War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2278
ตอนที่ 2,278 : อารมณ์ปั่นป่วน!
หลังได้ยินคำประกาศแต่งตั้งต้วนหลิงเทียนให้เป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่ ทั้งวังเซียนสัญจรก็เดือดพล่านนัก แต่ละคนคึกคักปานถูกฉีดเลือดไก่!
ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโดยตรงอย่างต้วนหลิงเทียนที่ยืนถือป้ายตำแหน่งอยู่ในเขตคฤหาสน์ของ หลู่เวย อาวุโสวังเซียนวังเซียนสัญจรที่ถูกเขาฆ่าตายไปนั้น ก็ได้แต่หันมองไปยังอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่อยู่ไม่ไกล ด้วยสายตาหลากอารมณ์
อวี่เหวินฮ่าวเฉินคนนี้ เมื่อครู่ยังคล้ายคิดจะลงมือสังหารเขาอยู่เลย
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเปลี่ยนไปราวคนละคน ไม่เพียงแต่จะมอบป้ายประจำตัวบอกฐานะรองจ้าววังให้เขา แต่ยังประกาศแต่งตั้งเขาให้เป็นรองจ้าววังเซียนสัญจร จนดังก้องไปทั้งวังเซียนสัญจร
การเปลี่ยนแปลงของเรื่องราวก่อนหน้ากับภายหลัง มันช่างแตกต่างกันราวคนละโลก ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่หายอยู่นานสองนาน
จากนั้นอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็หันมองมาที่ต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “รองจ้าววังต้วน ตอนนี้เจ้าถือว่าเป็นคนของวังเซียนสัญจรเราแล้ว…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถปฏิบัติตามกฏระเบียบของวังเซียนสัญจรอย่างเคร่งครัด อย่าได้ทำตามอำเภอใจให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อผู้อื่นอีก…”
วาจาท้ายประโยคของอวี่เหวินฮ่าวเฉินนั้นแฝงความนัยไว้ประการหนึ่ง
ตราบใดที่ยังเป็นคนที่มีความคิดอยู่บ้าง ย่อมเข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายจะสื่อได้เป็นอย่างดี
เจ้า ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เป็นถึงรองจ้าววังเซียนสัญจรแล้ว และยังเป็นคนที่มีฐานะเป็นที่นับหน้าถือตา หวังว่าต่อไปเจ้าที่อยู่ในวังเซียนสัญจร จะไม่บุกไปเข่นฆ่าผู้อื่นเขาแบบนี้อย่างอุกอาจอีกให้เป็นเยี่ยงอย่าง!
“เรื่องนี้ขอจ้าววังอย่าได้กังวล…”
ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจความนัยของอีกฝ่ายดี แต่เขาไม่ได้ติดใจและยึดถือเป็นจริงจังสักเท่าไหร่ นั่นเพราะเขาได้กำจัดศัตรูที่จะเป็นภัยต่อเขาในวังเซียนสัญจรไปหมดแล้ว
ต่อไปในภายภาคหน้ายังจะนับประสาอะไรกับคนในวังที่ไม่น่าจะกล้ามาหาเรื่องเขาก่อน
ต่อให้มีคนหาญกล้าคิดทำอะไรเขาจริง ต่อให้เขาจะลงมือฆ่ามันทิ้งก็ไม่ถือว่าผิดกฏของวังเซียนสัญจร!
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน อวี่เหวินฮ่าวเฉินก็พยักหน้ารับ
หลังจากนั้นอวี่เหวินฮ่าวเฉินก็หันมองไปยังหวงเหวินจิ้งที่ยังอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ไกล “เหวินจิ้งอาจารย์มีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ…เจ้าเป็นธุระแทนอาจารย์ ช่วยต้อนรับรองจ้าววังต้วนกับภรรยาและลูกสาวให้ดี”
กล่าวจบคำ อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก็จากไปดั่งสายลมหอบหนึ่ง
‘เวรแล้วไง!’
สีหน้าหวงฉี่หลิงเปลี่ยนไปทันทีหลังได้ยินคำทิ้งท้ายของจ้าววังเซียนสัญจร
และแทบจะพร้อมกันกับที่หวงฉี่หลิงหน้าเปลี่ยนสี ใบหน้าเย็นชาของหวงเหวินจิ้งเองก็แปรเปลี่ยนไปมหันต์
ภรรยาและลูกสาว?
มัน…มันมีภรรยากับลูกสาวแล้ว?
ถึงแม้หวงเหวินจิ้งจะเร่งตามอาจารย์ของนางมาที่นี่ แต่นางไม่รู้มาก่อนว่าต้ววนหลิงเทียนจะอยู่ที่นี่ด้วย นับประสาอะไรกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีภรรยาและลูกสาวแล้ว
“เจ้า…”
หวงเหวินจิ้งค่อยๆหันกลับมา ร่างบางของนางสะท้านไปอย่างเห็นได้ชัด สองตาคู่งามมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความไม่เชื่อ “เจ้ามี…ภรรยากับลูกสาวแล้ว…จริงๆหรือ?”
ตอนนี้เสียงของหวงเหวินจิ้งไม่เพียงไม่ปะติดปะต่อ ความเย็นชาแต่เดิมบนใบหน้าของนางกลับถูกความวิตกกังวลอย่างหนักเข้ามาแทนที่
หวงเหวินจิ้งยามนี้เทียบกับลักษณะเย็นชาไม่แยแสแต่เดิมแล้ว ตอนนี้คล้ายกำลังสตรีที่กำลังจะสิ้นหวังนางหนึ่ง
“เป็นเรื่องจริง”
เมื่อเผชิญกับคำถามไถ่ของหวงเหวินจิ้ง ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ยังกล่าวคำราวกับราดรดน้ำมันลงกองเพลิง “ข้ามีภรรยา 2 คน มีลูกชายหนึ่งคนกับลูกสาวหนึ่งคน…ลูกสาวของข้ากับภรรยาคนหนึ่งก็ติดตามข้ามาอยู่ที่วังเซียนสัญจรด้วย..”
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนที่ไม่ประสีประสาและไม่รู้ความ ย่อมไม่คิดดึงดันหน่วงรั้งเรื่องราวให้ยืดเยื้อ เขาไหนเลยจะดูไม่ออกว่าหวงเหวินจิ้งมีใจให้เขา เช่นนั้นจึงเลือกจะเด็ดขาดเพื่อให้นางตัดใจได้ตั้งแต่เนิ่นๆ!
ถึงแม้เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกับหวงเหวินจิ้งแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่เขาย่อมรู้ดีว่านางเป็นสตรีที่หยิ่งทะนงนางหนึ่ง
โดยปกติแล้วสตรีในลักษณะนี้ย่อมไม่คิดแบ่งปันบุรุษกับสตรีอื่นแน่นอน!
หลังได้ยินคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน ใจของหวงเหวินจิ้งก็สะท้านไปอย่างแรง ใบหน้างดงามแสนเย็นชาของนางไม่ทราบกลับกลายเป็นซีดเซียวทดท้อตั้งแต่เมื่อใด
“เจ้า…เจ้าไฉนไม่กล่าวเรื่องนี้แต่แรก!”
ครู่ต่อมา หวงเหวินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าท่าทีราวกับจะเค้นถามคาดโทษ
ได้ยินน้ำเสียงที่แทบจะเป็นคำสั่งให้ตอบของหวงเหวินจิ้ง ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถือสาอะไรนาง “ปีก่อนเจ้าไม่เคยถามข้าถึงเรื่องนี้ แล้วอยู่ดีๆข้าจะไปบอกเรื่องนี้กับเจ้าทำไม…”
ต้วนหลิงเทียนนั้นแม้จะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้วก่อนพูดไป แต่พอเห็นหวงเหวินจิ้งเผยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ตอนนี้ต่อให้เขาโง่งมแค่ไหน เขาก็รู้ได้ชัดเจนว่าได้เผลอทำร้ายสตรีนางนี้ไปอย่างไม่รู้ตัว…
“นั่นสินะ…เป็นข้าไม่เคยถามเจ้าเอง ไหนเลยเจ้าต้องบอกเรื่องนี้กับข้า…”
วาจาของต้วนหลิงเทียนเสมือนดาบแหลมคมเล่มหนึ่ง มันเจาะทะลวงเข้ากลางใจหวงเหวินจิ้งอย่างแรง พาลให้ร่างบางสะท้านไปอีกครั้ง ความเศร้าเริ่มปรากฏให้เห็นบนหน้างาม
จากนั้นร่างหวงเหวินจิ้งก็ไหววูบก่อนจะเหินร่างขึ้นฟ้าทิ้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้เบื้องล่าง
“หวงฉี่หลิงเรื่อง ข้าฝากเรื่องมันให้เจ้าจัดการ”
ก่อนที่หวงเหวินจิ้งจะจากไป นางก็ส่งเสียงผ่านพลังไปสั่งหวงฉี่หลิง น้ำเสียงของนางหวนกลับมาเย็นชาอีกครั้ง
ได้ยินคำสั่งดังกล่าว หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มแห้งๆออกมา
ด้านหวงเหวินจิ้งหลังเหินร่างไปไกลจนลับตาต้วนหลิงเทียนกับหวงฉี่หลิงแล้ว หยาดน้ำตาสองสายก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งรินลงมารดแก้มงามเป็นทาง…
ปีที่แล้ว นางได้ถูกบุรุษผู้นั้นฉกชิงหัวใจไป…
ตลอดปีที่ผ่านนอกจากจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลังแล้ว ในใจของนางก็ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงขึ้นมาปั่นป่วนใจให้วุ่นวายอยู่ร่ำไป อีกฝ่ายประหนึ่งฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนให้นางอับจน
บางครั้งเรื่องเล็กๆน้อยๆระหว่างหญิงชายก็กกลายเป็นภาพฝันแสนวิเศษนัก…
ตลอดทั้งปีหวงเหวินจิ้งที่ปักใจในต้วนหลิงเทียน อีกฝ่ายได้หยั่งรากลึกในใจของนางอย่างยากจะถอน อนิจจาพอได้รับทราบว่าอีกฝ่ายกลับมีภรรยาและลูกสาวอยู่แล้ว วิมานฝันที่วาดหวังเอาไว้ก็ได้พังทลายลง ใบหน้ายังไม่อาจคงไว้ซึ่งความเย็นชาได้อีกต่อไป
ตอนนี้หวงเหวินจิ้งดั่งสตรีที่ใจสลายคนหนึ่ง แผ่นฟ้าโลกหล้ากลับอ้างว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมา
ภาพฝันสวยหรูที่นางเคยวาดเอาไว้…
ความสุขความยินดีตอนที่ได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงวังเซียนสัญจรแล้วก่อนหน้า…
ตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนเรื่องตลกชวนหัวที่สุดในโลกหล้า!
หวงเหวินจิ้งเหินร่างจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำลา ย่อมทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเหยเกอยู่บ้าง
“น้องหลิงเทียน น้องเหวินจิ้งฝากฝังเจ้าไว้กับข้าก่อนที่นางจะจากไป…เดี๋ยวข้าจะเป็นธุระจัดการเรื่องหยุมหยิมทั้งหลายให้เจ้าเอง”
ไม่นานหวงฉี่หลิงก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนพลางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“รบกวนท่านแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “เช่นนั้นตอนนี้พวกเรากลับไปรับคนก่อนเถอะ…”
ในขณะที่เดินทางกลับ หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “น้องหลิงเทียน เจ้าก็อย่าได้ถือสาทีท่าของน้องเหวินจิ้งเลย…นางเป็นดั่งเจ้าหญิงของวังเซียนสัญจรของพวกเราก็ว่าได้ แต่เล็กจนโตนางมีอำนาจเหนือผู้อื่นมาตลอด จึงทำให้นางอดหยิ่งยะโสถือดีไม่ได้”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตัวนางมีแต่บุรุษที่คอยมาเฝ้าล้อมเวียนวนพยายามเอาอกเอาใจนางไม่ว่างเว้น หากแต่นางก็ไม่เคยเห็นบุรุษใดอยู่ในสายตา…จนกระทั่งนางได้พบกับเจ้า…”
“อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะคิดไว้แต่แรกแล้วว่านางสมควรมีใจให้เจ้า…แต่ไม่คิดเลยว่านางจะหลงรักปักใจเจ้าถึงขั้นนี้ เป็นรักลึกล้ำแต่วาสนากลับเจือจางโดยแท้…”
กล่าวจบหวงฉี่หลิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกเฮือก…
จากทีท่าของหวงเหวินจิ้ง หวงฉี่หลิงที่เห็นนางมาแต่เด็กไหนเลยจะมองไม่เห็นรักลึกซึ้งของนาง
ไม่นานหวงฉี่หลิงก็พาต้วนหลิงเทียนกับพวกไปเข้าที่พักประจำตำแหน่ง และจัดการเรื่องราวต่างๆให้อย่างเรียบร้อย
และเรื่องที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นในวังเซียนสัญจรวันนี้ ไม่เพียงแพร่กระจายไปทั่ววังเซียนสัญจรดั่งมหาพายุ ยังแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหรินโม่เชิ่งดั่งมรสุมในเวลาอันสั้น
วังเซียนสัญจรนั้น เป็น 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนัก อันเป็นขุมพลังระดับแนวหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์ แน่นอนว่าเรื่องราวใดๆย่อมเป็นที่สนใจของสมาชิกเผ่าปีศาจมนุษย์นัก
ด้วยวันนี้ในวังเซียนสัญจรกลับเกิดเรื่องราวขึ้นมามากมายทั้งใหญ่โตเพียงนี้ ย่อมทำให้คนเผ่าปีศาจมนุษย์ส่วนใหญ่ตื่นตกใจกันไม่น้อย
ณ วังอัคคีสีชาด
“พวกเจ้าได้ยินเรื่องนี้แล้วหรือยัง…วันนี้มียอดฝีมือคนหนึ่งบุกไปฆ่าผู้อาวุโสของวังเซียนสัญจรอย่างอุกอาจถึง 2 คน…ที่สำคัญหนึ่งในผู้อาวุโสที่ตกตายของวังเซียนสัญจรก็คือ หลินหย่วน!”
“อะไรนะ? หลินหย่วน? นั่นไม่ใช่อาวุโสของวังเซียนสัญจรที่ระดับพลังบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนหรือไร ยอดฝีมืออะไรนั่นฆ่ามันได้ด้วย…เจ้ายอดฝีมือนั่นเป็นใครกัน?”
“เป็นยอดฝีมือหนุ่มคนหนึ่ง…เห็นว่าเมื่อปีที่แล้ว ก็เป็นเจ้านี่ที่ฆ่าหลานของหลินหย่วน หลินฉีกัง หน้ามรดกสถาน”
“ว่าอะไร? เจ้าบอกว่าคนที่ฆ่าหลินฉีกังนั่นมีพลังฝีมือสูงถึงขั้นฆ่าหลินหย่วนได้งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่มีพลังสูงถึงขั้นฆ่าหลินหย่วนได้เท่านั้น…เจ้านั่นมันกระทั่งอาศัยเพียง 2 กระบวนท่าฆ่าหลินหย่วน!”
“2 กระบวนท่า? เจ้าล้อข้าเล่นเหรอ?”
…
ข่าวดังกล่าวย่อมแพร่มาถึงวังวิญญาณอสุราด้วยเช่นกัน และสร้างความแตกตื่นให้พวกมันไม่น้อย
ณ โถงหลักของวังวิญญาณอสุรา
“แล้วยอดฝีมือหนุ่มนั่นเป็นอย่างไรต่อ ใช่จ้าววังเซียนสัญจรออกโรงฆ่ามันทิ้งด้วยตัวเองหรือไม่?”
“นั่นสิ มันสมควรตายไปแล้วใช่หรือไม่…ในเมื่อมันกล้าก่อเรื่องอุกอาจถึงหน้าวังเซียนสัญจรเช่นนี้ จ้างวังอวี่เหวินไหนเลยจะทนให้มันหยามหน้าได้”
“จ้าววังอวี่เหวินนั่น สำนึกรู้ฟ้าดินของมันสูงล้ำยิ่ง เจียนชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาเต็มที ในเผ่าปีศาจมนุษย์เราคนที่รับมือมันได้นอกจากปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะก็มีแค่ไม่กี่ตนเท่านั้น…หากมันลงมือ ไอ้หนุ่มนั่นตายแน่!”
“ฮ่าๆๆ…ข้าเกรงว่าพวกเจ้าคงต้องผิดหวังแล้ว เจ้าหนุ่มนั่นยังไม่ตาย”
“อะไร?”
…
1 ใน 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจมนุษย์อย่างตำหนักขจีจรัสเองก็ตื่นตระหนกกันยกใหญ่
ในพื้นที่แห่งหนึ่งของตำหนักขจีจรัส
“เจ้าหนุ่มนั่นกลับไม่ตายหรือ ได้อย่างไร? หรือมันหนีไปก่อนที่จ้าววังอวี่เหวินจะลงมือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…เหตุผลที่มันไม่ตายเห็นว่ากันว่า เพราะมันคิดเข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรแต่แรก ไม่ได้คิดบุกไปฆ่าคนอย่างอุกอาจอะไรทั้งสิ้น! อีกทั้งมันยังเป็นผู้ฝึกมารไร้สังกัดของเผ่าปีศาจมนุษย์ที่มีสายเลือดมนุษย์บริสุทธิ์!!”
“อันใด!? มัน…มันเป็นผู้ฝึกมารไร้สังกัดของเผ่าปีศาจมนุษย์เรา?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่เผ่าปีศาจมนุษย์เรากลับมีผู้ฝึกมารไร้สังกัดที่มีพลังฝีมือร้ายกาจถึงเพียงนี้! อาศัย 2 กระบวนท่าฆ่าอาวุโสวังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนอย่างหลินหย่วนหรือ…เช่นนั้นมันสมควรเป็นเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!!”
“หมายความว่า…ตอนนี้มันได้เข้าร่วมกับวังเซียนสัญจรแล้วใช่หรือไม่?”
…
นอกจากวังอัคคีสีชาด วังวิญญาณอสุรา และตำหนักขจีจรัส 1 ใน 6 ตำหนักแล้ว อีก 5 ตำหนักที่เหลือของเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ทยอยกันได้รับทราบข่าวอันน่าตื่นตระหนกนี้กันหมด
“ชายหนุ่มผู้นั้นเรียกว่าต้วนหลิงเทียน และตอนนี้มันได้รับการประกาศแต่งตั้งจากจ้าววังเซียนสัญจรให้เป็นรองจ้าววังของวังเซียนสัญจรด้วยตัวเอง”
“หมายความว่า…นับตั้งแต่วันนี้ วังเซียนสัญจรมีเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วสิ…”
…
บรรดาผู้ที่ดีใจหลังได้ยินเรื่องที่หลินหย่วนอาวุโสเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนของวังเซียนสัญจรถูกฆ่า ถึงกับหน้าม้านไปทันใด
เพราะเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่า…
ความแข็งแกร่งของวังเซียนสัญจรกลับเพิ่มขึ้นไม่ใช่ลดลงหรือไร?