War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2426
ตอนที่ 2,426 : ชายหนุ่มผู้มีสองตาแดงฉาน
ตัวตนที่อยู่เหนือต้าหลัวจินเซียนในระนาบเทวโลกนั้น หากหวนคืนกลับมายังระนาบโลกียะ ก็จะปนเปื้อนไปด้วยกรรมทางโลก ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อการบ่มเพาะ กระทั่งอาจร้ายแรงถึงขั้นไม่อาจก้าวหน้าได้อีกเลย
เพราะสาเหตุนี้ทำให้ตัวตนที่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนทั้งหลาย แม้จะกังวลกับความเป็นอยู่ของลูกหลานและชนรุ่นหลังในระนาบโลกียะมากเพียงใด แต่พวกมันก็มีน้อยคนนักที่จะมีความกล้าย้อนกลับมา
พวกมันเพียงช่วยเหลือได้โดยการจ้างวาน ‘บางคน’ ให้นำยอดสมบัติสวรรค์ หรือไม่ก็เวทย์พลังจากระนาบเทวโลกลงไปให้ลูกหลานและชนรุ่นหลังเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้สำหรับขุมพลังทั่วๆไปแล้ว ไม่ต่างใดจากนิทานปรัมปรา พวกมันไม่มีวันได้รับอะไรแบบนี้
เช่นเดียวกับวาสนาครั้งใหญ่ที่เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจินประสบพบเจออย่างบ่อโลหิตสืบทอดนั้น ก็เป็นสมบัติที่หลอมเกลาขึ้นมาด้วยฝีมือของตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนในระนาบเทวโลกทิ้งไว้ หมายเฟ้นหาผู้เหมาะสมในระนาบโลกียะ…
สมบัติชิ้นนี้ได้รับการปกป้องจากข่ายอาคมและค่ายกลมากมาย เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม หาไม่แล้วต่อให้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบโลกียะมาเองก็อย่าได้หวังว่าจะมีปัญญาเข้าใกล้บ่อโลหิตสืบทอด
หากไม่ใช่เพราะเสี่ยวจินรู้สึกถึงการเพรียกหาของบ่อโลหิตสืบทอด และเข้าใจวิธีฝ่าค่ายกลตามสัญชาตญาณแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้เลยที่เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋จะสามารถเข้าใกล้บ่อโลหิตสืบทอดได้ นับประสาอะไรกับได้ใช้มัน!
แน่นอนว่าเหล่าตัวตนที่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนในระนาบเทวโลกไม่ได้สร้างบ่อโลหิตสืบทอดทิ้งไว้ที่นี่เพียงแค่แห่งเดียว
ในแต่ละครั้งพวกมันยังหลอมกลั่นบ่อสืบทอดโลหิตได้นับพันๆ
เพราะสมบัติระดับนี้ยังนับเป็นอะไรกับพวกมันได้? อาศัยเพียงแค่หนึ่งห้วงคิดก็กลั่นพลังสร้างบ่อโลหิตเช่นนี้ได้นับพันๆแล้ว!
หลังจากที่หลอมพลังกลั่นสร้างบ่อโลหิตสืบทอดแล้วเสร็จ พวกมันก็จะมอบสมบัติเหล่านี้ให้กับ ‘บางคน’ นำไปจัดตั้งไว้ในระนาบโลกียะทั้งหลาย จึงกลายเป็น บ่อโลหิตสืบทอด ที่ถูกซ่อนเร้นไว้อย่างมิดชิดรอคอยผู้มีวาสนามาพบพาน…
บุคคลที่ถูกโชคชะตากำหนดไว้ เมื่อเข้าใกล้บ่อโลหิตสืบทอด ก็จะได้ยินเสียงเรียกหา…แน่นอนว่ามีเพียงสัตว์เซียนที่เป็นสายพันธุ์หนูและมีสายเลือดไม่ธรรมดาในระนาบโลกียะเท่านั้นที่จะถูกเรียกหา เพราะผู้สร้างบ่อโลหิตสืบทอดแห่งนี้ก็มีสายพันธุ์หนูเช่นกัน!
คราวนี้ก็เป็นเสี่ยวจินที่บังเอิญพบ บ่อโลหิตสืบทอดที่คนของตัวตนที่อยู่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนได้รับบัญชามาให้จัดตั้ง
และ ‘บางคน’ ที่ถูกเหล่าผู้ที่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนส่งลงมาให้จัดตั้งบ่อโลหิตสืบทอดหรือฝากยอดสมบัติสวรรค์ทั้งเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกนั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าคนที่พรสวรรค์ไม่สูงพอ จนไร้หนทางก้าวหน้ามิอาจบรรลุถึงขอบเขตที่เหนือกว่าต้าหลัวจินเซียนได้อีกแล้ว เรียกว่าด่านพลังของพวกมันหยุดลงแค่ต้าหลัวจินเซียนไปชั่วชีวิต!
สำหรับตัวตนเหล่านี้การแปดเปื้อนกรรมทางโลกไม่นับเป็นเรื่องอะไรอีกต่อไป เพราะต่อให้ไม่แปดเปื้อนกรรมใดๆ พวกมันก็ไม่มีวันทะลวงผ่านขอบเขตต้าหลัวจินเซียนไปยังขอบเขตต่อไปอยู่ดี…
เช่นนั้นพวกมันยังจะต้องกลัวย้อนกลับมายังระนาบโลกียะทำอะไร?
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังได้รับค่าจ้างมากมายจากตัวตนที่อยู่เหนือต้าหลัวจินเซียน!
ได้ผลประโยชน์เลิศล้ำ ทั้งๆที่ถูกจ้างให้กระทำเรื่องง่ายแสนง่ายและไม่ส่งผลอะไรกับพวกมันแม้แต่น้อย ไฉนจึงไม่ทำ?
“รีบไปกันเถอะ! พวกเรารีบกลับไปภูมิภาคเบื้องบนก่อนค่อยว่ากัน!”
หลังจากที่ได้รับทราบว่าบัดนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนแล้ว เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ก็ร้อนใจไม่น้อย เสี่ยวจินยังลงมือแหวกเปิดความว่างเปล่าทันที
ขณะเดียวกันในใจของมันก็กังวลนัก “พี่ใหญ่หลิงเทียน พี่สาวเฉวี่ยไน่…ทุกคนคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
และในขณะที่เดินทางข้ามห้วงมิติไปยังภูมิภาคเบื้องบน ทั้ง 3 ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงซูหลี่ขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่รู้พี่ซูหลี่ขึ้นไปยังระนาบเทวโลกแล้วจริงๆหรือไม่…หากตกอยู่ในสภาวะถูกมารครอบงำข้าว่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่พี่ซูหลี่จะขึ้นไปเบื้องบนแล้ว”
“มิผิด เว้นแต่พี่ซูหลี่จะครองสติเอาไว้ได้…หลังจากได้รับโอกาสในบ่อโลหติสืบทอด หาไม่แล้วหากถูกมารครอบงำจิตใจไม้พ้นต้องใช้วิถีลับที่บรรพชนหนูกลืนสวรรค์ทิ้งไว้ให้เพื่อขึ้นไประนาบเทวโลกทันทีแน่…”
“ข้าคิดว่า 9 ใน 10 พี่ซูหลี่สมควรขึ้นไปแล้ว”
…
ฟังจากวาจาของเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน คล้ายทั้ง 3 เชื่อกันว่าซูหลี่ได้ขึ้นไประนาบเทวโลกแน่แล้ว
หากแต่พวกมันไม่อาจคิด กระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง…
ซูหลี่ไม่เพียงแต่ไม่ได้ขึ้นไปยังระนาบเทวโลก…ยังไม่มีวิธีขึ้นสู่ระนาบเทวโลกที่ว่า!
เพราะถึงแม้ซูหลี่จะได้เข้าใช้บ่อโลหิตสืบทอดเช่นเดียวกันกับพวกมัน หากทว่าซูหลี่ก็ไม่ได้รับอะไรดีๆเหมือนพวกมันเลย…
นั่นเพราะผู้ที่สร้างบ่อโลหิตสืบทอดนั้นมิใช่สายพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นบรรพชนหนูกลืนสวรรค์! ตอนที่หลอมพลังกลั่นสร้างบ่อโลหิตสืบทอดจึงไม่ได้ทำไว้ให้มนุษย์เข้าใช้!
กระทั่งยังจงใจผลักไสมนุษย์โดยเฉพาะ!
กล่าวได้ว่าทั้งหมดนั้นผู้สร้างบ่อโลหิตสืบทอดไม่เพียงหมายให้สัตว์เซียนได้รับประโยชน์เท่านั้น ยังถึงขั้นกีดกันมนุษย์อีกด้วย!
ก่อนหน้านี้หลังได้พบเจอบ่อโลหิตสืบทอด หลังจากที่เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ลงสู่บ่อโลหิตสืบทอดแล้ว พอถึงคราวซูหลี่ลงไปบ้าง ร่างซูหลี่กลับถูกส่งออกมาทันที!
เพราะมีอาคมจำเพาะ ที่คอยเล่นงานแต่มนุษย์โดยเฉพาะ!
ทันทีที่มนุษย์ล่วงล้ำลงสู่บ่อโลหิตสืบทอด จะถูกอาคมส่งตัวออกไปด้านนอกทันที!
ดังนั้นตั้งแต่ที่เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย และเสี่ยวไป๋เริ่มปิดด่านดูดซับพลัง ซูหลี่ก็ถูกอาคมส่งตัวออกไปแต่แรก…
ส่วนเรื่องที่ซูหลี่ถูกส่งตัวไปที่ไหน เกรงว่ามีแต่ตัวซูหลี่เท่านั้นที่รู้
“ตามกฏเหล็กของระนาบโลกียะ…มีเพียงข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์ หรือหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 10 ได้สำเร็จ จึงจะมีโอกาสขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้…”
หลังเดินทางย้อนกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้ว เสี่ยวจินก็เริ่มกล่าวพึมพำ “แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเราจะมีพลังทัดเทียมกับเหล่าเซียนอมตะเสเพล พวกเรายังสามารถขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้ตลอดเวลา…”
“แถมพวกเราไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับหายนะสู่สวรรค์อันใด!”
“แล้วนี่…ที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรากันแน่?”
เสี่ยวจินเอก็งุนงงกับเรื่องนี้ไม่น้อย
โดยปกติแล้วผู้ฝึกตนทั่วไปเมื่อทะลววงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนและสำนึกรู้ฟ้าดินถึงขีดจำกัด ก็จะชักนำหายนะสู่สวรรค์ลงมาเพื่อข้ามผ่าน…เมื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ถึงจะมีสิทธิ์ก้าวขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้
หากล้มเหลวและกลายเป็นเซียนอมตะเสเพล คิดจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกอีกครั้ง ก็จำต้องผ่านพ้นหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพล 10 รอบให้ได้เสียก่อน…
จนเมื่อข้ามผ่านได้แล้วเท่านั้น ถึงจะได้รับโอกาสที่สองในการขึ้นสู่ระนาบเทวโลก
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋อยากจะขึ้นสู่ระนาบเทวโลกตอนไหนก็ทำได้ทันที…
“ข้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน…มิรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
อันที่จริงไม่ใช่แค่เสี่ยวจินเท่านั้น กระทั่งเสี่ยวไป๋ก็สงสัยในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
แม้เสี่ยวเฮยจะไม่กล่าวใดแต่ต้นจนจบ แต่มองจากแววตาสงสัยงุนงงแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่ามันเองก็กำลังสับสนงงงวยไม่ต่างอะไรจากเสี่ยวจินและเสี่ยวไป๋
อันที่จริงสาเหตุที่ทั้ง 3 ไม่ต้องเผชิญหน้ากับหายนะสู่สวรรค์อะไรนั้น เป็นเพราะในระหว่างที่ทั้งหมดปิดด่านบ่มเพาะ บ่อโลหิตสืบทอดได้ปิดกั้นพลังฟ้าดินเอาไว้ ยังถึงขั้นปิดกั้นทั้ง 3 จากกฏเกณฑ์ของระนาบเทวโลกที่เชื่อมโยงกับระนาบโลกียะเอาไว้อย่างมิดชิด!!
โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการขึ้นสู่ระนาบเทวโลก หลังตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนข้ามผ่านหายนะสู่สวรรค์ได้สำเร็จ กระทั่งกรณีของเซียนอมตะเสเพลที่ผ่านพ้นหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพลรอบที่ 10…ล้วนแล้วแต่เป็นกฏเกณฑ์ของระนาบเทวโลกที่เชื่อมโยงกับระนาบโลกียะทั้งสิ้น!
อย่างไรก็ตามหากเป็นตัวตนที่ทรงพลังถึงระดับหนึ่งในระนาบเทวโลก ก็มีอำนาจมากพอจะปิดกั้นพลังเชื่อมโยงของระนาบเทวโลกดังกล่าวได้ไม่ยาก
เรื่องนี้ก็กล่าวไปก็คล้ายๆกับการที่วิญญาณของต้วนหลิงเทียนหลุดมาถึงโลกแห่งนี้ ซึ่งความจริงนับว่าขัดต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติของระนาบโลกียะอย่างสิ้นเชิง เสมือนวิญญาณต้วนหลิงเทียนลักลอบเข้ามายังโลกนี้ก็ว่าได้!
วันหน้าตอนที่เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ตัดสินใจขึ้นสู่ระนาบเทวโลก ก็จะคล้ายๆกับการลักลอบผ่านแดนเหมือนกับวิญญาณของต้วนหลิงเทียน! ทั้ง 3สามารถขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้โดยตรงถึงแม้จะไม่ได้รับอนุญาตจากกฏเกณฑ์ของระนาบโลกียะก็ตามที!!
อันที่จริงสภาพการณ์เช่นนี้ไม่ได้มีแค่เหล่าตัวน้อยทั้ง 3 เท่านั้นที่กำลังประสบอยู่…
แม้แต่ เค่อเอ๋อ ภรรยาของต้วนหลิงเทียนเอง ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นผู้ลักลอบข้ามผ่านกฏเกณฑ์ดังกล่าวเช่นกัน
ตั้งแต่ที่ใช้วิธีการอันตรายอย่างผลาญวิญญาณเพื่อปลุกความทรงจำของตัวเอง พลังของเค่อเอ๋อก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว!
และในกระบวนการดังกล่าว พลังของเค่อเอ๋อก็ก้าวข้ามขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไปไกลแล้ว หากแต่ก็ไม่ได้ชักนำหายนะสู่สรรค์ให้ปรากฏแต่อย่างใด
เนื่องจากกระบวนการยกระดับพลังของเค่อเอ๋อ มันอยู่เหนือกฏเกณฑ์ใดๆของระนาบเทวโลกและระนาบโลกียะทั้งมวล จึงทำให้กระทั่งพลังอำนาจของเทวโลกก็ไม่อาจกล้ำกรายนางได้!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว นางย่อมไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นสู่ระนาบเทววโลกเป็นธรรมดา
และทั้งหมดนี้แน่นอนว่าเป็นอะไรที่อยู่เหนือความเข้าใจของเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย และเสี่ยวไป๋อย่างสิ้นเชิง…
“พวกเรากลับไปหารือกับผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ฐานกันก่อนเถอะ”
หลังกลับมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้ว เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย และเสี่ยวไป๋ก็ตัดสินใจมุ่งหน้าขึ้นสู่แดนเหนือทันที
ระหว่างทางทั้ง 3 ก็ได้พบพานเหล่าปีศาจมากมาย
อย่างไรก็ตามปีศาจเหล่านี้ไม่มีตัวใดที่มีพลังเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเลย…
ต่อหน้าพวกเสี่ยวจินทั้ง 3 ปีศาจเหล่านี้จึงไม่ต่างใดจากสุนัขป่วยออดๆแอดๆเป็นธรรมชาติ
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งในบรรดาทั้ง 3 อาศัยแค่แผ่แรงกดดันพลังออกไปก็เข่นฆ่าพวกมันได้ง่ายดาย
ในขณะที่เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋กำลังมุ่งหน้าขึ้นเหนือ หมายเดินทางไปยังฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาไร้นามที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นั้นเอง
ทางภาคเหนือ บริเวณหุบเขาน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกขาวตลอดทั้งปี กลับมีแขกไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งมาเยือนอย่างไม่คาดฝัน
ครืน!
แขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้ แรกปรากฏตัวแม้จะเป็นความเคลื่อนไหวแผ่วเบาเพียงใด แต่ก็ทำให้ผู้คนในหุบเขาน้ำแข็งตื่นตัวทันที…
“ผู้ใด?”
ตอนนี้มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งดังกล่าว และก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนเหล่านี้ก็คือ ผู้เฒ่าพยากรณ์ ก่านหรูเยี่ยน ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว และลูกสาวของต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อ ต้วนซือหลิง!
ส่วนแขกไม่ได้รับเชิญนั้นเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาหน้าตาคมเข้ม
หากทว่าชุดคลุมที่สวมใส่กลับชุ่มโชกไปด้วยคราบโลหิต กระทั่งบางส่วนยังปรากฏโลหิตไหลย้อยลงมา!
เห็ดได้ชัด…ว่ามันพึ่งชโลมเลือดมาหมาดๆ!
“คุณชายท่านนี้ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ส่วนบุคคล…รบกวนท่านโปรดออกไปเถอะ!”
ในบรรดาผู้คนในหุบเขา ที่แข็งแกร่งที่สุดตอนนี้ก็คือผู้พิทักษ์ชิงหั่ว มันก้าวออกมากล่าวคำกับชายหนุ่มในชุดโชกเลือดด้วยสีหน้าท่าทีจริงจัง
พอชายหนุ่มได้ยินวาจาดังกล่าว สองตาแดงฉานปานก้อนเลือดทั้งเอ่อล้นไปด้วยจิตมาร ก็หันมามองจ้องชิงหั่วด้วยความเยียบเย็น ทำให้ใจชิงหั่วสะท้านไปอย่างแรง!
ปงงง!!
กลิ่นอายพลังอันแข็งแกร่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างชายหนุ่มดังกล่าวไปปกคลุมยังร่างชิงหั่ว พาลให้ร่างชิงหั่วสั่นสะท้านไปทันใด พื้นน้ำแข็งใต้เท้ายังเริ่มปริแตกแยกร้าวดั่งใยแมงมุม!
ตอนนี้รอยแตกร้าวดั่งใยแมงมุมยังแพร่กระจายออกไปคล้ายจะโยงใยออกไปไร้ขอบเขต!
“อั๊ค!”
ขณะเดียวกันชิงหั่วที่ทานทนรับแรงกดดันพลังไม่ไหว เลือดลมพุ่งพล่านตีกลับจนคนถึงกับกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่!
บุปผาสีเลือดเริ่มผลิบานบนพื้นน้ำแข็ง…
“ท่านอาจารย์!”
สีหน้าก่านหรูเยี่ยนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
สีหน้าผู้เฒ่าพยากรณ์เองก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก!
มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าแขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้จะทรงพลังแก่กล้านัก! อาศัยแค่แรงกดดันพลังก็บีบคั้นชิงหั่วที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกมันให้สิ้นท่าได้ขนาดนี้!!
“หา…ที่…ตาย….”
เสียงแหบแห้งไร้อารมณ์ดังออกจากปากชายหนุ่มสองตาแดงฉานชุดคลุมโชกเลือด แววตาที่ใช้มองชิงหั่วยังเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆอย่างผิดปกติ!