War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2414
ตอนที่ 2,414 : เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ เผยกุ่นซาน!
“ไปดูกันเถอะ”
ทันทีที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน สองตาจางยี่กับหลิ่วเสวียก็ทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที
คน 2 กลุ่มกลับมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันแบบนี้อย่างผิดปกติ…เมื่อมีใดผิดปกติที่นั่นย่อมมีปีศาจ!
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่ได้รู้เลย
ว่าไม่ใช่คน 2 กลุ่มเท่านั้นที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางดังกล่าว ทว่ามีอีกคนที่กำลังมุ่งหน้าไปทางนั้นเช่นกัน!
เพียงแค่พลังฝึกปรือของทั้งคู่อ่อนด้อยเกินไป จึงไม่อาจแลเห็นอีกฝ่ายได้เลย
อย่างไรก็ตามต่อให้พวกมันรู้ว่าจะมีเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์กำลังมุ่งหน้าไปทางนั้นเหมือนกัน…พวกมันก็ยังจะไปเพราะความอยากรู้อยากเห็นอยู่ดี!!
พวกมันรู้สึกว่าการที่คน 2 กลุ่มมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกันแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
เพราะทั้งคู่เห็นได้ชัดว่าคนสองกลุ่มนี้ ไม่คล้ายจะรู้จักกันแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้พอได้ยินคำชวนของต้วนหลิงเทียน ทั้งคู่จึงเห็นด้วยทันที
“ไป”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างนำทุกคนมุ่งหน้าไปยังทิศทางดังกล่าวเช่นกัน
แรกๆก็ปกติดี
หากทว่าเมื่อเหินร่างติดตามคนสองกลุ่มไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นจุดดำเล็กๆมากมายจากขอบฟ้าทิศทางต่างๆ
ดูเหมือนคนจากทุกทั่วสารทิศกำลังมุ่งหน้าไปจุดเดียวกัน!
หลังจากแลเห็นจุดดำมากมายจากทุกทั่วสารทิศแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบเห็นจุดดำเล็กๆกลุ่มหนึ่งไกลตา ไม่นานจุดดำเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่ว่าก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
แน่นอนว่าจุดดำเล็กๆกลุ่มที่ว่าเป็นผู้คน ยังเป็นผู้คนจำนวนมากมายนัก! ที่สำคัญผู้คนจากทุกทั่วสารทิศเองก็เหินไปรวมยังจุดนั้น พวกต้วนหลิงเทียนจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยทันที
“คนเยอะจริงอะไรจริง!”
เมื่อเห็นผู้คนมากมายยืนรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลิ่วเสวียรู้สึกเสมือนหนังศีรษะชาด้านอยู่บ้าง อดอุทานออกมาไม่ได้
“หากข้าเดาไม่ผิด…ที่นี่ต้องมีของดีปรากฏขึ้นแน่!”
จางยี่กล่าวออกเสียงขรึม ในแววตายิ่งมายิ่งทอประกายเจิดจ้า
“ไปดูกันเถอะ ว่ามันมีอะไรกันแน่”
เมื่อเห็นผู้คนมากมายแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปยังฉากที่เขาได้รับกระบี่เซียนอมตะมาครอง แต่ตอนนั้นคนยังไม่เยอะเท่านี้ด้วยซ้ำ มีแค่ 2 กลุ่มใหญ่ๆเท่านั้น
‘หรือจะมียอดสมบัติสวรรค์อะไรอยู่ที่นี่ด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ
จนถึงวันนี้ก็นับว่านานพอสมควรแล้วที่เขาได้เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ ควบคู่กับการได้รับข้อมูลจากจางยี่กับหลิ่วเสวีย ต้วนหลิงเทียนจึงได้รู้เรื่องราวของแดนลับต่างสวรรค์มากมาย
ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ นอกเหนือไปจากเบาะแสนำไปสู่มรดกต้าหลัวจินเซียนกับมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนที่จำกัดให้เข้าได้เฉพาะครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว ยังมีสมบัติสถานที่เปิดกว้างมากมาย!
กระทั่งสมบัติสถานบางแห่งยังเผยให้เห็นสมบัติโต้งๆ ไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้ลึกลับแต่อย่างไร เพียงแค่สมบัติสถานประเภทนี้จะมีค่ายกลปกคลุมตัวสมบัติเอาไว้มากหน่อยเท่านั้น
และหากคิดจะนำสมบัติเหล่านั้นไป ก็เพียงแค่ต้องทำลายค่ายกลทั้งข่ายอาคมป้องกันเท่านั้นเอง
เช่นเดียวกับกระบี่เซียนอมตะที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมา มันเพียงตั้งอยู่กลางซากวิหารให้เห็นกันชัดเจน เรียกว่าหากเหินผ่านมาย่อมแลเห็น หากอยากครอบครองก็เพียงฝ่าข่ายอาคมเข้าไปให้ได้เท่านั้น
‘นั่นไง!’
และเมื่อกลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 มาถึงจุดที่ฝูงชนรวมตัวกันอยู่ ด้วยสายตาอันเฉียบคมเขาก็แลเห็นได้ชัดถนัดตา
ปรากฏ ‘กระดิ่ง’ ขนาดเล็ก อันมีเชือกสีแดงผูกไว้กำลังห้อยแขวนอยู่บนยอดเขา ตัวกระดิ่งเปล่งแสงสีเงินเป็นประกายเรืองรองออกมาตลอดเวลา ให้ความรู้สึกล้ำค่าไม่ธรรมดา!
และด้วยข่ายอาคมที่จัดตั้งเอาไว้โดยรอบไม่ได้ปิดกั้นสำนึกเทวะและกลิ่นอายพลังใดๆ ทำให้ทุกคนสามารถตรวจพบความไม่ธรรมดาของกระดิ่งที่ว่าได้โดยง่าย
“กระดิ่งนั่น…เป็นยอดสมบัติสวรรค์ไม่ผิดแน่!!”
“ไม่ผิด! มันเป็นยอดสมบัติสวรรค์จริงๆ กลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าเคยสัมผัสมาก่อน!!”
…
ผู้คนที่พึ่งมาถึง ก็พากันมองไปยังกระดิ่งที่ห้อยแขวนด้วยเชือกสีแดงบนยอดเขาตาเป็นมัน แน่นอนว่าในแววตาทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยประกายแห่งความโลภอยากได้อยากมี!
กระทั่งบางคนยังคึกคักอักโข ราวกับทนรอพุ่งไปคว้ากระดิ่งงามนั่นมาครองไม่ไหวแล้ว!
“ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้ เป็นของข้า!!”
ทันใดนั้นในบรรดาผู้มาใหม่ปรากฏร่างชายวัยกลางคนเปลือยอกผู้หนึ่งพุ่งร่างออกไปอย่างอดใจไม่ไหว สองตาของมันลุกวาวปานเพลิงไฟ “ข้าคืออาวุโสสูงของจวนไต้อ๋องแห่งระนาบฉีอวิ๋น ฉือกั่น!”
ด้วยมันโจนทะยานไปพร้อมไอพลังที่ปะทุออกมาเต็มกำลังหมายประกาศศักดิ์ดา ทุกคนโดยรอบจึงตระหนักถึงพลังฝึกปรือของมันทันที
“เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์?”
ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มุมปากเผยยิ้มเยาะ
แค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ถึงกับกล้าประกาศศักดิ์ดาออกมาในสถานการณ์แบบนี้?
ต้องทราบด้วยว่าก่อนที่จะเริ่มเดินทางมาที่นี่ เขาก็พบเห็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ไปแล้วคนหนึ่ง
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องผู้คนที่เขาพบเห็นระหว่างทางด้วยซ้ำ ในบรรดาผู้คนมากมายที่มารอดูท่าทีกันอยู่ก่อน เขาเชื่อว่าในที่นี้ไม่ขาดตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์แน่นอน! กระทั่งเผลอๆอาจมีแม้แต่เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์หรือสูงกว่านั้น!!
ราวกับจะตอบรับความคิดของต้วนหลิงเทียน
“เฮอะ! อาศัยเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์อ่อนด้อยเช่นเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงมาอวดอ้างบารมีกล่าววาจาเขื่องโขประกาศตัวเป็นเจ้าของยอดสมบัติสวรรค์? เชื่อหรือไม่ว่าหากเจ้ากล้าขยับอีกแม้แต่ก้าวเดียว ท่านปู่ผู้นี้จักเด็ดหัวเจ้าเสีย!!”
เสียงเยียบเย็นแฝงอำมหิตหนึ่งดังขึ้น เป็นชายชราในชุดสีเทากำลังมองจ้องไปยังร่างชายวัยกลางคนเปลือยอกที่อ้างตัวว่าเป็นอาวุโสสูงของจวนไต้อ๋องแห่งระนาบฉีอวิ๋นด้วยสายตาไร้แยแส และกล่าวไม่ทันจบคำดีมันก็ลงมือทันที
ซู่มมม! ซัววว…
เสียงสนั่นลั่นขึ้น! เป็นชายชราในชุดเทาผู้นั้นระเบิดพลังออกมาทั่วร่าง มวลพลังดั่งเพลิงไฟลุกโชนขึ้นมาร้อนแรงปานจะเผาฟ้า แผ่ซ่านกลิ่นอายพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลปานห้วงสมุทรบีบคั้นกดดันไปในบรรยากาศ!
“ซะ…เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!”
สีหน้าของอาวุโสสูงจวนไต้อ๋องนามฉือกั่นซีดลงทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังรวมทั้งได้ยินวาจาข่มขู่ของอีกฝ่าย ยังรู้สึกเสมือนมีไอเย็นสายหนึ่งชำแรกผ่านปลายเท้าจรดศีรษะ! ด้วยเพราะเมื่อครู่เป็นมันกล้าประกาศออกมาอย่างถือดีไม่เห็นหัวผู้ใด!!
ทว่ามันพึ่งประกาศศักดิ์ดาออกไปไม่ทันไร ชายชราชุดเทาก็เผยตัวออกมาพร้อมพลังที่เหนือกว่า ไหนเลยหัวใจมันจะไม่ดิ่งวูบลงเหวได้!
“อะ…อาวุโส ปะ…เป็นผู้น้อยล้อเล่นขำๆเอง ไหนเลยท่านต้องจริงจังด้วย…”
เมื่อเห็นว่าชายชราจ้องมาด้วยสายตาเยียบเย็นไร้แยแสราวกับมันเป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง แถมกลิ่นอายพลังอันน่ากลัวของขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ยังเล็งจี้มาที่มัน ชายวัยกลางคนเปลือยอกก็ไม่เหลือเค้าผู้กล้า กลับกลายเป็นชนชั้นมุสิกขลาดเขลานอบน้อมลงทันตาเห็น…
“เฮอะ!”
เมื่อได้ยินวาจายอมลงของฉือกั่นกับทีท่าราวไร้กระดูกสันหลัง ชายชราชุดเทาก็คร้านจะเหลือบแลฉือกั่นสืบไป
“เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์! ผะ..ผู้เฒ่าคนนั้นกลับเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!!”
“ให้ตายเถอะ ลองมีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์อยู่ที่นี่…เกรงว่าข้าคงสิ้นวาสนากับยอดสมับติสวรรค์ชิ้นนี้แล้วล่ะ”
“เอาเถอะ พวกเราก็คิดมาชมดูเรื่องราวดีๆแต่แรก…ในเมื่อมีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ออกหน้าแบบนี้แล้ว…ไม่ทราบว่ายังมีเซียนอมตะเสเพลคนอื่นอีกหรือไม่?”
“เฮ่อ ข้าล่ะอุตส่าห์รีบแจ้นมาแทบตาย หากรู้แต่แรกว่าที่นี่จะมีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ ข้าไม่ถ่อมาให้เสียเวลาหรอก! ยอดสมบัติสวรรค์ตั้งอยู่ตรงหน้า อนิจจาดูได้แต่ไม่อาจแตะ สุดท้ายยังต้องเห็นมันตกเป็นของผู้อื่นตำตา ช่างจุกในอกนัก!”
…
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งเริ่มกล่าวออกมาทำนองหมดหวัง หลายคนรอบๆก็อดไม่ได้ที่จะทดท้อเหมือนกัน ด้วยรู้ดีว่าคงชวดของดีแน่นอนแล้ว
“เจ้านั่น…เหมือนจะเป็นผู้พิทักษ์ด่านเทียนหยินของระนาบโหมหลัวเรา…เผยกุ่นซาน!”
ไม่นานก็มีคนจดจำชายชราในชุดเทาได้
“เผยกุ่นซาน ผู้พิทักษ์อาวุโสของด่านเทียนหยินที่ว่ากันว่าข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 5 ไปเมื่อ 300 กว่าปีก่อนน่ะหรือ?”
“เป็นมัน!”
…
ในบรรดาผู้ที่มารวมตัวกันที่นี่ย่อมไม่ขาดคนของระนาบโหมหลัว และยังล่วงรู้ตัวตนของชายชราชุดเทาผู้นั้นอีกด้วย
‘ที่แท้เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ผู้นี้ก็มาจากระนาบโหมหลัว!’
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายชราชุดเทา ผู้พิทักษ์อาวุโสของด่านเทียนหยินที่มาจากระนาบโหมหลัวด้วยสองตาเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่าไม่เคยเจอคนของระนาบโหมหลัว
มาตอนนี้ไม่เพียงได้พบเจอคนจากระนาบโหมหลัว กระทั่งยังเจอเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ของระนาบโหมหลัวอีกด้วย…
“เหอะๆ มีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์แบบนี้…ดูเหมือนยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นก็ถูกลิขิตให้อยู่ในกระเป๋ามันแล้วล่ะ พวกเราอย่าได้คิดหวังอะไรเลย…”
หลิ่วเสวียที่ยืนข้างๆต้วนหลิงเทียน อดถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายไม่ได้
ถึงแม้จางยี่จะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าเซื่องซึมกับแววตาจ๋อยๆของมันก็บ่งบอกทุกสิ่ง
ความคิดของมันก็ไม่ต่างอะไรจากหลิ่วเสวีย มันรู้ว่าเมื่อที่นี่มีตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์อยู่ด้วยแบบนี้ กลุ่มของพวกมันก็ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้เรียบร้อย…
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจางยี่หรือหลิ่วเสวียก็ล้วนทึกทันกันไป ว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนพยายามเต็มกำลังอย่างดีก็มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เท่านั้น…
เช่นนั้นพอได้รู้ว่าผู้อื่นเป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ พวกมันก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคู่มือของอีกฝ่าย
“พอๆเลิกๆ…แยกย้ายๆ มีเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์เช่นนี้ไหนเลยจะเหลืออันใดตกถึงท้องพวกเรา!”
“นั่นสิ ยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นถูกกำหนดให้เป็นของเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ผู้นั้นแล้วล่ะ…”
…
กลุ่มคนที่มารวมตัวกันในที่นี้ก็มีเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์อยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ…
พวกมันไม่เต็มใจแล้วจะอย่างไร?
พวกมันยังจะทำอะไรได้อีก? เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะต่อกรด้วยได้ คิดช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ต่อหน้าเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ ยังต่างอะไรกับคิดแย่งเนื้อจากปากเสือ?!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆในที่นี้คิดว่าเผยกุ่นซานกำลังจะทำลายข่ายอาคมและฉกฉวยยอดสมบัติสวรรค์มาครอง เพราะเห็นมันเริ่มเร่งเร้าพลังขึ้นมาแล้วนั้น…
“ท่านปู่!!”
ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้พลังที่เร่งเร้าผนึกขึ้นมาของเผยกุ่นซานดับมอดลงทันที มันยังหันมองไปทางต้นเสียงก่อนอื่นใด
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นว่าเผยกุ่นซานชะงักไป ก็หันมองไปยังทิศทางต้นเสียงด้วยเหมือนกัน
ปรากฏร่าง 2 ร่างกำลังเหินไล่กันมา
และผู้ที่เรียกหาว่าท่านปู่เมื่อครู่ ก็เป็นร่างที่เหินลอยอยู่ด้านหลัง
แต่พอได้เห็นร่างที่เหินลอยนำหน้า สองตาต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะทอประกายสว่างจ้า รอยยิ้มแห่งความสุขยังเริ่มคลี่กางขึ้นมาบนใบหน้า
ราวกับพี่ชายกำลังยินดีที่ได้พบพานน้องสาวที่พลัดพรากจากกันไปหลายปีอย่างไรอย่างนั้น
“ฮ่าๆๆ…เฉิงเอ้อเจ้าไฉนมานี่ได้เล่า?”
เผยกุ่นซานที่มองเห็นร่างบุรุษหนุ่มด้านหลังในชุดผ้าแพรปักลายงดงาม ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
“ท่านปู่ ข้าบังเอิญได้ยินมาว่าที่นี่มียอดสมบัติสวรรค์ปรากฏขึ้นเลยรีบมาดูชม…อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดเลยว่าท่านปู่ก็อยู่นี่ด้วย ดูเหมือนว่ายอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้คงไม่พ้นมือท่านปู่แน่แล้ว…”
เมื่อชายหนุ่มในชุดแพรปักลายมาดคุณชายปรากฏตัวขึ้น มันก็มองประเมินสถานการณ์ได้ทันที จึงเร่งกล่าวประจบสอพลอผู้ชราออกมาอย่างไม่รอช้า
ฟุ่บ!
และวินาทีต่อมาราวกับสังเกตเห็นบางสิ่ง ชายหนุ่มมาดคุณชายในชุดแพรปักลาย ก็เร่งพุ่งร่างไปหยุดขวางเบื้องหน้าสตรีนางหนึ่งที่กำลังทำราวกับจะหลบไปจากที่นี่ และเป็นสตรีคนเดียวกับที่มันไล่ตามมาก่อนหน้า!
“น้องสาวคนสวย…เจ้าจะรีบไปที่ใดเล่า?”