย่อมไม่!!”
“ดูเข้าเถอะ พวกที่คิดว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะถูกศิษย์พี่ปู้หงทุบตีตอนนี้ทำหน้ากันอย่างไร…หึหึ ตอนนี้ข้ากล้าบอกได้เลยว่าหากไม่ใช่ระดับอาวุโสเพลิงเงินลงมือ ไม่มีใครเอาชนะศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนได้แน่!”
“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า”
…
ตอนนี้เหล่าศิษย์ที่เคยเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน เมื่อผลออกมาเป็นดั่งที่พวกมันเชื่อ ทั้งหลายก็ภาคภูมิใจกันนัก!
ก่อนหน้ากลับไม่มีใครเชื่อคำพวกมัน…
แต่มาตอนนี้มีใครกล้าสงสัยคำพวกมันบ้าง?
ขณะเดียวกันด้านเวินเยี่ยนก็ชักหน้าบึ้งตึงนัก นางได้แต่ลอบพาปู้หงจากไปเงียบๆโดยหวังว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็น
ในขณะที่นางกำลังเหินร่างจากไป แม้จะไม่ต้องหันไปมองแต่นางก็สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีมากมายหลายคนที่กำลังมองนางด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้นางมีโมโหจนปอดแทบจะระเบิด!
“ต้วนหลิงเทียนข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปง่ายๆหรอก…ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”
เวินเยี่ยนที่คับแค้นใจอย่างนักสุดท้ายก็ได้แต่คำรามในลำคอเบาๆ หอบร่างไร้สติของปู้หงจากไปอย่างผู้แพ้
ทว่าทันใดนั้นเอง คล้ายเวินเยี่ยนคิดอะไรได้ออก นางมองร่างปู้หงที่สิ้นสติด้วยสายตาทอประกายวูบวาบ
‘หากข้าทำให้ศิษย์พี่พิการเล่า…ต้วนหลิงเทียนมันจะถูกหอคุมกฏลงโทษสถานหนักหรือไม่?’
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เวินเยี่ยนก็บังเกิดจิตคิดอยากทำร้ายปู้หงให้พิการแล้วกล่าวโทษต้วนหลิงเทียนนัก
แต่ทว่าพอนางคิดลงมือกระทำเข้าจริงๆ ในใจคล้ายมีแสงสว่างหนึ่งกระพริบวาบขึ้นมา ทำให้นางหยุดมือลงทันที
‘ไมได้! เกิดต้วนหลิงเทียนนั่นมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้ายืนยันความบริสุทธิ์ขึ้นมาว่าไม่ได้ทำร้ายศิษย์พี่ถึงตายหรือพิการ…คราวนี้หอคุมกฏยังไม่เบนเป้ามาสงสัยข้าแทนได้หรือ?’
เมื่อตระหนักได้ถึงจุดนี้ เวินเยี่ยนจึงเลือกที่จะยั้งมือเอาไว้ได้ทันเวลา
เพราะเมื่อหอคุมกฏเกิดสงสัยนางขึ้นมา ตัวนางย่อมไม่กล้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และนั่นย่อมไม่ต่างอะไรจากการทุ่มหินทับเท้าตัวเองโดยแท้
อย่างไรก็ตามถึงแม้เวินเยี่ยนจะยั้งมือเอาไว้ไม่ทำอะไร อาศัยเพียงแค่ความคิดชั่วร้ายนี้ของนางก็เผยให้รู้ว่านางสามารถกระทำได้ทุกสิ่งโดยไม่สนวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ก็เหมือนกันกับที่นางจับตาดูก่านหรูเยี่ยนอยู่นานปีจนได้หลักฐานไปฟ้องหอคุมกฏ…
“ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ”
เวินเยี่ยนไม่วายมองร่างไร้สติของปู้หงพร้อมสบถกล่าวออกมาเสียงเย็นด้วยความไม่พอใจ
ไม่ทราบหากปู้หงที่สลบไสลไม่ได้สติ พลันฟื้นขึ้นมารับทราบว่าศิษย์น้องหญิงที่มันรักและเอ็นดูไม่ต่างน้องสาวแท้ๆคนนี้ กลับคิดทำร้ายมันจนพิการเพื่อใช้กล่าวโทษต้วนหลิงเทียน กระทั่งด่าทอมันว่าไร้ประโยชน์มันจะรู้สึกอย่างไร…
แต่แน่นอนว่ามันถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าเรื่องนี้มันไม่มีวันได้รู้
หลังต้วนหลิงเทียนกลับมายังที่พัก ข่าวเรื่องที่เขาเอาชนะปู้หง อันดับ 2 ในทำเนียบบอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง ก็พัดผ่านไปทั่วลัทธิบูชาไฟดั่งมหาพายุ!
ทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ถึงกับต้องลุกฮือกันอีกครั้ง!
“ต้วนหลิงเทียนเอาชนะศิษย์พี่ปู้หงได้งั้นหรือ!? ข่าวเรื่องนี้เป็นความจริงแน่รึ?”
“เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถติดอันดับ 4 ในทำเนียบยอดฝีมือทั้งมีอันดับ 537 อาจทำให้ข้ากังขาอยู่บ้าง แต่มาตอนนี้เห็นว่ามันสามารถเอาชนะศิษย์พี่ปู้หงได้ง่ายดายอย่างไร้รอยขีดข่วน เช่นนั้นพลังฝีมือมันก็เป็นของจริงแล้วล่ะ”
“ให้ตายเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ที่แท้เป็นสัตว์ประหลาดอันใดกันแน่ ไฉนพึ่งเข้าร่วมลัทธิบูชาไฟเราได้ไม่ถึงปี แต่กลับร้ายกาจขึ้นมามากมายถึงขนาดนี้ได้เล่า!?”
“ศิษย์พี่ปู้หงเดิมที่อยู่ในอันดับ 2 ของทำเนียบยอดฝีมือ กับอันดับที่ 421 ในรายนามยอดเซียน…วันนี้เมื่อถูกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสยบอย่างราบคาบ เช่นนั้นอันดับในทำเนียบยอดฝีมือทั้งอันดับในรายนามยอดเซียนก็สมควรถูกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเข้ามาแทนที่แล้วล่ะ”
“ใช่ อันดับในทำเนียบยอดฝีมือของศิษย์พี่ปู้หงสมควรตกลงไป 1 อันดับ…ทว่าอันดับในรายนามยอดเซียนจะสลับกันกับของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน…นับว่าโชคดีอยู่บ้างที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนมีอันดับในรายนามยอดเซียนแล้ว หาไม่ชื่อศิษย์พี่ปู้หงคงได้หลุดโผรายนามยอดเซียนกันพอดี…”
… …
เรื่องราวการประลองของต้วนหลิงเทียนกับปู้หงล้วนเป็นที่กล่าวขานถึงในลัทธิบูชาไฟอย่างหนาหู
หัวข้อที่ทุกคนกล่าวถึงตอนนี้ก็วนเวียนแต่อันดับในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริง กับอันดับในรายนามยอดเซียน
แน่นอนว่าเรื่องอันดับในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงนั้น การที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะปู้หงมาได้ ย่อมไม่มีใครคิดว่าผิดพลาดหรือมีการโกงอะไรเพราะมีคนเห็นกับตามากมาย
อย่างไรก็ตามเรื่องอันดับในรายนามยอดเซียนนั้นเกี่ยวพันไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน
คนนอกอาจคิดว่าใช่ปู้หงยอมอ่อนข้อให้ต้วนหลิงเทียนเอาชนะหรือไม่?
เพราะอย่างไรเสียการที่ปู้หงพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ถูกถอดออกจากรายนามยอดเซียน เพียงแค่สลับตำแหน่งกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
หากต้วนหลิงเทียนไร้อันดับในรายนามยอดเซียน เมื่อเอาชนะปู้หงได้ย่อมชิงอันดับปู้หงมา และทำให้ชื่อปู้หงหลุดโผจากรายนามยอดเซียน หากปู้หงคิดมีชื่ออีกครั้งก็ต้องท้าประลองผู้มีอันดับแล้วเอาชนะให้ได้!
นี่คือกฏของรายนามยอดเซียน ทำเนียบยอดฝีมือสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! ไม่มีใครสามารถเล่นตุกติกได้ง่ายๆ!!
วูบ!
เย็นวันนั้น นอกม่านพลังของเกาะส่วนตัวต้วนหลิงเทียน พลันปรากฏร่างชายชราในชุดเขียวผุดโผล่ขึ้นกลางอากาศว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอยปานภูตผี
เป็นชายชราที่ใบหน้าเรียบเนียนแลดูอ่อนวัยคล้ายเด็กทารก เส้นผมขนคิ้วเป็นสีขาวโพลน แววตาแลดูอ่อนโยนใจดี บรรยากาศรอบกายให้ความรู้สึกคล้ายเทพเซียนในตำนาน…
“สหายน้อยผู้นี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ไม่เพียงแต่จักไม่เสียเปรียบในหอคุมกฏ กระทั่งออกจากหอคุมกฏแล้วยังเอาชนะปู้หงที่อยู่ในอันดับ 2 ของทำเนียบยอดฝีมือมาได้อีก…แล้วไฉนเสี่ยวหรูเยี่ยนต้องส่งข้อความให้ข้าดูแลมันด้วยเล่า ร้ายกาจเช่นนี้ยังจำเป็นต้องให้ข้าดูแลอีกหรือ?”
ชายชรามองไปยังเกาะลอยเบื้องล่างด้วยสายตาเลื่อนลอยกล่าวรำพันกับตัวเบาๆ “ว่าแต่…มิรู้ว่าสหายน้อยผู้นี้สนใจคารวะข้าเป็นอาจารย์หรือไม่…”