War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2155
ตอนที่ 2,155 : ‘ฝ่ามือ’ ประทับจากฟากฟ้า!
เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติขนาดเล็กเท่าเม็ดฝุ่นลอยล่องท่ามกลางความว่างเปล่าในระนาบเทียมอย่างเงียบงัน ด้วยความที่ไร้ซึ่งสรรพสิ่งใดๆในสถานที่อันถูกครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 ร่วมมือกันสร้างแห่งนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดรบกวนต้วนหลิงเทียนในเจดีย์ได้เลย…
ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็นั่งขัดสมาธิอยู่ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ คนจมจ่อมอยู่ในภวังค์บ่มเพาะ มุ่งมั่นสั่งสมพลังอย่างลืมวันเวลา
ไอพลังวิญญาณฟ้าดินมหาศาลตลบอบอวลไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียน พวกมันยังม้วนวนเข้าร่างต้วนหลิงเทียนปานใต้ฝุ่น เป็นความเร็วในการดูดซับอันน่าเหลือเชื่อนัก!
พลังเซียนสุริยันในกายเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ มังกรพลังทั้ง 9 จากเคล็ดที่ 10 ของ เคล็ดวิชาบำเพ็ญจิต 9 มังกรจักรพรรดิสงครามอย่างเคล็ด 9 มังกร ล้วนชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินที่ดูดซับโคจรแปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันไม่รู้เหนื่อย
พลังวิญญาณฟ้าดินแม้ถูกดูดซับแปรเปลี่ยนเป็นพลังเซียนสุริยันขุมแล้วขุมเล่า หากแต่พวกมันก็คล้ายมีไม่หมดสิ้น พากันหลั่งไหลมาจากทุกทั่วสารทิศคล้ายในเจดีย์แห่งนี้มีพลังวิญญาณฟ้าดินอันไร้ขีดจำกัด
พลังงานในร่างต้วนหลิงเทียนยกระดับสูงขึ้นทุกชั่วขณะเวลา…
และตอนนี้ด้วยจมจ่อมอยู่ในภวังค์บ่มเพาะ ร่างต้วนหลิงเทียนที่ขัดสมาธิกลางอากาศจึงนิ่งไปปานปูนปั้น ทั่วร่างปรากฏแสงพลังสีทองเรืองรอง ให้ความรู้สึกเลือนลางไม่อาจจับต้อง ดั่งไร้ตัวตน
แสงสีทองที่ว่าก็บังเกิดขึ้นจากพลังเซียนสุริยันในกาย มันเป็นพลังอำนาจแห่งดวงตะวัน ช่างร้อนแรงสูงส่งและสง่างามเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามนัก
ในระนาบเทียมที่ถูก ครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 สร้างขึ้นแห่งนี้ช่างสงบนัก นอกจากต้วนหลิงเทียนก็ไม่เห็นผู้ใดอื่น เจดีย์เล็กเท่าเม็ดฝุ่นดั่งจะโดดเดี่ยวเดียวดายในห้วงแห่งความว่างเปล่า
และอันที่จริงในสถานที่แห่งนี้ ก็มีต้วนหลิงเทียนอยู่เพียงคนเดียวจริงๆ..
ในระนาบเทียมเต็มไปด้วยความสงบ ทว่าสถานการณ์ด้านนอกระนาบเทียมกลับยากจะสงบ!
ตอนนี้ข่าวเรื่องราวของระนาบเทียมที่สมควรถูกสร้างขึ้นด้วยครึ่งก้าวเซียนอมตะ 3 คนได้แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคเบื้องบนแล้ว ยังเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาให้ผู้คนนัก
และภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ณ จุดที่เคยมีรอยแยกมิติอันเป็นทางเข้าระนาบเทียมปรากฏอยู่ ก็มีผู้คนจากทุกทั่วสารทิศแวะเวียนกันมาสำรวจตรววจสอบ
แน่นอนว่ารอยแยกมิติที่ ‘เผยซื่อไห่’ ใช้พลังฉีกเปิดเพื่อเข้าไปในระนาบเทียมนั้น ได้ปิดตัวลงไปตั้งนานแล้ว
อย่างไรก็ตามนั่นไม่ส่งผลอะไรต่อผู้ที่อยากจะมาเยี่ยมชมสำรวจจุดเกิดเหตุแม้แต่น้อย
“คนผู้นั้น…หรือจะเป็นใต้เท้า เฉิงอี้ข่าย ?”
ในขณะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดขาวพิสุทธิ์ ในมือของมันยังถือไว้ด้วยกระบี่ยาวพร้อมฝักเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น เหล่าผู้ที่มาตรวจสอบสถานที่ๆอยู่ไม่ไกลก็มีบางคนจดจำมันได้จึงอุทานออกมา
“ใต้เท้าเฉิงอี้ข่าย? กระบี่อาภรณ์พิสุทธิ์ เฉิงอี้ข่าย อันดับที่ 28 ในรายนามยอดเซียนน่ะรึ?”
ทันใดนั้นสายตาของผู้คนก็หันมองไปตามสายตาของผู้ที่อุทานออกมา ก่อนจะแลเห็นชายหนุ่มในชุดขาวปลอด ในมือถือกระบี่ยาวพร้อมฝักเอาไว้เล่มหนึ่ง
ชายหนุ่มชุดขาวถือกระบี่ผู้นี้ ช่างมีใบหน้าอันหล่อเหลานัก ด้วยท่วงท่างามสง่าและความน่าเกรงขามของชนชั้นยอดฝีมือ ไม่ทราบทำร้ายจิตใจสตรีน้อยใหญ่มาแล้ววมากมายเท่าไหร่ เรียกว่าเพียงมันปรากฏตัว สตรีที่ขวัญกล้าทั้งหลายก็ทอดสะพานให้มันอย่างไม่อิดออดเอียงอาย บ้างก็ชะม้ายชายตามองปานจะกลืนกิน
เฉิงอี้ข่ายตอนนี้ ดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดของขุมพลังชั้น 1 ในภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า พรรคกระบี่ลี้ลับ! และมันยังถือว่าเป็นอาวุโสสูงสุดที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์พรรคกระบี่ลี้ลับอีกด้วย!!
เพราะตอนนี้อายุของมันก็พึ่งมีแค่ 100 กว่าปีเท่านั้น…
อีกทั้งว่ากันว่าประมุขพรรคกระบี่ลี้ลับ ยังมีลำดับอาวุโสเป็นถึงอาจารย์ลุงของมัน
และเหตุผลเดียวที่มันสามารถขึ้นแท่นรับตำแหน่งอาวุโสสูงสุดได้ เพราะมันเป็นเพียงคนเดียวในพรรคกระบี่ลี้ลับที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!
พรรคกระบี่ลี้ลับนั้นมีกฏข้อหนึ่งกำชับเอาไว้ ไม่สำคัญว่าเป็นผู้ใด ขอเพียงบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน สามารถดำรงตำแหน่งอาวุโสสูงสุดได้ทันที!
เช่นนั้นหมายความว่าผู้ใดก็ตามหากคิดเป็นอาวุโสสูงสุดของพรรค ก็จำต้องบรรลุให้ถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเสียก่อน
ในฐานะอาวุโสสูงสุดเพียงหนึ่งเดียวของพรรคกระบี่ลี้ลับ เฉิงอี้ข่าย แทบเสมือนเสาหลักอันดับ 1 ของพรรคกระบี่ลี้ลับก็ว่าได้ เช่นนั้นแล้วฐานะของมันในพรรคกระบี่ลี้ลับ จึงสูงส่งสุดที่ผู้ใดจะเทียบเทียม!
“ไม่คิดเลยว่ากระทั่งมันยังมาด้วย…”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“เฉิงอี้ข่าย กระบี่ขาวอาภรณ์พิสุทธิ์ คนนี้ นับเป็นอัจฉริยะท้าทายสวรรค์ที่หาได้ยากของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเราในรอบพันปีคนหนึ่ง…มันสามารถบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ทั้งๆที่พึ่งมีอายุร้อยปีเศษ! หลายขุมพลังแทบไม่เคยมีตัวตนเช่นมันปรากฏขึ้นมาก่อน”
“ว่ากันว่าตอนที่มันทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนได้ทั้งๆที่ยังอายุไม่ถึง 100 ปี เหล่า 3 ลัทธิใหญ่ก็ไปยื่นข้อเสนอให้มันมากมาย…ว่าตราบใดที่มันเข้าร่วม 3 ลัทธิ มันสามารถดำแหน่งรองจ้าวลัทธิได้ทันที!”
“น่าเสียดายที่มันเลือกปฏิเสธ…หาไม่แล้วหากมันไม่เป็นรองจ้าวลัทธิบูชาไฟ หรือชนชั้นมหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ก็ต้องเป็นปุโรหิตของลัทธิชะตาฟ้าไปแล้ว!”
“เห็นว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของมันเป็นสีครามเข้ม…เรื่องนี้จริงหรือไม่?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง หมายคววามว่า…เผยซื่อไห่ ก็ต้องเป็นอย่างที่ผู้ฝึกตนอิสระกล่าวกันน่ะสิ! เพราะด้วยอายุไม่ถึงร้อยปี หากแต่มีพรสวรรค์เหนือกว่าเฉิงอี้ข่ายได้ เช่นนั้นก็สมควรมีรากวิญญาณสีม่วงแล้วจริงๆ”
“รากวิญญาณสีม่วงหรือ? ให้ตายข้าก็ไม่เชื่อวาจาปั้นน้ำเป็นตัวของพวกผู้ฝึกตนอิสระนั่นหรอก!”
การมาถึงของ กระบี่ขาวอาภรณ์พิสุทธิ์ เฉิงอี้ข่าย ทำให้ผู้คนฮือฮากันไม่น้อย
หากจะกวาดตามองไปทั่วทังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า พลังฝึกปรือของเฉิงอี้ข่ายไม่นับว่ายอดเยี่ยมที่สุด
แต่การที่มันสามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสววรรค์ 7 เปลี่ยนได้ทั้งๆที่มีอายุร้อยเศษ…ความสำเร็จเช่นนี้ต่อให้มองไปทั่ววดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็หาได้ยากเย็นประหนึ่งเขามังกรขนหงส์
ตอนนี้ผู้คนมากมายจากทุกทั่วสารทิศของภูมิภาคเบื้องบน ล้วนเป็นคนที่ขุมกำลังต่างๆส่งออกมาตรวจสอบเรื่องราว
ผู้ฝึกตนอิสระแทบไม่มี
ถึงแม้ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผู้ฝึกตนอิสระมักไม่ค่อยข้องแวะกันเท่าไหร่ แถมยังแตกแยกดั่งเม็ดทรายที่กระจัดกระจาย หากทว่าพวกมันก็ยังมีคนที่ศรัทธาและยึดถือเป็นแบบอย่างเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวตนที่เป็นสุดยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามยอดเซียนอย่างเนี่ยอู๋เทียนที่เป็นผู้ฝึกตนอิสระเหมือนกัน เรียกว่าเป็นดั่งศูนย์รวมความศรัทธาของผู้ฝึกตนอิสระทั้งแดนดิน
และ ‘เผยซื่อไห่’ ศิษย์ส่วนตัวของเนี่ยอู๋เทียน ก็เป็นผู้ที่พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ ว่า ‘กับดัก’ ที่ถูกทิ้งไว้โดย 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะ นั้นอันตรายมากเพียงใด ทำให้ผู้ฝึกตนอิสระแทบทั้งหมดเชื่อมั่นว่าอันตรายจริง จึงไม่มีใครคิดมาตรวจสอบอะไรให้ซ้ำซากอีกต่อไป
ซู่มม!
ในขณะที่ทุกคนหันไปให้ความสนใจกับ เฉิงอี้ข่าย พลันปรากฏเสียงดั่งกระบี่แหวกอากาศหนึ่งดังขึ้น อีกทั้งทุกคนยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายกระบี่อันเสียดแทงแผ่ซ่านออกมากดดันพร้อมสายลมแรงหอบหนึ่ง เมื่อหันไปก็เห็นบางสิ่งที่คล้ายกระบี่เล่มเขื่องพุ่งทะยานแหวกฟ้ามาแต่ไกล! พาลให้ผู้คนตื่นตระหนกเร่งหลีกหลบออกไปให้พั้นทางกระบี่จ้าละหวั่น!!
เพียงชั่วพริบตากระบี่เล่มเขื่องก็พุ่งทะยานไปหยุดอยู่ที่ว่างกลางหาว ก่อนที่ร่างๆหนึ่งอันให้สภาวะไม่ต่างกระบี่เล่มเขื่องจะปรากฏสู่สายตาผู้คน
เป็นชายหนุ่มในชุดสีดำสนิท แผ่นหลังสะพายกระบี่พร้อมฝักเอาไว้
รูปลักษณ์ของมันแลดูหล่อแบบคมเข้มอย่างร้ายกาจ หากแต่สีหน้าท่าทางกลับให้ความรู้สึกเย็นชายากเข้าหาเป็นที่สุด
เรียกว่าใบหน้านิ่งเฉยไม่แยแสสรรพสิ่งนั่น เพียงยืนอยู่เฉยๆ ทั่วร่างของมันก็แผ่ซ่านไอเย็นเยียบปานจะแช่แข็งผู้คนออกมาไม่หยุด ราวกับมันเป็นภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งที่ผลักไสผู้คนให้ไกลออกไปนับพันลี้!
หลังจากที่มันปรากฏตัวออกมา เรียกว่าแย่งชิงความโดดเด่นของ กระบี่ขาวอาภรณ์พิสุทธิ์ ‘เฉิงอี้ข่าย’ ไปทันที และสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนจากเฉิงอี้ข่ายมาเป็นมัน…
“จงเฉิน!”
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้คืนสติ เฉิงอี้ข่าย ก็ตะคอกนามของชายชุดดำออกมา
“จงเฉิน?”
ทันทีที่เฉิงอี้ข่ายทำลายความเงียบด้วยการประกาศนามชายชุดดำออกมา ก็ทำให้ฉากโดยรอบวุ่นวายไปพักหนึ่ง
“จงเฉิน? กระบี่ทมิฬไร้ใจ จงเฉิน?”
ครู่ต่อมาหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก
“สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าชีวิตนี้ของข้าจะได้เห็นกระบี่ขาวอาภรณ์พิสุทธิ์ กับกระบี่ทมิฬไร้ใจพร้อมๆกัน! ชีวิตนี้ของข้านับว่าอยู่มาคุ้มค่าแล้วจริงๆ!!”
ชายชราคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกด้วยความทอดถอน
จงเฉินหรือที่รู้จักกันในนาม ‘กระบี่ทมิฬไร้ใจ’ นั้นอดีตเคยเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของลัทธิชะตาฟ้า หากแต่ตอมาไม่ทราบเกิดเรื่องราวอันใดขึ้นมันถึงได้ทรยศลัทธิชะตาฟ้า กระทั่งถูกลัทธิชะตาฟ้าไล่ฆ่าจนต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน!
จนกระทั่งพลังฝึกปรือของมันทะลวงผ่านเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ลัทธิชะตาฟ้าจึงหยุดไล่ล่ามัน และได้ออกประกาศแจ้งให้มันหวนกลับสู่ลัทธิ รวมถึงปล่อยวางเรื่องราวในอดีตทั้งหมด…
ทว่ามันไม่สนใจอีกต่อไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นตนมามันเลือกที่จะเป็นผู้ฝึกตนอิสระ พเนจรท่องหล้าเพียงลำพังดั่งหมาป่าเดียวดาย
ตัวมันนั้นติดอันดับที่ 27 ในรายนามยอดเซียน พลังฝีมือพอๆกันกับกระบี่ขาวอาภรณ์พิสุทธิ์เฉิงอี้ข่าย เรียกว่าทั้งคู่ไม่เพียงมีพลังฝีมือพอๆกัน อายุยังไล่เลี่ยกันอีกด้วย ด้านเฉิงอี้ข่ายเองก็เคยท้าสู้มันหลายครั้งหลายครา
หากแต่ผลลัพธ์ที่ออกมาทุกครั้งคือกินกันไม่ลง
เมื่อผลการประมือออกมาเป็นเสมอ เช่นนั้นอันดับย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ในเรื่องนี้เฉิงอี้ข่ายแน่นอนว่าย่อมไม่พอใจเป็นธรรมดา หากแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหดหู่ใจ
ใครใชให้จงเฉินโชคดีสามารถเอาชนะอดีตยอดฝีมืออันดับที่ 27 ในรายนามยอดเซียนก่อนมันเล่า?
ตอนนี้นอกเสียจากมันจะเอาชนะจงเฉิน หรือยอดฝีมือที่มีอันดับเหนือกว่าจงเฉิน หาไม่แล้วก็ไม่มีทางที่อันดับมันจะเหนือกว่าจงเฉินได้เลย…
“อืม”
ได้ยินเสียงเรียกของเฉิงอี้ข่าย จงเฉินเพียงกล่าวตอบด้วยเสียงในลำคออย่างไม่แยแส กระทั่งยังไม่แม้แต่จะหันไปมองเฉิงอี้ข่ายด้วยซ้ำ ท่าทีช่างเย็นชาประหนึ่งไม่เห็นหัวเฉิงอี้ข่ายแม้แต่น้อย!!
เห็นดังนั้น เฉิงอี้ข่ายย่อมโมโหเป็นธรรมดา!
หากแต่มันก็รู้ตัวดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะลงมือ
นอกจากนี้ต่อให้ลงมือต่อยตีกับอีกฝ่ายจริง มันก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ และมิวายอย่างดีผลต้องมาเป็นเสมออีกครั้งแน่!
“จงเฉิน ในเมื่อเจ้ามาที่นี่ได้…หมายความว่าเจ้าเองก็สนใจจะเข้าไปในระนาบเทียมที่เห็นว่าเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะถึง 3 คนร่วมมือกันสร้างใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นคล้ายนึกใดได้ออก ลูกตาเฉิงอี้ข่ายทอประกายเจิดจ้า มุมปากยกยิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นให้ข้าช่วยเจ้าหาตำแหน่งกำแพงมิติที่จะนำไปสู่ระนาบเทียมนั่นทั้งลงมือฉีกเปิดให้เจ้าเป็นไร?”
ทันใดนั้นเองทุกคนต่างพากันหันมองไปที่จงเฉิน
ขณะเดียวกันด้านจงเฉินเองก็หันศีรษะมาเล็กน้อย เหลือบมองเฉิงอี้ข่ายด้วยหางตา กล่าวออกเสียงเย็นยะเยือก “หากเจ้าคิดจะเข้าไปก็เชิญ…อย่าได้ฝันว่าข้าจะเปิดทางให้เจ้า!”
จงเฉินกล่าวออกมาแบบนี้ ย่อมเปิดเผยเจตนาของเฉิงอี้ข่ายที่คิดให้มันเข้าไปรับหน้าด้านในก่อนออกมาทันที
ด้วยถูกแฉความในใจเช่นนี้รอยยิ้มบนใบหน้าเฉิงอี้ข่ายย่อมสลายไป ยังแทนที่ด้วยความอึมครึมเกรี้ยวกราด
ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวขุมหนึ่งก็เริ่มแผ่ออกมาจากร่างเฉิงอี้ข่าย
กลิ่นอายที่เสียดคมกระหนึ่งมีคมกระบี่กรีดกรายไปทั่วนี้ พาลให้ผู้คนโดยรอบรีบเหินหนีกันจ้าละหวั่น ด้วยกลัวจะกลายเป็นปลาในบ่อที่พลอยซวยไปด้วย…
จังหวะนี้ทุกผู้คนย่อมรับทราบบรรยากาศตึงเครียดที่อุบัติขึ้นระหว่างทั้ง 2 ได้ชัดเจน
“พวกมันจะสู้กันแล้วรึ!? มารดาของมันช่างประเสริฐนัก!!”
มีหลายคนที่กลัวใต้หล้าจะวุ่นวายไม่พอ พากันยินดีกันยกใหญ่ แลดูคึกคักไม่น้อย
และในขณะที่ทั่วร่างของจงเฉินก็ปรากฏกลิ่นอายพลังคมกล้าปานกระบี่แกร่งตลบขึ้นมา คล้ายพร้อมจะลงมือเช่นกันนั้นเอง..
“เจ้าน่ะหรือ คนทรยศจงเฉินที่ถูกขับไล่ออกจากลัทธิชะตาฟ้าเมื่อปีนั้น?”
เสียงหนึ่งพลันก้องออกมาจากความว่างเปล่า และพร้อมๆกันกับเสียงสนั่นที่กึกก้องในหู พลันมีคลื่นลมรุนแรงสายหนึ่งพัดกรรโชกเข้ามา!
ครืนนน!!
แทบจะพร้อมกันกับที่มีสายลมพัดกรรโชกแรงกวาดผ่าน
ทั้งหมดพลันสัมผัสได้ว่าในสายลมที่พัดกรรโชกลงมาจากฟ้าเบื้องบน ได้หอบเอามวลพลังกดดันอันร้ายกาจขุมหนึ่งลงมาด้วย!!
มองไปเห็นเป็น ‘ฝ่ามือ’ มหึมาประหนึ่งเนินเขาย่อมๆอันควบแน่นมาจากพลังเซียนต้นกำเนิดอันสุดไพศาล ประทับลงมาฟากฟากฟ้า ถล่มลงไปหาจงเฉิน!!