War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2333
ตอนที่ 2,333 : เตรียมตัวเดินทาง!
ครืนนน!!
แขนที่คล้ายมีพลังสะเทือนความว่างทั้งของต้วนหลิงเทียนเมื่อยืดออกไป ก็บังเกิดเสียงประหนึ่งมังกรคำราม ปรากฏมวลพลังน่ากลัวสองขุม พุ่งออกจากฝ่ามือทั้ง 2 ไปยังทิศทางเบื้องหน้า!
ทันใดนั้นเอง!
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
มวลพลังมหาศาลดังกล่าว ยามพุ่งกวาดออกจากฝ่ามือทั้งสองยังมีอานุภาพสะเทือนสะท้านความว่างเปล่า อุบัติเป็นเสียงแตกระเบิดของอากาศดังสนั่นลั่นขึ้นไม่หยุด!
อากาศธาตุเบื้องหน้ายามนี้ ราวกับจะถูกระเบิดทลาย!
ครืน!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนที่ยืดแขนออกกไป 2 ข้าง ก็ทำท่าราวกับจะประกบฝ่ามือเข้าหากัน!
เขาทำราวกับกำลังจะบีบอัดความว่างเปล่าเบื้องหน้า!
ทันใดนั้น
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
วินาทีเดียวกับที่ฝ่ามือต้วนหลิงเทียนเจียนตั้งท่าจะประกบกัน ความว่างเปล่าก็เริ่มสะเทือนอย่างรุนแรงบังเกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่น!
หมอกควันรูปเห็ดเบ่งบานขึ้น…
และทันทีที่หมอกควันรูปเห็ดนี้เบ่งบานขึ้นมา คลื่นพลังกระแทกอันน่าพรั่นพรึงก็กำจายออกไปทั่วสารทิศ ราวกับจะกวาดทำลายทุกสรรพสิ่งโดยรอบอย่างดุร้าย!!
เผชิญหน้ากับคลื่นกระแทกอันทรงพลังน่าพรั่นพรึง ยอดฝีมือทั้งหลายโดยรอบถึงกับหน้าเปลี่ยนสี เร่งรุดปะทุพลังสร้างม่านพลังกำบังกันจ้าละหวั่น! ด้วยไม่ทราบว่าเกิดอาเพศอะไรขึ้น!!
นั่นเพราะพวกมันมัวแต่เหม่อมองคนของวังวิญญาณอสุราที่กำลังจะแยกย้ายกันหลบหนี!
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนสังเกตเห็นว่า ยามต้วนหลิงเทียนตั้งท่าราวกับจะประกบฝ่ามือเข้าหากันนั้น…
ความว่างเปล่าทั้ง 2 ด้านของเหล่ากลุ่มคนวังวิญญาณอสุราที่หลบหนีออกไป อยู่ๆก็ปรากฏหัตถ์พลังอันเขื่องขึ้นมาจากตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ!!
และเมื่อหัตถ์พลังอันเขื่องนี้อุบัติขึ้น สภาวะของพวกมันก็ประหนึ่งขุนเขาตระหง่าน 2 ขุนเขา ที่พร้อมจะโถมถันเข้าหากันเพื่อบดขยี้สรรพสิ่งตรงกล้างให้แหลกพินาศ!
กระบวนการดังกล่าวมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น!!
เหล่าคนของวังวิญญาณอสุราที่พึ่งจะพุ่งร่างหลบหนียังไม่ทันได้แยกย้ายกันไปไหนได้ไกล ไม่มีใครสามารถตอบสนองต่อกการอุบัติขึ้นมาของหัตถ์พลังดังกล่าวได้เลย แม้กระทั่งชิงหยวนป้าที่แข็งแกร่งที่สุดก็ตามที!!
จนเมื่อวินาทีที่เห็นหัตถ์พลังมหึมาปรากฏขนาบ พวกมันก็ได้แต่หวาดผวาตกใจกลัว!
“ไม่!!”
ชิงหยวนป้าเป็นคนแรกที่ตอบสนองเรื่องราว ลูกตาของมันหดเล็ก ใบหน้าเผยความสิ้นหวังถึงขีดสุด ร่ำร้องออกมาเสียงหลงอย่างเศร้าโศก ประหนึ่งจุดจบของมันมาถึงแล้ว!
ถึงแม้ว่าคนอื่นๆของวังวิญญาณอสุราจะไม่มีแม้แต่เวลาร่ำร้องเสียงหลง แต่ผู้ชมของ 2 วัง 6 ตำหนักอื่นๆ ก็สามาถรแลเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปของพวกมันชัดเจนหลังเห็นหัตถ์พลังมหึมาปานจะคลุมฟ้าทั้ง 2 ด้าน!
แต่ละคนล้วนฉายชัดถึงความสิ้นหวัง ประหนึ่งรู้ตัวว่าวาระสุดท้ายใกล้มาถึงแล้ว!
ห้วงเวลาเสมือนหยุดเดินลงชั่วขณะ!
ครืนนน!!
ขณะเดียวกันกับที่ฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนประกบเข้าหากัน หัตถ์พลังที่เป็นดั่งหัตถาของทวยเทพมหึมา ก็ประกบเข้าหากันตาม!!
จังหวะนี้ไม่ว่าจะเป็นชิงหยวนป้ารองจ้าววังวิญญาณอสุราหรือรองจ้าววังและอาวุโสคนอื่นๆ ต่างถูกหัตถ์พลังมหึมากวาดร่างพวกมันให้เข้าสู่ศูนย์กลางอย่างพร้อมเพรียง!
วินาทีสุดท้ายก่อนที่หัตถ์พลังมหึมาจะบดขยี้ประกบสนิท ทีท่าอาการของชิงหยวนป้าและรองจ้าววังคนอื่นแลดูไปประหนึ่งมดตัวกระจ้อยร่อยพยายามดิ้นร้นให้พ้นฝ่ามือมนุษย์อย่างสุดชีวิต!
แทบจะพร้อมกันกับที่ฝ่ามือประกบลง!
เปรี๊ยงงงง!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นหล้าพลันอุบัติขึ้น! ณ จุดปะทะอุบัติเป็นเมฆเห็ดมหึมาเบ่งบานขึ้นกลางอากาศ!!
“นั่นมัน…”
ในขณะที่เมฆเห็ดเบ่งบาน คนของ 2 วัง 6 ตำหนักที่ชมดูเรื่องราวย่อมแลเห็นชัดเจนดี
ว่าในเมฆเห็ดที่เบ่งบานออกเดิมที่สมควรมีเพียงสีเทานั้น บัดนี้กลับเจือไปด้วยสีแดงฉาน แลดูสดใสละลานตานัก เป็นความงามอันวิปลาศประการหนึ่ง!
อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดมีกะใจชื่นชมศิลปะที่ก่อเกิดท่ามกลางการสังหารดังกล่าวแม้แต่คนเดียว
หลายคนอดไม่ได้ที่ร่างจะกระตุกสั่น
ชนชั้นอาวุโสทั้งหมดของวังวิญญาณอสุราตกตายพินาศสิ้น…ฝ่ามือพลังน่ากลัวนั่น อุบัติขึ้นอย่างที่ไม่มีเวลาให้ใครทันได้ตั้งตัว! แต่ต้นจนตบประกบ…ทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งลมหายใจด้วยซ้ำ!!
กระทั่งอาวุโสที่ไม่ทันได้หลบหนีอะไร ก็ถูกฝ่ามือพลังน่ากลัวนั่นบดขยี้จนเป็นหมอกเลือดให้ตกตายอย่างโง่งม!
ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดดังยิ่งกว่าพลุแตกครั้งใดสนั่นสะเทือนไปทั่วอาณาบริเวณด้วยอานุภาพราวกับจะสะท้านได้ทั้งแดนดิน ยากจะบอกได้ว่านี่มันเป็นเสียงระเบิดของอากาศหรือเสียงคลื่นกระแทกสะท้านออกกันแน่!!
ในขณะเดียวกัน
เมื่อคลื่นพลังกระแทกมหาประลัยที่เกิดจากการประกบกันของหัตถ์พลังต้วนหลิงเทียนอุบัติขึ้น คลื่นพลังดังกล่าวก็เสมือนพลังทำลายล้างของทวยเทพที่กวาดออกมาหมายล้างเก้าสวรรค์!
ทันใดนั้น
“อ๊าาา!!”
“หนีเร็ว!!”
…
ในบรรดาคนของ 2 วัง 6 ตำหนักที่อยู่ ณ ที่นี้ เหล่าผู้ที่อ่อนแอที่สุดย่อมไม่พ้นศิษย์วังเซียนสัญจร!
แม้พวกมันจะชมดูเรื่องราวอยู่ห่างๆด้วยความหวาดกลัวแต่แรก แต่ก็ไม่วายเดือดร้อนกับคลื่นกกระแทกมหาประลัยนั่น บ้างก็บาดเจ็บ บ้างก็หนีตายกันจ้าละหวั่น
สำหรับชนชั้นอาวุโสทั้งหลายอื่นๆ สามารถเร่งเร้าพลังต้านทานเอาไว้ได้ ไม่มีใครบาดเจ็บอะไร
หลังจากนั้นคลื่นพลังระเบิดก็เริ่มสลายหายไป
เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนไกลๆ ณ จุดที่เคยมีเหล่าผู้คนของวังเซียนสัญจรอาศัยอยู่ บัดนี้ปรากฏรอยแตกมากมาย มองคล้ายห่าอสรพิษสีดำล่องลอยค้างฟ้า มองไปไม่ต่างกระดาษที่ถูกมีดคมหั่นกรีดเป็นวิ่นๆ
เป็นรอยแยกมิติที่ปริแตกออกมาหลังต้วนหลิงเทียนลงมือปะทุพลังสังหารเหล่าคนวังวิญญาณอสุราอย่างขอไปที…
เพียงประกบฝ่ามือ ก็บดขยี้ยอดฝีมือของวังวิญญาณอสุราจนย่อยยับ!
และนี่เป็นดั่งสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนจงใจแสดงให้คนของ 2 วัง 6 ตำหนักที่เหลือเห็นชัด…เชือดไก่ให้ลิงดู!
ถึงแม้เขาจะได้สังหารเลี่ยวหนันเจียงเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ รวมถึงจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงให้ทุกคนเห็นไปแล้ว แต่สุดท้ายทั้งหมดล้วนเป็นการเข่นฆ่าอย่างรวบรัดหมดจด อยู่ๆคนก็ตายไร้ภาพตระการตาใดๆ
เช่นนั้นเขาจึงลงทุนสังหารผู้คนด้วยการลงมือแบบป่าเถื่อนเล็กน้อย ไม่คิดเข่นฆ่าอย่างรวบรัดให้แลดูง่ายดายเหมือนเคย
อาศัยวังวิญญาณอสุราที่มีฐานะสูงในใจพวกมันไม่น้อยนั่น เลือกละเลงเลือดชนชั้นยอดฝีมือทั้งหมดให้พวกมันแลเห็นกันชัดๆ ว่าหนึ่งชีวิตของพวกมันสูญสิ้นง่ายดายเพียงใด!!
เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าวังวิญญาณอสุรานั้นไม่มีอะไรมาก เพราะฉีหนานฟงจ้าววังของพวกมัน!
กล่าวได้ว่าทั้งหมดเพราะฉีหนานฟงหาเรื่องเขาก่อนจึงทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้าวังวิญญาณอสุรา!
ยังดีที่คนของวังวิญญาณอสุราที่ตายตกไม่อาจรับรู้ความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียน หาไม่แล้วพวกมันคงได้ร่ำร้องโวยวายด้วยต้องตายอย่างไร้ความเป็นธรรมสิ้นดี!
‘ผลลัพธ์…ท่าทางจะออกมาดีไม่น้อย’
ต้วนหลิงเทียนที่ปรายตามองไปรอบๆด้วยสายตาสงบย่อมแลเห็นได้ชัดเจน
ว่ายามที่ผู้คนของ 2 วัง 6 ตำหนักมองเขาอีกครั้ง ในแววตาของพวกมันฉายชัดถึงความประหวั่นพรั่นกลัว
มองราวกับเขาเป็นราชาปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
และนี่ก็คือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนต้องการ
เขาจะทำให้ 2 วัง 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจมนุษย์ ตราตรึงฉากนี้ประทับลงจิตใจไม่มีวันลืมเลือน
ว่ายอดฝีมือมนุษย์ที่มีพลังอำนาจประหนึ่งทวยเทพ เข่นฆ่าจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงอย่างไร ดับชีวิตเลี่ยวหนันเจียงอย่างไร กระทั่งไล่ต้อนหยางเจิ้นซิงอย่างไร…
ถึงขั้นใช้ยันต์หลบหนีอัคคีผลาญโลหิตหนีไปหางจุกตูด!
แค่นั้นยังไม่พอ
ครู่ต่อมายอดฝีมือมนุษย์เช่นเขา อาศัยเพียงขยับมือเล็กน้อย ก็สังหารหมู่ชนชั้นยอดฝีมือของวังวิญญาณอสุราที่เหลือ ให้ทั้งหมดอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น!
ระดับสูงของวังวิญญาณอสุราเหล่านั้น ที่พลังอ่อนด้อยที่สุดก็เป็นถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ที่เข้มแข็งที่สุดก็ได้รับการขนานนามว่าอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…
ทว่ากลุ่มคนเช่นนั้น ก็ถูกยอดฝีมือมนุษย์เช่นเขากำจัดได้ง่ายดาย!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ตอนนี้ ชื่อ ยอดฝีมือของมนุษย์ที่มีพลังอำนาจประหนึ่งทวยเทพในสายตาของพวกมัน ได้สะท้อนก้องไปมาอยู่ในใจของเหล่า 2 วัง 6 ตำหนักที่เหลือ…
ไม่ว่าใครยามมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัว
“อวี่เหวินฮ่าวเฉิน”
ต้วนหลิงเทียนหันมองไปยังอวี่เหวินฮ่าวเฉิน ก่อนที่จะหันมองไปยังชนชั้นผู้นำทั้ง 7 ของ 1 วัง 6 ตำหนักรวมถึงจ้าววังอัคคีสีชาดและจ้าวตำหนักขจีจรัส “พวกเจ้าทั้ง 8…”
“ตั้งแต่วันนี้ไป ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีควบคุมคนของพวกเจ้ายังไง จะเอาครอบครัวมาบีบคั้นหรือจะเลือกใช้วิธีสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าก็ทำไป…แต่ข้าไม่อยากเห็นว่ามีใครอยู่เหนือการควบคุมของพวกเจ้า!”
วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงยังแข็งกร้าวขึ้นมาไม่น้อย
“ทราบแล้วนายท่าน”
“ข้าเข้าใจนายท่าน!”
…
สิ้นคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน อวี่เหวินฮ่าวเฉินและคนอื่นๆก็ได้แต่ตอบรับด้วยน้ำเสียงเคารพ
ด้วยมีคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจะจงรักภักดีต้วนหลิงเทียน ทำให้พวกมันไม่กล้าขัดคำสั่งของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย คำของต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งชะตาลิขิตที่พวกมันไม่อาจฝืน
“นอกจากนั้นข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้ง 8 จะควบคุมสมาชิกเผ่าปีศาจมนุษย์ให้ได้ทั้งหมดโดยเร็ว…อย่างน้อยๆพวกเจ้าต้องคุมตัวชนชั้นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปให้ได้อย่าให้หลุดรอด และเหมือนเดิม…ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีการอะไร ข้าสนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น!”
ต้วนหลิงเทียนยังคงออกคำสั่งต่อเนื่อง
ได้ยินดังกล่าว อวี่เหวินฮ่าววเฉินและคนอื่นๆก็เร่งรุดรับคำ
“หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว ให้พวกเจ้าส่งคนที่ไว้ใจได้ไปหาเบาะแสของตำหนักเมฆาครามให้เร็วที่สุด…เมื่อได้รับทราบเบาะแสอะไรให้รีบแจ้งให้ข้ารู้ทันที หลังจากนี้ข้าจะมอบป้ายหยกที่จารึกอาคมหนึ่งไว้กับพวกเจ้า ทันทีที่พวกเจ้าบดขยี้มันข้าจะรู้ได้ทันที และรีบกลับมายังเมืองเหรินโม่เชิ่ง!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“น่ายท่าน…คิดจากไปแล้วหรือ?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน อวี่เหวินฮ่าวเฉินและคนอื่นๆย่อมตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนคิดที่จะจากไปแล้ว
“ข้ายังไม่ไปได้รึไง? หรือเจ้าจะให้ข้าอยู่รอจนบรรพบุรุษอะไรนั่นที่หยางเจิ้นซิงมันวิ่งโร่ไปตามย้อนกลับมา?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเย็น “แน่นอนว่าที่ข้าต้องไปยังเพราะข้ามีธุระที่ต้องไปจัดการในภูมิภาคเบื้องบน…”
“อีกทั้งยามข้าอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนพวกยันต์หรือป้ายหยกสื่อสารย่อมไม่อาจใช้ได้ ทว่าป้ายหยกที่ข้าจะมอบให้พวกเจ้านั้นยังสามารถใช้ได้ เมื่อพวกเจ้าได้เบาะแสที่แน่ชัดตำหนักเมฆาครามเมื่อไหร่ให้ทำลายมัน ข้าจะรู้ได้ทันที และข้าจะรีบฉีกมิติย้อนกลับมาภูมิภาคเบื้องล่างให้เร็วที่สุด”
“และเมื่อข้าย้อนกลับมายังภูมิภาคเบื้องล่างได้แล้ว ข้าจะใช้หยกสื่อสารติดต่อมาเอง”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็หยิบแผ่นหยกมากมายออกมาแจกจ่ายให้อวี่เหวินฮ่าวเฉินและคนอื่นๆ
และป้ายหยกเหล่านี้ก็เป็นเขาได้จารึกอาคมเอาไว้ตอนที่ง่วนอยู่กับศาสตร์แห่งการจารึกอาคมเมื่อในอดีต
และที่สามารถส่งสัญญาณแจ้งข้ามภูมิภาคได้ คือป้ายหยกที่สลักอาคมคู่แฝดเอาไว้ ต่อให้บดขยี้หนึ่งในป้ายหยกแฝดในภูมิภาคเบื้องล่าง แต่ป้ายหยกแฝดอีกชิ้นจะแตกหักทันทีแม้จะอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนก็ตาม!