War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2497
ตอนที่ 2,497 : อวิ๋นชิงเหยียน!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนได้รับบาดเจ็บจนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่
“อวิ๋นชิงเหยียน! หยุดมือ!!”
ใบหน้าอ่อนโยนแต่เดิมของเค่อเอ๋อที่เหินลอยอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน พลันมลายหายกลับกลายเป็นโกรธเกรี้ยว!
และทันที่นางละสายตาออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน ความอ่อนโยนที่ราวกับท่วมท้นออกมาจากส่วนลึกของดวงตาดั่งสารทฤดู ก็ถูกความเยียบเย็นเสียดกระดูกเข้ามาแทนที่!
“เค่อเอ๋อ…”
ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่อาจจับต้นชนปลายใดๆได้ และไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาลในตอนแรกอันสมควรเป็นคนทำร้ายเขา…จนไปถึงยังไม่ทันเข้าใจว่าไฉนอีกฝ่ายถึงได้มีพลังอันร้ายกาจขนาดนี้ได้! กลับต้องมาได้ยินเสียงอันเยียบเย็นของเค่อเอ๋อที่พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนตกลงไปในหล่มน้ำแข็งเสียก่อน!!
เสียงเปี่ยมโทสะขนาดนี้ของเค่อเอ๋อ เขาพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก!
เป็นธรรมดาที่เขารู้ว่าเป้าโทสะของเค่อเอ๋อนั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นคนที่พึ่งซัดทำร้ายเขาเมื่อครู่!
จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ
‘เมื่อครู่…คำเปี่ยวเม่ยนั่น หรือมันจะเรียกหาเค่อเอ๋อ?’
‘ระ..หรือว่า…จะเป็น’
ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกอบอุ่นใจเพราะเค่อเอ๋อมีโทสะเรื่องเขาได้ไม่ทันไร อยู่ๆในใจพลันฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนไปทันใด ลูกตายังหดเล็กลงอย่างแรง!
มีเรื่องหนึ่งที่ค้างคาในใจต้วนหลิงเทียนมานาน…และเขาอดไม่ได้ที่จะกังวลถึงมันมาตลอด
และเรื่องนั้นก็คือ เรื่องที่เค่อเอ๋อเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิด!
เพราะจากที่อดีตจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวนกล่าวไว้ ไม่ใช่แค่เค่อเอ๋อเป็นเทพธิดากลับชาติมาเกิดอย่างเดียว แต่ดูเหมือนนางจะมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่สมควรตามตื๊อเค่อเอ๋อเมื่อชาติที่แล้วคอยท่าอยู่และที่สำคัญเลยก็คืออีกฝ่ายสมควรเป็นตัวตนอันทรงพลังในระนาบเทวโลกเต็มสิบส่วน!
ถึงแม้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้จะดี แต่เขาก็ชัดเจนในใจ!
หากเทียบกับยอดฝีมือของระนาบเทวโลกแล้ว เขาไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้เลย…
ในระนาบเทวโลก ขอเพียงเป็นตัวตนตั้งแต่ขอบเขตจินเซียนขึ้นไป…คิดฆ่าเขายังง่ายดายราวบี้มด!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฟังจากคำที่ถังซวนใช้อธิบายลูกพี่ลูกน้องของเค่อเอ๋อ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่เซียนอมตะธรรมดา!
‘เมื่อครู่…เค่อเอ๋อสมควรเรียกชื่อมันไม่ผิดแน่ ดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องที่ว่าไม่พ้นเป็นมัน’
พอนึกถึงวาจาขานนามเสียงเย็นด้วยโทสะของเค่อเอ๋อเมื่อครู่ ว่าสมควรเรียกหาบุรุษคนหนึ่ง ยิ่งมาต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งสามารถยืนยันข้อสันนิษฐานในใจได้แน่ชัด และนั่นก็ทำให้ใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนอัปลักษณ์ปั้นยากมากขึ้นทุกขณะ…
เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง
เค่อเอ๋อสมควรฟื้นฟูความทรงจำเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้องเมื่อชาติที่แล้วได้ออก แต่ไม่บอกเขา
หาไม่แล้วไหนเลยเค่อเอ๋อจะรู้ชื่ออีกฝ่ายได้?
ส่วนทำไมเค่อเอ๋อไม่ออก เขาย่อมคาดเดาได้เป็นธรรมดา ทั้งหมดเพราะเค่อเอ๋อไม่อยากให้เขาเป็นกังวล
“ดูเหมือนความทรงจำของเปี่ยวเม่ยจักฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว…อย่างน้อยๆก็จำเปี่ยวเกอผู้นี้ได้…”
(เปี่ยวเกอ = ลูกพี่ลูกน้องฝั่งแม่ที่เป็นผู้ชายและมีอายุมากกว่า)
เสียงที่ราวกับจะดังมาจากทุกทั่วสารทิศกังวานก้องฟ้ามาอีกครั้ง ขณะเดียวกันสองตาดั่งสารทฤดูของเค่อเอ๋อพลันหดหยีลง และหันไปมองจ้องยังทิศทางหนึ่งทันที
และความว่างเปล่ายังตำแหน่งนั้น ค่อยๆปรากฏเงาร่างพร่าเลือนหนึ่ง
ยิ่งมาร่างที่ว่าก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
เป็นชายหนุ่มในชุดสีคราม รูปร่างสูงสมส่วน ใบหน้าแลดูหล่อเหลา เส้นผมยาวสีเขียวเข้มถูกปล่อยสยายลงมาโดยไร้เส้นเชือกผูกรวบ
ด้วยมุมปากที่ยกขึ้นบางๆ เผยรอยยิ้มที่แลดูอย่างไรก็มิใช่ตัวดีประการหนึ่ง…
หากทว่ารอยยิ้มที่แลดูอย่างไรก็มิใช่ตัวดีนี้ ยามเมื่อมาปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาพร้อมร่างสูงสมส่วนในชุดหรู กลับให้ความรู้สึกราวกับมันคือคุณชายสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่ที่มีความหยิ่งทะนงถือดียากอาจเอื้อม พาลให้ดรุณีน้อยแรกรุ่นทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความวาดหวังฝันหวานอยู่บ้าง…
ชายหนุ่มในชุดสีครามตั้งแต่ที่ปรากฏตัวออกมา สองตาของมันก็มองจ้องไปยังเค่อเอ๋อไม่วาง
วูบ!
สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนย่อมเปลี่ยนไปทันใด เมื่อได้เห็นสายตาที่บุรุษชุดครามผู้นี้ใช้มองเค่อเอ๋อ
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนพลันไหววูบเป็นเงาเลือน ก่อนที่จะอันตรธานหายไปจากจุดเดิม ปรากฏตัวอีกครั้งก็ขวางบังอยู่เบื้องหน้าเค่อเอ๋อ ปิดกั้นสายตาบุรุษชุดครามให้ไม่อาจมองจ้องภรรยาเขาได้สืบต่อทีท่ายังกลายเป็นเตรียมพร้อมทั้งระแวดระวังถึงขีดสุด!
ราวกับกลัววว่าชายหนุ่มชุดครามผู้นี้ จะลงมือทำอะไรภรรยาเขา!
เรียกว่าต้วนหลิงเทียนกำลังปกป้องภรรยาของเขาอย่างไม่รู้ตัว
คล้ายเขาจะลืมเลือนไปสิ้นแล้ว…
ชายหนุ่มชุดครามเบื้องหน้า พลังฝีมือของมันย่อมร้ายกาจสุดที่เขาจะทัดทานได้!
เพราะเมื่อครู่กระทั่งอีกฝ่ายยังไม่ทันปรากฏให้เห็นด้วยซ้ำ ก็ซัดทำร้ายจนเขาเจ็บหนักได้ง่ายๆ!
“หืม?”
และในทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาปรากฏตัวขวางบังเค่อเอ๋อให้อยู่ด้านหลังแบบนี้ ทีท่าของชายหนุ่มในชุดสีครามก็ชะงักไปทันใด สีหน้ายินดีของมันแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึงในพริบตา กระทั่งแววตายังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันดุร้าย!
“ข้าไม่ทันไปหา…เจ้ากลับเป็นฝ่ายเสนอหน้ามาเอง!”
ชายหนุ่มชุดครามกล่าวออกเบาๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยังผลให้อุณหภูมิโดยรอบคล้ายจะลดต่ำลงหลายองศา เสมือนฤดูหนาวมาเยือนก็ไม่ปาน!
“หาที่ตาย!”
ทันใดนั้นแววตาของมันกลับกลายเป็นเย็นชา สบถคำออกมาด้วยน้ำเสียงชวนให้หนาวเหน็บ!
ทันใดนั้น
ไม่ทราบว่ามันลงมืออย่างไรกันแน่ และไม่เห็นมันเคลื่อนไหวใดๆ หากแต่ความว่างเปล่ารอบกายต้วนหลิงเทียนกลับพังทลายลงราวกับแก้วที่แตกออกเป็นเสี่ยง!
และต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลาง ก็รู้สึกสะท้านราวกับร่างจะแหลกสลายลงได้ทุกเวลา!
เพราะในวินาทีเดียวกับที่ชายหนุ่มชุดครามเริ่มกล่าววออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าอยู่ๆก็อุบัติพลังขุมหนึ่งขึ้นในความว่างเปล่ารอบกาย ปิดล้อมเขาไว้ทุกทิศทาง!
กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากมวลพลังที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นดังกล่าว ยังทรงพลังครอบงำพลังของเขาอย่างสิ้นเชิง!
ใจต้วนหลิงเทียนบังเกิดสังหรณ์อันตรายในฉับพลันและเมื่อสังหรณ์ดังกล่าวผุดขึ้น ก็ยากที่จะระงับสะกดมันไว้ได้สืบไป!
‘ปฐมเวทย์กลืนกิน!’
‘ค่ายกลกระบี่!’
’13 กระบี่บงกชฟ้า!’
และพริบตาที่ในใจบังเกิดสังหรณ์อัปมลคล ต้วนหลิงเทียนก็เร่งลงมือออกมาด้วยทุกสิ่งที่มีโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ หมายทำลายพลังที่กำลังพันธนาการร่างเขาไว้อย่างไม่รอช้า!
‘นี่มัน…อะไรกัน!?’
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน หมายสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ เขาก็ต้องประหลาดใจ!
เพราะวังวนพลังดูดรั้งที่อุบัติขึ้นรอบกาย จากที่สมควรดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินมาเพิ่มพูนพลังให้เขานั้น กลับถูกพลังที่อุบัติขึ้นในความว่างรอบกายระงับพลังดูดรั้งเอาไว้! ไม่ให้ดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบได้เลย!!
ในเมื่อวังวนพลังดูดรั้งไม่อาจดูดกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินได้ เช่นนั้นหมายความว่าเขาไม่ใช้พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบมาหนุนเสริมพลังของเขา!!
‘มัน…ไฉนร้ายกาจถึงขนาดนี้!?’
ขณะเดียวกันเมื่อต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ว่าวังวนพลังดูดรั้งของเขาถูกระงับ เขาก็พบว่าเขาไม่อาจทำอะไรได้อีกต่อไป! เนื่องจากพลังในร่างมิอาจโคจรใช้ออกได้แม้แต่เศษเสี้ยว…กระทั่งที่ตัวเขายังลอยอยู่กลางหาวได้ก็เป็นเพราะพลังน่ากลัวรอบกาย!!
เรียกว่าวินาทีนี้ เขาสูดรับได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายชัดเจน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชายหนุ่มในชุดสีครามเบื้องหน้า สบถคำหาที่ตายออกมา!
เพราะวินาทีเดียวกันกับที่ชายหนุ่มชุดครามสบถคำหาที่ตาย…พลังอันน่ากลัวที่อุบัติขึ้นในความว่างเปล่าโดยรอบก็เริ่มเปล่งกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าหวั่นหวาดออกมา อีกทั้งยังเริ่มบีบตัวเข้ามาหมายขดขยี้ทำลายร่างเขาให้แหลก!
ทว่าตอนนี้เอง เสียงตะโกนอันเยียบเย็นของเค่อเอ๋อพลันดังขึ้นอีกครั้ง
“อวิ๋นชิงเหยียน! หากเจ้าฆ่าพี่เทียนของข้า ข้าก็ไม่คิดอยู่อีกต่อไป!”
เป็นเสียงตะโกนคำขาด ไร้ซึ่งช่องว่างใดๆให้ต่อรอง!
“เจ้าสมควรรู้ดี…ว่าหากข้าคิดตาย เจ้าก็ไม่มีปัญญาหยุดข้าได้!!”
เสียงเยียบเย็นของเค่อเอ๋อนั้นเผยเจตนาข่มขู่ชายหนุ่มชุดครามอย่างเห็นได้ชัด!
“เค่อเอ๋อ!!”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงโดยพลัน สีหน้ายังเปลี่ยนไปมหันต์เมื่อได้ยินคำที่เค่อเอ๋อใช้กล่าวกับชายหนุ่มชุดคราม!
ขณะเดียวกันนี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเขารู้สึกไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้! ให้มีพลังสูงสุดในระนาบโลกียะแล้วอย่างไร…กลับไร้พลังทัดทานชายหนุ่มชุดครามได้แม้เสี้ยว!!
ตอนนี้ถึงแม้พลังมหาศาลที่อุบัติขึ้นในความว่างรอบกายของชายหนุ่มชุดครามจะหยุดการบดขยี้ทำลายเข้ามาและไม่ได้คิดเข่นฆ่าเขาสืบไป แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีความสุขแม้แต่นิดเดียว!
ด้านชายหนุ่มชุดครามอันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเค่อเอ๋อ อวิ๋นชิงเหยียน…ตอนนี้สีหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
ไม่เพียงอัปลักษณ์ปั้นยาก ยังดูไม่ได้ถึงขีดสุด!
“เปี่ยวเม่ย เจ้า…เจ้าถึงขั้นคิดตายเพื่อมนุษย์ชั้นต่ำเยี่ยงมันเลยหรือ…”
ตอนนี้อวิ๋นชิงเหยียนไม่ได้เหลือบแลต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป สายตาของมันละออกไปหันมองเค่อเอ๋อพลางกล่าวออกเสียงหนัก ในน้ำเสียงยังแฝงความเกลียดชังถึงขีดสุด!
และภายใต้ความเกลียดชังถึงขีดสุด ในส่วนลึกของแววตายังเอ่อล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต!
เป็นธรรมดาที่เจตนาฆ่าฟันดังกล่าวไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เค่อเอ๋อ!
มุ่งมาที่ต้วนหลิงเทียน!
“พี่เทียนมิใช่มนุษย์ชั้นต่ำ หากแต่เป็นสามีของข้า!”
ได้ยินคำของอวิ๋นชิงเหยียน เค่อเอ๋อพลันกล่าวแก้ออกมาเสียงเย็น
“สามีของเจ้า…”
พอได้ยินคำพูดของเค่อเอ๋อ อวิ๋นชิงเหยียนยิ่งมายิ่งมีโมโห ใบหน้าที่อัปลักษณ์ปั้นยากของมันยิ่งมายิ่งดูไม่ได้ เจตนาฆ่าฟันปะทุออกมาทั่วร่าง ชุดคลุมสีครามยังเริ่มโบกสะบัดแม้ไร้ลม ความว่างเปล่าโดยรอบคล้ายบิดเบือน บรรยากาศโดยรอบกลับกลายเป็นบีบคั้นชวนให้ขนลุกนัก!
“เปี่ยวเม่ยอย่าได้ลืมเลือนไป…ระหว่างเรายังมีสัญญาววิวาห์กันอยู่…มันจะอย่างไรก็เป็นแค่สามีของเจ้าก่อนที่ความทรงจำของเจ้าจะฟื้นคืนเท่านั้น!!”
อวิ๋นชิงเหยียนหันไปมองกล่าวกับเค่อเอ๋อด้วยสีหน้าถมึงทึงกล่าวออกเสียงหนัก “วันนี้ตราบใดที่มันตาย ข้ายินดีปล่อยปละละเลยความผิดที่เจ้าอยู่กับมันได้…เพราะสุดท้ายข้าก็ไม่คิดถือสาคนตาย!”
ตัวมันไม่คิดไม่ฝันเลย…
มันได้วางแผนทั้งเตรียมการทุกอย่างมานานปี แต่สุดท้ายเรื่องราวกลับต้องมาลงเอยอีหร็อบนี้!
“นัดหมายวิวาห์?”
เค่อเอ๋อยิ้มเยาะ “อวิ๋นชิงเหยียนหากข้าจำไม่ผิด…ตั้งแต่ที่ข้าในชาติที่แล้วตกตายไป สัญญาวิวาห์ของพวกเรามิใช่กลับกลายเป็นโมฆะไปแล้วหรือ?! ในชีวิตนี้เว้นเสียแต่เจ้าเลือกจะเป็นเปี่ยวเกอของข้า หาไม่แล้วระหว่างพวกเราก็ถือว่ามิมีสัมพันธ์อันใด!!”
“เปี่ยวเม่ย…เจ้ารังเกียจข้ามากหรือไร ไฉนถึงไม่อยากอยู่กับข้าขนาดนั้น?”
อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวออกเสียงหนัก
“ชาติที่แล้ว มิทราบข้าบอกเจ้าไปตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าข้าเห็นเจ้าเป็นเพียงเปี่ยวเกอเท่านั้น…แต่เจ้าเป็นฝ่ายดื้อรั้นคิดทำลายความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง รั้นจะวาห์กับข้าให้ได้! สุดท้ายก็บีบคั้นข้าจนสิ้นไร้หนทางทำได้แค่จ่ายออกด้วยชีวิตเพื่อล้มเลิกงานวิวาห์ของเจ้า!”
“กระทั่งข้ากลับชาติมาเกิดเจ้ายังมิวายคิดผูกมัดข้าในชีวิตนี้ เพราะไม่เพียงแต่เจ้าจะกำหนดให้ข้ามาเกิดที่ระนาบโลกียะแห่งนี้ เจ้ายังถึงขั้นวางคนไว้คอยจับตาดูข้า…”
“น่าเสียดายที่กระทั่งหลับเจ้ายังไม่อาจฝันถึง…สุดท้ายต่อให้เจ้าเตรียมการและระวังมากมายเพียงใด แต่โชคชะตาก็ยังลิขิตให้เจ้าจำต้องคลาดกับข้าอยู่ดี!”
หลังจากที่เค่อเอ๋อกล่าวถ้อยคำดังกล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ทันทีว่าที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่
สาเหตุที่ไฉนเค่อเอ๋อในชีวิตที่แล้วตกตาย ทั้งหมดเพียงเพราะไม่อยากอยู่ร่วมกับบุรุษชุดคราม อวิ๋นชิงเหยียน คนนี้!กระทั่งเพื่อที่จะหลบหนีพิธีวิวาห์กับมันเค่อเอ๋อยังถึงกับเลือกความตาย!!
ทว่าในยามที่เค่อเอ๋อจะกลับชาติมาเกิด ถึงแม้เขาจะไม่ทราบว่าชายหนุ่มชุดครามผู้นี้ใช้เล่ห์สนกลใด แต่มันกลับสามารถระบุให้เค่อเอ๋อกลับมาเกิดใหม่ที่ระนาบโลกียะแห่งนี้ได้ แถมมันยังวางคนไว้เพื่อเฝ้าจับตาดูเค่อเอ๋ออีก…
‘คนผู้นั้น…ไม่พ้นอดีตจ้าวลัทธิบูชาไฟถังซวน!’