War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2209
ตอนที่ 2,209 : ร่างในฝัน
บรรดาระดับสูงของลัทธิบูชาไฟในที่นี้ ต่อให้เป็นแค่อาวุโสเพลิงทอง ก็มากพอจะเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลววงสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว…
เพราะถึงแม้เขาจะลอบกินโอสถเซียนฟื้นพลังเข้าไป แต่ระดับพลังตอนนี้ เกรงว่าคงไม่ต่างอะไรจากผู้อาวุโสเพลิงทองคนหนึ่ง…
เรียกว่าหากคิดช่วยชีวิตเค่อเอ๋อกับลูกสาว อาศัยอาวุโสเพลิงทองแค่คนสองคนก็อาจก่อกวนเขาให้เสียเรื่องได้ไม่ยาก!
เช่นนั้นเขาจึงต้องหาวิธีกันท่าอาวุโสเพลิงทองเหล่านี้ออกไปเพื่อไม่ทำให้เขาเสียเรื่อง
และตอนนี้วิธีเดียวที่จะกันท่าเหล่าผู้อาวุโสเพลิงทองไม่ให้มาวุ่นวายจนขัดขวางเรื่องดีของเขาได้ก็คือ…
ยอดศาสตราเซียน พลองธัมมะ!
พลองธัมมะที่ปลิวกระเด็นหลุดมือเหาฉ่วงไปก่อนหน้านี้!
ตอนที่เหาฉ่วงถอดจิตลี้ร่างหลบหนี ทุกคนก็เห็นกันชัดว่ามันก็ไม่ได้ไปทางนั้น
เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจึงใช้พลองธัมมะเป็นเหยื่อ ล่อให้คนของลัทธิบูชาไฟหันความสนใจไป!
“ใครเป็นคนเจอพลองธัมมะ คนนั้นเป็นเจ้าของ…”
ได้ยินวาจาประโยคดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ลมหายใจของอาวุโสระดับสูงของลัทธิบูชาไฟในที่นี้เปลี่ยนเป็นถี่รัวขึ้นมาทันใด กระทั่งชนชั้นรองจ้าลัทธิไม่เว้นแม้แต่ 4 ผู้พิทักษ์ก็เสียอาการไปอยู่บ้าง
พลองธัมมะเป็นดั่งสินสงครามของต้วนหลิงเทียน…
เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนมีสิทธิ์จัดการกับมัน
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะยกมันขึ้นมาเป็นของรางวัล ยังจะไม่ให้อาวุโสระดับสูงของลัทธิบูชาไฟถูกล่อลวงได้อย่างไรไหว?
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน…ท่าน…กล่าวจริงหรือ?”
ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาทอประกายจ้าปานดาวบนฟ้ายามค่ำคืน เร่งถามออกมาเสียงเข้ม
“จริงสิ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ข้าไหนเลยจะล้อเล่นได้?”
“อะไร? หรือพวกท่านไม่มีใครสนใจ เช่นนั้นข้าจะเริ่มนับถอยหลัง 10 ลมหายใจเลยแล้วกัน…หลังผ่านไปครบ 10 ลมหายใจถ้ามีใครเจอพลองธัมมะก่อน ท่านก็อดแล้วนะ…”
เมื่อเห็นว่าระดับสูงของลัทธิบูชาไฟพร้อมลงมือเต็มที แต่ยังไม่มีใครลงมือคนแรก ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขบขันอีกครั้ง
และวาจาต้วนหลิงเทียนยังดังไม่ทันจบคำดี..
“ไป!!”
“พลองธัมมะเป็นของข้า!”
“เหอะ! ของข้าเถอะ!!”
……
ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟ แต่ละคนเร่งรุดเหินร่างไปยังทิศทางที่พลองธัมมะปลิวกระเด็นออกไปทันที! แต่ละคนไม่ว่าใครก็อยากชิงพลองธัมมะมาให้ได้ทั้งนั้น!!
กระทั่งผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟก็ไม่เว้น! กล่าวไปพวกมันยังพุ่งเหินออกไปก่อนใคร!!
ในบรรดาทั้ง 4 สื่อเฟิงที่พลังฝึกปรือสูงล้ำที่สุดย่อมเหินนำหน้าผู้อื่น
ใครเป็นคนเจอพลองธัมมะคนแรกจะได้มันไปครอง…ต้องทราบด้วยว่าพลองธัมมะนั่นคือยอดศาสตราเซียน!
ต้องกล่าวเลยว่ารางวัลใหญ่จากต้วนหลิงเทียนรอบนี้ พวกมันไม่มีใครไม่ถูกล่อลวงใจ!
“อั๊ค!”
หลังระดับสูงของลัทธิบูชาไฟหายไปหมดแล้ว ร่างต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปอย่างแรง สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดขาว สุดท้ายก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
อาการบาดเจ็บภายในนี้เป็นเขาได้รับมาตั้งแต่ปะทะกับเหาฉ่วงแล้ว หากแต่เขาฝืนทนเอาไว้
ตอนนี้เมื่อไม่มีใครอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทนอีกต่อไป
‘ตอนที่พวกมันมัวไปหาพลองธัมมะกัน…ข้าจะรีบไปช่วยพวกเค่อเอ๋อแม่ลูกหลบหนีออกจากลัทธิบูชาไฟ!’
หลังหยิบโอสถรักษาและโอสถฟื้นพลังออกมากลืนลงคอเพิ่ม ต้วนหลิงเทียนก็เร่งใช้พลังที่เหลือเหินร่างไปยังลัทธิบูชาไฟด้วยความเร็วสูงสุด หมายไปให้ถึงน่านฟ้าเหนือเกาะศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด!!
เพราะเกาะลอยจ้าวลัทธิอยู่ที่นั่น
ตอนนี้เค่อเอ๋อแม่ลูกก็สมควรอยู่ที่นั่น!
‘แม้ทางที่เหาฉ่วงหนีไปจะไม่ใช่ทางเดียวกันกับที่พลองธัมมะปลิวกระเด็นไป…แต่ด้วยพันธะระหว่างพลองธัมมะกับมัน หากมันคิดจะย้อนกลับมาเก็บพลองธัมมะภายหลังคงไม่ยากเย็นอะไร’
ในฐานะเจ้าของยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมาร ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าหลังที่ผูกพันธะกับยอดศาสตตราเซียนแล้วจะเป็นอย่างไร
ตอนนี้ไม่พ้น 9 ใน 10 พลองธัมมะนั่นต้องถูกวิญญาณของเหาฉ่วงลอบย้อนกลับมาเก็บไปแล้วแน่!
ต่อให้กลุ่มระดับสูงของลัทธิบูชาไฟจะออกไปตามหาก็ไร้ประโยชน์
“อย่างไรก็ตามพลังของเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนนับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สามารถทำให้วิญญาณสามารถออกจากร่างได้ กระทั่งยังละทิ้งร่างออกมาได้โดยไม่สูญสลายไปท่ามกลางสวรรค์และโลก…กล่าวไปก็นับว่าฝืนฟ้าไม่น้อย เพราะนี่เสมือนวิธีเอาชีวิตรอดอีกวิธีหนึ่ง”
ในขณะที่ย้อนกลับไปลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหาฉ่วงที่ถอดจิตลี้ร่าง และนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอะไรแบบนี้กับตาจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
ตอนนั้นเขาได้ทุ่มพลังทั้งหมดไว้ในกระบี่นิลสวรรค์ที่ใช้สังหารร่างของเหาฉ่วงไปแล้ว
เช่นนั้นแม้จะฆ่าร่างกายของเหาฉ่วงได้ แต่สำหรับวิญญาณที่ละทิ้งร่างหลบหนีออกมา เขาก็ได้แต่มองดูเท่านั้น ไม่มีพลังเหลือจะไล่ตามได้ทัน
หาไม่แล้วเขาก็ไม่คิดปล่อยให้เหาฉ่วงรอดชีวิตไปได้
เขารู้ดีว่าการตัดหญ้านั้น…หากไม่ถอนรากถอนโคน เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาอีกครั้งมันก็จะงอกเงยขึ้นมาใหม่!
ขณะเดินทางกลับลัทธิ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆฟื้นฟูกลับมาบางส่วน ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็กลับมาถึงน่านฟ้าแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว
“เป็นท่านผู้พิทักษ์หลิงเทียน!”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึง เขาก็ถูกอาวุโสที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนพบตัวทันที
แต่แน่นอนว่าพวกมันไม่มีใครกล้าหยุดต้วนหลิงเทียนเหมือนครั้งล่าสุดที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงลัทธิบูชาไฟอีกแล้ว
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฐานะต้วนหลิงเทียนในวันนี้ไม่ใช่อะไรที่ในวันวานจะเทียบได้ จนทำให้มีอิสระผ่านเข้าออกแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวรวมถึงแท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่เหลือเลย อาศัยแค่พลังฝีมืออันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีใครกล้าตอแยแล้ว
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงกลับมาแล้วแบบนี้…เช่นนั้นมิได้หมายความว่าอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬรามือแล้วหรือ?”
เห็นต้วนหลิงเทียนกลับมา อาวุโสแท่นบูชาพยัคฆ์ขาววก็อดคิดไปทำนองนี้ไม่ได้
ไม่ทันไรข่าวลือเรื่องการกลับมาของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มแพร่ไปทั่วแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว ทำให้ทุกคนต่างคาดเดาผลของเรื่องราวกันใหญ่
“ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกลับมาแล้วหรือ?”
“เช่นนั้นหมายความว่าต่อให้อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬจะลงมือด้วยตัวเองแต่มันก็ไร้ประโยชน์งั้นสินะ?”
“หึ! ตอนนี้ท่านจ้าวลัทธิพวกเราก็บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว ไหนต้องกลัวแพะชรานั่นอีก!!”
……
วาจาคล้ายกันนี้ดังขึ้นไปทั่วแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว
ส่วนต้วนหลิงเทียนที่กลับมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ ก็ไม่รอช้าเร่งเหินร่างขึ้นฟ้าไปทันที ไม่นานก็เหินเลยหมู่เกาะเหนือฟ้าไปชั้นแล้วชั้นเล่า
ตอนนี้ภายใต้เกาะลอยที่ลอยเด่นอยู่สูงสุด ก็ไม่ได้มีแค่ 3 เกาะเหมือนครั้งก่อนที่เขามาอีกต่อไป แต่มันมีทั้งสิ้น 5 เกาะ!
เกาะลอยสองเกาะที่พึ่งปรากฏ ก็คือเกาะลอยส่วนตัวประจำตำแหน่งผู้พิทักษ์ของเขากับเหลิ่งอิงนั่นเอง
อาวุโสเพลิงเงินที่รับหน้าที่ลาดตระเวนย่อมสังเกตเห็นเขาได้ทันทีที่เข้ามาในอาณาเขต
อย่างไรก็ตามพอเห็นว่าผู้มาเป็นต้วนหลิงเทียนมันก็เหินร่างจากไปทันที
“ที่แท้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนกลับมาแล้ว!”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมาอย่างปลอดภัย อาวุโสเพลิงเงินที่ลาดตระเวนก็ตกใจกันไม่น้อย
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานนัก เสียงของอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬก็พึ่งจะดังขึ้นก้องลัทธิ พวกมันเองไหนเลยยังไม่ได้ยินได้
“เค่อเอ๋อ”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เหินลอยอยู่เหนือเกาะส่วนตัวของถังซวน
เกาะลอยเกาะนี้ลอยอยู่โดดเดี่ยวบนฟ้าสูงสุด ไม่มีเกาะใดๆข้างเคียง
ดั่งจักรพรรดิที่คอยทอดตามองลงไปยังบริวาร
“ค่ายกล?”
ขณะที่มองเกาะลอยเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ย่อมสัมผัสได้ถึงม่านพลังจากค่ายกลที่ปกคลุมไปทั้งเกาะ
อย่างไรก็ตาม ม่านพลังจากค่ายกลระดับนี้ ต้วนหลิงเทียนที่พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดฟื้นฟูมาบ้างแล้ว สามารถใช้ยอดสมบัติสวรรค์อย่างกระบี่นิลสวรรค์ทำลายมันได้ง่ายๆ
วู้มมม!
เพียงต้วนหลิงเทียนจ่ายพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเล็กน้อยลงกระบี่นิลสวรรค์ ตัวกระบี่ก็เผยพลังอานุภาพอีกครั้ง แม้จะไม่รุนแรงเหมือนก่อน แต่อาศัยการตวัดกระบี่ด้วยพลังเท่านี้ออกไปส่งๆ ก็ปรากฏรังสีกระบี่ฟาดทำลายม่านพลังจากค่ายกลให้ย่อยยับได้ง่ายดาย!
“เค่อเอ๋อ”
ขณะโรยตัวลงมาจากอากาศไปหยุดลอยเหนือคฤหาสน์หลังโตของถังซวน ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าเสียงขอเขาจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย หากแต่ก็ผนึกควบไปด้วยพลังเซียนสุริยันทำให้ดังกังวาลไปทั่วพื้นที่คฤหาสน์
ในขณะเดียวกัน
ที่ลานว่างแห่งหนึ่ง ร่างบางที่กำลังเดินวนไปวนมาด้วยสีหน้ากังวล พอได้ยินเสียงเรียกของต้วนหลิงเทียน ร่างบางดังกล่าวก็สะท้านไปทันที นางยังเงยหน้าขึ้นแหงนไปมองฟ้าก่อนใดอื่น
แลเห็นเป็นชายหนุ่มร่างม่วงถือกระบี่อยู่ในมือคนหนึ่ง…
หน้าตายังดุจเดียวกับคนที่นางแลเห็นในความฝัน
“นายน้อย!”
พริบตานั้นสีหน้าของร่างบางก็แดงก่ำขึ้นด้วยความตื่นเต้นราวกับประสบเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่บางประการ
เจ้าของร่างบางนี้ย่อมเป็นเค่อเอ๋อนั่นเอง
เมื่อได้เห็นว่าบุรุษของนางยังปลอดภัยดีอยู่ ในที่สุดใจที่ขึงตึงไปด้วยความกังวลก็พอได้ผ่อนคลายลง
ต้องทราบด้วยว่าพอได้ยินเสียงหล่างเชียนจิน และทราบว่าอีกฝ่ายคืออาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬ เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ยอดฝีมืออันดับ 2 ในรายนามยอดเซียน ใจนางก็ร้อนรนไปด้วยไฟกังวลนัก เพราะเห็นชัดว่าอีกฝ่ายมาด้วยเจตนาร้ายกับบุรุษของนาง…
“มันกลับมาได้จริงๆ…คนลัทธิอารามทมิฬไม่ได้สร้างปัญหาให้มันหรือ?”
ขณะเดียวกัน ก่านหรูเยี่ยนที่ได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ก็เดินออกมาจากห้องหับข้างลานว่างทันที พอมองขึ้นมาบนฟ้าเห็นร่างในชุดม่วง สองตากระจ่างยามสารทก็อดไม่ได้ที่จะฉายถึงความประหลาดใจ
นางเองก็ได้ยินเสียงหล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬก่อนหน้าชัดเจน
อีกฝ่ายท่าทางจะมาหาต้วนหลิงเทียนด้วยเจตนาร้าย
ด้วยเหตุนี้นางจึงอดเป็นกังวลไปไม่ได้ ยิ่งน้องสาวนางยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
“เค่อเอ๋อ!!”
แม้เสียงเค่อเอ๋อจะไม่ดัง แต่ต้วนหลิงเทียนที่แผ่สำนึกเทวะออกมาตรวจสอบก็ได้ยินมันชัดเจน
ทันนใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองตามต้นเสียงทันที
ด้วยม่านตาพิสดาร เขาจึงได้เห็นร่างบางที่มักฝันถึงอยู่เสมอๆชัดถนัดตา
“เค่อเอ๋อ!!”
ต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างจากฟ้า ดิ่งลงไปหาเค่อเอ๋อด้วยความยินดี
ระหว่างลงมาเขายังเจอม่านพลังจากค่ายกลป้องกันอีกไม่น้อย ทว่าทั้งหมดก็ถูกกระบี่ในมือทำลายจนสิ้น
และในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนทำลายค่ายกลนั้นเอง
“ธิดาเทพ!?”
จ้าวลัทธิบูชาไฟที่กำลังสู้ติดพันอยู่กับหล่างเชียนจินที่ไหนสักแห่งอันห่างไกลออกมาจากลัทธิบูชาไฟ ย่อมสัมผัสได้ทันทีว่าค่ายกลถูกทำลาย สีหน้าท่าทีของมันเปลี่ยนไปอย่างหนัก!
……