War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2083
ตอนที่ 2,083 : เปิดเผยตัวตน!
ประมุขตระกูลชิว อาวุโสหลัก ไม่เว้นอาวุโส 2 อย่างชิวจื่อ ตอนนี้เรียกว่าทั้งหมดล้วนตื่นเต้นยินดีกันออกหน้าออกตาทั้งสิ้น…!
เพราะเมื่อมีตงฟางป๋อ ตงฟางเหลียงเป็นข้ารับใช้ของชิวมู่ชิงเช่นนี้ หมายความว่าตราบใดที่ชิวมู่ชิงยังคงอยู่ในตระกูลชิว พวกมันก็ไม่จำเป็นต้องกลัวคนสกุลเฝิงจะมาเยือนตระกูลชิวอีกต่อไป!
“ข้ายินดีเป็นสุนัขรับใช้ของแม่นางชิวด้วย!”
“ข้าเองก็เช่นกัน”
ขณะเดียวกันอาวุโสอีก 2 คนของตระกูลตงฟางที่คุกเข่าอยู่ไกลๆ ก็เร่งหลั่งโลหิตกล่าวคำสาบานออกมาทันที
เสียงฟ้าร่องลั่นดัง 9 คำรบอีก 2 ชุด บ่งบอกว่าสวรรค์ตอบรับคำสาบานของพวกมันแล้ว
เรียกว่าเหนือห้องโถงหลักของสกุลชิววันนี้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามกลับบังเกิดอัสนีฟ้าลั่นดัง 9 คำรบติดต่อกันหลายชุดโดยแท้! ลั่นดังติดๆกันถึง 5 ชุด!!
เรื่องนี้เรียกว่าได้สร้างความแตกตื่นให้กับคนสกุลชิวมากมายนัก! ตั้งแต่ชนชั้นข้ารับใช้ยันเหล่าอาวุโสต่างแตกตื่นหมดสิ้น ด้วยไม่ทราบว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันแน่!!
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
“อัสนีฟ้าลั่นดังติดต่อกันถึง 5 ชุด…เป็นผู้ใดถึงกับเอ่ยคำสาบานติดๆกัน 5 ครั้ง?”
“เสียงฟ้าผ่าเหมือนจะดังมาจากทางห้องโถงหลักตระกูลชิวเรา…ข้าได้ยินว่าตอนนี้คนตระกูลตงฟางมันมาหาความกับพวกเราเรื่องคุณหนูใหญ่อยู่”
“เฮ่อ จะว่าไปคราวนี้คุณหนูใหญ่ทำเกินไปแล้วจริงๆ…ข้าว่าสมควรเป็นท่านประมุขกับท่านผู้อาวุโสคนอื่นๆที่เอ่ยคำสาบานอันใดสักอย่างกับตระกูลตงฟางแน่”
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
“ไฉนตระกูลชิวพวกเราต้องมาสาบานอะไรกับพวกมันเช่นนี้ด้วย! คราวนี้ข้าขอพูดเลยว่าข้าไม่พอใจการกระทำของคุณหนูใหญ่นัก เป็นนางที่ทำให้พวกเราต้องอับอาย!”
…
ทุกที่ทางไม่ว่าจะคฤหาสน์เรือนพักหรือบ้านส่วนตัวใดๆในเขตที่พักตระกูลชิว ลูกหลานตระกูลชิว ชนชั้นอาวุโสยันข้ารับใช้ ต่างคิดว่าที่มีเสียงฟ้าลั่นดังติดๆกันนี้ ล้วนเป็นเพราะคนสกุลชิวของพวกมันถูกตระกูลตงฟางมาหาความเรื่องที่พวกมันต้องเสียหน้าเพราะคุณหนูใหญ่เป็นแน่
และภายใต้วาจาไล่จี้ขู่ข่มของตระกูลตงฟาง ไม่พ้นต้องบีบคั้นให้เหล่าอาวุโสของพวกมันต้องกล่าวคำสาบานอะไรสักอย่างเพื่อเป็นคำอธิบายให้ตระกูลฟาง!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ต่อไปยามไปเดินในเมืองพวกมันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังจะสู้หน้าใครได้อีก?
ดังนั้นคนของตระกูลชิวจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจ
ยังดีที่ประมุข อาวุโสหลักและอาวุโส 2 ของตระกูลชิวไม่รู้ความคิดของพวกมันและไม่ได้มายินพวกมันบ่นงึมงำเป็นหมีกินผึ้ง หาไม่แล้วทั้งหมดคงได้อึ้งกันตาปริบๆแน่!
ภายในห้องโถงหลักตระกูลชิว
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวทั้งหมดล้วนคลี่คลายลงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองชิวมู่ชิงด้วยรอยยิ้มค่อยกล่าว “พวกเรากลับกันเถอะ”
“อื๊อ!”
ชิวมู่ชิงที่ยืนอึนอยู่ถึงกับสะดุ้ง แต่นางก็เร่งพยักหน้าตอบรับทันที
อย่างไรก็ตามพอสัมผัสได้ถึงสายตาลึกซึ้งปานเข้าใจเรื่องราวบางอย่างจากทุกคนที่มองมาที่นาง พวงแก้มกระจ่างอดไม่ได้ที่จะปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันที สุดท้ายนางก็ได้แต่ก้มหน้างุดๆเดินตามต้วนหลิงเทียนไปด้วยความขวยเขิน
หลังต้วนหลิงเทียนกับชิวมู่ชิงเดินออกจากห้องโถงหลักไปแล้ว ทุกผู้คนในห้องโถงหลักอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนนั้น พวกมันรู้สึกเสมือนมีแรงกดดันที่มองไม่เห็น กดดันบีบคั้นจิตใจอยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนจากไป แรงกดดันดังกล่าวย่อมสลายไปด้วย
“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านประมุข”
ขณะเดียวกัน อาวุโสหลักกับอาวุโส 2 อย่างชิวจื่อก็ประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีให้ชิวอ้านผิงออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อาวุโสหลัก…อาวุโส 2 พวกท่านหมายถึงอะไร?”
เห็นอาวุโสหลักกับอาวุโส 2 อยู่ๆก็มาประสานมือแสดงความยินดีด้วยรอยยิ้มแบบนี้ ชิวอ้านผิงอดไม่ได้ที่จะตกใจเป็นธรรมดา ยังสงสัยนักว่าเรื่องอะไร
“ท่านประมุข ตราบใดที่ท่านสังเกตดูไหนเลยจะมองไม่เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูใหญ่เรากับใต้เทาลี่เฟิงนั้นไม่ธรรมดา…ข้าเกรงว่าอีกมินานทั้งคู่ต้องลงเอยกันแน่!”
ชิวจื่อกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามขณะที่มันกล่าวถึง ‘ใต้เท้าลี่เฟิง’ แววตาของมันก็เผยความหวาดผวาออกมาให้เห็น เผยให้รู้ชัดว่ามันหวาดกลัวจับใจยังกลัวไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ!
ชิวจื่อกล่าวจบคำ อาวุโสหลักก็พยักหน้าเห็นชอบ
“ขอแสดงความยินดีด้วยประมุขชิว”
ขณะเดียวกันอาวุโสหลักของตระกูลตงฟาง ตงฟางป๋อ และอาวุโส 2 ของตระกูลตงฟาง ตงฟางเหลียง รวมถึงอาวุโสอีก 2 คนของตระกูลตงฟาง ก็รุดเข้ามาประสานมือแสดงความยินดีกับชิวอ้านผิงเช่นกัน
ลึกลงไปในสายตาของทั้ง 4 ยังเผยความอิจฉาไม่น้อย
อิจฉาที่บุตรีของชิวอ้านผิงกลับมัดใจใต้เท้าลี่เฟิงผู้นั้นได้!
“ทุกท่าน…มิคิดว่ามันเร็วเกินไปหน่อยหรือที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้?”
ตอนนี้เองในที่สุดชิวอ้านผิงก็ตอบสนองและเข้าใจว่าเรื่องอะไร มันได้แต่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวคำออกไปเสียงอ่อน
มันไม่ได้มองโลกในแง่ดีถึงขนาดนั้น
หลังได้เห็นพลังฝีมือกับลักษณะอันน่าเกรงขามของ ลี่เฟิง แล้ว มันก็รู้ได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้หาใช่คนธรรมดาสามัญไม่!
ตัวตนที่แลดูสูงส่งเช่นนี้ มีหรือที่จะถูกบุตรีของมันจับได้?
มันรู้ดีว่าถึงแม้ลี่เฟิงผู้นั้นคล้ายจะปฏิบัติกับบุตรีของมันด้วยดี…แต่ก็คงไม่พ้นเห็นบุตรีของมันเป็นดั่งดอกไม้ริมทาง เพียงเด็ดดมเชยชมสนใจ ค่อยโยนทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย…
“ประมุขชิว…ใต้เท้าลี่เฟิงเต็มใจที่จะกระทำเช่นนี้เพื่อคุณหนูมู่ชิง เผยให้เห็นว่าใต้เท้าให้ความสำคัญกับคุณหนูมู่ชิงไม่น้อย…ท่านเพียงรอเป็น ‘ท่านตา’ เถอะ”
ตงฟางป๋อเผยยิ้ม
คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
ครู่ต่อมาตงฟางป๋อก็เปลี่ยนเรื่อง และมองชิวอ้านผิงด้วยสายตาจริงจังกล่าวออกอีกครั้ง “ประมุขชิว จากนี้ไปข้ากับตงฟางเหลียงก็เป็นดั่งข้ารับใช้ของคุณหนูมู่ชิงแล้ว…”
“เช่นนั้นข้ากับตงฟางเหลียงขอกล่าวไว้ตรงนี้เลยว่า…ตราบใดที่คุณหนูมู่ชิวยังอยู่ในตระกูลชิว ขอเพียงข้ากับตงฟางเหลียงยังมีลมหายใจอยู่ ตระกูลตงฟางของข้าก็เสมือนเป็นตระกูลย่อยตระกูลหนึ่งของตระกูลชิว…”
“ทุกเรื่องราวใดๆ พวกเราล้วนฟังคำสั่งของประมุขชิวทั้งสิ้น…และจากนี้ไปตระกูลของพวกเราทั้งสองตระกูล ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวตระกูลเฝิงอีกต่อไป!”
วาจานี้ของตงฟางป๋อทำให้สองตาของชิวอ้านผิงลุกวาวขึ้นมาด้วยประกายเจิดจ้าทันที
อาวุโสหลักกับอาวุโส 2 ของตระกูลชิว ตอนนี้ก็มีความสุขไม่น้อย
เกรงว่าตอนนี้ ตระกูลเฝิง ตระกูลใหญ่อันดับ 1 ของเมืองคงหมิงคงมิอาจคิดคาดฝันถึง…
ว่าตอนนี้สถานการณ์ภายในเมืองคงหมิง ได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง!
เพียงเวลาแค่ครึ่งวัน ตระกูลชิวก็มีพลังอำนาจมากพอจะทัดทานตระกูลเฝิงได้อย่างไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน!
นั่นเพราะตระกูลตงฟางเสมือนเป็นตระกูลย่อยภายใต้อำนาจของตระกูลชิวแล้ว!
แน่นอนว่าแม้หลังจากนี้ตระกูลตงฟางจะเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของตระกูลชิว แต่คนนอกไม่มีใครล่วงรู้!
มีแต่พวกมันในห้องโถงหลักตรงนี้เท่านั้นที่รู้!
ไม่เพียงแต่เรื่องที่ตระกูลตงฟางมาหาความจากตระกูลชิวจะล้มเหลว ตอนนี้ทั้งสองตระกูลกลับมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดั่งวาสนาในคราเคราะห์ทั้งสองกลับกลายเป็นพันธมิตรที่ยากจะผิดใจกัน มีพลังอำนาจมากพอทัดทานต่อต้านตระกูลเฝิง!!
กระทั่งหลังจากนี้อีกหลายปี ตระกูลเฝิงก็ไม่กล้าพอที่จะบังเกิดความคิดกลืนกินทั้งสองตระกูลอีก!
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวในอนาคต
ห้องโถงหลักตระกูลชิวนั้น ตั้งอยู่ห่างจากเรือนพักส่วนตัวของชิวมู่ชิงไม่น้อย เรียกว่าห่างไกลเลยก็ว่าได้…
แต่ด้วยมีต้วนหลิงเทียนเดินร่วมทางแบบนี้ ชิวมู่ชิงรู้สึกว่าระยะทางมันสั้นเกินไป
นางรู้สึกเสมือนเวลาผ่านไปรวดเร็วนัก ไม่ทันได้สนทนาอะไรกับต้วนหลิงเทียนก็จะถึงเรือนที่พักอยู่แล้ว
แน่นอนว่าสาเหตุที่นางไม่ทันได้สนทนาอะไรกับต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่เพราะอะไรอื่น เพียงแค่นางไม่มีความกล้ามากพอ เมื่อต้วนหลิงเทียนเงียบไม่คิดจะคุยอะไรกับนางก่อน นางก็ไม่กล้าริเริ่มกล่าวถามเขา
และเหตุที่สถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ นั่นเพราะนางเดาตัวตนและฐานะที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนออกแล้ว!
ต้วนหลิงเทียน 1 ใน 8 อัจฉริยะท้าทายสวรรค์แห่งลัทธิบูชาไฟ!
ตัวตนที่นางทำได้แค่แหงนมองไปตลอดชั่วชีวิต!
ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว นางก็เป็นเพียงสตรีสามัญไร้ราคาอันใด
“แม่นางชิว ทำไมท่านถึงเงียบมาตลอดทางเลยเล่า?”
หลังจากกลับมาถึงเรือนส่วนตัวของชิวมู่ชิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะเดินนำไปนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อนตัวเดิมที่นั่งสนทนากับชิวมาชิงก่อนหน้า ค่อยยิ้มถามชิวมู่ชิงที่ตามมาด้วยความสงสัย
ทว่าชิวมู่ชิงที่เดินตามมานั้นกลับไม่ได้นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามอีกต่อไป นางเลือกที่จะยืนมองเขา
อีกทั้งตอนนี้ในแววตาคู่งามดั่งสารทฤดูของนาง กลับฉายความซับซ้อนไม่น้อยขณะมองมา
“แม่นางชิว ท่านเป็นอะไรไป?”
เห็นทีท่าดังกล่าวของชิวมู่ชิง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
แม่นางชิวผู้นี้ คงไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เขาเผยพลังฝีมือออกไป จึงทำให้นางหวาดกลัวจนไม่กล้าคุยเล่นกับเขาเหมือนก่อนหรอกนะ?
แต่แม้ต้วนหลิงเทียนจะงุนงงเล็กน้อย ทว่าเขาก็สามารถเข้าใจได้
ทว่าทันทีที่ชิวมู่ชิงปริปากกล่าวคำอีกครั้ง ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ท่านคือ ต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟใช่หรือไม่?”
อยู่ดีๆชิวมู่ชิงก็กล่าวถามออกมากลางปล้องเช่นนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตกใจทั้งตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
“ท่าน…รู้ได้อย่างไร?”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ กล่าวถามออกไปโดยที่ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงมองชิวมู่ชิงด้วยสายตาแปลกใจ
“ความแข็งแกร่ง วัย และนามของท่าน…นอกจากนี้ท่านยังกำชับมิให้ข้าเปิดเผยนามของท่านออกไป”
เมื่อชิวมู่ชิงกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็นึกขึ้นได้
ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆไร้ชื่อเสียงเรียงนามที่พึ่งขึ้นมาจากภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกต่อไป
ตอนนี้เขาไม่เพียงสร้างชื่อจนลือเลื่องในลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ทว่ายังสร้างชื่อของตัวเองไปทั้งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกด้วย เพราะเขาได้กลายเป็นยอดฝีมือที่ติด 1 ใน 1,000 ของรายนามยอดเซียน อันเป็นทำเนียบสุดยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว!!
“ดูเหมือนว่าข้าจักเดาถูก”
ท่าทีตอบสนองของต้วนหลิงเทียนพร้อมคำถามเมื่อครู่ ก็บอกให้ชิวมู่ชิงรู้ว่านางคิดถูก
ขณะเดียวกันชิวมู่ชิงก็ค่อยๆเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน หลังจากนั่งลงแล้วสิ่งที่นางกระทำก่อนใดอื่นก็คือการกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียน “พี่ใหญ่หลิงเทียน วันนี้ขอบคุณท่านมาก”
และที่นางขอบคุณต้วนหลิงเทียนแบบนี้ โดยธรรมชาติแล้วทั้งหมดเพราะต้วนหลิงเทียนได้ช่วยเหลือนางกับตระกูลชิวเอาไว้
“สำหรับข้าทั้งหมดก็แค่เรื่องเล็กน้อย…เจ้าถือเป็นสหายข้า เช่นนั้นเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องขอบคุณอะไรหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมากล่าวออก
“บางทีมันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพี่ใหญ่หลิงเทียน…แต่สำหรับข้าและตระกูลชิวมันเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญนัก”
ชิวมู่ชิงกล่าวออกด้วยทีท่าจริงจัง
“เอาล่ะๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่…ในเมื่อเจ้าขอบคุณแล้วเช่นนั้นก็อย่าได้พูดถึงอีกเลย”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวอีกครั้ง ค่อยกล่าวออกมาด้วยคิดเปลี่ยนเรื่อง “แม่นางชิว ข้า…”
ทว่าต้วนหลิงเทียนพูดไม่ทันจบคำก็ถูกชิวมู่ชิงกล่าวขัดเสียก่อน “พี่ใหญ่หลิงเทียนท่านเรียกข้าว่ามู่ชิงก็ได้…แม่นางชิวใช่เหมือนชื่อที่สหายใช้เรียกหากันที่ไหน?”
กล่าวจบแก้มขาวกระจ่างของชิวมู่ชิงก็เริ่มขึ้นสีแดงเรื่ออีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยนางนี้ขวยเขินเอียงอายอีกแล้ว
“เอาล่ะงั้นข้าจะเรียกเจ้าว่ามู่ชิงแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนเห็นด้วยทันที
“พี่ใหญ่หลิงเทียน เมื่อครู่ท่านจะพูดเรื่องอะไรหรือ?”
ชิวมู่ชิงกล่าวถามอกมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แววตาเผยความขอขมา
เหตุผลที่นางรู้สึกผิดและส่งสายตาขอโทษให้ต้วนหลิงเทียนนั้นก็ไม่ใช่อะไร เป็นเพราะเมื่อครู่อยู่ๆนางก็กล่าวแทรกขัดคำอีกฝ่าย เรื่องนี้นับว่าเป็นการกระทำที่เสียมารยาทนัก!
“ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ค่อยถาม “ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่า…ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ สถานที่ใดที่มีคนชั่วเยอะๆ หรือมักมีคนชั่วไปรวมตัวกันบ้าง?”
นี่คือจุดประสงค์หลักในการมาเมืองคงหมิงของต้วนหลิงเทียน เขาคิดหาแหล่งรวมคนชั่วเพื่อที่จะได้ฆ่าแล้วกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันเพื่อส่งเสริมพรสวรรค์รากวิญญาณของเขา! โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดติดค้างในใจจนกลายเป็นปม และก่อเกิดมารในใจในภายหลัง!!