War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2222
ตอนที่ 2,222 : หวงฉี่หลิง แห่งวังเซียนสัญจร!
หลังออกจากเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนก็จงใจเหินร่างมาหยุดมองหน้าประตูเมืองทิศใต้ ว่ากลุ่มปีศาจกลุ่มไหนที่กำลังมุ่งหน้าลงใต้
ตอนนี้เมื่อเหล่าปีศาจได้ทราบข่าวเรื่องที่มรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ถูกค้นพบ พวกมันไม่พ้นต้องแห่กันลงใต้เพื่อไปแสวงโชคกันแน่
‘ดีเลย…ข้าจะได้ไม่ต้องลำบากหาทางไปเอง’
ต้วนหลิงเทียนคิดขณะเฝ้ามองปีศาจกลุ่มหนึ่งที่กำลังเหินร่างออกจากเมืองเหรินโม่เชิ่งและมุ่งหน้าลงใต้
เขาเองก็เหินร่างตามพวกมันไปอยางไม่รีบไม่ร้อน
“เฮ่ น้องชายท่านนั้น…ใช่กำลังเดินทางไปมรดกสถานของปรมาจาร์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของมนุษย์เหมือนกันหรือไม่?”
หลังเหินร่างไปได้พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงร้องทักจากด้านข้าง
ทันใดนั้น ปรากฏกร่างหนึ่งเหินเข้ามาหา ก่อนที่จะบินตีคู่ไปกับต้วนหลิงเทียน
“พี่ชาย ท่านเรียกข้าหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปย้อนถามคนที่กำลังมองมาที่เขา
ผู้ที่เหินร่างมาบินตีคู่กับต้วนหลิงเทียน เป็นชายหนุ่มแลดูอัธยาศัยดีผู้หนึ่ง อีกทั้งจาดชุดที่สวมใส่กับกลิ่นอายคุณชายจ๋าที่แผ่ออกมา ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าฐานะของมันไม่ธรรมดา
แต่ไม่ทราบว่าเพราะอะไร…
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเห็นชายหนุ่มผู้นี้ เขากลับไม่บังเกิดความรู้สึกอคติเหมือนกับที่เห็นปีศาจเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ตนอื่นที่พบเจอมาในเมือง กระทั่งในใจยังรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ความรู้สึกจากสัญชาตญาณนี้ เสมือนว่าอีกกฝ่ายไม่ใช่ปีศาจ…แต่เป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขา!
“ใช่แล้วน้องชาย”
ชายหนุ่มผู้นี้นับว่าหน้าตาน่าดูไม่น้อย ยังจัดว่าหล่อเหลาไม่เบา ยามมันยิ้มช่างให้ความรู้สึกเสมือนพี่ชายใจดีข้างบ้าน บรรยากาศแตกต่างจากปีศาจที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอมาก่อนหน้าคนละโลก!
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้วนหลิงเทียนจึงแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบมันทันที
เขาพบได้ในเวลาอันสั้น
ถึงแม้ชายหนุ่มผู้นี้จะมีปราณมารที่เข้มข้นบริสุทธิ์อยู่ในตัว แต่ทว่าในร่างกลับไม่มีสายเลือดปีศาจที่น่าสะอิดสะเอียนไหลเวียนอยู่เลย!
ราวกับมันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆ!!
จุดนี้แตกต่างจากปีศาจจากเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ทุกคนที่ต้วนหลิงเทียนเคยเจอในเมืองอย่างมาก!
เพราะตอนที่เขาตรวจสอบเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ส่วนใหญ่ที่เจอในเมือง เขาไม่เพียงพบว่าในร่างของพวกมันมีปราณมารอันเข้มข้นบริสุทธิ์ แต่สายเลือดยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจเจือผสมอยู่กว่าครึ่ง!
ทว่าชายหนุ่มเบื้องหน้า กลับมีสายเลือดบริสุทธิ์ไร้มลทิน ราวกับเป็นมนุษย์เหมือนกันกับเขา
เช่นนั้นกล่าวได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ เป็นมนุษย์แท้ๆเหมือนกันกับเขา!!
“พี่ท่านมีอะไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามชายหนุ่มในชุดหรูหราปานคุณชาย
“น้องชาย…ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้มาจากวังเซียนสัญจรใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มในชุดหรูกล่าวถามด้วยรอยยิ้มร่า
“วังเซียนสัญจร?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยสงสัย ก่อนที่จะกล่าวถามออกไปด้วยทีท่าแปลกใจ “พี่ชาย…ท่านมาจากวังเซียนสัญจรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนได้ยินชื่อนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งหลังเดินเตร็ดเตร่หาข้อมูลในเมืองเหรินโม่เชิ่ง
วังเซียนสัญจรเป็น 1 ในขุมพลัง 3 วัง 6 ตำหนักของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ และมีชื่อเสียงทัดเทียมกับวังจื่อเหยียน เจ้าของกิจการโรงเตี๊ยมที่เขาพาทุกคนไปพักอาศัยก่อนที่จะออกมา นับว่าเป็น 1 ในขุมพลังระดับแนวหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์เช่นกัน
ทว่ากระทั่งในบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ด้วยกันเอง วังเซียนสัญจร ยังถือว่าเป็นพวกนอกคอก!!
นั่นเพราะในวังเซียนสัญจรนั้น ไม่มีลูกครึ่งปีศาจมนุษย์อาศัยอยู่เลย! มีแต่มนุษย์แท้อันมีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น!!
กล่าวให้ชัดคือมีแต่ ผู้ฝึกมารมนุษย์!!
ไม่ว่าจะระดับสูงต่ำอะไร ตั้งแต่จ้าววังยันข้ารับใช้ที่ต้อยต่ำที่สุดภายในวัง…ก็ล้วนเป็นมนุษย์แท้ทั้งสิ้น!
และที่มาของวังเซียนสัญจรนี้ ก็เป็นลูกหลานของเหล่าผู้ฝึกมารรุ่นแรกที่ไม่คิดครองคู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
ในอดีตตอนที่เหล่าผู้ฝึกมารที่แปรพักตร์จากเผ่าพันธุ์มนุษย์ หลบหนีไปนแดนเนรเทศพร้อมเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้น บางส่วนก็ครองคู่กับปีศาจจนเกิดเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ออกมา แต่บางส่วนก็ยังครองคู่อยู่กับแต่มนุษย์ด้วยกัน ไม่คิดอยู่กินกับพวกปีศาจ!
และขุมพลังนี้ก็มีกฏอันเข้มงวดกวดขันนัก
ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรแล้ว สามารถครองคู่ได้กับแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้น หากไปลักลอบมีสัมพันธ์กับปีศาจ หรือกระทั่งครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ ก็จะถูกขับออกจากวังเซียนสัญจรทันที!
ด้วยเหตุนี้ในขุมพลังอย่างวังเซียนสัญจร จึงมีแต่มนุษย์แท้ที่ฝึกปรือในวิถีมารเท่านั้น!
สาเหตุหลักที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจดั้งเดิมทั้งมวลไม่ยอมรับ กระทั่งในบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก็ยังไม่ยอมรับ เพราะพวกมันคงสายเลือดมนุษย์อันบริสุทธิ์เอาไว้!
และด้วยความที่มนุษย์แท้นั้นแต่เดิมก็มีพรสวรรค์เหนือกว่าปีศาจ หรือแม้กระทั่งปีศาจมนุษย์ ทำให้ลูกหลานที่เกิดมามีพรสวรรค์เหนือล้ำกว่าเผ่าพันธุ์ใดๆในแดนเนรเทศ! จึงมีกำลังเข้มแข็งมากพอจะปกป้องและดำรงสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน!!
จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็ได้สืบทอดกันมาอย่างยิ่งใหญ่ จนกลายเป็น 1 ในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์!
ขุมพลังที่ว่าก็คือ วังเซียนสัญจร นั่นเอง!
‘วังเซียนสัญจรยังเป็นขุมพลังสุดท้ายที่มาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…กระทั่งพวกเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์แทบทั้งหมดยังรู้แกวดี ว่าไฉนพวกมันจงใจรั้งท้าย…ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดความลำบากใจยามต้องเข่นฆ่ามนุษย์ด้วยกันเอง’
หากจะกล่าวว่าในบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล มีกลุ่มไหนที่ต้วนหลิงเทียนไม่รังเกียจ ก็เห็นทีจะเป็นคนของวังเซียนสัญจรนี้เอง…
เพียงเพราะพวกมันไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าฟันมนุษย์ด้วยกัน!
นอกจากนี้ทุกคนในขุมพลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์ทั้งสิ้น พวกมันไม่มีอะไรแตกต่างจากเขา จะต่างกันก็ตรงที่พวกมันเลือกบ่มเพาะพลังด้วยวิถีมารเท่านั้น ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเต๋าแห่งการบ่มเพาะทั้งมวล หากไม่บ่มเพาะด้วยกลวิธีชั่วช้าสามานย์ พวกมันก็ไม่ถือว่ามีความผิดอะไรในสายตาเขา
“ถูกแล้วน้องชาย ข้ามาจากวังเซียนสัญจร…ข้าเรียกว่า หวงฉี่หลิง แล้วน้องชายเล่ามีนามสูงส่งว่าอะไรหรือ?”
ชายหนุ่มในชุดหรูหราราวคุณชายนายน้อยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงห้วน ไม่ได้มีความคิดจะปกปิดชื่อแซ่แต่อย่างไร
“ต้วนหลิงเทียนเหรอ…เอ ชื่อน้องชายคุ้นหูข้ายิ่ง…ได้ยินจากที่ไหนแล้วนะ…”
หวงฉี่หลิงผงะไปเล็กน้อยหลังได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน
หลังจากนั้นมันก็ส่ายหน้า ค่อยหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้เป็นน้องชายหลิงเทียน…น้องหลิงเทียนข้ารู้สึกว่าเจ้าแตกต่างกับปีศาจตนอื่นๆ เหมือนเจ้าจะเป็น ‘มนุษย์’ อย่างพวกเรา…”
ด้วยความที่มาจากวังเซียนสัญจร หวงฉี่หลิงไม่ต้องแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบต้วนหลิงเทียน แต่มันที่ได้คลุกคลีกับมนุษย์แท้มามาก รวมถึงปีศาจมนุษย์มาอย่างยาวนาน เช่นนั้นมันย่อมมีความรู้สึกชัดเจนในเรื่องสายเลือด! จึงบอกได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนนั้นต่างจากปีศาจมนุษย์!
กระทั่งมันสามารถมองออกได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนก็เป็นมนุษย์แท้เหมือนๆกันกับมัน! เพราะกลิ่นอายที่แผ่ออกให้ความรู้สึกต่างจากปีศาจมนุษย์ไม่น้อย!!
แต่แน่นอนว่ามันย่อมสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปราณมารอันเข้มข้นบริสุทธิ์ที่เผยออกจางๆทั่วร่างต้วนหลิงเทียนได้เช่นกัน
ดังนั้นมันเลยมั่นใจ
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ผู้ฝึกมารของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่เป็นผู้ฝึกมารที่มาจากแดนเนรเทศเหมือนกันกับมัน
ด้วยเหตุนี้ถึงมันจะได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่ได้คิดถึงผู้ฝึกตนมนุษย์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเลย แต่เป็นธรรมดาว่ามันไม่อาจมองออกถึงเล่ห์กลที่ต้วนหลิงเทียนทำขึ้นเพื่อปลอมแปลงตัวตน
“เท่าที่ข้ารู้มา…ในดินแดนเนรเทศไม่ได้มีแค่วังเซียนสัญจรของท่านที่เดียวที่มีสายเลือดมนุษย์ที่บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ที่น้องหลิงเทียนกล่าวมาก็ถูก”
หวงฉี่หลิงพยักหน้า
เพราะถึงแม้วังเซียนสัญจรของมันจะรวบรวมผู้ฝึกมารอันเป็นมนุษย์แท้ไม่มีสายเลือดปีศาจเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งเดียวที่มีมนุษย์สายเลือดแท้
แม้ในแดนเนรเทศจะรู้กันว่าสถานที่ๆมีมนุษย์สายเลือดแท้มากที่สุดก็คือวังเซียนสัญจร แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกมารที่เป็นมนุษย์สายเลือดแท้ทุกคนจะเข้าร่วมวังเซียนสัญจร!
แต่แน่นอนว่าผู้ฝึกมารเช่นนี้มีอยู่น้อยมาก
ด้วยเหตุนี้มันจึงเข้ามาทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความเห็นใจ เพราะเมื่อมันตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่คุ้นหน้า คล้ายไม่น่าจะใช่คนของวังเซียนสัญจรมัน…เช่นนั้นไม่พ้นอีกฝ่ายต้องเป็นผู้ฝึกมารอิสระ ที่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆในแดนเนรเทศเพราะมีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์แน่นอน!
“น้องหลิงเทียน ข้าเองก็จะไปลองดูมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์เหมือนกัน…หากเจ้าคิดไปที่นั่น เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเลยเป็นอย่างไร?”
หวงฉี่หลิงกล่าวถามต้วนหลิงเทียน
หลังจากกล่าวถามจบคำ ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบอะไร มันก็เร่งกล่าวสืบต่อออกมาว่า “แต่น้องหลิงเทียนอย่าได้เข้าใจเจตนาข้าผิดไปเล่า…ด้วยความที่ข้าเองก็เป็นผู้ฝึกมารที่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์ เวลาข้าเจอผู้ฝึกมารที่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์แต่ไร้สังกัดเช่นเจ้า ข้าก็ชมชอบชักชวนให้มาเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรของข้าน่ะ…”
“ข้าเข้าใจ…หากพี่ท่านไม่รังเกียจข้า เช่นนั้นพวกเราเดินทางไปด้วยกันก็ได้”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้สึกเป็นศัตรูกับหวงฉี่หลิงแต่อย่างไร แถมอีกฝ่ายก็แลดูมากอัธยาศัย ไร้กลิ่นอายชั่วร้ายจากการบ่มเพาะพลังอย่างไร้มนุษย์ธรรมอะไร เขาจึงไม่ได้ขัดข้องข้อเสนออีกฝ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้หวงฉี่หลิงคิดไม่ซืออะไร เขาก็ไม่ได้กลัวมันสักนิด!
นั่นเพราะตอนที่ตรวจสอบสายเลือดอีกฝ่าย เนตรเทวะของเขาก็ตรวจพบได้ไม่ยากว่ามันเป็นแค่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรกับเขาแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงมีผู้ร่วมเดินทางอีก 1 คน
ระหว่างทางหวงฉี่หลิงก็พูดจ้อเรื่องราวไม่หยุด เห็นชัดว่ามันเป็นคนประเภทเดียวกันกับหนานกงยี่ ที่ชมชอบพูดน้ำไหลไฟดับไปเรื่อย…
และด้วยเรื่องราวที่หวงฉี่หลิงเล่าไปเรื่อยเปื่อย ทั้งพยายามอวดอ้างสรรพคุณข้อดีของการเข้าร่วมวังเซียนสัญจร ต้วนหลิงเทียนจึงได้รู้เรื่องราวของวังเซียนสัญจรต้นสังกัดของหวงฉี่หลิงเพิ่มขึ้นไม่น้อย แน่นอนว่าที่มันพ่นข้อดีออกมามากมายเหตุผลก็เพื่อจะโน้มน้าวเขาให้เข้าร่วม…
มันกระทั่งยังถามว่าต้วนหลิงเทียนมาจากไหน แล้วเอาตัวรอดมาได้อย่างไร
ต้วนหลิงเทียนก็เพียงบอกไปว่าตนเองเป็นผู้ฝึกมารอิสระ หลังครอบครัวถูกไล่ฆ่าตายหมด ก็ปลีกวิเวกเก็บตัวบ่มเพาะอย่างสันโดษมาโดยตลอด
เรื่องนี้พอดีตรงกับการคาดเดาของหวงฉี่หลิงแต่แรก มันจึงไม่สงสัยอะไร
“น้องหลิงเทียนท่านมาเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกกเราเถอะ…ตราบใดที่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์แบบเจ้า วังเซียนสัญจรของพวกพวกเรายินดีอ้าแขนต้อนรับทั้งสิ้น สวัสดิการอันใดก็ดี แถมหลังจากนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆด้วยความหวาดกลัวอีกต่อไป…”
หวงฉี่หลิงยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “หากถามข้า ข้าบอกเลยว่าเจ้าสมควรเข้าร่วมวังเซียนสัญจรของพวกเราอย่างยิ่ง! เพราะเจ้ามีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียอันใด…แต่แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่บังคับฝืนใจผู้ใด ทั้งหมดสุดแล้วแต่น้องหลิงเทียนเจ้าจะตัดสินใจ”
“อ่า ข้าจะลองเก็บเอาไปคิดดู…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ค่อยกล่าวเปลี่ยนเรื่องออกมาว่า “ว่าแต่ท่านรู้ใช่หรือไม่ว่ามรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนตั้งอยู่ที่ไหน พวกเราเร่งเดินทางกันหน่อยดีหรือไม่ จะได้ไม่พลาดโอกาส…”
“จริงสิ! ให้ตายเถอะ! นี่ถ้าน้องหลิงเทียนไม่เตือน ข้ากลับเลอะเลือนหลงลืมไปแล้วจริงๆ…ข้ารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เช่นนั้นพวกเราเร่งเดินทางกันหน่อยเถอะ!”
หวงฉี่หลิงกล่าวจบคำก็เร่งความเร็วขึ้นทันที ตอนแรกมันก็เดินทางด้วยความเร็วสูงกว่านี้ แต่เพราะเห็นต้วนหลิงเทียนเหาะช้าๆตามหลังปีศาจกลุ่มหนึ่งที่พลังฝึกปรือไม่สูง จึงชะลอความเร็วลงเพื่อสนทนา
ตอนแรกความเร็วที่มันเร่งขึ้นก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะตามไม่ทัน
แต่พอพบว่าต้วนหลิงเทียนสามารถติดตามมันมาได้อย่างง่ายดาย มันก็เพิ่มความเร็วขึ้น
แต่ทว่าหลังจากลองเพิ่มระดับความเร็วขึ้นรอบแล้วรอบเล่า ต้วนหลิงเทียนก็ยังติดตามมาได้อย่างง่ายดาย มันก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจขึ้นมา ‘ดูเหมือนน้องหลิงเทียนผู้นี้จะมีพลังฝึกปรือไม่ธรรมดา…เช่นนั้นข้าลองใช้ความเร็วเต็มที่ดูเถอะ หากตามไม่ทันค่อยชะลอลง’
หลังครุ่นคิดด้วยความแปลกใจเล็กน้อย หวงฉี่หลิงก็เริ่มใช้ความเร็วสูงสุดในการเดินทาง
ยังเป็นความเร็วในการเหาะเหินที่เหนือกว่าก่อนหน้าถึง 2 เท่า
หวงฉี่หลิงที่คิดว่าสมควรทิ้งห่างต้วนหลิงเทียนไปไกลแล้ว ก็รู้สึกผิดในใจเล็กน้อยว่าใช่ทำเกินไปหรือไม่…แต่มันก็อดตกตะลึงไปไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงของสายลมที่ดังขึ้นข้างกาย!
‘เฮ่ย…’
หวงฉี่หลิงพลันตระหนักได้ว่า…
ถึงแม้มันจะเร่งความเร็วสูงสุดแล้วแท้ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนยังคงเหินไล่ตามมาได้อย่างไม่ลำบากยากเย็น! แถมอริยาบทอีกฝ่ายยังแลดูผ่อนคลายสบายๆไม่คล้ายฝืนตัวอะไรแม้แต่น้อย…!