War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2459
ตอนที่ 2,459 : ปัญหาใหญ่!
“แต่มิว่าจะเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะใดจะได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนในครั้งนี้…ที่แน่ๆคงไม่มีส่วนสำหรับพวกเราแน่นอน”
เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ มรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนย่อมไม่อนุญาตให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลมีส่วนร่วมใดๆ
มีเพียงแต่ตัวตนที่ไม่ใช่ต้าหลัวจินเซียนเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในมรดกต้าหลัวจินเซียน
ดังนั้นถึงแม้จะมีเหล่าเซียนอมตะเสเพลมากมายมาเฝ้ารอด้านนอกมรดกกสถานต้าหลัวจินเซียน แต่พวกมันก็ไม่อาจไขว่คว้ามรดกอันใดได้ ทำได้เพียงมองเนื้อโอชะอย่างกระหายแต่ไม่อาจรับประทาน!บ้างก็หวังฉกชิงยอดสมบัติสวรรค์จากรุ่นเยาว์ที่ไร้พื้นหลังยิ่งใหญ่!!
“ข้าคิดว่าจะอย่างไร ก็ไม่พ้นต้วนหลิงเทียน ครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบเซียนผู้นั้นที่จะได้มรดกของต้าหลัวจินเซียนไปครองแน่!”
เซียนอมตะเสเพลที่มาในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น
เสียงของมันแม้จะไม่ได้ดังอะไร แต่ดันเอ่ยออกมาในช่วงที่ทุกคนเงียบลงพอดี เช่นนั้นวาจาของมันจึงถูกเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายได้ยินอย่างทั่วถึง
“ต้วนหลิงเทียน? ตัวตนที่ลือกันอย่างหนาหูช่วงนี้ว่าฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้ถึง 2 คนกระทั่งหนึ่งในนั้นยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์น่ะเหรอ?”
“ใช่ต้วนหลิงเทียนที่มีวรยุทธ์เซียนอมตะพิสดาร ถึงขั้นสามารถแย่งชิงศาสตราในมือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ จวบจนใช้ยอดสมบัติสววรรค์ของอีกฝ่ายสังหารเจ้าของคนนั้นหรือไม่?!”
ข่าวลือของต้วนหลิงเทียนเองเหล่าเซียนอมตะเสเพลในที่นี้ก็ได้ยินกันมาไม่น้อย
อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่เชื่อว่าข่าวลือเรื่องนี้มันเกินความจริงไปหน่อย จึงไม่คิดจะเชื่อ
ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ไหนจะมีพลังขนาดนี้ได้ทั้งๆที่ยังไม่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน?
แม้จะเป็นครั้งก่อนที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก ฟงชิงหยางที่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนไปจนมีพลังสามารถกล้าแข็งอย่างน่ากลัวคนนั้น ก็มีพลังน่าพรั่นพรึงหลังได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนแล้วเท่านั้น ก่อนหน้าพลังฝีมืออย่างดีก็เพียงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้น!
“มิผิด เป็นมัน!”
ชายวัยกลางคนที่เอ่ยขึ้นคนแรกพยักหน้าตอบ
“เฮอะ!”
ได้ยินคำยืนยันเป็นมั่นเหมาะของเซียนอมตะเสเพลวัยกลางคน เหล่าเซียนอมตะเสเพลหลายคนที่ไม่เชื่อเรื่องราวก็ได้แต่แค่นเสียงสบถออกมา “ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อกันแค่ไหน…แต่ขออภัยมีข้าคนนึงล่ะที่ไม่เชื่อเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้”
“ข้าเองก็ไม่เชื่อ! ครึ่งก้าวเซียนอมตะบ้าบออันใดถึงจะร้ายกาจได้ขนาดนั้นทั้งๆที่ยังไม่ได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียน?!”
“นั่นสิ ข้าก็คิดว่ามันไม่มีทางร้ายกาจได้ขนาดนั้นหรอก”
…
ฟังจากวาจาของเซียนอมตะเสเพลเหล่านี้ ไม่มีใครเชื่อว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้จะเป็นความจริงเลย
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครอง!
“ท่านทั้งหลาย”
เมื่อเห็นว่ามีเหล่าเซียนอมตะเสเพลมากมายไม่เชื่อคำของตัวเอง เซียนอมตะเสเพลวัยกลางคนพลันประกาศออกมาเสียงดัง “แม้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มาดักรอหน้าสมบัติสถานระดับสวรรค์ ตัวข้าผู้นี้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นเรื่องราวกับตา…”
“แต่…ตอนที่มันเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ถือครองยอดสมบัติสวรรค์นั้น ข้าเห็นมันด้วยสองตาตัวเอง!”
“เป็นมันใช้วรยุทธ์เซียนอมตะพิสดารยากหยั่งถึง ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ในมือเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ผู้นั้นได้จริงๆ กระทั่งยามลงมือใช้กระบวนท่าสังหาร พลังอานุภาพก็มิยิ่งหย่อนไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แน่นอน!”
กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าเซียนอมตะเสเพลวัยกลางคนก็เริ่มแดงขึ้นมา
มันเป็น 1 ในประจักษ์พยาน
มีคนสงสัยแคลงใจแบบนี้เป็นธรรมดาที่มันจะบังเกิดความคับข้องใจ
“ข้าก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน”
ไม่นานเซียนอมตะเสเพลอีกคนก็กล่าวออกมา “ข้าเป็นพยานได้ว่าสหายท่านนี้กล่าวความจริงทุกประการ…ต้วนหลิงเทียนมิทราบใช้วรยุทธ์เซียนอมตะผีสางอันใดฉกยอดสมบัติสวรรค์ไปจากมือเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั่นหน้าตาเฉย และที่สำคัญมิใช่แค่อาวุธของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์นั่นคนเดียวนะ กระทั่งอาวุธของผู้อื่นโดยรอบก็ถูกต้วนหลิงเทียนฉกไปเช่นกัน รวมถึงหอกที่ข้าสะพายไว้กลางหลังด้วย!!”
“เชื่อหรือไม่ว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…ตัวข้ามิกล้าพกอาวุธไว้ด้านนอกอีกเลย เพียงเก็บอยู่ในแหวนมิติเท่านั้น”
ขณะที่เซียนอมตะเสเพลคนนี้กล่าวออก สีหน้ายังเผยความหวาดกลัวออกมาไม่น้อย
เพราะตอนที่ต้วนหลิงเทียนใช้พลังพิสดารยึดครองอาวุธ หอกมันก็ถูกชิงไปด้วยอย่างไม่อาจต่อต้านขัดขืน!
จากนั้นในใจมันคล้ายมีเงามืดหนึ่ง ทำให้มันไม่กล้าสะพายหอกไว้ด้านหลังอีกเลย
“เอ่อ…”
“เรื่องจริงหรือ!?”
“หากมีคนเดียวที่กล่าวยืนยันข้ายังฟังหูไว้หู…แต่ตอนนี้สองคนกลับยืนยันเป็นมั่นเหมาะ อีกทั้งดูจากสีหน้าพวกมันก็มิคล้ายคนกำลังโกหกแต่อย่างไร”
…
ทั้งสองได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฉกชิงศาสตราเซียนอมตะจากมือเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์และเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้จริง กระทั่งยังกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถึงขั้นสามารถฉกชิงศาสตราของทุกคนโดยรอบได้อีกด้วย
“ตอนต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ตัวข้าแม้ไม่เห็นกับตา…”
ตอนนี้เองเซียนอมตะเสเพลอีกคนพลันเอ่ยขึ้น “แต่ถ้าเป็นตอนที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งออกมาจากสมบัติสถานระดับสวรรค์แล้วฆ่าคน ข้าเห็นเต็มสองตาเพราะวันนั้นข้าไปดักรออยู่ด้วย กระทั่งข้ายังเป็นคนที่ไปเฝ้ารอหน้าสมบัติสถานระดับสวรรค์นั้นกว่า 2ปี!”
“น่าเสียดายที่ในแดนลับต่างสวรรค์ปิดกั้นสวรรค์และโลกทั้งมวล หาไม่แล้วจะให้ข้าสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าตรงนี้ก็ยังได้ว่าที่ข้าพูดล้วนไร้วาจาใดโป้ปดแม้ครึ่งคำ! ไอ่เจ้านั่นมันลงมือกระบวนเดียวฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้ราวบี้มด!!”
“อย่างไรก็ตามข้าขอเอาหน้าตัวเองเป็นประกัน…ว่าที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดล้วนเป็นความจริงมิได้โกหกแม้ครึ่งคำ!”
ขณะที่เซียนอมตะเสเพลคนดังกล่าวเอ่ยถึงประโยคนี้สีหน้าท่าทีของมันก็จริงจังทั้งมั่นใจนัก
แม้จะเผชิญหน้ากับสายตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย มันก็ยืดอกเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
เรื่องนี้ทำให้เหล่าเซียนอมตะเสเพลแต่เดิมที่ไม่เชื่อหวั่นไหวไม่น้อย
“หรือ…ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังน่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ?”
“หากมันมีพลังฝีมือระดับนั้น…แล้วภายในมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนยังจะมีผู้ใดแข่งขันกับมันได้?”
“นั่นสิ! หากข่าวที่ลือกันเป็นเรื่องจริง…ลองมันฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ถือครองยอดสมบัติสวรรค์ แบบนั้นเผลอๆต่อให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหมดในมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนร่วมมือกันกลุ้มรุม ก็เกรงว่าจะทำอะไรมันคนเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ!!”
…
ขณะกล่าววาจาด้วยความครั่นคร้าม สองตาเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายก็มองไปยังม่านหมอกเบื้องหน้าด้วยทีท่าจริงจัง
พวกมันเห็นพ้องต้องกัน
ถ้าพลังต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจขนาดนั้นจริง เกรงว่าหากต้วนหลิงเทียนอยู่ด้านใน คงไม่มีใครสู้ได้แน่!
อย่างไรก็ตามเหล่าเซียนอมตะเสเพลพวกนี้ไม้ได้รู้เลย…
คงแม้จะมีรุ่นเยาว์อัจฉริยะที่ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลมากมายได้เข้าไปในมรดกสถานของต้าหลัวจินเซียนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือผู้นั้น ยังไม่ได้เข้าไป!!
และในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนที่ทุกผู้คนล้วนกล่าวขาน กำลังประสบปัญหาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ร้ายแรงอย่างถึงที่สุด!!
“บัดซบ! ข้าคิดว่าเป็นเรื่องดีจริงๆที่เจอยอดสมบัติสวรรค์อีกชิ้น…แต่ไม่คิดเลยว่าข้าจะดวงกุดมาเจอเซียนอมตะเสเพลที่บมเพาะร่างควบแน่นวิญญาณเข้าได้!!”
ในพระราชวังใต้ดินอีกหลังอันเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่หลงเหลือไว้โดยต้าหลัวจินเซียนอีกคน ห่างจากทางออกไม่ไกล ต้วนหลิงเทียนได้แต่ยืนเอาหลังแนบผนัง ใช้มือถือกระจกเล็กๆเอื้อมไปส่องมองเรื่องราวด้านนอกอย่างเคร่งเครียด กล่าวพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
หานเฉวี่ยไน่ กับจางยี่ที่หลบซ่อนตามคำสั่งต้วนหลิงเทียนเองก็เผยสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีเหมือนกัน
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…ท่านไม่อาจชิงลงมือด้วยความเร็วเข่นฆ่ามันได้เหรอ? จะอย่างไรมันก็แค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เท่านั้น หากท่านใช้ความเร็วสูงสุด มันก็มิน่าจะมีเวลาใช้อำนาจจิตเล่นงานท่านมิใช่หรือไร?”
หานเฉวี่ยไน่หันไปมองถามต้วนหลิงเทียน
“หานเฉวี่ยไน่ ข้าจะบอกอะไรให้…ไอ่เจ้านั่นมันเจ้าเล่ห์นัก!”
“ที่สำคัญคือทางออกจากวังใต้ดินแห่งนี้ก็บัดซบสิ้นดี ดันเป็นพื้นที่ป่าทึบ ยากมากที่ข้าจะสามารถค้นหาตัวมันได้หากมันเลือกที่จะปกปิดพลังอย่างมิดชิด กระทั่งมันยังสามารถใช้หุ่นเชิดที่ควบคุมด้วยสำนึกเทวะเพื่อหลอกสัมผัสข้าได้! หากข้าลงมือพลาดมันต้องฉวยโอกาสใช้อำนาจจิตเล่นงานข้าแน่!”
“ดังนั้นหากข้าไม่อาจหาตัวจริงมันได้พบก่อนล่ะก็…เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่ามัน! ที่สำคัญหากที่ข้าลงมือไปเป็นแค่หุ่นเชิดของมันจนเปิดช่องอะไรเข้าล่ะก็ ถึงตอนนั้นข้าซวยแน่!!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อนัก!
ด้วยพลังความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ต่อให้ต้องเจอกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ถึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะเข่นฆ่าสังหารอีกฝ่ายได้แน่นอน แต่เรื่องให้ต่อสู้รับมือนั้นเขามั่นใจว่าทำได้อย่างที่ไม่เสียเปรียบ!
ดังนั้นแล้วต่อให้ผู้ที่มาดักรอนอกพระราชวังใต้ดินคราวนี้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เขาก็คงไม่ต้องมาหลบซ่อนแล้วคอยใช้กระจกสอดส่องหาตัวมันแบบนี้อย่างอับจน คงออกไปฉะกับอีกฝ่ายซึ่งๆหน้าแล้ว!
‘ให้ตายเถอะ กับอีแค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์กลับถ่วงข้าให้ติดแหง็กอยู่ที่นี่ 2 เดือนกว่าเข้าไปแล้ว!’
คิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนเจ็บใจเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามเขาไร้หนทางจริงๆ
ถึงแม้ศัตรูจะเป็นแค่เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ แต่อีกฝ่ายดันเป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น และสามารถใช้อำนาจจิตกับทักษะวิญญาณเล่นงานเขาได้โดยตรง!
ด้วยเหตุนี้หากเขาไม่อาจชิงลงมือฆ่าอีกฝ่ายได้ก่อน แล้วเปิดช่องให้อีกฝ่ายลงมือต่อเขาได้ขึ้นมา เกรงว่าถึงตอนนั้นเขาเองก็ยากจะต่อกรกับมันได้!
และปัญหาก็คือ
ตอนนี้ศัตรูที่ว่า ไม่เพียงอาศัยภูมิประเทศสลับซับซ้อนซ่อนตัวได้อย่างแยบคาย แต่ยังรู้วิธีฝังสำนึกเทวะลงหุ่นเชิดเพื่อควบคุมจนหลอกสัมผัสเขาได้อีก ทำให้เขาไม่อาจพึ่งสำนึกเทวะตรวจสอบหาตัวจริงมันได้หากอีกฝ่ายคิดจะซ่อนตัวจริงๆ…
ดังนั้นเขาเลยไม่กล้าลงมืออย่างวู่วาม
หากเสี่ยงลงมือแล้วทำสำเร็จก็ดีไป
แต่ถ้าพลาดเขาก็ตาย!
“ต้วนหลิงเทียน!!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงสนั่นดังขึ้นด้านนอกพระราชวัง อีกทั้งเสียงนี้ยังดังก้องมาจากทุกทิศทางยากจะสืบหาต้นตอแหล่งกำเนิดเสียง
“หรือใจเจ้าคิดจะซ่อนตัวอยู่ในพระราชวังใต้ดินจนแดนลับต่างสวรรค์ถึงคราวปิดตัวลงจริงๆ? เจ้าต้องคิดให้ดีเล่า เพราะถ้าถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่เจ้า กระทั่งสหายของเจ้าก็จะพลอยติดแหง็กจนตายไปพร้อมกับเจ้าด้วย!”
“นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่กระมัง?”
เสียงดังกล่าวย่อมเป็นเสียงของเซียนอมตะเสเพล 4ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น และซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
“เหอะ!”
ภายในใพระราชวังใต้ดิน ต้วนหลิงเทียนที่ไม่คิดบ้าจี้หลงคำยั่วยุจนลงมืออย่างขาดสติและไม่คิดจะสนใจตอบโต้คารมกับอีกฝ่าย ทว่าด้านหานเฉวี่ยไน่ที่ได้ฟังอดไม้ได้ที่จะแค่นสบถเสียงเย็นค่อยกล่าวว่า “แดนลับต่างสวรรค์จะถึงคราวปิดตัวลงแล้วอย่างไร…หรือตอนนั้นเจ้าก็คิดจะติดแหง็กอยู่กับพวกเราด้วย?”
“ถ้าเจ้าแน่จริงก็อย่าได้รีบหนีไปไหนเล่า…เพราะขอเพียงเจ้าจากไปเมื่อไหร่พวกเราก็ออกไปได้เมื่อนั้น!”
หานเฉวี่ยไน่ตะโกนตอบออกไปเสียงดัง
ทันทีที่ได้ยินคำของหานเฉวี่ยไน่ อีกฝ่ายก็เงียบไปทันที
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานมันก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“นังหนู ข้ายอมรับว่าเจ้าเองก็มีฝีปากไม่เลวเลยทีเดียว…แต่ทว่าพวกเจ้านั้นสามารถตัดใจจากมรดกของต้าหลัวจินเซียนได้จริงๆน่ะเหรอ?”
“เจ้าเองก็มิใช่ไม่รู้…ว่าด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ คิดช่วงชิงมรดกต้าหลัวจินเซียนมาครองช่างเป็นอะไรที่ง่ายดายนัก”
“แล้วพวกเจ้า…จำใจละทิ้งมรดกของต้าหลัวจินเซียนเพียงเพื่อยอดสมบัติสวรรค์ไม่กี่ชิ้นจริงๆหรือ?”
วาจาของอีกฝ่ายยิ่งมาน้ำเสียงที่กล่าวยิ่งเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
“ข้าเองก็มิได้โลภมากอันใด…ข้าแค่อยากได้ยอดสมบีติสวรรค์สักชิ้นเท่านั้น ขอเพียงพวกเจ้าสละยอดสมบัติสวรรค์ให้ข้าสักชิ้น หลังจากนั้นข้ากับพวกเจ้าเสมือนน้ำบ่อมิยุ่งน้ำคลอง ดีหรือไม่?