War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2174
ตอนที่ : 2,174 : ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน
เพียงกระบวนท่าคว้าจับอันเรียบง่าย หากแต่หัตถ์พลังมีสภาพสีทองจ้า…กลับมีพลานุภาพประหนึ่งจะคว้าตะวันจันทราเอาไว้ได้…!
จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวผู้น่างเกรงขาม หลูชิ่ง ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ทันที่มันจะได้ทันลงมืออะไรก็ถูกสยบอยางราบคาบ ไร้ซึ่งหนทางตอบโต้!!
เหล่าอาวุโสทั้งเหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวตอนนี้ได้แต่มองเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง แต่ละคนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า บ้างก็อ้าปากค้างจนหมัดลอดเข้าออกได้ กลางหน้าผากคล้ายมีคำเหลือเชื่อแปะติด
ก่อนหน้านี้ หลูชิ่ง จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของพวกมันเป็นดั่งผู้ทรงพลังอันเข้มแข็ง…
ทว่าวันนี้พวกมันกลับต้องมาประจักษ์คาตา…
หลูชิ่ง ที่พวกมันเคารพยกย่อง ต่อหน้าศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งกลับไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ!
ศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟ กลายเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ขวับ…
ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของทุกคน หัตถ์พลังมีสภาพสีทองที่บีบกำร่างหลูชิ่งไว้ในอุ้งมือ ก็ค่อยๆคลายออก
พอต้วนหลิงเทียนคลายมือขวาออก ทำให้หัตถ์พลังมีสภาพอันเขื่องที่ควบแน่นจากพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดนั่น ก็คลายตัวตามความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนจงใจกกระทำแบบนี้
ด้านหลูชิ่งหลังจากที่ดิ้นรนจนหน้าแดงก่ำ อยู่ๆ เมื่อพบว่าร่างกายเป็นอิสระแล้ว มันก็ประหนึ่งมัจฉาคืนสมุทร วิหกคืนฟ้า สัมผัสได้ถึงอิสระเสรีที่โหยหา…
เรียกว่าตอนนี้ในใจมันอดไม่ได้ที่จะลอบยินดีถึงที่สุด มีเพียงเผชิญหน้ากับหายนะแล้วรอดพ้นมาได้เท่านั้นถึงจะเข้าใจดีว่าการมีชีวิตอยู่มันดีเพียงใด…
แน่นอนว่าหลังจากที่มันยินดีได้ไม่ทันไร ในใจก็เริ่มบังเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมาอีกกครั้ง
ตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน!
ขวับ!
ดั่งฟ้าแลบ หลูชิ่งไม่ทันที่จะได้ตอบสนองอะไร ต้วนหลิงเทียนอยู่ๆก็ยกมือขวาขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆตบลง
ทันใดนั้นเอ หัตถ์พลังมีสภาพอันเขื่องที่อยู่ตรงหน้าหลูชิ่งก็ลอยขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะหลูชิ่ง!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนตบมือลงมา หัตถ์พลังมีสภาพที่อยู่เหนือศีรษะหลูชิ่ง ก็ฟาดตบลงมาเช่นกัน! สภาวะยังประหนึ่งขุนเขาสูงใหญ่ถล่มลง ฟาดโถมเข้าใส่ร่างหลูชิ่งอีกครั้ง!!
ปงงง!!!!
เสียงหนึ่งลั่นดังสนั่นขึ้น หลูชิ่งที่ไม่ทันได้ตอบสนองอะไร ถูกหัตถ์พลังอันเขื่องที่ไม่ต่างใดจากขุนเขา 5 นิ้ว ตบเข้าอย่างจัง คนร่วงจากฟ้าปานอุกกาบาต!
หลังจากนั้นไม่ทันไร…
ตูมมมม!!
โครมมมม!!
…
เสียงระเบิดดังลั่นไปทั่ว ตอนนี้ทั้งเขตแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคล้ายบังเกิดแผ่นดินไหวก็ไม่ปาน เป็นหลูชิ่งที่ถูกหัตถ์พลังมีสภาพอันเขื่องของต้วนหลิงเทียนตบจนร่วงฟ้ามากระแทกพื้นอย่างแรง!
หัตถ์พลังมีสภาพนั่น หลังจากตบหลูชิ่งร่วงแล้วก็ไม่ได้ถล่มลงมาซ้ำแต่อย่างไร…
นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะฆ่าหลูชิ่ง เมื่อตบอีกฝ่ายจนหัวทิ่มแล้ว หัตถ์พลังมีสภาพอันเขื่องที่เกิดจากการควบแน่นของพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดก็ค่อยๆสลายตัวไปในห้วงคิดเดียว
อย่างไรก็ตามหลูชิ่งที่แม้ไม่ตายและไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมาก ก็แทบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด…
อยู่ๆก็ถูกตบจนหัวทิ่มร่วงพื้นอย่างสิ้นท่าแบบนี้ จะยังไม่ให้มันรู้สึกอับอายขายหน้าได้หรือ?
ในสายตาของเหล่าศิษย์ทั้งอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว เรื่องราวทั้งหมดมันบังเกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้น…
ทว่าเพียงเวลาแค่เสี้ยวพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของพวกมัน ก็ถูกศิษย์ที่แท้จริงตบหัวทิ่ม! ร่างยังร่วงตกฟ้ามากระแทกพื้นอย่างแรง แต่ต้นจนจบไม่มีปัญญาต่อต้านอะไรเลย…
จังหวะนี้สีหน้าอาวุโสทั้งเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวกลายเป็นเลอะเลือนปานวิญญาณหลุดลอย…
“ล่วงเกินแล้ว จ้าวแท่นหลู…”
ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองไปยังจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวหลูชิ่งที่กำลังลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากด้วยสายตาเฉยเมย ปากกล่าวออกเสียงเรียบ และไม่ว่าหลูชิ่งจะชักสีหน้าบิดเบี้ยวเพียงใดต้วนหลิงเทียนก็คร้านเสียเวลาต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก เพียงจากไปทันทีหลังกล่าวทิ้งท้ายจบคำ…
สำหรับเขาตอนนี้ การทุบตีบดขยี้เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนไม่นับว่าเป็นผลสำเร็จอะไร กระทั่งให้คู่ต่อสู้เป็นถึงอาวุโสเพลิงทองชนชั้นจ้าวแท่นบูชา ก็ไม่มีความหมายแม้แต่น้อย…
หากไม่ใช่เพราะคนของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวมาขวางเขาไว้ เขาก็คร้านจะลงมืออะไรด้วยซ้ำ
การจากไปดั่งสายลมของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวในแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่จะกล้าไปหยุดรั้งเอาไว้อีก รวมถึงตัวหลูชิ่งจ้าวแท่นเองด้วย
“หะ…ให้ตาย ผ่านไปไม่กี่ปี แต่ต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้ว?”
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจากไป สีหน้าหลูชิ่งก็เปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาว ขณะเดียวกันพอนึกถึงเรื่องราวบางอย่าง ลูกตามันก็หดเล็กลงทันใด
“หรือว่า…ข่าวจากนครแห่งบาปนั่นจะเป็นความจริง ต้วนหลิงเทียน…มันฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬได้จริงๆ?!”
ก่อนหน้านี้แม้หลูชิ่งจะเคยได้ยินข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยคังฉวิน แต่มันก็เหมือนกันกับคนส่วนใหญ่ มันไม่เชื่อ! เพราะเรื่องมันเหลือเชื่อทั้งเกินจริงเกินไป…!!
อย่างไรก็ตามพอนึกถึงการลงมือเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน ในใจมันตระหนักได้ชัดเจนถึงเรื่องหนึ่ง…
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ มันรู้สึกเสมือนได้เผชิญหน้ากับขุนเขาอันสูงชัน! แรงกดดันนั่น…ทำให้มันหายใจแทบไม่ออก!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัตถ์พลังมีสภาพที่ต้วนหลิงเทียนควบแน่นขึ้นมาจากพลังเซียนต้นกำเนิดนั่น คล้ายจะบรรจุไว้ด้วยพลังอำนาจของฟ้าดิน! ไม่ว่ามันจะดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นผลเลย!
“หัตถ์พลังอันเขื่องนั่น มันแค่ใช้พลังเซียนต้นกำเนิดควบรวมสร้างขึ้นเท่านั้น…แต่ต่อให้เป็นพลังเซียนต้นกำเนิดของขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนก็ไม่มีทางร้ายกาจขนาดนี้! ความรู้สึกที่มันยัดเยียดให้ข้า ทำให้ข้ารู้สึกเสมือนเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของสุดยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน กระทั่งให้กล่าวว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนก็ไม่เกินเลย!”
ตอนนี้ในแววตาหลูชิ่งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจนัก “ในเวลาแค่ไม่กี่ปีมันกลับเติบโตก้าวหน้าได้ถึงขั้นนี้…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนกันแน่?”
ลึกลงไปในแววตาของหลูชิ่งที่หันมองไปยังทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนจากไป นอกจากความหวาดกลัวไม่เข้าใจ ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา
ในสายตาของมัน
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนบังเอิญพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อะไรเข้า ไม่มีทางเลยที่จะบรรลุถึงพลังอำนาจระดับนี้ได้ในเวลาไม่กี่ปี
และเมื่อหลูชิ่งสัมผัสได้ว่าตอนนี้อาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเริ่มฟื้นสติแล้ว กระทั่งอาวุโสที่รู้สึกตัวคนแรกยังมองมาที่มันด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้าหลูชิ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาว มันไม่คิดทักทายกล่าวคำกับผู้ใด เร่งเหินร่างจากไปดั่งสายลมกรรโชกหอบหนึ่งทันที…
วันนี้ใบหน้าจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของมัน แตกยับจนหมอไม่รับเย็บแล้วจริงๆ!
หากมันรู้ว่าผลลัพธ์จะลงเอยอีหร็อบนี้ มันคงทำเนียนว่าปิดด่านบ่มเพาะ แล้วปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนผ่านไปแต่แรก…
น่าเสียใดที่โลกหล้าไร้ยารักษาอาการเสียใจ…
ผู้อาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวที่เริ่มคืนสติก่อนใคร ก็เป็นกลุ่มอาวุโสเพลิงเงินแทบทั้งสิ้น พอพวกมันเห็นจ้าวแท่นของตัวเองรีบร้อนจากไปไม่พูดไม่จา พวกมันก็ได้แต่หันหน้ามามองกันตาปริบๆพลางคลี่ยิ้มขมขื่น…
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลังผ่านไปแค่ 3 – 4 ปีต้วนหลิงเทียนจะก้าวหน้าเติบโตขึ้นถึงขนาดนี้…น่าอัศจรรย์นัก!”
อาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่งของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ใช่…หากข้าไม่ได้มาเห็นด้วยสองตาตัวเอง ให้เอามีดมาจ่อคอขู่ข้าๆก็ไม่มีวันเชื่อเรื่องนี้แน่…จ้าวแท่นของพวกเราแทบไม่ต่างใดจากเด็ก 3 ขวบต่อหน้าต้วนหลิงเทียน…ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านอย่างสิ้นเชิง!”
“ข้าว่าต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน ก็คงไม่มีความสามารถสยบจ้าวแท่นของพวกเราราบคาบแบบนี้กระมัง?”
“นั่นสิ…จากที่ข้าเห็น พลังของต้วนหลิงเทียนสมควรสมควรอยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! ถึงไม่อยากจะเชื่อข้าก็ต้องเชื่อ เพราะความจริงตั้งอยู่เบื้องหน้าให้ข้าปฏิเสธให้ตายมันก็ยังเป็นความจริง!”
“เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! นั่นมิได้หมายความว่า…ข่าวลือจากนครแห่งบาปที่ว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองลงได้ อาจเป็นความจริงหรือไง?”
“จากสถานการณ์ในตอนนี้…ข้าว่ามีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นเรื่องจริง!”
…
ในตอนแรกอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจกับพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน
แต่ต่อมาไม่นานเมื่อตระหนักเรื่องราวได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสหรือเหล่าศิษย์ของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว ก็ตื่นตระหนกตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนนัก และเริ่มนึกถึงเรื่องอุกอาจบางประการ…
เรื่องที่พวกมันไม่แม้แต่จะเสียเวลาคิดก่อนหน้า…
ศิษย์อัจฉริยะท้าท้ายสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ของลัทธิบูชาไฟพวกมัน อาจเป็นผู้ที่สังหารเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬจริง!!
“เซี่ยคังฉวินนั่น มันบรรลุถึงพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน…แถมยังอยู่ในอันดับที่ 18 ของรายนามยอดเซียน! หากศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนฆ่ามันได้จริง ตอนนี้อันดับในรายนามยอดเซียนของศิษย์พี่ต้วนไม่ใช่ว่าจะเป็นอันดับที่ 18 แทนที่มันหรือ?”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนหนึ่งกล่าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น สองตายังทอประกายสว่างวาบปานดวงดาวบนฟ้าในยามค่ำคืน
“สมควรเหลืออีกไม่กี่วันก่อนที่รายนามยอดเซียนฉบับใหม่จักออก…หลังออกแล้วไม่นานก็ต้องแพร่มาถึงภูมิภาคตะวันตกเรา ถึงตอนนั้นไม่พ้นก็ต้องมาถึงลัทธิบูชาไฟของพวกเรา! คราวนี้พวกเราก็จะได้รู้ความจริง!!”
ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวคนหนึ่งกล่าวเสริม
ตอนนี้ศิษย์และอาวุโสของแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวไม่ทราบเลย
ว่ารายนามยอดเซียนฉบับใหม่นั้น ที่ภาคกลางได้ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…และมันกำลังแพร่ออกไปทุกสารทิศ!
เหล่าผู้คนที่แต่ก่อนไม่เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนจะฆ่าเซี่ยคังฉวินได้จริง…พอเห็นชื่อในอันดับที่ 18 ของรายนามยอดเซียนฉบับใหม่ ลูกตาก็แทบพุ่งพรวดออกจากเบ้า ยังขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่ามองใหม่ไม่ทราบกี่รอบต่อกี่รอบ
เพราะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนามในรายนามยอดเซียนที่มีความน่าเชื่อถือสูง พวกมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสมือนมีฝ่ามือหนึ่งฟาดตบลงบนใบหน้าจนแก้มร้อนผ่าว…
ปรากฏว่าข่าวลือเรื่องศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ของลัทธูชาไฟต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬนั้น…
แม้พวกมันจะไม่เชื่อถือมากเพียงใด แต่พอได้เห็นชื่อต้วนหลิงเทียนเขียนอยู่ในอันดับที่ 18 ของรายนามยอดเซียนฉบับใหม่กับตา พวกมันก็จำต้องเชื่อ!
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์…นานแล้วสินะ…”
ในสถานที่อันห่างไกลทางภูมิภาคตะวันตก ลัทธิบูชาไฟ…ต้วนหลิงเทียนที่ออกจากแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว ในที่สุดก็เหินร่างเข้าเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หลังมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเหินร่างขึ้นไปอยู่บนน่านฟ้าใกล้ๆเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แวะไปที่เกาะหลัก หรือแวะไปยังเกาะลอยส่วนตัวของเขาแต่อย่างใด กลับเหินร่างลอยขึ้นฟ้าสูงไปเรื่อยๆ
ต้วนหลิงเทียนเหินร่างขึ้นฟ้าไปจนกระทั่งใกล้บรรลุถึงเกาะที่ลอยเด่นสูงสุดเหนือฟ้า ค่อยหยุดลง…
“ต้วนหลิงเทียน กลับมาครั้งนี้ เพราะได้ยินคำเชิญของจ้าวลัทธิบูชาไฟ…”
ต้วนหลิงเทียนที่หยุดร่างค้างกลางหาว มองไปยังเกาะลอยฟ้าสูงสุดเบื้องหน้า ค่อยกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน “และที่ข้ามาที่นี้ครั้งนี้…เพื่อพบจ้าวลัทธิ! ยังหวังว่าจ้าวลัทธิจะกระทำตามสัญญา กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เพื่อให้คำมั่นต่อข้า…”
เรียกว่าแต่ต้นจนจบน้ำเสียงที่ต้วนหลิงเทียนใช้กล่าวนั้น ช่างเฉยเมยราวกับจ้าวลัทธิบูชาไฟ ไม่สูงส่งมากพอให้เขานอบน้อม…
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ…
“ต้วนหลิงเทียนกลับมาแล้วหรือ?”
ในอากาศว่างเปล่าไม่ไกล เหล่าอาวุโสลาดตระเวนที่คิดแสดงตัวออกมาเพื่อตำหนิศิษย์ที่แท้จริงที่หาญกล้าขึ้นมาถึงบริเวณนี้ พอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับต้องหยุดร่างกลางอากาศทันที…