War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2162
ตอนที่ 2,162 : ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่าน!
พร้อมๆกันกับที่พลังอำนาจมหาศาลปะทุระเบิดออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนนั้น สองตาที่เปิดออกก็ฉายแสงปานตะวันร้อนสองดวง ทั้งสว่างไสวทั้งเจิดจ้านัก!
ยังดีที่ตอนนี้ไม่มีใครมองสบตาต้วนหลิงเทียน
หาไม่แล้ว 9 ใน 10 ไม่พ้นได้ตาบอดกันบ้าง!
“ฮ่าๆๆๆ…!!”
หลังสองตาเปล่งแสงสว่างจ้ามวลพลังเพียงปะทุออกอีกไม่กี่ระลอก สุดท้ายมวลพลังทั้งหมดก็คล้ายจะวูบหายเข้าร่างต้วนหลิงเทียน ก่อให้เกิดการกระเพื่อมของอากาศอีกครั้งยังผลให้เกิดหมอกควันตลบบางๆ และทันใดนั้นเอง เสียงหัวเราะหนึ่งก็สนั่นลั่นก้องไปทั่วชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
ตอนนี้คล้ายความอึดอัดทั้งคับข้องระคนหดหูใจที่สะสมไว้นานปีจะถูกระบายออกมาหมดสิ้น…
ทั้งหมดเป็นเพราะด่านพลังที่พึ่งบรรลุถึง…
เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน!
เปลี่ยนที่ 6 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนนั้นเรียกว่า…เปลี่ยนจิตวิญญาณสวรรค์!
ยามเมื่อผู้ฝึกตนบ่มเพาะพลังมาถึงขอบเขตนี้ จิตวิญญาณจะทะลวงถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์อันกั้นแบ่งระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ…และจิตวิญญาณมนุษย์จะแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับขอบเขตต่อไป เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…
นอกจากที่ร่างจะไร้ซึ่งการแก่เฒ่าและไม่มีอายุขัยอีกต่อไปแล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนมีอายุขัยตราบชั่วฟ้าดินสลายก็เป็นเพราะ จิตวิญญาณได้เข้าสู่สภาวะหนึ่งเดียวกับฟ้าดินไปแล้วเมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนนั่นเอง
“ตอนด่านพลังข้าอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนหากใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมดก็สมควรฉีกเปิดกำแพงมิติที่กั้นระหว่างระนาบเทียมแห่งนี้กับภูมิภาคเบื้องบนได้…ตอนนี้เมื่อด่านพลังข้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน…”
“หากกะไม่ผิด ต่อให้ไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์ ข้าก็น่าจะฉีกเปิดกำแพงมิติที่นี่ได้แล้ว…!”
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นมายืนกลางอากาศ ก่อนที่จะโรยตัวลงไปยืนบนพื้นชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
‘ไม่รู้ครั้งนี้ปิดด่านไปนานแค่ไหนกันแน่…’
เมื่อฉุกคิดถึงเรื่องนี้ในใจ ต้วนหลิงเทียนก็เดินลงจากชั้น 4 ไปหาผู้เฒ่าหั่วที่ชั้น 1 ทันที
“ไม่เลว…เจ้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนสำเร็จแล้วจริงๆ เปลี่ยนจิตวิญญาณสวรรค์ของขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนที่เจ้าบรรลุ นับว่าทำให้จิตวิญญาณของเจ้ามาถึงจุดคนฟ้าหนึ่งเดียว…ตอนนี้หากเจ้าใช้เวทย์วิญญาณจู่โจมนั่น เกรงว่าผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนคงมิอาจทานรับไหวสืบไป…”
นี่เป็นวาจาประโยคแรกที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกหลังได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
เวทย์วิญญาณจู่โจมที่ผู้เฒ่าหั่วว่า ก็คือพลังพิเศษของเนตรแร้งมารตาเดียวที่ต้วนหลิงเทียนหลอมรวมเข้ากับตาซ้ายของเขาจนเรียกว่าม่านตาพิสดารนั่นเอง เป็นการจ่ายพลังวิญญาณลงสู่ม่านตาพิสดารก่อนที่มันจะควบแน่นพลังวิญญาณเป็นรูปลักษณ์มังกรเทพยดาตัวเล็กแล้วยิงออกไป…
วิธีการลงมือรูปแบบนี้ ในอดีตต้วนหลิงเทียนมักใช้มันเพื่อขัดจังหวะทั้งรบกวนศัตรูเท่านั้น
ทว่าตอนนี้มาได้ฟังวาจาของผู้เฒ่าหั่วเขาก็ตระหนักได้ทันที…
ว่าหลังพลังฝึกปรือของเขาบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน จิตวิญญาณของเขาก็ยกระดับพัฒนาขึ้นมาครั้งยิ่งใหญ่ การใช้ม่านตาพิสดารออกด้วยเวทย์พลังดั่งพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดจากม่านตาพิสดารนั่น ตอนนี้สมควรบังเกิดผลเลิศล้ำ!!
“ผู้เฒ่าหั่วครั้งนี้ข้าปิดด่านไปนานแค่ไหนหรือ?”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมสนใจเรื่องนี้มากที่สุด
เขาอยากรู้ว่าเขาใช้เวลาปิดด่านไปนานแค่ไหนกันแน่ แล้วไม่รู้ว่าป่านนี้จ้าวลัทธิบูชาไฟนั่นจะออกจากการปิดด่านมาแล้วหรือยัง
หากจ้าวลัทธิบูชาไฟออกจากการปิดด่านมาแล้ว ไม่พ้นเค่อเอ๋อแม่ลูกต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน!
และนั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็น!
“3 ปี”
ได้ยินเสียงถามไถ่ด้วยความกระตือรือร้นของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็ตอบกลับไปทันที
3 ปี!
ได้ยินคำตอบขอผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็ชักหน้าเคร่งทันที “ 3 ปี เชียวหรือ…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ชัดว่า 3 ปี ที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวหมายถึง 3 ปีในโลกภายนอก
3 ปีภายในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ย่อมหมายความว่าด้านนอกผ่านไปทั้งสิ้น 30 ปี!
“ผ่านไปถึง 3 ปีแล้ว…ไม่รู้ป่านนี้จ้าวลัทธิบูชาไฟออกจากการปิดด่านหรือยัง”
คิดถึงจุดนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้นไปอีก
“ข้าหวังว่ามันจะยังไม่ออกจากการปิดด่าน…เพราะจะอย่างไรด่านพลังมันก็สูงระดับนั้นแล้ว การปิดด่านบมเพาะครั้งนึงจะกินเวลายาวนานหลายปีกระทั่งหลายสิบปีก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร…”
แม้จะคิดในแง่ดี แต่ใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายอยู่บ้าง
ตอนนี้เขาอยากรีบเดินทางกลับลัทธิบูชาไฟให้เร็วที่สุด! เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเค่อเอ๋อแม่ลูกและหาทางช่วยเหลือ!!
จากนั้นค่อยคิดหาวิธีย้อนกลับไปในภูมิภาคเบื้องล่าง!
เวลาผ่านไป 3 ปีแล้วแบบนี้ ไม่ทราบจริงๆว่าภูมิภาคเบื้องล่างจะถูกปีศาจยึดครองหมดสิ้นแล้วหรือยัง?
ทั้งสหายสนิทและครอบครัวของเขายังอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง…!
“ผู้เฒ่าหั่วข้าคิดออกจากที่นี่ตอนนี้เลย…รบกวนท่านช่วยชี้แนะข้าให้หลบเลี่ยงค่ายกลสังหารพวกนั้นด้วย”
ต้วนหลิงเทียนไม่รอให้ผู้เฒ่าหั่วตอบคำอะไร เพียงห้วงคิดเดียว เขาก็วูบร่างออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที คนมาปรากฏในความว่างเปล่าไร้สรรพสิ่งภายในระนาบเทียมที่ถูกปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะทั้ง 3 สร้างขึ้นอีกครั้ง
หลังจากผ่านไป 3 ปี ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาออกมาอยู่ในเวิ้งแห่งความว่างเปล่าอีกครั้ง ยังทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ปีศาจทั้ง 3 ตนนั่น นับว่ามันซ่อนตัวและปกปิดความทะเยอทะยานเอาไว้ได้อย่างมิดชิดนัก แถมก่อนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกมันยังสร้างกับดักที่สามารถฆ่ายอดฝีมือมนุษย์ได้มากขนาดนี้ไว้อีก…หากสงครามระหว่างมนุษย์ปีศาจอุบัติขึ้นจริง การสูญเสียครั้งนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆจริงๆ”
คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนักใจไม่น้อย
“หลังออกจากที่นี่ไปแจ้งข่าวที่นครแห่งบาปก่อนดีกว่า ค่อยย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟ…”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้
ถึงแม้สิ่งที่เขาต้องการทำที่สุดตอนนี้ก็คือย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของเค่อเอ๋อแม่ลูก จะได้หาทางพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง…
อย่างไรก็ตามพอคิดว่าตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจได้รุกรานเข้ามาที่ภูมิภาคเบื้องล่างแล้ว และไม่ทราบว่าพวกมันจะใช้เวลายึดครองภูมิภาคเบื้องล่างนานแค่ไหนกระทั่งจะบุกมาภูมิภาคเบื้องบนเมื่อไหร่ ใจต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนักอึ้งนัก
‘ถึงแม้ด้านนอกจะมีข่าวลือเรื่องเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศอาจบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่าง กระทั่งอีกไม่นานอาจจะบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน…’
‘แต่อย่างไรก็ตามคนในภูมิภาคเบื้องบนสมควรประมาทเพราะไม่รู้สถานการณ์กระจ่าง…เพราะอย่างไรพวกมันก็ไม่อาจลงไปตรวจสอบ ทั้งไม่ค่อยแยแสภูมิภาคเบื้องล่างเป็นทุน! แต่ตอนนี้เรื่องปีศาจรุกรานภูมิภาคเบื้องล่างได้รับการยืนยันแล้ว และการยึดครองภูมิภาคเบื้องล่างสมควรเป็นแค่ก้าวแรกของพวกมันเท่านั้น…’
‘เรื่องนี้ต้องทำให้ทุกคนในภูมิภาคเบื้องบนรู้ชัด…และตอนนี้หากไม่มีอะไรผิดพลาด ด้านนอกไม่พ้นต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าคนที่เข้ามาในนี้ตายตกหมดสิ้น แต่พวกมันคงไม่มีใครรู้ว่าทั้งหมดทั้งมวลเป็นฝีมือของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะ!’
ด้วยเหตุผลนี้ต้วนหลิงเทียนจึงคิดย้อนกลับไปบอกข่าวสำคัญที่นครแห่งบาป ก่อนที่จะกลับลัทธิบูชาไฟ
ทุกคนในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า สมควรได้รับทราบความจริงทั้งหมด!
“ไปกันเถิด”
เสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน และเริ่มชี้แนะหนทางให้ต้วนหลิงเทียนไปยังกำแพงมิติที่กั้นขวางระหว่างระนาบเทียมแห่งนี้กับภูมิภาคเบื้องบน
ต้วนหลิงเทียนตอบรับคำผู้เฒ่าหั่วก่อนจะเก็บเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างดี แล้วค่อยเคลื่อนร่างไปตามคำชี้แนะของผู้เฒ่าหั่ว
‘เมื่อ 3 ปีที่แล้วในบรรดาคนที่ตายสมควรไม่ขาดเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…ตัวตนที่ร้ายกาจระดับนั้นไม่พ้นในแหวนพื้นที่ต้องมีสมบัติล้ำค่าทั้งทรัพยากรบ่มเพาะมากมายแน่ น่าเสียดายที่แหวนพื้นที่พวกมันสมควรถูกพลังทำลายล้างจากค่ายกลนั่นป่นจนแหลกเป็นผงหมด…ของดีๆหายหมดไม่มีเหลือ’
คิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดถอนหายใจออกมาดั่งเฮือกไม่ได้
เมื่อแหวนพื้นที่ถูกทำลาย แน่นอนว่าสิ่งของด้านในย่อมถูกทำลายเช่นกัน
ภายใต้คำชี้แนะของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนเหินร่างหลีกหลบตำแหน่งที่มีค่ายกลสังหารจัดตั้งเอาไว้จุดแล้วจุดเล่าได้อย่างหมดจด และในที่สุดก็มาถึงตำแหน่งกำแพงมิติที่นำไปสูภูมิภาคด้านบน…
“หืม?”
มาถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
พบว่าเมื่อเข้ามาใกล้ตำแหน่งกำแพงมิติมากเท่าไหร่ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นโลหิตแห้งกรังในพื้นที่รอบๆ…และดูจากสะเก็ดโลหิตแห้งกรังเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนก็ระบุได้ทันทีว่าเรื่องราวสมควรเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
“ดูเหมือนหลังยอดฝีมือมากมายตายตก จะมีคนเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์จริงๆ…แต่สุดท้ายผู้ที่เข้ามาน่ากลัวว่าจะ 9 ตาย 1 รอด…”
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “หวังว่าคนที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องราวจะมีแค่ไม่กี่คน…ไม่งั้นดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคงได้สูญเสียยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นกันหมด…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักถึงเรื่องนี้ชัดเจน
เพราะคนที่จะสามารถฉีกเปิดกำแพงมิติเข้ามาตรวจสอบเรื่องราวในระนาบเทียมแห่งนี้ได้ สมควรเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น!
และสะเก็ดเลือดแห้งกรังที่กระจายอยู่รอบบริเวณแถวนี้ ไม่พ้นต้องเป็นเลือดที่หลั่งออกจากตัวตนเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปที่เข้ามาตรวจสอบเรื่องราวแน่…
ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลย
ว่าถึงแม้จะมีคนเข้ามาตรวจสอบเรื่องราวภายในนี้จริง ทว่ามีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น อีกทั้ง 2 คนนี้ยังสามารถรอดชีวิตกลับไปแจ้งถึงอันตรายได้ ทำให้ไม่มีใครตกตายอย่างที่คิด
หากรู้ต้วนหลิงเทียนคงไม่ต้องถอนหายใจแบบนั้น
ขวับ!
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใดหากแต่ในมือขวาต้วนหลิงเทียนปรากฏกระบี่เล่มหนึ่ง เป็นกระบี่พันอาคมเซียน ที่ได้รับจากคนของพันธมิตรขวานปฐพีตอนที่เขามาถึงนครแห่งบาปวันแรก
“พัง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงแข็ง ก่อนที่พลังเซียนสุริยันทั่วร่างจะโคจรไหลเชี่ยวดั่งน้ำหลากถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน!
ซู่มมม!!
กระบี่พันอาคมเซียนพุ่งทะยานออกมาด้วยเคล็ดพลังจากยอดใจกระบี่ขอบเขตที่ 3 กระบี่อยู่ที่ใจ ก่อนที่จะพุ่งทะลวงความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเอง!
เฉียะะ!!
เสียงปริแตกดังขึ้นแผ่วเบา ความว่างเปล่าเบื้องหน้าพลันปรากฏรอยแยกมืดดำ หากแต่ขนาดของมันเล็กนัก เป็นเพียงรอยฉีกยาวราวๆ 1 ฉื่อเท่านั้น
‘ตอนนี้พลังฝึกปรือของข้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนแล้ว พลังเซียนสุริยันในร่างทำให้ข้าแข็งแกร่งเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนทั่วไป…หากแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ร้ายกาจเท่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนที่แท้จริง พลังยังด้อยกว่าเล็กน้อย’
ต้วนหลิงเทียนสามารถตระหนักเรื่องนี้ได้ทันที
และเรื่องนี้ก็ยืนยันสิ่งที่ผู้เฒ่าหั่วเคยกล่าวบอกเขาเอาไว้
พลังเซียนสุริยันที่อยู่ในร่างของเขา ยิ่งระดับพลังของเขาสูงขึ้นมากเท่าไหร่ พลังอำนาจที่เหนือกว่าของมันเทียบอัตราส่วนความได้เปรียบกับเมื่อก่อนแล้ว ก็ดูจะด้อยลงมากขึ้นเท่านั้น
และในอนาคตหากเขาข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ
ถึงแม้พลังในร่างของเขาจะเป็นพลังสุริยันที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้มีพลังอำนาจสะกดข่มผู้อื่นมากมายอีกต่อไป
ถึงตอนนั้นก็แค่พลังในร่างของเขามีคุณสมบัติของดวงตะวันบางประการเท่านั้น
‘ดูเหมือนว่าตอนนี้หากไม่ใช้กระบี่นิลสวรรค์หรือปฐมเวทย์กลืนกิน ก็คงยากจะฉีกเปิดช่องว่างได้กว้างมากพอ…อาศัยพลังบ่มเพาะอย่างเดียวข้าฉีกเปิดมิติกลับไปภูมิภาคเบื้องบนไม่ได้!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“ปฐมเวทย์กลืนกิน”
และพร้อมกันกับที่คิดจบ พลังเซียนสุริยันในร่างก็ปะทุออกมาสำแดงปฐมเวทย์กลืนกินทันที
ทันใดนั้นวังวนพลังดูดรั้งพลันอุบัติขั้นรอบกายต้วนหลิงเทียน มันดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบอย่างตะกละตะกราม ประหนึ่งเป็นหลุมอันไร้ก้นบึ้งก็ไม่ปาน
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่หลุมไร้ก้นบึ้งจริงๆ เพราะเพียงเวลาไม่นานพลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนขึ้นถึงขีดสุดแล้ว
“พัง!”
กล่าวออกเสียงแข็งอีกครั้ง กระบี่พันอาคมเซียนที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจเหนือกว่าเมื่อครู่หลายขุมก็พุ่งทะยานออกไปด้วยความฉับไว!!