War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2156
ตอนที่ 2,156 : มหาปุโรหิตแห่งลัทธิชะตาฟ้า!
ฝ่ามือพลังมีสภาพกระบวนนี้ ช่างใหญ่โตปานขุนเขา สภาวะเกรี้ยวกราดอัดแน่นไปด้วยมวลพลังอันสุดไพศาล!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ยามพลังฝ่ามือร่วงผ่านความว่างเปล่า ความว่างถึงกับสะเทือนเลือนลั่น แสงแตกระเบิดของอากาศสนั่นเป็นชุดไม่หยุดหย่อน ฟังไปปานพยุหอัสนีกึกก้องยามมรสุมกระหน่ำ!
อีกทั้งพลังฝ่ามือมหึมานี้ ยังใหญ่โตราวจะปิดแผ่นฟ้า ยังผลให้ผู้ที่อยู่เบื้องล่าง ถูกเงาดำทะมึนพาดทับ ตะวันคล้ายหม่นแสงไปในพริบตา
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
……
ประทับฝ่ามือร่วงฟ้ามาไม่ทันไร เสียงระเบิดพลันดังขึ้นเป็นชุด…เป็นผู้คนจากขุมพลังต่างๆที่ลอยร่างผิดที่ผิดทาง ไม่ทันหลีกหลบให้พ้นทาง กลับต้องประสบชะตาดับอนาถสังเวยชีวิตอย่างไม่ยินยอม ร่างระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตในบัดดล…
หมอกโลหิตกำจายพร่างฟ้า มองไกลๆคล้ายมีบุปผาสีเลือดช่อตูมเบ่งบาน
เพียงเวลาเสี้ยวพริบตา ผู้ฝึกตนจากขุมพลังต่างๆนับโหล ก็สลายหายไปไม่เหลือแม้แต่ซากศพให้กลบฝัง…
ผู้ฝึกตนเหล่านี้จะดีจะชั่วก็ล้วนเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ทั้งสิ้น ในบรรดาพวกมันกระทั่งเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน 5 เปลี่ยนก็ยังมี! อนิจจาต่อหน้า ‘ฝ่ามือ’ มหาประลัยที่ประทับร่วงฟ้านั่น พวกมันไร้ซึ่งกำลังต้านทานอันใด แม้แต่เวลาจะหลีกหลบยังไม่มี!
ชิ้ง! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
…
ห้วงเวลาเดียวกวันกับที่ผู้ฝึกตนนับโหลร่างระเบิดเป็นหมอกเลือด กระบี่พันอาคมในฝักที่สะพายอยู่ด้านหลังจงเฉินพลันถูกชักออกมาตวัดฟันฟาดออกไปด้วยความเร็วเหนือเสียง พริบตาข่ายพลังกระบี่นับร้อยเส้นสายก็ปรากฏอุบัติกลางความว่าง ฟุ้งฟาดทำลายไปยังฟ้าเบื้องบนไม่หยุดหย่อน ยังถักทอร้อยเรียงกันราวข่ายฟ้าแหสวรรค์!!
ข่ายฟ้าแหสววรรค์จากพลังกระบี่ ปะทุกลิ่นอายคมกล้าหาใดเปรียบสะท้านไปทั่ว! ประหนึ่งพวกมันสามารถสะบั้นทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง!!
เสื้อคลุมสีดำตัวเก่งบัดนี้โบกสะบัดไปมาระรัว ช่วงอกยังพองลมขึ้นมาปานลูกโป่ง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มอย่างร้ายกาจฉายถึงความตึงเครียดออกชัด เป็นมันที่เร่งเร้าพลังเซียนต้นกำเนิดทุกหยาดหยดในร่างใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนป้องกันผสานไปด้วยเวทย์พลังป้องกันสุดกำลัง!!
กระบี่คลุมฟ้าดิน!
กาลครั้งหนึ่งมันเคยใช้ออกด้วยทุกสิ่งเช่นนี้ จนสามารถต้านท้านกระบวนสังหารของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนมาได้ โดยที่ตัวมันได้รับบาดเจ็บภายในเพียงแค่เล็กน้อย แต่ทว่าพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างของมันก็แห้งเหือดไม่มีเหลือเช่นกัน!!
เปรี๊ยงงงงงง!!
เสียงสนั่นดังลงมาจากฟากฟ้า! เป็นฝ่ามือมหึมาปานเมฆเขื่อง…หลังมันเข่นฆ่าสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ไปนับโหล ในที่สุดก็ปะทะเข้ากับข่ายเพลงกระบี่ของจงเฉินที่ถักทอร้อยเรียงมาข่ายฟ้าแหสวรรค์!!
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
…
เสียงระเบิดดังปานฟ้าร้องกึกก้องออกมาไม่หยุด!
พลังฝ่ามือประทับที่บดขยี้ทำลายข่ายพลังกระบี่ชั้นแล้วชั้นเล่า! ข่ายฟ้าแหสวรรค์บัดนี้คล้ายถูกหมุดพิภพทะลวงทำลายมาอย่างไม่หยุดยั้ง!!
สีหน้าจงเฉินเปลี่ยนเป็นดำคล้ำเมื่อเห็นภาพเรื่องราวดังกล่าว
“ไม่ดี!”
พริบตานั้นคล้ายจงเฉินตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมหันต์ และสุดท้ายฝ่ามือพลังมีสภาพอันเขื่องปานขุนเขาก็แหวกข่ายพลังกระบี่ลงมาซัดทำร้ายเข้าร่างมันอย่างจัง!
ถึงแม้จงเฉินจะสลายพลังฝ่ามือส่วนใหญ่ไปได้ หากแต่พลังทำลายของประทับฝ่ามือนี้ก็มิอาจดูเบาได้โดยเด็ดขาด ทันทีที่มันซัดปะทะเข้าร่างจงเฉิน ก็ส่งร่างจงเฉินปลิดปลิวละลิ่วปานว่าวสายป่านขาด ร่วงตกลงไปในหุบเขากว้างใหญ่เบื้องล่าง!
ตูมมมม!!
โครมมมม ครืน ครืนนน!!
…
เสียงระเบิดดังสนั่นอีกรอบ ยังดังประหนึ่งอุกกาบาตร่วงฟ้ากระแทกแผ่นดิน เขาใหญ่ใกล้เคียงมิอาจทนรับแรงกระแทกได้ไหวพังทลายถล่มลงมา ฝังร่างจงเฉินให้จมหายลงไปในกองซากปรักหักพัง…
ขณะเดียวกันพลังฝ่ามือก็สิ้นสูญพลังสภาวะ สลายหายไปในความว่างเปล่าเรียบร้อย
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
จังหวะนี้ผู้คนโดยรอบไม่เว้นเฉิงอี้ข่ายพึ่งจะคืนสติ เมื่อทั้งหมดรู้สึกตัวก็พากันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บอย่างอดไม่ได้
ไม่ทันที่ผู้ลงมือจะปรากฏตัว อาศัยเพียงพลังฝ่ามือจากฟากฟ้านั่น…ก็ป่นร่างผู้ฝึกตนไปแล้วนับโหล!
กระทั่งกระบี่ทมิฬไร้ใจ จงเฉิน อันดับที่ 27 ในรายนามยอดเซียน ตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซวียนสววรรค์ 7 เปลี่ยน ยังถูกตบร่วงฟ้าปานไก่กระเบื้องอันแสนเปราะบาง!
ทั้งหมดรู้ดีแก่ใจ
ด้วยพลังฝ่ามือนั่น ถึงจงเฉินไม่ตายแต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!
ฟุ่บบบ!!
สายลมแรงหอบหนึ่งตีปะทะเข้าใบหน้าเฉิงอี้ข่ายทั้งผู้ฝึกตนทั้งหลายอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว พริบตาต่อมาทั้งหมดก็แลเห็นร่างหนึ่งที่คล้ายผุดโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่า
เป็นชายชรามานชุดคลุมลมดำหลวมโครก ร่างกายของมันสูงใหญ่แลดูกะปรี้กะเปร่าไม่คล้ายผู้ชรา แม้ใบหน้ารูปลักษณ์แลดูธรรมดาๆ หากแต่แววตาคมกล้านั่นของมัน ช่างให้ความรู้สึกเฉียบคมยิ่งนัก!
หลังปรากฏตัวออกมากลางหาวร่างชราก็แน่นิ่งไม่ไหวติงค้างฟ้า
“นะ…นั่นมัน”
เฉิงอี้ข่ายที่สายตาแหลมคมไม่ใช่ชั่ว ย่อมแลเห็นลายปักรูปหัวกะโลหกสีแดงเข้มบนหน้าอกของชายชราได้ชัดเจน ทันใดนั้นร่างของมันก็สั่นสะท้านไปไม่เป็นผู้คน
ราวกับพึ่งประสบกับเรื่องอันน่าสะพรึงกลัวประการหนึ่ง
“มหาปุโรหิต เป็นท่านหรือ…”
ในขณะที่ทุกคนกำลังหวาดตัวกับการปรากฏตัวของชายชรา น้ำเสียงที่ปะปนไปทั้งความเคารพและความไม่พอใจพลันดังขึ้น…
เป็นจงเฉินที่ถูกพลังฝ่ามือซัดทำร้ายจนปลิดปลิวร่วงฟ้าไปปานดาวตก ได้เหินร่างสะบักสะบอมขึ้นมาจากซากปรักหักพัง ก่อนจะมาหยุดค้างกลางฟ้า
เรียกว่าจงเฉินตอนนี้ไม่เหลือคราบวีรบุรุษผู้กล้าเหมือนดั่งก่อนหน้าสืบไป แลดูมอมแมมทั้งยับเยินปานขอทาน…
หลังก้าวขึ้นมาในอากาศแล้ว จงเฉินก็มองกล่าวกับชายชราด้วยทีท่าหวั่นเกรงระคนหวาดกลัว “ท่าน…ท่านมาคนเดียว?”
เผชิญหน้ากับชายชราชุดดำ จงเฉินยังต้องเรียกหาด้วยความสุภาพเคารพ
ถึงแม้ชายชราจะทุบตีมันจนยับก็ตามที!
ต่อหน้าชายชราผู้นี้มันไม่กล้าถือดีวางท่าอะไร!
“ในเมื่อวันนี้เจ้ารอดฝ่ามือข้าไปได้ เช่นนั้นข้าจักไว้ชีวิตเจ้า…”
อย่างไรก็ตามแม้จะได้ยินเสียงทักถามด้วยเคารพจากจงเฉิน แต่ชายชราชุดดำที่จงเฉินเรียกหาว่า มหาปุโรหิต กลับไม่เหลือบแลจงเฉินแม้แต่หางตา เพียงกล่าวทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งก็เหินร่างออกไปทันที
“ขอบคุณท่านมหาปุโรหิตที่เมตตา…”
จงเฉินพลันระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินคำของผู้ชรา
หากอีกฝ่ายต้องการฆ่ามันจริงๆ ต่อให้มันจะบรรลุถึงสุดปลายด่านพลังเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน แต่ก็เกรงว่าคงยากจะรอดพ้นชะตาตายตก ไม่อาจต้านทานอันใดได้เลย
ครู่ต่อมา ชายชราผู้นั้นก็ลอยร่างมาอยู่ไม่ห่างจากเฉิงอี้ข่าย
เห็นดังนั้นเฉิงอี้ข่ายก็เร่งกุลีกุจอหลีกหลบออกไปให้ห่างจากชายชรา ด้วยกลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจอะไรให้อีกฝ่ายเข้า
พลังฝีมือนั่นของชายชรา กระทั่งมันก็หวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ
‘มะ…มันคือ มหาปุโรหิตจริงๆ!?’
ใจเฉิงอี้ข่ายสะท้านไปทันใดเมื่อได้ยินจงเฉินเรียกหาชายชราผู้นี้ด้วยน้ำเสียงหวั่นเกรงมากเคารพ ทำให้มันตระหนักได้ทันทีว่าการคาดเดาของมันก่อนหน้าไม่มีผิดพลาด
ชายชราผู้นี้มาจากลัทธิชะตาฟ้า มหาปุโรหิต!
ยังเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในลัทธิชะตาฟ้า!
เพราะมหาปุโรหิตของลัทธิชะตาฟ้าผู้นี้ ก็คือตัวตนที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว!!
อันดับในรายนามยอดเซียนของมันตอนนี้ เพียงด้อยกว่าเนี่ยอู๋เทียนกับสุดยอดฝีมืออีกคนเท่านั้น…
มันรั้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของรายนามยอดเซียน! เป็นหนึ่งผู้ฝึกตนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของพลังในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ชิ้ง!
เสียงประหนึ่งมีดดาบกรีดผ่าอากาศดังขึ้น เฉิงอี้ข่ายทั้ยจงเฉินเห็นเพียงประกายแสงวูบหนึ่งแวบเข้าตาเท่านั้น
เป็นชายชราที่โบกมืออย่างไร้เรื่องราวต่างดาบกระบี่ ฉีกเปิดรอยแยกมิติท่ามกลางความว่างเปล่า
หลังจากนั้นร่างชราก็วูบหายเข้าไปในรอยแยกทันที
“มะ…มันเข้าไปแล้ว?”
เห็นเช่นนี้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนก็อดตกตะลึงไปไม่ได้ ทั้งหมดตกใจกับการกระทำของชายชรานัก!
ขณะเดียวกันบางคนที่หัวไวหน่อยก็ดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ในเวลอันสั้น กระทั่งตระหนักเรื่องราวบางประการได้ออก “เมื่อครู่ใต้เท้าจงเฉินเรียกหาเฒ่าชราผู้นั้นว่า มหาปุโรหิต? นามนี้สมควรมิใช่นามที่ใช้เรียกหากันทั่วไป…”
“อีกทั้งจงเฉินยังเคยเป็นคนของลัทธิชะตาฟ้า กอปรกับพลังฝีมือของชายชราผู้นั้นช่างสูงส่งนัก…หรือว่า…หรือว่าชายชราผู้นั้นที่แท้เป็น มหาปุโรหิต ของลัทธิชะตาฟ้า ใต้เท้าโม่เชวียน!”
“ใต้เท้าโม่เชวียน!?”
“สมควรเป็นท่านไม่ผิดแน่! นอกจากใต้เท้าผู้นั้นแล้วข้านึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีผู้ใดที่สามารถฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ได้นับโหลในหนึ่งฝ่ามือเช่นนี้! กระทั่งหนึ่งฝ่ามือนั่น…หลังฆ่าคนนับโหลไปแล้วแท้ๆ แต่พลังสภาวะยังไม่ถดถอย! ถึงขั้นซัดทำร้ายใต้เท้าจงเฉิน อันดับที่ 27 ในรายนามยอดเซียนจนสิ้นท่า! ต้องทราบด้วยว่า…จะอย่างไรใต้เท้าจงเฉินก็เป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอันร้ายกาจ!”
“สวรรค์ ใต้เท้าโม่เชวียน มหาปุโรหิตแห่งลัทธิชะตาฟ้า ยอดฝีมือลำดับที่ 3 ในรายนามยอดเซียน! หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่เหนือใต้หล้าคนนั้นน่ะรึ!!”
…
ผู้ยิ่งใหญ่เหนือใต้หล้านั้น ก็คือผู้ที่พลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน
เพราะมีเพียงแต่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติรับตำแหน่งผู้ยิ่งใหญ่เหนือใต้หล้า
หลังจากที่ตระหนักถึงตัวตนของชายชราเมื่อครู่ได้แล้ว ใจของทุกผู้คนในที่นี้ล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวน หากแต่ลึกลงไปในใจก็ยังบังเกิดความอยากรู้ตามมา…
มหาปุโลหิตแห่งลัทธิชะตาฟ้าที่วูบร่างเข้าไปใน ‘กับดัก’ ของ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะ จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หรือไม่?
เพราะจากข่าวลือก่อนหน้า…
การปะทุระเบิดของพลังสังหารจากค่ายกลสังหารที่อยู่ในระนาบเทียมแห่งนั้น กระทั่งทำให้ยอดศาสตราเซียนประเภทป้องกันอย่างระฆังสุญตาถึงกับแตกร้าว! นอกจากนั้นยังป่นทำลายแขนซ้ายและดาบพันอาคมเซียนของเผยซื่อไห่ทั้งๆที่ใช้ระฆังสุญตาแล้วอีกด้วย!!
“ไม่ทราบใต้เท้าโม่เชวียนจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยไร้เรื่องราวหรือไม่…?”
“นั่นมันย่อมแน่อยู่แล้ว ใต้เท้าโม่เชวียนมิเพียงเป็นมหาปุโรหิตของลัทธิชะตาฟ้าเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวของลัทธิชะตาฟ้าที่สามารถแตกฉานเวทย์พลังป้องกันอันดับหนึ่งของลัทธิชะตาฟ้าถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!!”
“เวทย์พลังป้องกันอันดับหนึ่งของลัทธิชะตาฟ้านั้น เป็นเวทย์พลังป้องกันโบราณที่มีพลังอานุภาพสูงล้ำกว่าเวทย์พลังระดับสูงในแดนดิน เรียกว่าเป็นเวทย์พลังป้องกันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ไม่เกินเลย! ด้วยเวทย์พลังป้องกันนั่น เกรงว่าความสามารถในการป้องกันภยันตรายของใต้เท้าโม่เชวียนยังเหนือกว่าเผยซื่อไห่ที่ใช้ระฆังสุญตาเสียอีก!!”
…
ในขณะที่ทุกผู้คนกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบกันด้วยความเชื่อมั่นในพลังฝีมือของโม่เชวียน มหาปุโรหิตแห่งลัทธิชะตาฟ้า ผู้ซึ่งแม้แต่เฉิงอี้ข่ายกับจงเฉินเองก็อยากรู้อยากเห็นกว่าใคร…ว่าโม่เชวียนผ็นั้นจะรอดชีวิตออกมาหรือไม่นั้นเอง…
ณ ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
ภายในแนวเทือกเขา บนยอดเขาสูงชันลูกหนึ่ง พลันมีเสียงหนึ่งดังก้องปานฟ้าร้องทำลายความเงียบสงบไปในทันที
“ซูหลี่! ฟื้นเถอะ! ซู่หลี่….เจ้ารีบฟื้นสติเถอะ!!”
“เป็นข้าเอง อาจารย์ของเจ้า…เจ้าดูเถอะ เป็นข้าเอง กระบี่ที่ 13 อาจารย์ของเจ้าอย่างไรเล่า! เจ้ารีบฟื้นสติเร็วเข้า!!”
…
เสียงตะโกนดังกล่าวดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ทั้งแฝงเร้นไว้ด้วยความร้อนรนใจถึงขีดสุด อีกทั้งในความร้อนรนนั้นก็แฝงเร้นไปด้วยความอับจนหนทางถึงขีดสุด…
ฟุ่บ! ฟุ่บ!!
เสียงแหวกสายลมแรง 2 สำเนียงดังขึ้นติดๆ ดั่งสายลมแรงกรรโชกหอบซัดมา 2 สาย ปรากฏร่างหนึ่งเหินนำ ส่วนอีกร่างเหินไล่ตามลัดฟ้าด้วยความเร็วสูง…
เพียงแต่ความเร็วของร่างด้านหลังนั้นเหนือกว่าร่างเบื้องหน้ามากนัก…
ในเวลาชั่วพริบตาร่างด้านหลังก็ไล่ตามร่างเบื้องหน้าได้ทัน
ชายที่เหินร่างนำอยู่ด้านหน้า รูปลักษณ์มันเป็นชายวัยกลางคน ที่สภาพแลดูสะบักสะบอมทั้งทรุดโทรม คล้ายพึ่งประสบคราวเคราะห์อันใดบางอย่างมา
ส่วนชายที่ไล่ล่าอยู่ด้านหลังนั้น เป็นชายหนุ่มที่หน้าตาสมควรหล่อเหลา…อนิจจาบัดนี้ทั่วร่างของมันกลับเต็มไปด้วยไอมารอันน่าพรั่นพรึง ทั้งยังเป็นไอมารที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุด!!
ไอมารอันบริสุทธิ์ไร้มนทิลใดๆ ปานเป็นต้นกำเนิดของความชั่วร้ายนี้ หาใช่ไอมารที่ผู้ฝึกมารทั่วไปจะมีได้!
นอกจากนั้นสองตาของชายหนุ่มคนนี้ยังแดงฉานปานก้อนโลหิต ไร้ซึ่งมวลอารมณ์ยินดียินร้ายใดๆทั้งปวง
ฟุ่บ!
ทันใดนั้น มือขวาของชายหนุ่มพลันสะบัดออกไปตามอำเภอใจอย่างไร้เรื่องราว หากทว่ากระบี่สีเขียวยาว 3 ฉื่อในมือมัน ไม่ทราบสาบสูญไปที่ใด คงเหลือเพียงเสียงหอนของกระบี่กรีดอากาศสั้นๆแว่วดังขึ้น…