War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2265
ตอนที่ 2,265 : ซูหลี่ฆ่าตัวตาย!
สายตาที่มองจ้องมายังร่างเด็กน้อยทั้ง 3 ของซูหลี่ยามนี้ ช่างเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวนัก!
อีกทั้งทั่วร่างยังเริ่มปรากฏพลังเซียนต้นกำเนิดอันสุดไพศาลหนึ่ง ไอมารสีดำก็ลุกโชนขึ้นมาปานจะเผาฟ้า หากแต่มันหาได้คล้ายเพลิงไฟไม่ แต่กลับคล้ายกระบี่มหึมาเล่มหนึ่งที่โอบคลุมไว้ทั่วร่าง เปล่งกลิ่นอายยะเยือกเสียดแทงออกมา
ทันใดนั้นพวกเสี่ยวเฮยทั้ง 3 ก็คืนสติ สีหน้าท่าทียังเปลี่ยนไปอย่างมาก
ตอนนี้ทั้งหมดล้วนได้ตระหนักถึงคำ ความตายอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ!
“ดีพี่ซูหลี่! ท่านเป็นสหายของพี่ใหญ่หลิงเทียนมิใช่หรือ ท่านฆ่าพวกเราไม่ได้นะ!!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันอันน่าสะพรึงกลัวของซูหลี่ กระทั่งตระหนักได้ว่าซูหลี่อาจลงมือฆ่าพวกนางได้ทุกเวลา เสี่ยวจินก็เร่งกล่าวทักซูหลี่ออกมาเสียงดังอย่างตื่นตระหนก!
คล้ายกลัวว่าซูหลี่จะไม่ลวงรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางทั้ง 3 กับต้วนหลิงเทียน และฆ่าพวกนางทิ้ง!
“พี่ใหญ่หลิงเทียน? หลิงเทียน?”
พอได้ยินคำของเสี่ยวจิน สองตาแดงฉานปานก้อนเลือดของซูหลี่ก็สั่นไหว เจตนาฆ่าฟันเริ่มหดหาย
ขณะเดียวกันสีเลือดในดวงตาก็เริ่มอ่อนจางลง
ราวกับคำ หลิงเทียน มีมนตร์วิเศษ!
อย่างไรก็ตามสีเลือดในดวงตาซูหลี่เพียงอ่อนโทรมลงไปครู่หนึ่งเท่านั้น พริบตาก็เข้มขึ้นมาอีกครั้ง!
จิตสังหารที่เผยออกไม่เพียงกลับคืนกระทั่งยังมากกว่าเดิม!!
“พี่ซูหลี่! พี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกเราก็คือ ต้วนหลิงเทียน สหายของท่าน! ท่านลืมพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้วหรือ ตอนนั้นท่านกับพี่ใหญ่เป็นสหายอันดีต่อกันในสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อาณาจักรนภาล่อง!!”
“ท่านลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ไปหมดสิ้นแล้วหรือ!?”
คล้ายเห็นว่าซูหลี่จะสูญเสียจิตใจไปอีกครั้ง เสี่ยวไป๋ก็เร่งตะโกนกล่าวออกมาอย่างร้อนรน
จากสถานการณ์เบื้องหน้าทำให้นางตระหนักได้ว่า…
ซูหลี่คนนี้ ยังคงจดจำพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางได้
แน่นอนว่าแม้นางจะสังเกตเห็นสิ่งนี้ แต่ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้
กลัวว่าซูหลี่จะลงมือฆ่าพวกนางขึ้นมาจริงๆ!
หากซูหลี่คิดฆ่าพวกนางขึ้นมาจริงๆ เมื่ออีกฝ่ายลงมือ เกรงว่าต่อให้พวกนางทั้ง 3 คืนร่างเดิมก็ไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้!
ตอนนี้นางหวังเพียงให้ซูหลี่สามารถจดจำพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางได้ทันเวลา และเห็นแก่หน้าพี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกนาง ไม่ลงมือฆ่าพวกนาง
หาไม่แล้ววันนี้พวกนางทั้ง 3 ได้ประสบเคราะห์แน่นอน!
และตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเสียวเฮ่ย เสี่ยวไป๋หรือเสี่ยวจินก็พบได้ทันทีว่าซูหลี่มีความผิดปกติบางอย่าง
อย่างน้อยๆเมื่อสีเลือดในดวงตาเริ่มแดงฉานขึ้นมา อีกฝ่ายก็คล้ายไร้สติสัมปชัญญะ!
อีกทั้งสองตาแดงเลือดของซูหลี่นั่น ให้ความรู้สึกราวกับไม่ใช่ผู้คน แต่เป็นมารร้าย!
ยังเป็นมารร้ายคุ้มคลั่ง ไร้สติ!!
ได้ยินคำที่เสี่ยวไป๋กล่าวกับซูหลี่ ไม่ว่าเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวจินก็พากันจับจ้องไปยังซูหลี่ไม่วางตา สีหน้ายังเคร่งเครียดนัก
ตอนนี้พวกมันได้แต่ภาวนาในใจ
หวังว่าซูหลี่จะจดจำพี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกมันได้!
หาไม่แล้ววันนี้คงต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่แล้วจริงๆ
ตอนนี้ทั้งหมดนึกเสียใจนัก
หากรู้ว่าซูหลี่จะมาพร้อมจิตฆ่าฟันไร้สติแบบนี้ พวกมันคงไม่เล่นกับปีศาจวัวหรอก!
ถึงแม้พวกมันจะไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าสามารถฆ่าปีศาจวัวได้เต็มสิบส่วนหลังจากคืนร่างที่แท้จริง แต่ถ้าพวกมันทั้ง 3 คิดหลบหนี ก็ยังสามารถหลบหนีปีศาจวัวได้อย่างง่ายดาย
คราวนี้กล่าวได้เลยว่าละเล่นจนเลยเถิดแล้วจริงๆ!
หากวันนี้พวกมันทั้งหมดสามารถรอดพ้นความตายไปได้ วันหลังคงไม่กล้าละเล่นอะไรแบบนี้อีก!!
“หลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหลิงเทียน…อาณาจักรนภาล่อง…สถาบันบ่มเพาะขุนพล…”
ได้ยินคำของเสี่ยวไป๋สีเลือดที่แดงฉานในแววตาของซูหลี่ก็เริ่มจางลงอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วในการจางลงยังสูงนัก กระทั่งจิตสังหารเองก็เช่นกัน พวกมันสลายหายไปในเวลาอันสั้น พริบตาก็ไม่หลงเหลืออยู่อีก
ปรากฏว่าคำพูดของเสี่ยวไป๋ได้ผล!
หลังจากสีเลือดในแววตาจางหายไป ซูหลี่ก็ส่ายหัวไปมาเล็กน้อย ค่อยมองไปยังเด็กน้อยทั้ง 3 เบื้องหน้า “เจ้า…พวกเจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนด้วยหรือ…ยังรู้จักสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อาณาจักรนภาล่อง?”
ตอนนี้สติของซูหลี่ได้ฟ้นคืนกลับมาแล้ว
หากแต่มันยังไม่รู้จักเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ แล้วก็เสี่ยวจิน
“ใช่ ต้วนหลิงเทียนเป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกเรา แน่นอนว่าพวกเราย่อมรู้จักดี!”
เสี่ยวจินเห็นดังนี้ก็รีบกล่าวออกมาเป็นธรรมดา “ข้าได้ยินพี่ใหญ่หลิงเทียนพูดถึงท่านด้วย…ท่านเองก็อยู่ในอาณาจักรนภาล่อง ที่สำคัญท่านยังเคยไปค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะด้วยใช่หรือไม่?”
“ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ…”
ได้ยินคำของเสี่ยวจิน ร่างซูหลี่ก็สะท้านไปทันใด ในหัวเริ่มบังเกิดฉากเรื่องราวแล่นพล่าน ความคิดเริ่มหวนย้อนไปในวันวานครั้งยังเยาว์ กระทั่งถึงวันที่ได้พบเจอต้วนหลิงเทียนครั้งแรกที่ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก!
ถูกแล้ว…มันได้เจอต้วนหลิงเทียนครั้งแรกที่ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก!
ตอนนั้นทั้งหมดได้เข้าร่วมการประเมิณคุณสมบัติเพื่อเข้าร่วมค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะ
ยังจำได้ว่าต้วนหลิงเทียนได้ลงไปวาดฝีไม้ลายมือในการประลองเป็นลำดับท้ายๆ…
ร่างชายหนุ่มชุดม่วง ที่เคลื่อนไหวปราดเปรียวดั่งอสรพิษ สุดท้ายก็ใช้กระบวนท่าประหนึ่งอสรพิษสะบัดหาง ซัดคู่ต่อสู้จนกระเด็น ผ่านการทดสอบไปได้อย่างหมดจด…
“ซู…”
ในขณะที่เสี่ยวไป๋กำลังจะกล่าวอะไรกับซูหลี่อีกครั้ง ทว่ากลับถูกซูหลี่ขัดคำเสียก่อน
“ไม่!!”
ร่างซูหลี่อยู่ดีๆก็สั่นสะท้านไป สองตาที่หวนกลับมาเป็นปกติแล้ว กลับเริ่มปรากฏสีแดงเลือดขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าซูหลี่ตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเก กัดฟันตะโกนออกมาคล้ายเต็มกลืนและพยายามต้านทานบางสิ่ง
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นสีเลือดที่เริ่มเข้มขึ้นในดวงตาของซูหลี่ สีหน้าพวกเสี่ยวไป๋ทั้ง 3 ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“อย่าได้หวัง! ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้สมใจอีกแล้ว!!”
ทันใดนั้นสีเลือดในแวตาซูหลี่ก็กระพริบวาบก่อนที่จะดับไป เสียงคำรามต่ำดังออกจากลำคอ พลังเซียนต้นกำเนิดยังปะทุขึนมาม้วนวนไปทั่วร่างดั่งมังกรพิโรธ!
ไอมารลักษณ์กระบี่เริ่มพุ่งสูงขึ้น!
ตอนนี้สภาพซูหลี่ดั่งอสูรร้ายก็ไม่ปาน!
วูบ! วูบ! วูบ!
ในขณะที่สีหน้าเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋และเสี่ยวจินเปลี่ยนสีไป ซูหลี่พลันยกมือขึ้น
กระบี่ไร้ลักษณ์อันเป็นยอดศาสตราเซียนในมือก็เริ่มเปล่งแสงเรืองรองออกมา ทันใดนั้นเริ่มบังเกิดกระบี่พลังก่อตัวขึ้นม้วนวนไปรอบตัวซูหลี่!!
“กระบี่มา!!”
ซูหลี่พลันตะโกนออกมาดังลั่นอีกครา และทันใดนั้นเองกระบี่พลังที่ม้วนวนอยู่รอบกาย ก็เริ่มแตกตัวออกเป็นกระบี่พลังนับพันๆเล่ม ลอยล่องอยู่รอบกายอย่างผิดท่า!
กระบี่พลังแต่ละเล่มช่างเปล่งกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวทั้งรุนแรงและเกรี้ยวกราดนัก แต่ละเล่มยังฉษบไว้ด้วยไอมารอันเยียบเย็น!
ขณะเดียวกัน สองตาซูหลี่ก็เริ่มแดงฉานขึ้นมาอีกครา
“ให้ข้าซูหลี่ตาย ข้าก็ไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายสหายของต้วนหลิงเทียน!!”
ทันใดนั้นซูหลี่ก็คำรามออกมาเสียงเข้ม มุมปากปรากฏโลหิตไหลย้อยจากการขบฟัน กระบี่พลังนับพันเริ่มหยุดหมุนวนอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ทั้งหมดจะหันปลายกระบี่จี้เข้าหาตัวซูหลี่!
ตอนนี้ในใจซูหลี่หลงเหลือเพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น
ไม่อาจพลั้งมือฆ่าสหายของต้วนหลิงเทียนได้เด็ดขาด!
ในโลกนี้มีไม่กี่คนที่มันใส่ใจ
อาจารย์ของมันเป็นหนึ่งในนั้น และต้วนหลิงเทียนก็เป็นหนึ่งในนั้น
มันได้พลั้งมือฆ่าอาจารย์ไปอย่างไม่รู้ตัวแล้ว มันไม่มีวันยอมให้มารร้ายเข้าครอบงำจิตใจจนพลั้งมือฆ่าสหายต้วนหลิงเทียนได้!
หาไม่แล้วตลอดชั่วชีวิตนี้มันไม่มีวันสู้หน้าต้วนหลิงเทียนได้อีก!
คิดให้มันฆ่าสหายของต้วนหลิงเทียนหรือ?
มันตายเสียดีกว่า!!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ซูหลี่คำรามออกมาอีกครั้ง กระบี่พลังอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจน่าพรั่นพรึงนับพัน ก็คล้ายได้รับประกาศิตสังหาร พวกมันพุ่งทะยานจี้เข้าร่างซูหลี่อย่างพร้อมเพรียง!!
หลังจากสั่งการกระบี่ให้พุ่งมาทะลวงร่างตัวเองแล้ว สองตาซูหลี่ก็กลายเป็นสีแดงฉานปานก้อนโลหิตทันที!
“หึ!”
เสียงแค่นสบถเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น ลักษณะท่าทีของซูหลีพลันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ทันใดนั้นพลังเซียนต้นกำเนิดทั้งไอมารอันชั่วร้ายทั่วร่างก็ปะทุลุกโชน ทั้งหมดเริ่มควบรวมก่อเกิดม่านพลังหนึ่งหมายป้องกันกระบี่พลังนับพันที่กำลังพุ่งเข้ามาที่ร่าง!
น่าเสียดายที่มันลงมือช้าไป ทำให้ม่านพลังที่ก่อเกิดยังอ่อนโทรมไม่อาจเปล่งอานุภาพได้เต็มที่
ถึงแม้มันจะป้องกันกระบี่พลังได้ส่วนหนึ่ง หากแต่กระบี่พลังบางส่วนก็ยังคงพุ่งทะลวงชำแรกผ่านร่างของมันจนปุพรุน หลุมโลหิตนับสิบปรากฏไปทั่วกาย!
ไม่ควรรอดชีวิต!
“อ๊า!”
ฉากนี้ทำให้สีหน้าเสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปมหันต์ อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ขณะเดียวกันกับที่นางร้องอุทานออกมา สองตายังรื้นขึ้น หยาดน้ำใสๆเอ่อคลออย่างน่าเวทนา
เจตนาการลงมือของซูหลี่ นางย่อมเห็นได้เป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้หยาดน้ำใสๆจึงเริ่มไหลรินออกมารดแก้ม
“พี่ซูหลี่!!”
ด้านเสี่ยวจินกับเสี่ยวเฮยก็ย่อมรับทราบเจตนาการทำแบบนี้ของซูหลี่เช่นกัน พอเห็นร่างซูหลี่ที่ปุพรุนไปด้วยหลุมโลหิตสองตาทั้งคู่กลายเป็นแดงรื้นขึ้นมาทันที
ไม่ทราบว่าเพราะความเจ็บปวดหรือไรที่กระตุ้นสติของซูหลี่ให้ฟื้นคืน ทำให้สีเลือดในแวววตาซูหลี่เริ่มอ่อนลงอีกครั้ง
และตอนนี้สติของซูหลี่ก็คล้ายจะหวนกลับมา
“พวกเจ้ารีบหนีไป!”
ซูหลี่ที่ร่างปุพรุนไปด้วยหลุมโลหิต ทั้งหลั่งเลือดออกมาปานเขื่อนแตก มองเด็กน้อยทั้ง 3 ด้วยสีหน้าเจ็บปวด คำรามไล่ออกมาเสียงต่ำอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ราวกับการขับไล่ทั้ง 3 นั้น มันได้รีดเค้นพลังชั่วชีวิตออกมาแล้ว
และทันทีที่เสียงขับไล่ดังจบคำ สีเลือดก็เริ่มปรากฏขึ้นในดวงตาอีกครั้ง
ลักษณะท่าทีเปลี่ยนไปอีกครา…
ตอนนี้ซูหลี่ที่เสมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันไม่ยอมตายง่ายๆรีบเร่งเร้าพลังห้ามเลือด ไม่ให้ไหลออกจากหลุมเลือดที่ปุพรุนไปทั้งร่าง
หากแต่บาดแผลฉกรรจ์ที่สมควรไม่มีใครรอดนี้ ไหนเลยจัดการได้ง่ายดาย!
นอกจากนี้กลิ่นอายพลังทั่วร่างยังอ่อนโทรมลงถึงขีดสุด ราวกับต่อให้เป็นใครก็สามารถฆ่ามันได้!!
ซูหลี่ที่บาดเจ็บสาหัส ได้ใช้ดวงตาสีเลือดกวาดมองไปยังพวกเสี่ยวเฮยทั้ง 3 อีกครา สุดท้ายราวกับตระหนักได้ว่ามันไม่อาจฆ่าทั้ง 3 ได้อีกต่อไป จึงไม่คิดลงมือสืบต่อ เริ่มเหินร่างจากไปทันที
ด้วยความที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นหากเป็นผู้อื่นคงตกตายไปนานแล้ว ความเร็วจึงเชื่องช้าลงไปมากนัก
“ตอนนี้…ข้าเกรงว่าปีศาจตนใดก็สามารถฆ่าพี่ซูหลี่ได้…”
เสี่ยวไป๋กกล่าวกระซิบออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง จากนั้นก็หันไปมองสหายทั้ง 2 ข้างกาย แววตาฉายชัดถึงคำถาม
ราวกับกำลังจะถามไถ่ความเห็นของทั้งสอง ว่าจะทำอย่างไร
“พี่ซูหลี่ถึงขั้นยอมตายแต่ไม่ยอมทำร้ายพวกเรา…เช่นนั้นพวกเราจะปล่อยให้พี่ซูหลี่ถูกปีศาจฆ่าได้อย่างไร! นั่นไม่ใช่นิสัยของข้าเสี่ยวจิน!!”
เสี่ยวจินกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไป”
สำหรับเสี่ยวเฮยนั้นเพียงลั่นวาจาออกมา 1 คำ ก่อนที่จะเหินร่างตามซูหลี่ไปทันที
สภาพของซูหลี่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถลงมือจบชีวิตได้ง่ายดายนัก!
3 เด็กน้อยต่างเห็นพ้องต้องกัน
ลอบตามซูหลี่และคอยปกป้อง!
จนเมื่ออาการบาดเจ็บของซูหลี่ฟื้นฟูจนมีพลังทัดเทียมกับพวกมัน พวกมันทั้ง 3 ก็จะแยกตัวออกจากซูหลี่…
เพราะหากตอนนั้นถ้ายังฝืนติดตามซูหลี่ต่อไป ไม่พ้นตกตายด้วยน้ำมือซูหลี่จริงๆแน่!