War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2157
ตอนที่ 2,157 : สหาย ‘ซูหลี่’
ยังโชคดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ที่นี่ และไม่ได้เห็นฉากชายหนุ่มลงกระบี่กับชายวัยกลางคน..
หาไม่แล้วเขาได้ตกใจตายแน่!
นั่นเพราะเขาไม่เพียงแต่จะรู้จักทั้ง 2 คนนี้เท่านั้น แต่ยังรู้ด้วยว่าทั้งคู่เป็น ศิษย์อาจารย์กัน!
ไอมารลุกโชนดั่งเปลวเพลิงปานจะเผาฟ้า และชายหนุ่มเจ้าของไอมารบริสุทธิ์ที่สภาวะดั่งเทพมารจุติลงมายังโลกหล้าผู้นี้ กลับไม่ใช่ใครอื่น…หากแต่เป็น ซูหลี่ สหายอันดี่ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นในชีวิตนี้!
จนถึงวันนี้ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำเรื่องราวได้ดี
จดจำเรื่องราวในอดีตระหว่างเขากกับซูหลี่ได้ชัดเจน…ครั้งแรกที่เขากับซูหลี่พบกัน ก็เป็นค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกำลังโลหิตเหล็กที่เมืองโลหิตเหล็กในอาณาจักรนภาล่อง…ตอนนั้นทั้งหมดล้วนยังเป็นวัยรุ่น
ต่อมาทั้งคู่ก็ผ่านการฝึกอบรมจากค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ และเดินทางไปยังสถาบันบ่มเพาะขุนพลของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรนภาล่อง กระทั่งเข้าเป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพล
และในเวลานั้นเอง ที่ตระกูลซู อันเป็นตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงอาณาจักรนภาล่องต้องการเอาชีวิตเขา กระทั่งยังใช้ครอบครัวของซูหลี่มาข่มขู่ซูหลี่ให้ร่วมมือกับคนตระกูลซูวางยาฆ่าเขา
อนิจจาซูหลี่นั้นเห็นเขาเป็นสหาย และไม่ต้องการทำร้ายสหาย! สุดท้ายจึงเลือกละทิ้งทุกอย่างหลบหนีไปจากตระกูลซู
หลังจากทิ้งจดหมายบอกกล่าวไว้ให้เขาแล้ว ซูหลี่ก็เดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่องทันที ย้อนไปตอนนั้นกล่าวไปแล้วเขาเองก็มีส่วนทำลายอนาคตของซูหลี่…
อย่างน้อยๆในสายตาต้วนหลิงเทียนก็คิดแบบนั้น
ตั้งแต่วันนั้นเขาก็เห็นซูหลี่เป็นสหายอันดี เป็นดั่งเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้คนหนึ่ง
ต่อมาเขาก็ได้พบซูหลี่อีกครั้งในงานประลองคัดเลือกอัจฉริยะที่จัดขึ้นโดยอาณาจักรพนาคราม
หลังจากที่เปิดเผยพรสวรรค์ที่อาณาจักรพนาครามแล้ว ทั้งต้วนหลิงเทียนและซูหลี่ก็ได้เดินทางไปยังจักรวรรดิศิลาทมิฬ จนสามารถเอาชนะและได้รับการคัดเลือกให้ไปเข้าร่วม การประลองคัดเลือกยอดฝีมือรุ่นเยาว์ที่จะไปต่อสู้กันในการประลองสิบราชวงศ์ที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรต้าฮั่น
ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ มิตรภาพทั้งสองก็แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ยากที่ใครจะทำลายลงได้
หลังสิ้นสุดการประลอง 10 ราชวงศ์แล้วก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย
ประการแรกเลยเขามีเรื่องราวบาดหมางกับด่านมีดดาบที่ซูหลี่เข้าร่วม ต่อมาเมื่อเขาคิดตามหาซูหลี่เพื่อชักชวนให้ออกเดินทางไปด้วยกัน เขาก็พบว่าซูหลี่และอาจารย์ได้เดินทางออกจากด่านมีดดาบไปแล้ว…
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่เคยได้พบเจอกับซูหลี่อีกเลย…
และอาจารย์ของซูหลี่ที่ว่า ก็คือกระบี่ที่ 13 ผู้ที่กำลังถูกตัวซูหลี่เองไล่ล่า!
กระบี่ที่ 13 เคยเป็นยอดฝีมืออันดับ 2 ของด่านมีดดาบ และยังเป็นว่าที่หัวหน้าหมู่บ้านกระบี่ อนิจจาต่อมาด้วยไม่อาจยอมรับการกระทำของด่านมีดดาบที่ปฏิบัติต่อต้วนหลิงเทียนได้ มันกับซูหลี่จึงเลือกตัดสัมพันธ์กับด่านมีดดาบแล้วออกเดินทางพเนจรไปทั่วหล้าตั้งแต่วันนั้น…
……
เมื่อซูหลี่ตวัดซัดกระบี่ 3 ฉื่อสีเขียวในมือ เสียงกระบี่ทะยานแหวกอากาศสั้นๆพลันดังขึ้น
ฉึก!
เสียงกระบี่ทะลวงเลือดเนื้อดังขึ้นแผ่วเบา ร่างกระบี่ที่ 13 ที่เหินนำสะท้านไปอย่างแรงจากนั้นก็หยุดลง
มันค่อยๆหันกลับไปอย่างยากลำบาก จนได้เห็นซูหลี่ไล่ตามมาถึงตัวเรียบร้อย
และตอนนี้ที่ลำคอของมันปรากฏหลุมโลหิตหลุมหนึ่ง
หลุมโลหิตนั่น…ยิ่งมายิ่งแดงฉาน โลหิตทะลักออกดั่งเขื่อนแตก แลดูน่ากลัวนัก
มันเป็นดั่งรอยกระบี่มรณะ!
“เจ้า…เจ้าคือซูหลี่…เจ้าเป็นมนุษย์…มนุษย์…ไม่…ไม่ใช่…ปีศาจ…”
ในขณะที่โลหิตทะลักออกจากลำคอกระบี่ที่ 13 อย่างไม่อาจหยุดยั้ง กระบี่ที่ 13 ก็ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายในชีวิตกล่าวคำกับซูหลี่ที่มีใบหน้าเย็นชาทั้งดวงตาสีเลือดออกมาอย่างยากลำบาก
และไม่ทันที่มันจะกล่าวจบคำดีสองตาก็หลับลง ก่อนที่ร่างจะร่วงตกจากฟ้า
พิกลนัก…
แม้มันจะตายตกแล้ว หากแต่ใบหน้ายามตายกลับคลี่ยิ้มบางๆ ราวกับมันจากไปพร้อมกับความพึงพอใจ
ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวในวันนี้ขึ้น กระบี่ที่ 13 คงไม่เคยคิดเคยฝัน
ว่ามันที่ใช้เวลามาครึ่งชีวิต ทว่าสุดท้ายกลับต้องมาตกตายด้วยน้ำมือของศิษย์มันเองอย่าง ซูหลี่ แบบนี้!
แต่แน่นอนว่าวินาทีสุดท้ายก่อนที่ชีวิตของมันจะจบสิ้น สามารถเห็นได้ชัดเจน…
จวบจนตายตกแล้ว มันไม่เพียงแต่จะไม่ตำหนิซูหลี่ กระทั่งยังจากโลกนี้ไปด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ
แน่นอนว่าความพึงพอใจของมันนั้นเกิดจากซูหลี่ศิษย์ที่มันบ่มเพาะมาหลายปี
สำหรับเรื่องที่มันพึงพอใจนั้น เกรงว่าคงมีแต่มันเท่านั้นที่รู้
“ข้า…คือ…ซูหลี่ ข้า…เป็น…มนุษย์…มนุษย์?”
เมื่อกระบี่ที่ 13 หลับตาลงจากไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพึงใจ ร่างซูหลี่พลันสะท้านไปคราหนึ่ง และสีเลือดในดวงตาก็อ่อนจางลงทันที
จากนั้นมันก็กุมศีรษะด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกปากครางเสียงต่ำออกมาไม่หยุด
คล้ายตอนนี้มันกำลังทุกข์ทรมาณกับความเจ็บปวดอันยากที่มนุษย์คนใดจะทานทนรับไหว
ยิ่งมาใบหน้ายิ่งบิดเบี้ยวเหยเกหนักข้อ มุมปากปรากฏโลหิตหลั่งไหล คล้ายคนขบกัดฟันกรามจนแหลก ทว่าสีโลหิตในนแววตาก็สลายหายไปหมดสิ้น!
หลังจากที่สีเลือดในดวงตาสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ ไอมารบริสุทธิ์ที่ลุกโชนท่วมร่างดั่งเพลิงไฟ ก็หวนคืนเข้าร่าง ไม่หลงเหลือกลิ่นอายชั่วร้ายอันน่าสะพรึง คนแปรเปลี่ยนไปในพริบตา กลายเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาเย็นชามาดนิ่งคนหนึ่ง
“ท่านอาจารย์!!”
ทันใดนั้นซูหลี่พลันกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดปานมีดกรีดใจ ร่างพุ่งดิ่งลงจากฟ้าไปยังผืนดินที่ร่างกระบี่ที่ 13 ฟุบอยู่…
เมื่อประคองร่างไร้ชีวิตของอาจารย์ขึ้นมาสวมกอด หยาดน้ำตาพลันทะลักออกจากลูกตาเป็นสาย ร่างสั่นสะท้านไปปานเผชิญกับความเจ็บปวดรวดร้าวอันไร้สิ้นสุด ร่ำไห้ออกมาราวเด็กน้อยคนหนึ่ง
ตอนนี้มันสามารถจดจำเรื่องราวได้อย่างเลือนรางว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามตอนนั้นอารมณ์ของมันโหดเหี้ยมอำมหิตและไร้ซึ่งความเมตตาปราณีใดๆ ด้วยเพราะถูกไอมารบริสุทธิ์ควบคุมจิตใจ ไม่อาจควบคุมบังคับร่างกายตัวเองได้แต่อย่างไร จำต้องทนดูมือคู่นี้ปลิดปลงดับชีวิตอาจารย์กับตา…
หลังจากได้ยินวาจาสั่งเสียอย่างไม่ถือโทษของอาจารย์กระทั่งอยู่ในช่วงเวลาสุดท้าของชีวิตแท้ๆ ในที่สุดมวลอารมณ์ของซูหลี่ก็ปะทุระเบิดออกมา สติกลับมาแจ่มใสชั่วขณะ ทั้งต่อต้านทั้งดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง…
และในที่สุดมันก็สามารถระงับความคิดอำมหิตไร้ปราณีจนกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้ในที่สุด
“ท่านอาจารย์ท่านรอศิษย์ไม่เอาไหนที่ประตูสู่ปรภพสักครู่เถอะ…ศิษย์จะตามไปรับใช้ท่าน!”
เมื่อซูหลี่สัมผัสได้ว่าไอมารอันน่าพรั่นพรึงนั้น กำลังจะหลุดพ้นการควบคุมและกลับมาครองร่างยึดครองความคิดจิตใจอีกครั้ง…
ซูหลี่ก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มือขวายกขึ้น ปรากฏกระบี่ 3 ฉื่อสีเขียวพุ่งทะยานตัดฟ้าหวนกลับมาสู่มือ ก่อนที่จะตวัดกระบี่รวดเร็วปานสายฟ้า
ฉึก!!
กระบี่ 3 ฉื่อเล่มนั้นวกกลับมาแทงลงกลางอก ตัดขั้วหัวใจตัวเองจนทะลุออกด้านหลัง…
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สมควรมีโลหิตพุ่งออกมาอย่างทะลักทะลายแล้ว…
อย่างไรก็ตามฉากกเลือดสาดกลับไม่ปรากฏให้เห็น
ตรงกันข้าม ฉากเรื่องราวยังแปลกประหลาดนัก
เพราะถึงแม้จะเห็นกับตาว่าซูหลี่ได้วกกระบี่กลับมาแทงหัวใจตัวเองกระทั่งกระบี่เสียบทะลุออกไปด้านหลัง…
ทว่าไม่มีแม้แต่หยาดโลหิตสักหยดที่ติดปลายกระบี่ ประหนึ่งกระบี่นี้ที่ทิ่มแทงทะลวงไม่ใช่ร่างกายเลือดเนื้อ แต่เป็นอากาศธาตุ…
แต่แน่นอนว่ากระบี่นี้ได้เสือกแทงทะลุร่าง ทั้งทะลวงตัดขั้วหัวใจจนทะลุหลังแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตามซูหลี่ไม่เผยสัญญาณแห่งความเจ็บปวดให้เห็นแม้แต่น้อย
และในขณะที่ซูหลี่กำลังตื่นตระหนกตกใจจนลูกตาหดเล็กลง ใบหน้าเผยความเหลือเชื่อนั้น…
ซู่มมมม!!
ไอมารอันบริสุทธิ์ไร้มนทิลพลันปะทุออกมาดั่งเพลิงไฟ ลุกโชนเร่าๆปานจะแผดเผาท้องฟ้าอีกครา ไอมารอันบริสุทธิ์นี้ยังแผ่ซ่านกลิ่นอายดั้งเดิม ราวกับเป็นขุมพลังมารก่อนกำเนิดของเผ่าพันธุ์ปีศาจในแดนเนรเทศ…
และแทบจะพร้อมกันกับไอมารลุกโชนขึ้นมานั้น สองตาซูหลี่ก็หวนกลับมาแดงฉานดั่งโลหิตอีกครั้ง
สึบ!
เสียงแผ่วเบาดังขึ้นอีกครา หากแต่รอบนี้เป็นซูหลี่ที่ดึงถอนกระบี่ที่แทงตัดขั้วหัวใจตัวเองออก
และเมื่อกระบี่ถูกดึงออกจากร่าง ไม่เพียงแต่จะไร้โลหิตแม้แต่หยาดหยดกระเซ็นซ่าน ยังไม่เหลือร่องรอยใดๆบนร่างของซูหลี่อีกต่างหาก
เพราะรอยกระบี่ที่ทะลววงร่างจนทะลุนั่น มันปิดตัวลงด้วยความเร็วเหนือล้ำ! สุดท้ายก็สมานตัวสมบูรณ์จนราวกับไม่เคยมีบาดแผลใดๆมาก่อน!!
ตอนนี้ซูหลี่ประหนึ่งเทพมารที่เป็นอมตะไร้วันตาย!
ซู่มม!! ปงงงง!!
ไอมารพลันปะทุระเบิดออกมาท่วมร่างซูหลี่ ก่อให้เกิดคลื่นพลังมหาประลัยขุมหนึ่งระเบิดออกจากร่างเป็นวงกว้าง ซูหลี่ที่สองตากลับมาแดงฉานไร้ซึ่งความรู้สึกและอารมณ์ใดๆ ปะทุพลังโจนทะยานขึ้นฟ้าออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ ประหนึ่งกระสุนปืนใหญ่!
และไม่เพียงแต่มวลพลังนั่นจะระเบิดทำลายสถานที่เท่านั้น กระทั่งศพของกระบี่ที่ 13 ยังถูกพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงป่นทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ที่ทางบังเกิดเป็นหลุมระเบิดกว้างใหญ่ปานมีอุกกาบาตร่วงตก…
ขณะเดียวกันร่างซูหลี่ที่โจนทะยานขึ้นฟ้าก็อันตรธานหายไปในพริบตา…
เรื่องราวทั้งหมดนี้บังเกิดขึ้นในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…
กล่าวให้ชัดมันบังเกิดขึ้นในภูมภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าที่กำลังถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจรุกราน!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้ติดอยู่ในระนาบบเทียมอันเกิดจากการร่วมมือกันของปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะถึง 3 ตน บนภูมิภาคเบื้องบนแห่งนี้ ไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้เลยว่าเบื้องล่างเกิดเรื่องราวใดขึ้น กระทั่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสหายอันดีของเขาอย่างซูหลี่กันแน่…
หาไม่แล้วเขาคงเป็นห่วงจนร้อนใจเป็นฟืนไฟ
เพราะสุดท้ายแล้วซูหลี่คนนี้กล่าวได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเขาก็ว่าได้
ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซูหลี่สหายสนิทเขา เขายังไม่รู้อีกด้วยว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะที่สร้างระนาบเทียมจนเขาต้องมาติดแหง็กอยู่แบบนี้เป็นต้นเหต!
ระนาบเทียมที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนี้สร้างขึ้น เพื่อหลอกให้คนหลงคิดว่าเป็นคลังสมบัตินั้น แน่นอนว่าไร้ซึ่งสมบัติใดๆของพวกมันแม้แต่ชิ้นเดียว มีแต่กับดักแห่งความตายเท่านั้นที่รอคอยมนุษย์อยู่…
ทว่ามรดกรวมทั้งทุกสิ่งที่พวกมันทั้ง 3 สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิตนั้น ได้ถูกพวกมันทิ้งไว้ใน ทวีปมนุษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือแดนเซียนที่กาลครั้งหนึ่งพวกมันเคยอาศัยอยู่…
และทวีปมนุษย์แห่งนั้นก็บังเอิญเป็นทวีปมนุษย์อันเป็นบ้านเกิดของต้วนหลิงเทียน…ทวีปเมฆาล่อง!
ซูหลี่ได้รับมรดกตกทอดของพวกมันทั้ง 3 ! และนั่นทำให้นิสัยของซูหลี่แปรเปลี่ยนไปเพราะถูกไอมารเข้าแทรก
สำหรับในบรรดาสมบัติทั้งมวลที่ปีศาจทั้ง 3 ตนเหลือทิ้งไว้นั้น สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือยอดศาสตราเซียนในมือของซูหลี่ กระบี่ 3 ฉื่อสีเขียวเล่มนั้น…กระบี่ไร้ลักษณ์!
กระบี่ไร้ลักษณ์เป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ และยังเป็น 1 ใน 2 ยอดศาสตราเซียนประเภทกระบี่อีกด้วย…
….
ด้านนอกระนาบเทียมที่ต้วนหลิงเทียนปิดด่านบ่มเพาะอยู่
ในขณะที่รอยแยกมิติท่ามกลางความว่างเปล่าที่ถูกฉีกเปิดขึ้นใหม่กำลังเคลื่อนตัวปิดลงช้าๆนั้นเอง พลันมีร่างสูงพุ่งวูบออกมาปรากฏในอากาศอีกครั้ง
เป็นชายชราที่ตอนนี้แทบจะล่อนจ้อน เพราะตามตัวเหลือเพียงชุดผ้าขาดวิ่นปกปิด…ทั่วร่างปรากฏบาดแผลอันน่าสยดสยองเต็มไปหมด บางจุดกระทั่งเนื้อยังขาดแหว่งราวกับถูกคว้านออกไปเผยให้เห็นกระดูกขาวๆ แลดูช่างน่ากลัวสยองขวัญถึงขีดสุด…
“แฮ่ก ๆ ๆ …”
“เฮ่อ…”
……
หลังจากที่ชายชราออกมาปรากฏตัวกลางอากาศมันก็หอบหายใจอย่างหนักราวกับสูญสิ้นพลังทั้งหมด ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกราวกับยินดีที่เก็บกู้ชีวิตมาได้
ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากลอยร่างอยูไม่ไกล แต่เมื่อเห็นชายชราปรากฏตัวออกมาด้วยสภาพเจียนตายและหอบหายใจอย่างหนัก ทุกคนก็พากันเงียบกริบ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ เพราะทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกจนลืมหายใจ!!
ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวคำอะไรออกอยู่นาน
สวรรค์!
พวกมันกำลังเห็นอะไร!?
มหาปุโรหิตแห่งลัทธิชะตาฟ้า โม่เซวียน สุดยอดฝีมืออันดับ 3 ในรายนามยอดเซียน กลับออกมาจากระนาบเทียมที่สงสัยว่าถูกสร้างขึ้นด้วยครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 ด้วยสารรูปยับเยินเช่นนี้?
ต้องทราบด้วยว่าเวทย์พลังป้องกันที่โม่เซวียนฝึกปรือจนบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนินั้น เป็นเวทย์พลังป้องกันที่ทรงอานุภาพที่สุดในแดนดิน หากไม่นับรวมผู้ที่มียอดศาสตราเซียนประเภทป้องกันแล้วล่ะก็…
ให้กล่าวว่าพลังป้องกันของโม่เซวียนถือได้ว่าเป็นอันดับ 1 ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ไม่เกินเลย!